CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ประวัติ อานันท์ทวีป ชยางกูร ณ อยุธยา

    อานันท์ทวีป ชยางกูร

    ตั้งแต่เด็กๆ คุณพ่อคุณแม่ค่อนข้างเลี้ยงดูเรามาเป็นอย่างดี อย่างตอนเช้าไปโรงเรียน เรามีแม่ครัวทำกับข้าวให้ทาน แล้วคนขับรถจะขับไปส่งผมที่โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก ส่วนน้องสาว (เชอรี่-สิริลดา ชยางกูร) เรียนอยู่เซนโยเซฟ พอเลิกเรียนเราสองคนจะแวะไปทานข้าวที่โรงแรมดุสิตธานี แล้วจึงกลับบ้าน

    ความที่คุณพ่อเป็นคนฮ่องกง ท่านสร้างบ้านหลังใหญ่อยู่บนภูเขาฝั่งเกาลูน คนฮ่องกงเห็นแล้วร้องว้าว เพราะปกติแค่ห้องเล็กๆ ยังราคาเป็นล้าน นอกจากนี้ท่านยังมีธุรกิจอีกหลายอย่างอยู่ที่นั่น ผมจึงต้องเดินทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ฮ่องกง เสียจนชิน ซึ่งคุณแม่ (ม.ล. รัชฎาราศี ชยางกูร) ก็ปล่อยให้ผมเดินทางคนเดียวมาตั้งแต่อายุ 7-8 ขวบ ไม่เคยรู้สึกกลัว ยิ่งระยะหลังเดินทางถี่มากจนหลายคนแซวว่า นั่งเครื่องบินถี่เหมือนนั่งรถเมล์

    ผมเรียนอยู่ที่อัสสัมชัญจนถึงอายุ 11 ขวบ จึงบินไปเรียนต่อที่อังกฤษ เป็นโรงเรียนประจำอยู่นอกเมือง ต้องดูแลตัวเองหมดทุกอย่าง แต่ทำให้เราเข้มแข็งขึ้น พอวันหยุดค่อยเดินทางเข้ามาเที่ยวในตัวเมืองลอนดอน พักที่โรงแรม Royal Garden ซึ่งเป็นธุรกิจของทางบ้านอยุ่แล้ว ส่วนมากจะแวะไปชอปปิ้ง คุณพ่อคุณแม่ให้อิสระในการใช้จ่ายตั้งแต่เด็ก อายุ 11-12 มีบัตรเครดิตติดตัวสองใบ พอสิ้นเดือนยอดค่าใช้จ่ายออกมาครั้งหนึ่ง ถ้ามีอะไรมากไปท่านอาจโวยวายบ้าง แต่ไม่ได้จริงจังอะไรนัก

    ส่วนใหญ่ค่าใช้จ่ายของผมจะหมดไปกับเสื้อผ้่า สมัยนั้นแบรนด์อาร์มานี่มาเป็นอันดับหนึ่งในดวงใจ ซื้อใส่ทั้งตัว บางทีเราไม่ชอบเืืสื้อแจ๊กเก้ตของโรเรียน ก็ซื้อของอาร์มานี่มาใส่แทน รองเท้าจะชอบของกุชชี่ เปิดแมกกาซีนดูก่อน แล้วค่อยออกไปเดินช้อปปิ้งด้วยตัวเองอีกที ถ้าเดินในลอนดอนจนทั่วแล้วไม่มีของที่อยากไ้ด้ ผมจะโทรสั่งให้ร้านที่ฝรั่งเศสส่งมาใ้ห้ัทันที

    ช่วงนั้นเป็นช่วงที่สนุกสนานทีุ่สุด สบายทีุ่สุด ไม่ต้องคิดอะไร อยากทำอะไรก็ทำ อยากเที่ยวไหนก็ไป บางทีหยุดหลายวัน จัดแจงกางแผนที่ วางแผนเที่ยวฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์กับเชอรี่ หาอะไรอร่อยๆ ทานกัน จำได้ว่าครั้งหนึ่งอายุ 14-15 ไปเที่ยวด้วยกันแล้วนั่งกินบุฟเฟ่ต์ในโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง ทิ้งกระเป๋าไว้บนโต๊ะ ในนั้นมีทุกอย่าง ตั้งแต่พาสปอร์ต เงินสด ฯลฯ แล้วเดินไปตักอาหารแป๊บเดียวกลับมาของหายไปทั้งกระเป๋าเลย ครั้งนั้นสอนให้เรารู้ว่าของมีค่าทุกอย่างต้องเอาติดตัวตลอด แม้ว่าจะเป็นสถานที่หรูหราขนาดไหนก็ตาม

    พอถึงช่วงปิดครึ่งภาคเรียน จะชวนเพื่อนๆไ ปเี่ที่ยวคลับด้วยกัน แล้วเลี้ยงข้าวเพื่อนๆ เพราะรู้สึกว่าเพื่อนบางคนไม่ได้ฐานะดีเหมือนเรา ไม่อยากให้เขาจ่าย บางครั้งซื้อของดีๆ แจกเพื่อนบ้าง เช่นทุกคริสต์มาส หรือปีใหม่ ผมจะซื้อของให้เพื่อนทุกคน อยางเสื้อโปโล ซื้อแจกเพื่อน 20 คน เพราะฉะนั้นเพื่อนทุกคนจะประทับใจ โดยผมก็ไม่คิดว่าเขาเข้ามาคบกับเราเพราะต้องการผลประโยชน์อะไร

    พอจบไฮสคูล คุณแม่อยากให้กลับมาเรียนที่เมืองไทย เพราะช่วงนั้นธุรกิจโรงเรียนแฮร์โรว์ อินเตอร์เนชั่นแนล สคูล ของคุณแม่เพิ่งจะถูกหุ้นส่วนชาวญี่ปุ่นโกงเงินไป ท่านจึงต้องตัดสินใจเทคโอเวอร์กิจการมาดูแลเองทั้งหมด จึงอยากให้ผมกลับมาช่วยเป็นหูเป็นตาให้อีกแรง ที่สำคัญท่านอยากให้ผมมีสังคมที่เมืองไทย มีเพื่อนที่เืมืองไทยบ้าง เพราะอนาคตแม้เราจะมีความสามารถหรือเก่งขนาดไหน แต่ถ้าไม่ีมีคอนเนกชั่น จะทำธุรกิจอะไรคงลำบาก ผมจึงมาเรียนปริญญาตรีคณะศิลปศาสตร์ ภาควิชาภาษาอังกฤษ ที่เอแบค

    ผมไม่ชอบใส่เสื้อผ้าซ้ำกับใคร สมมุติว่าซื้อเสื้อผ้าแบรนด์ที่สยามฯ ราคาไม่ใช่ว่าถูกๆ แต่ัยังมีคนมาใส่ซ้ำกับฉันอีก เจออย่างนี้ ผมกลับบ้านทันที แล้วยกเสื้อให้คนอื่นไปเลย เพราะฉะั้นั้นบรรดาเสื้อแคชชวลต่างๆ จะนิยมซื้อแบรนด์ดังๆ ไปเลย เพื่อตัดปัญหา อย่างเวอร์ซาเช่ ไม่ว่าจะเสื้อหรือกางเกงซื้อมาแล้วใส่ได้พอดีเป๊ะทุกตัว รองเท้าจะเป็นยี่ห้อแอร์เมส เป็นคู่ไหนถูกใจเป็นต้องซื้อ ผมคิดว่ารองเท้าสามารถสะท้อนบุคลิกของคนใส่ได้อย่างดี ผมจึงให้ความสำคัญกับรองเท้าเป็นพิเศษ

    ครอบครัวเราจะมีบัตร Black American Express คิดว่าตอนนี้คงยังไม่ค่อยมีใครในเมืองไทยได้ใช้ จะเป็นบัตรที่เหนือกว่าบัตรแบบ platinum นอกจากจะไม่จำกัดวงเงินในการใช้แล้ว ยังได้รับอภิสิทธิ์มากกว่าลูกค้าทั่วไปอีกหนึ่งชั้น เช่น คลับบางแห่งในอังกฤษต้องเป็นเมมเบอร์เท่านั้นจึงจะเข้าได้ แต่เราแค่โทรศัพท์ไปแจ้งยัง Amex กริ๊งเดียว ก็สามารถเข้าไปได้เลย หรือถ้าเดินทางก็สามารถเข้าไปใช้บริการเฟริสคลาสเล้านจ์ของสายการบินได้ หรือทานอาหารร้านบางร้านก็เิปิดไวน์และแชมเปญได้ฟรี โดยทาง Amex จะพิจารณาจาก Statement การใช้จ่ายเงินเข้าออกในบัญชีของคุณแม่ ทุกวันนี้ยอดค่าใช้จ่ายต่างๆ จะส่งไปฮองกงทั้งหมด ผมไม่ต้องเคลียร์เอง

    อย่างตอนนี้ธุรกิจของครอบครัวในเมืองไทยจะมีบริหารโรงเรียนแฮร์โรว์ อินเตอร์เนชั่นแนล สคูล ส่วนในลอนดอนเราีมีโรงแรม Royal Garden ซึ่งเป็นโรงแรมระดับห้าดาว นอกจากนี้คุณพ่อยังมีบ่อน้ำมันใประเทศจีน และมีธุรกิจอสังาริมทรัพย์อยู่ทั้งในประเทศจีน อังกฤษ และฮ่องกง แม้ว่าผมจะเป็นลูกชายคนโตแต่ทางบ้านไม่ได้บังคับว่าต้องมารับช่วงธุรกิจ อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่เป็นไร เพราะธุรกิจทุกอย่างคุณพ่อวางรากฐานเอาไว้แน่นหนามาก แ้ม้ว่าเราจะไ่ม่ได้เข้าไปดูแลอย่างใกล้ิชิด ก็สามารถดำเนินการไปได้เอง

    ผมไ่ม่เคยต้องหารางวัลชีวิตให้ตัวเอง เพราะทุกสิ่งที่ผมทำลงไ่ปล้วนเป็นสิ่งที่อยากจะทำทั้งสิ้น อยากทำอะไรก็ทำ อยากซื้ออะไรก็ซื้อ จนไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรอยากได้เป็นพิเศษ จะให้ดีีุ่ ขอแค่ในสมองไ่ีม่มีเรื่องให้เครียดก็พอใจแล้ว



    อีกอันครับ


    สองศรีพี่น้อง ชาย-อานันทวีป และเชอรี่-สิริลดา ชยางกูร ซึ่งมีวัยเพียง 22 และ 20 ปีตามลำดับ แจ้งเกิดในงานสังคม ที่นิยมเรียกขานแกมประชดประชันว่า "แวดวงไฮโซฯ" มาแล้วพักใหญ่ๆ

    หน้ายังใส วัยละอ่อน รวมทั้งออกงาน ก็ออกกันเป็นกลุ่มก้อน ฉะนั้นเสียงที่มักจะนิยมถามไถ่ในสังคมไทย คือ ลูกใคร หลานใคร ด้วยว่าชื่อ-สกุล ก็พอจะบอกที่มาได้บ้าง

    แต่คำถามที่สุดฮิต คือ พกเงินถุงเงินถังมาด้วยใช่ไหม เพราะในวัยซึ่งน่าจะร่ำเรียนในมหาวิทยาลัย สองพี่น้องกลับออกงานกันเป็นล่ำเป็นสัน เรียกว่างานสังคมไหน ไม่มีก๊วนนี้อยู่ด้วย แทบจะเรียกได้ว่าสีสันของงานจืดสนิท

    บังเอิญที่ ไก่แจ้ มีโอกาสเดินเข้าไปในบ้านพี่น้องคู่นี้ ที่เจ้าของบ้านตัวจริง หม่อมหลวงรัชดาราศรี ชยางกูร มารดาของสองพี่น้อง ปิดป้ายสีทองเหลืองอร่ามหน้าบ้านว่า สวนหม่อมเจ้าเฉลียววรรณมาลา จึงสามารถนำมาเล่าสู่กันฟังใน นอกกรง ต่อได้ สนองความต้องการเจ้าของจดหมายและโทรศัพท์ ที่ถามไถ่กันไปมากมาย หลังชมรายการ Weekend Club ทางช่อง 9 และ Nation Channel แล้วยังไม่สะใจ

    บริเวณกว้างขวางของตัวบ้าน ประกอบด้วยบ้านหลายหลัง ในนั้นมีบ้านของคุณชาย(ชื่อเรียกกันเล่นๆ ของอานันทวีป มิใช่ชื่อเรียกแทนหม่อมราชวงศ์ เช่นที่อีกหลายคนถามไถ่มา) ขึ้นป้ายหน้าตึกว่า ตำหนักหม่อมเจ้าวิเศษศักดิ์ ชยางกูร บ้านคุณเชอรี่ ขึ้นป้ายว่า ตำหนักหม่อมเจ้าหญิงมณฑารพ กมลาศน์ บ้านมารดาซึ่งคนในบ้านเรียกว่า "คุณท่าน" ขึ้นป้ายว่า ตึกหม่อมราชวงศ์เลอชัย ชยางกูร

    นอกจากนั้นยังมีอีกหลังหนึ่งที่หากเป็นบ้านอื่น คงเรียกกันว่าห้องพระ แต่สำหรับบ้านนี้มิใช่แค่ห้อง เพราะกลายเป็นบ้านอีกหลังหนึ่งเต็มๆ ที่มีพระพุทธรูปนับร้อยๆ ทั้งสมัยเชียงแสน ทั้งสมัยกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา ฯลฯ แต่ที่เหมือนกันหมด คือทุกองค์เป็นสีทองเหลืองอร่ามตามความนิยมของเจ้าของบ้าน

    ห้องพระของบ้านอื่นๆ ที่เรียกๆ กัน บ้านนี้จึงกลายมาเป็นเรือนพระ ที่มีป้ายติดไว้ว่าตำหนักกรมหมื่นราชศักดิ์สโมสร และ กรมหมื่นพงศา-ดิศรมหิป

    ริมรั้วด้านหนึ่งคือหลังสุดท้ายที่ขึ้นป้ายว่าศาลาวิปัสสนา ใช้เป็นสถานที่ที่เลี้ยงพระทุกสัปดาห์ และอย่างเคยคือชื่อเป็นศาลา แต่ภาพที่เห็น คือเรือนชั้นเดียวติดแอร์เย็นฉ่ำ ตกแต่งวิจิตร ไม่ต่างกับพลัดหลงเข้าไปอยู่ในโบสถ์วิหารขนาดย่อม ถ้วยชามรามไหซึ่งใช้ในการนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องเบญจรงค์ งดงามเกินกว่าที่จะอยู่ในบ้าน ต้องบอกว่าเช่นนั้น

    นอกจากนั้นที่ยังมีตามมาอีกเป็นกระบวน คือบ้านเหล่าบริวารว่านเครือ ทั้งหญิงและชายกว่ายี่สิบ ทุกคนจะมียูนิฟอร์มประจำ อาทิ ผู้ชายออกนอกบ้านเป็นชุดซาฟารี อยู่บ้านเป็นกางเกงกับเสื้อยืดสุภาพ สีตามแต่จะกำหนดเป็นวันๆ ไป บังเอิญวันที่ ไก่แจ้ เข้าไป เป็นวันที่ทุกคนสวมเสื้อยืดสีเขียวสะท้อนแสง ฝ่ายหญิงนุ่งผ้านุ่งเป็นผ้าทอยกดอกมันระยับ ส่วนฝ่ายชายเสื้อสีเดียวกัน กางเกงสีสุภาพ

    ที่น่าเอ็นดูหน่อมแน้ม คือทุกคนสวมรองเท้าแตะลายคิตตี้เหมือนกันหมด และแต่ละคนจะมีวิทยุสื่อสารในมือ พร้อมที่จะ ว.กันทุกเมื่อ ทันทีที่สองคุณหนูขยับตัว

    และถ้าขยับแลเลยเข้าไปในโรงรถ โรลส์รอยซ์คันงาม สีเบจ ซึ่งเป็นสีที่ใช้เฉพาะคนเฉพาะที่ จอดนิ่งสนิท ควบคู่กับเมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่นคลาสสิกสีแดง รุ่นนี้เรียกว่าใช้แค่เงินถมลงไป เห็นจะหามาครอบครองได้ยาก เพราะต้องอาศัยความพยายาม และความเพียรในการเสาะแสวงหามาไว้ด้วย ส่วนรถคันอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเก๋งหรือรถตู้ เรียกว่า ก็เพื่อสองคุณหนูของบ้านอีกเช่นเคย

    หน้าบ้านหลังของคุณชาย มีสระว่ายน้ำขนาดน้องๆ โอลิมปิก สำหรับสองศรีพี่น้อง ที่ไม่เหงาก็เหมือนเหงา เพราะดูเหมือนจะหาเวลาลงแหวกว่ายได้ยาก เนื่องจากเวลาสังคมดึงไปแทบหมดสิ้น

    ยามปกติสองพี่น้องจะครองบ้านกับบริวารจำนวนมากดังกล่าว แต่เมื่อไรที่น้องคนเล็ก "ท่านหญิง" ซึ่งพำนักอยู่ที่ฮ่องกง กับมารดาและบิดาเลี้ยง Mr.Daniel Chiu กลับมาเมืองไทย ช่วงนั้นบ้านจะค่อยคลายความเหงาลงบ้าง เพราะจะมีน้องสาวตัวอ้วนกลม วิ่งตามพี่ชายและพี่สาวไม่ขาดระยะ

    มารดาและมิสเตอร์ชิวจะเดินทางไปๆ มาๆ ทั่วโลก ด้วยกิจการที่เป็นเจ้าของ อาทิ Tung City ที่สิงคโปร์ ซึ่งเป็นเมืองจำลองอารยธรรมจีนโบราณ ว่ากันว่าในยุคหนึ่ง หากต้องการรู้จักกำพืดคนสิงคโปร์ ต้องแวะไปเมืองนี้ เพื่อศึกษาร่องรอยประวัติศาสตร์

    พยายามอ่านหน่อยนะครับ  ก็อปมาอีกทีครับ

    แถมครับ

    ป.ล. พ่อของอานันท์ทวีป นอกจากเป็นหม่อมหลวงแล้วยังเป็นทหารด้วย คือ
    พลเอกหม่อมหลวงวิชัย ชยางกูร

    โทษทีครับ ใช่ครับ เป็นมหาดเล็กรักษาพระองค์

    แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 48 22:01:19

    จากคุณ : เด็กชายวานิลลา - [ วันเถลิงศก (15) 10:59:23 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป