CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ดูแล้วมาคุยกัน... Hide and Seek , มีปมที่ดีแต่มีบทที่อ่อน (เข้ามาได้Spoilจะบอกก่อน)

      ชอบมากห้ามพลาด (2 คน)
      ชอบแต่ยังไม่ที่สุด (5 คน)
      เฉยๆ (8 คน)
      ไม่ค่อยชอบ รอแผ่นก็ได้ไม่ต้องไปโรง (5 คน)
      ไม่ชอบ (2 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 22 คน

     9.09%
     22.73%
     36.36%
     22.73%
     9.09%


    .....เลือกอ่านเรื่องนี้พร้อมรูปและความเห็นอื่นได้อีกที่
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=04-2005&date=18&group=1&blog=1

    Imaginary friend คือ เพื่อนในจินตนาการที่เด็กมักจะสร้างขึ้นมาโดยอาจหมายถึงตุ๊กตาหรือของเล่นหรือไม่มีตัวตนเลย ไม่ถือว่าเป็นความเจ็บป่วยแต่อย่างใด

    ....หนังเริ่มเรื่องจากความตายของแม่Emily โดยที่ก่อนหน้านั้นหนังเปิดเผยเรื่องราวบางอย่างแต่ไม่ทั้งหมด คนดูรู้แค่ว่ามันคือวันปีใหม่พ่อและแม่ของเธอไปงานเลี้ยงกลับมาแม่มาเล่นกับเธอและตีสองหกนาทีพ่อเธอตื่นมาพบศพแม่เธอตายบนอ่างอาบน้ำ หลังจากความตายของแม่ พ่อของพาไปอยู่ชานเมืองและก็เริ่มพบ"ชาลี"เพื่อนในจินตนาการของเธอ

    ...จังหวะเรียกความสะดุ้งของหนังมีมากกว่าหนังตัวอย่างเพียงไม่กี่ฉาก หนังพยายามที่จะสร้างความน่ากลัวจากบรรยากาศและฝีมือการแสดง ส่วนแรกผมคิดว่าหนังค่อนข้างล้มเหลวเพราะผมรู้สึกว่าการลำดับภาพและจับจังหวะคนดูนั้นหนังทำได้โบราณเหมือนหนังแนวนี้ที่สร้างมาหลายๆเรื่องไม่มีอะไรที่โดดเด่นออกไปเลย แถมดูออกจะด้อยกว่ามาตรฐานในยุคหลังที่สูงขึ้นเรื่อยๆ(เช่นถ้าจะเทียบกับมาตรฐานหนังในแนวนี้ที่ผมคิดว่าทำได้ดีมีชั้นเชิงอย่าง What lie beneath) ทำให้ผมดูแบบดูไปได้เรื่อยๆแต่มันไม่น่าสนใจไม่ชวนติดตามเรื่องราวที่เกิดขึ้น จะมีก็เพียงแค่อยากรู้ว่าจะเฉลยว่าชาลีคืออะไรเท่านั้น จุดเด่นคงอยู่ที่การได้สองดาราฝีมือคุณภาพที่มาช่วยให้หนังมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น การมารับบทพ่อผู้สูญเสียของRobert De Niroอยู่ในระดับมาตรฐานของเขาเองไม่มีอะไรที่น่าพูดถึงเป็นพิเศษตรงข้ามกับDakota Fanning ที่อาจจะดูโรคจิตและน่าตีมือหยิกแก้มในความเกินวัยในบางตอนนัก แต่เมื่อเรื่องราวเฉลยแล้วก็ทำให้เข้าใจว่าทำไมเธอถึงทำได้ขนาดนั้นการแสดงของหนูน้อยดาโกต้าจัดได้ว่าเธอน่าจะเป็นดาราเด็กสาวที่ฝีมือการแสดงอยู่อันดับต้นๆยากที่ใครในวัยเดียวกันจะทัดเทียมเธอได้แล้ว

    .....เหมือนหนังจะใส่ใจในปมที่หนังเก็บไว้ซึ่งผมคิดว่ามันเข้าท่าดีทีเดียว แต่เหมือนหนังมีปมที่ดีแล้วหนังก็ละเลยจะใส่ใจขยายที่มาที่ไปของปมนั้น หนังมีจุดหักมุมที่จัดว่าใช้ได้ทำให้ช็อคและน่าจะได้ผลดีถ้าเพียงหนังจะสร้างหรือปูเหตุผลของการหักมุมมากกว่านี้ สิ่งที่หนังปูเกริ่นไว้เป็นแค่การปกปิดความจริงบางอย่างไว้ให้ดูไม่หมดแต่มันไม่อธิบายผลลัพธ์ที่หนังเฉลยในตอนท้าย เมื่อเฉลยถึงแม้ว่าเราจะยอมรับว่ามันเป็นจริงได้แต่มันก็เกิดคำถามขึ้นมาว่าแล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้? นอกจากนี้มันยังไม่ชวนตกใจเพียงพอทั้งที่ตอนแรกหนังปิดทุกอย่างไว้ให้ยากต่อการเดาแทนที่ตอนเฉลยหนังจะเปิดออกมาเลยให้คนดูตกใจแต่กลับค่อยๆบอกใบ้ทีละน้อยทำให้คนดูเริ่มเดาได้เมื่อเฉลยมันก็เลยไม่โดนเข้าจังๆอย่างที่หวัง และถ้าจะเดาก็จะเดาได้ไม่ยากเมื่อหนังพามาจุดใกล้เฉลย ที่แย่คือไม่เพียงหนังไม่ตอบคำถามว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้หนังยังเล่นกับความไม่สมจริงนั้นออกไปในตอนท้ายเรื่อง ยิ่งเพิ่มคำถามในใจคนดูมากขึ้นจนถึงตอนสุดท้ายว่าแล้ว"ชาลี"จะทำแบบนั้นไปทำไม (อ่านขยายความย่อหน้านี้อีกครั้งส่วนหลังหัวข้อSpoiler)

    สิ่งที่ชอบsmile

    1.ปมหลักที่หนังเก็บไว้…. ไอเดียหลักๆผมคิดว่าน่าสนใจและเข้าใจคิดมากแถมยังมีกลิ่นของความเสียดสียั่วล้อบางอย่างในตัวชาลี แต่มันขาดการเอาใจใส่ที่จะให้ความน่าเชื่อถือและที่มาที่ไป ทำให้ของดีที่อุตส่าห์คิดมาเมื่อนำมาใช้กลายเป็นความน่าผิดหวังไป

    2. Dakota Fanning... ฝีมือการแสดงของเธอจากเด็กน่ารักกลายมาเป็นเด็กป่วยจิตมาเป็นเด็กร้องไห้เธอทำได้ดีอย่างไร้ที่ติ ตั้งแต่การเคลื่อนไหวสีหน้าท่าทางน้ำเสียงและที่เด็ดคือสายตา แม้ผมจะรู้สึกว่ามันoveractingไปนิดแต่มันก็ยังเด็ดอยู่ดี

    สิ่งที่ไม่ชอบmad

    1.มีปมที่ดีแต่มีบทที่อ่อน.....ดังที่ผมแสดงความเห็นไว้ในตอนแรกว่าหนังมีของดีในมือคือปมที่หนังซุกเก็บไว้และน่าจะสร้างความช็อคตื่นตะลึงแต่หนังไม่พยายามอธิบายเหตุผลของการกระทำเท่านั้นไม่พอช่วงหลังจากที่เรื่องของนายอำเภอจบไปและเฉลยแล้วหนังยังพอเรื่องราวไปต่อทั้งที่เรื่องที่ไปต่อนั้นไม่มีเหตุผลรองรับเลย หนังที่บทแข็งแรงเมื่อเฉลยแล้วหากคนดูไล่คิดย้อนหลังไปทุกอย่างควรจะอธิบายได้หมดโดยตัวหนังเอง ไม่ใช่ให้คนดูมาเดาว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น น่าจะเป็นอย่างนี้และการเดาแบบนี้ไม่ใช่การต่อยอดความคิดแต่มันเป็นเพราะบทหนังที่ไม่รัดกุมพอ (เอากุญแจมากลางดึกทำไม? เพื่อนบ้านทะเลาะกันทำไม? -- ทุกอย่างใส่มาเพียงเพื่อชวนเคลือบแคลงและตกใจ)

    2.การเล่าเรื่อง บรรยากาศ จังหวะหลอกล่อ เรื่องราวช่วงกลาง....สำหรับผมมันไม่มีอะไรที่เรียกได้ว่าสร้างความประหลาดใจไม่น่าสนใจเหมือนดูไปเรื่อยๆรอหนังเฉลย เหมือนได้หนังดูหนังเขย่าขวัญเมื่อห้าหกปีก่อนแนวๆนี้ซ้ำๆ แถมกับการกำกับภาพและบรรยากาศถ้าเทียบกับหนังเขย่าขวัญรุ่นหลังๆผมคิดว่าเรื่องนี้ทำได้น่าผิดหวัง

    สรุป....ในช่วงเวลาที่ขาดแคลนหนังเขย่าขวัญหักมุมการมาของHide and Seekช่วยให้แก้เหงาได้บ้าง แต่มันไม่ใช่งานที่น่าจดจำอะไรและสามารถรอดูทางแผ่นได้ ค่อนข้างผิดหวังนิดๆกับ120บาทที่เสียไปในโรงสยามรอบ16.30น. แม้จะชดเชยด้วยการแสดงของน้องดาโกตาที่ชะตากรรมของเธอมันช่างรันทดเหลือเกิน แต่ผมคิดว่าถ้าอยากจะดูเธอเก็บตังค์รอWar of the worlds น่าจะคุ้มค่ากว่า

    ปล....ขอพูดถึงตัวอย่างหนังช่วงนี้หน่อยว่า ตัวอย่างThe Interpreter ดูกี่รอบผมก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นตัวอย่างหนังที่ทำออกมาได้น่าดูมากที่สุดเรื่องหนึ่งของปีในขณะที่ตัวอย่างของHostageทำให้ผมรู้สึกว่ามันเหมือนหนังเกรดบีทั่วไป(ไม่รู้ว่าเพราะภาพที่เอามาไม่ชัดหรือโรงสยามทำให้ภาพมันมัวมากขึ้น) ตัวอย่างของGuess Whoทำให้น่าดูและน่าฮามาก ตัวอย่างของKingdom of Heavenทำให้ผมสนใจแค่เอวา กรีนที่สวยสง่าโดดเด่นกว่าTheDreamersและตัวอย่างของA Lot Like Loveกลับทำให้ผมน้ำตาซึมได้



    ถัดจากนี้คือSpoiler เฉลยปมสำคัญ และ ทำไมผมถึงคิดว่าหนังไร้เหตุผล บทอ่อน และเลอะเทอะตอนท้ายidea



    เมื่อหนังกำหนดมาว่าพ่อของ Emily = ชาลี = ฆาตกร การที่เขากลายมาเป็นชาลีเป็นปมที่ผมคิดว่าน่าสนใจเกินความคาดหมายของคนดู(ที่หนังล่อหลอกไว้ในการวางจุดสนใจที่Emilyป่วยหรือไม่ป่วย?แต่เมื่อเฉลยพลิกผันไปกลายเป็นพ่อของเธอ)และมันยั่วล้อในประเด็นที่ว่าตัวPsychologistที่เก่งกาจก็สามารถที่จะป่วยเองได้ หากจะอธิบายการแปรเปลี่ยนเป็นสองบุคลิกนี้มันน่าจะเกิดจาก

    1.เขาฆ่าภรรยา --> เขารู้สึกผิดบาปในสิ่งที่ทำยอมรับตัวเองไม่ได้ --> จึงเกิดแบ่งบุคลิกภาพออกมาเป็นชาลี = ชาลีเป็นตัวแทนของความบาป(แต่ตัวเขาเองในเรื่องพยายามจับโยงว่าชาลีคือตัวแทนของความโกรธของEmilyซึ่งคือการพยายามโยนความคิดตัวเองออกไป(Projection))

    2.หลังจากเขาฆ่าภรรยา --> เขาเข้ากับลูกไม่ได้,ลูกโทษว่าแม่ตายเพราะเขาไม่ดูแลให้ดี --> ลูกเริ่มออกห่าง ---> เขาจึงเกิดแตกบุคลิกภาพออกมาเป็นชาลี เพื่อชดเชยความผิดและเพื่อเข้าหาลูก

    ...แต่เมื่อหนังเฉลยหนังกลับบอกเพียงว่าพ่อของ Emily = ชาลี แล้วทำไมเขาจึงกลายเป็นชาลีหนังไม่มีอะไรบอกเลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกผิดบาปตามข้อ1หรือการอธิบายตามข้อ2 หนังไม่มีอะไรสื่อเลยว่าเกิดอะไรขึ้นเพียงแค่เฉลยภาพในตอนต้นที่หนังปกปิดบางส่วนไว้แล้วให้พระเอกตื่นตอนตีสองหกนาทีเท่านั้น มันแค่เป็นการบอกคนดูว่า a=b แต่ไม่สนใจว่าa มาเท่ากับ bได้อย่างไรและเพราะอะไร

    ...ความเลอะเทอะที่ผมว่าไว้ในตอนท้ายคือ แล้วชาลีจะไปฆ่าEmilyด้วยเหตุผลอะไร? เพราะในตอนท้ายมันทำให้บทDavidของเดอนีโรกลายเป็นฆาตกรโรคจิตอย่างไม่มีเหตุผลและมันลดคุณค่าของหนังลงทันทีทั้งที่มีแง่มุมที่น่าสนใจมากมาย

    แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 48 23:16:52

    แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 48 23:16:06

    จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ 18 เม.ย. 48 23:04:33 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป