CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    เรื่องของพิพิธภัณท์หินแปลก มรดกของชาติที่เจอทางตัน (ขอโทษที่ผิดห้องครับ)

    วันสงกรานต์ที่ 13 เมษายนนี้ผมไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหน พอดีคุณพ่อแนะนำว่าไปดูพวกหินแปลกตาที่พิพิธภัณฑ์หินแปลกแถวบางรักสิ ด้วยความที่ว่างแล้วไม่รูจะไปเที่ยวที่ไหนเพราะขี้เกียจออกจากกรุงเทพเลยตัดสินใจไปดูหินแปลกที่นี่ตามคำแนะนำ

            เมื่อแทกซี่จอดที่หน้าพิพิธภัณฑ์ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองก็ว่าได้ บนตัวถนนเจริญกรุง มองดูก็เหมือนตึกเก่า ๆ โทรมธรรมดา ๆ หลังหนึ่งแต่หารู้ไม่ว่าภายในจะเต็มไปด้วยหินนานาชนิดที่ถูกเก็บรักษาไว้โดยคนที่มีใจรักเกี่ยวกับหินและธรรมชาติพร้อมแฝงไว้ด้วยหลักของปรัชญาต่าง ๆ

           พอเข้าไปในตัวพิพิธภัณฑ์ก็จ่ายค่าเข้าชม 50 บาทสำหรับผู้ใหญ่ ให้กับเจ้าหน้าที่ที่คอยยื่นเอกสารเกี่ยวกับความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์จากนั้นผมก็เดินตามทางลูกศรที่เค้ามีไว้เพื่อจะได้เดินชมตามทางเดินที่จัดไว้

           ภายในพิพิธภัณฑ์ผมได้พบกับหินแปลกตาหลากหลายชนิดกว่า หลายพันชิ้น(บางทีอาจเป็นหลายหมื่นชิ้นเพราะว่ามากมายเสียจนผมนับไม่ไหว) ซึ่งแทบจะได้หินบางก้อนทั้งชีวิตนี้ผมคงไม่มีทางได้พบถ้าไม่มาเห็ฯจากที่นี่  

         หินแปลกต่างๆ ที่เจอในพิพิธภัณฑ์นี้ได้ถูกเก็บรวบรวมมาจากหลายที่โดยมาจากทั้งในและต่างประเทศแต่จากคำบอกเล่าจะมาจากเมืองไทยซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหินเหล่านี้ถูกเก็บรวบรวมโดยคุณบรรยง เลิศนิมิตร โดยท่านได้ใช้เวลาร่วมนับสิบ ๆ ปีในการสะสม ด้วยความใจรักในธรรมชาติโดยเฉพาะความงดงามของก้อนหินที่บางครั้งคนทั่ว ๆ ไปอย่างเรามองว่ามันมีค่าน้อยกว่าเพชรพลอย

     หินที่คุณบรรยงได้รวบรวมไว้นั้นแต่ละก้อนจะมีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวมันเองรวมทั้งมีลักษณะที่เรียกได้ว่าแปลกตามาก บางก้อนจะมีหนวดขาว ๆ ขึ้นเต็มทั่วทั้งก้อนสืบทราบมาว่าหินก้อนนี้เป็นหินที่อยู๋ในทะเลลึกและจะมีสาหร่ายบางชนิดขึ้นอยู่บนตัวก้อนหินและเมื่อนำขึ้นมาบนบกสาหร่ายก็จะตายและแข็งติดกับหินพร้อมทั้งเปลี่ยนสีเป็นสีขาวซึ่งคุณบรรยงก็ได้ตั้งชื่อให้กับหินก้อนนี้ด้วย (แต่ขออภัยที่ผมจำไม่ได้แน่ชัดครับ รู้สึกจะชื่อ ผมขาวอะไรซักอย่างครับ) นอกจากนี้ยังมีหินที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายนก งู บางก้อนจะเหมือนกับว่ามีการวาดภาพลงบนก้อนหินแต่ที่จริงแล้วคือลวดลายที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติซึ่งผมว่ามันแปลกและน่าสนใจมากที่ธรรมชาติของเราจะสรรสร้างสิ่งที่สวยงามให้เกิดขึ้นกับก้อนหินเหล่านี้ราวกับมีจิตกรมาตวัดปลายภู่กันไว้

         ในระหว่างที่ผมเดินชมหินเหล่านี้ผมจะค่อย ๆ ดูไปทีละก้อน ตอนแรกก็เฉย ๆ ครับก็แค่ความรูสึกว่าแปลกตา แต่พอได้อ่านชื่อของก้อนหินที่คุณบรรยง ได้ตั้งไว้แล้วซึ่งมีถึง 3 ภาษาคือจีน ไทย และ อังกฤษ (ผมอ่านออกแค่ไทยกับอังกฤษน่ะครับ จีนพอได้นิดหน่อย) ทำให้ผมเริ่มรู้สึกทึ่งอย่างไม่น่าเชื่อเลยว่าไอ้ข้อความสั้น ๆ พร้อมกับก้อนหินที่ตั้งอยู่ มองเผิน ๆ อาจไม่ได้มีค่าอะไร จะทำให้ผมรู้สึกเพลิดเพลินได้ขนาดนี้ นอกจากนี้ผมยังได้รู้อีกว่าธรรมชาติของโลกที่เราอาศัยอยู๋โดยเฉพาะของเมืองไทยเราได้ให้สิ่งที่สวยงามและมีคุณค่าแก่เรา

        หลังจากที่ผมเดินดูหินแปลกเหล่านี้เสร็จก็ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นหลานของคุณบรรยง ท่านได้เล่าว่าทุกวันนี้ไม่ค่อยมีคนไทยเข้ามาเยี่ยมชมเลย ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติที่ให้ความสำคัญเข้ามาชมซึ่งผมว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากที่คนไทยเราไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่เรามีอยู่ บางวันเปิดพิพิธภัณฑ์ทั้งวันก็ไม่มีคนเข้ามาดู นอกจากนี้ผมยังได้รู้ถึงปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการของพิพิธภัณฑ์ที่ขาดทุนมาตลอดนับตั้งแต่เริ่มเปิดมาเป็นเวลา 5 ปีแล้วเนื่องจากพิพิธภัณฑ์นี้เป้นความชอบส่วนตัวของคุณบรรยงเองที่อยากจะเผยแผร่หินแปลกต่าง ๆ ที่สะสมไว้ให้แกคนทั่วไปได้เข้ามาชมเพื่อความเพลินเพลินและได้เรียนรู้เกี่ยวกับหินชนิดต่าง ๆ ในทางด้านวิทยาศาสตร์ซึ่งรวมไปถึงซากฟอสซิลที่หายาก

          หินบางก้อนคุณบรรยงก็ได้จากการเก็บตามที่ที่ท่านได้ไปเที่ยวมานับตั้งแต่ท่านยังเด็ก บางก้อนก็มีคนให้มาหรือบางก้อนท่านก็ขอซื้อมาด้วยเงินของท่านเองซึ่งมูลค่าของหินทั้งหมดในพิพิธภัณฑ์นี้มีค่าหลายสิบล้านในแง่ทางธุรกิจแต่สำหรับผม ผมคิดว่ามีมูลค่านับไม่ได้เพราะหินเหล่านี้ส่วนใหญ่ถูกเก็บรวบรวมมาจากภูมิภาคต่าง ๆ ของไทย ผมจึงถือได้ว่าหินแปลกเหล่านี้เป็นมรดกของชาติ

         ทางเจ้าหน้าที่ยังได้เล่าต่อไปว่าทุกวันค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของพิพิธภัณฑ์ตกเดือนละประมาณ 250000 บาทแต่รายได้จากค่าเข้าชมมีไม่ถึง 10000 บาทซึ่งทางพิพิธภัณฑ์ต้องประสบปัญหาขาดทุนทุกเดือนนับแต่ก่อตั้งมาจนถึงทุกวันนี้นับรวมก็ 5 ปี ผมคิดเป็นเงินก็ราว 15 ล้านบาท ซึ่งคุณบรรยงต้องยอมแบกภาระเองไว้ทั้งหมด บางเดือนไม่มีเงินพอสำหรับค่าใช้จ่ายต้องจำใจยอมขายหินบางก้อนเพื่อนำไปเป็นเงินทุนสำหรับดำเนินการต่อไป บางครั้งท่านก็เริ่มเหนื่อยและท้อแท้แต่เมื่อท่านได้เดินดูหินต่าง ๆ เหล่านี้ที่ท่านใช้เวลาทั้งชีวิตสะสมมาท่านก็ยิ้ม และหายเหนื่อย พร้อมที่จะสู้กับภาระนี้ต่อไปเพื่อดำรงพิพิธภัณฑ์นี้ให้อยู่เป็นมรดกของชาติ ทางเจ้าหน้าที่ได้เล่าว่าเคยติดต่อไปทางหน่วยงานของรัฐให้เข้ามาช่วยดูแลแต่ก็ไม่ได้รับการเอาตอบรับแต่อย่างใดจนทำให้ต้องเลิกคิดและหันมาสู้ด้วยตัวเองต่อไปทั้ง ๆ ที่หนทางเริ่มจะตีบตันพร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ยังได้บอกอีกว่าเคยมีคนต่างชาติมาขอซื้อหินทั้งหมดเพื่อนำกลับไปแสดงยังประเทศของเค้าแต่ทางคุณบรรยงก็ไม่ยอมขายเพราะหินแปลกเหล่านี้ที่ท่านรวบรวมมาได้ท่านถือว่าเป็นสมบัติ เป็นมรดกของชาติท่านไม่อยากขายให้คนชาติอื่น
             
             นอกจากนี้ปัญหาอีกอย่างของทางพิพิธภัณฑ์คือเรื่องของที่ตั้งเนื่องจากที่ตั้งปัจจุบันไม่มีที่จอดรถสำหรับไว้รับนักท่องเที่ยวต่างประเทศซึ่งถ้าสามารถรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศได้คราวละมาก ๆ ก็จะทำให้ทางพิพิธภัณฑ์มีรายได้พอที่จะมาใช้ในการดำเนินการให้พิพิธภัณฑ์นี้คงอยู่ต่อไปได้ โดยตอนแรกทางพิพิธภัณฑ์เองก็ได้พยายามหาที่ดินที่เหมาะแก่การย้ายที่ตั้งแต่เนื่องจากทุกวันนี้ทุนที่ทางพิพิธภัณฑ์มีอยู่ซึ่งมากจากคุณบรรยงเองได้ร่อยหรอลงไปมากจนกระทั่งไม่มีทุนพอที่จะไปหาซื้อที่ดินที่เหมาะแก่การตั้งพิพิภัณฑ์ (เนื่องจากที่ตั้งควรอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวหรือรอบปริมณทล ซึ่งมีราคาสูงมาก)  
             
          ทุก ๆ วันนี้ที่พิพิธภัณฑ์หินแปลกก็ยังเงียบเหงาเหมือนเดิม เจ้าหน้าที่ได้บอกกับผมว่าขอให้แต่ละวันมีคนเข้ามาเยี่ยมชมโดยเฉพาะคนไทยแค่วันละ 50 ท่าน ทางพิพิธภัณฑ์ก็มีกำงใจที่จะทำงานต่อไปแล้ว

          ผมได้เขียนข้อความนี้ขึ้นเพื่ออยากเชิญชวนให้พวกเพื่อน ๆ ในเว็บบอร์ดของพันธ์ทิพย์นี้ ได้ลองใช้เวลาว่างเข้าไปเยี่ยมชม หรือถ้าใครพอมีลู่ทางที่จะช่วยให้พิพิธภัณฑ์นี้ให้คงอยู่เป็นมรดกของชาติต่อไปได้  
          ( ปล. ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับข้อความนี้นะครับ เพียงแต่รู้สึกเสียดายถ้ามรดกของคนไทยต้องตกไปอยุ่ในมือของคนต่างชาติ)

    ใครสนใจเข้าไปดูเว้บของทางพิพิธภัณฑ์ได้ตามนี้ครับ
    http://www.rarestonemuseum.com/
    (โทษทีครับทำเป็นลิงค์ไม่เป็นอ่ะครับ)
    ขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนที่เข้ามาอ่านครับ

    จากคุณ : Zane - [ วันเนา (14) 02:14:50 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป