CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ดูแล้วมาคุยกัน.... Guess Who , เสียงฮาจากความแตกต่างและBernie Mac

      ชอบมากห้ามพลาด (1 คน)
      ชอบแต่ยังไม่ที่สุด (4 คน)
      เฉยๆ (0 คน)
      ไม่ค่อยชอบ รอแผ่นก็ได้ไม่ต้องไปโรง (1 คน)
      ไม่ชอบ (0 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 6 คน

     16.67%
     66.67%
     0.00%
     16.67%
     0.00%


    .....เลือกอ่านเรื่องนี้พร้อมรูปและร่วมแสดงความเห็นได้อีกที่  http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=04-2005&date=29&group=1&blog=1


    ....ความแตกต่างบางอย่างคือสิ่งที่พระเจ้าสร้างมาให้กับมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นลักษณะรูปร่างหน้าตา สีผิว ฯลฯและในขณะเดียวกันความแตกต่างบางอย่างก็เป็นสิ่งที่มนุษย์เองสร้างขึ้นมาเช่น อาชีพการงาน สถานะทางสังคม ฯลฯ หลายครั้งที่เรามักจะบ่นโทษฟ้าดินว่าทำไมถึงต้องเกิดมารูปร่างแบบนี้? ทำไมเราต้องเกิดมาสีผิวนี้?หากหวนคิดไปแล้วอย่าลืมว่าความแตกต่างที่พระเจ้าหรือธรรมชาติสร้างขึ้นมานั้นเพื่อให้แต่ละคนมีความเป็นตัวของตัวเราเองไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เพศ สีผิว ฯลฯไม่ได้คิดที่จะแบ่งแยกมนุษย์ออกจากกันหากแต่เป็นที่จิตใจมนุษย์นั่นต่างหากที่สร้างความแตกต่างในเชิงลึกลงไปอีกในการแบ่งชนชั้นทางสังคม ในมุมตรงข้ามความแตกต่างไม่เพียงแต่เป็นสิ่งที่กั้นคนสองคนออกจากกันแต่ยังเป็นสิ่งที่เติมเต็มกันและกันได้ด้วยเช่นกัน


    Guess Who มีโครงเรื่องหลักๆแทบจะไม่ต่างไปจาก Meet the parents นั่นคือความแตกต่างของว่าที่พ่อตาและลูกเขย, การพยายามที่จะทำตัวให้เป็นที่ยอมรับ, ความลับที่ต้องปกปิด, หลายฉากที่ผมรู้สึกว่าให้ความรู้สึกคล้ายๆกันอยู่มากเช่นฉากขับรถแข่ง(กับฉากขับรถจะออกไฟแดงใน meet the parents)หรือฉากการคลี่คลายในตอนท้ายที่สถานีรถไฟ ฯลฯ สิ่งที่ Guess Whoสร้างความแตกต่างออกมาคือการใส่ประเด็นของสีผิวให้มากไปกว่าการแตกต่างของนิสัยของทั้งคู่ระหว่างว่าที่พ่อตาผิวดำกับว่าที่ลูกเขยผิวขาว มีมุมที่น่าสนใจอยู่ตรงที่เรื่องนี้พยายามกลับบทบาททั้งไม่เพียงแต่เรื่องสีผิวที่คนคิดพล็อตฉลาดในการพลิกมุมมองแล้วนำมาสร้างใหม่(ตรงข้ามกับหนังต้นฉบับที่เคยสร้างมาแล้วอย่าง Guess Who's Coming to Dinnerในปี1967 ที่ให้ว่าที่ลูกเขยผิวดำ Sidney Poitierเข้ามาในครอบครัวผิวขาว) ไม่ว่าจะเป็นให้คนผิวดำอยู่เหนือกว่าและคอยข่มคนผิวขาวหรือกลับบทบาทให้ผู้หญิงนั่งก๊วนกินเหล้าและผู้ชายเป็นฝ่ายมาขอให้เงียบเพราะนอนไม่หลับ

    ....เรื่องราวความรักของ Theresa กับ Simon ดูแล้วทำให้คนดูต้องยิ้มไปหัวเราะไปนั่นคือภาพในจอที่ผู้กำกับเลือกสื่อสารออกมาให้เป็นเรื่องราวcomedy แต่กับชีวิตจริงในนั้นความรักของทั้งคู่นั้นคงไม่ตลกและสนุกสนานดังที่ Theresaสารภาพกับพ่อของเธอว่าที่เธอต้องการคือการยอมรับจากพ่อของเธอ ขอเพียงยอมรับโลกของเธอในขณะที่โลกทั้งโลกไม่ได้เห็นดีเห็นงามไปด้วย การต้องพยายามที่จะฝ่าฟันสายตาคนรอบข้างทั้งจากเพื่อนฝูง ลูกน้อง หรือแม้แต่เจ้านาย ความรักต่างสีผิวของทั้งคู่มันส่งผลไปทั้งปัญหาการปรับตัวเข้ากับครอบครัว ปัญหาการปรับตากับสังคม ส่งผลต่อปัญหาการงาน ฯลฯ ปัญหาสีผิวยังคงเป็นปัญหาที่ยังคงมีอยู่อีกในหลายแห่งในโลกใบนี้ความแตกต่างอันเกิดจากจิตใจที่หมองมัวของมนุษย์คือสิ่งที่ขวางกั้นคนออกจากกันแต่จิตใจมนุษย์นั้นยังมีส่วนที่งดงามนั่นคือความรักเพราะความรักคือสิ่งที่นำความแตกต่างนั้นมาบรรจบเข้าหากันไม่ว่าจะแตกต่างกันในเรื่องใดต่างกันเพียงใด คนสองคนอาจอยู่ห่างไกลกันคนละฟากฟ้า คนหนึ่งอาจชอบกีฬาแต่อีกคนอาจชอบนอนอ่านหนังสือ คนหนึ่งอาจเป็นคนที่ทำแต่งานอีกคนอาจเป็นคนรักสนุก ฯลฯ เมื่อความรักพาให้ความแตกต่างนั้นมาเจอกันแล้วหลังจากนั้นสิ่งที่คนสองคนต้องช่วยกันคือสร้างโลกของทั้งคู่และฟันฝ่าโลกใบโตใบนี้ที่ยังมีความไม่สมบูรณ์กับอคติที่แตกต่างนี้ออกไปดังที่ Theresa กับ Simonรับปากให้กันและกัน

    ....ผมดูเรื่องนี้แล้วในแง่ของตัวหนังผมคิดถึงหลวงพี่เท่งที่ได้ดูไปไม่นานคือตัวหนังเองไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่ปัจจัยที่ทำให้หนังดูสนุกและเด่นขึ้นมาเกิดจากนักแสดงเป็นหลัก หากหลวงพี่เท่งไปรอดได้เพราะเท่ง เถิดเทิง หนังเรื่องนี้ก็มีBernie Macที่เป็นผู้ชักใบเรือของหนังให้อยู่ในทิศทางโดยตลอด หลายหนที่บทและไดอะล็อกไม่ได้เฉียบคมหรือฮามากมายอะไรแต่เขาสามารถทำให้วินาทีนั้นอย่างน้อยคนดูก็ต้องอมยิ้มตามออกมา(แม้แต่รูปเขาที่ใส่กรอบไว้แค่เห็นก็ยังอดยิ้มไม่ได้) ส่วนAshton Kutcherก็เล่นได้โดยไม่ต้องใช้ความสามารถมากมายอะไรเป็นบทที่ค่อนข้างสบายๆและเหมาะกับเขาหลังจากลองเปลี่ยนบทบาทในThe Butterfly Effectซึ่งไม่คุ้นตาคนดูแต่ก็ทำได้ดี(จริงๆแล้วผมชอบที่เขาเล่นในDude, Where's My Car?มากที่สุดกับหนังตลกที่มีคนมองได้ว่าเป็นได้ตั้งแต่หนังตลกบ้าบอไปจนถึงหนังตลกแฝงปรัชญา) Zoe Saldanaในบท Theresaก็ปรากฎบนจอได้อย่างมีเสน่ห์น่าเอ็นดูและไม่โดนสองคนนั้นกลบไปได้แต่อย่างใด หนังดำเนินเรื่องไปข้างหน้าโดยตัวเอกทั้งสองได้อย่างราบรื่นไม่สะดุดตกร่องพร้อมกับเรียกรอยยิ้มคนดูไปได้เรื่อยๆ การขมวดปมในตอนท้ายเรียกได้ว่าไม่สร้างสรรค์นักกับวิธีที่อาจเคยเห็นมาจากหนังเรื่องก่อนหน้านี้แล้วดีที่มันไม่ตะขิดตะขวงอะไรและหนังเองก็คุมอารมณ์ได้ราบรื่นมาตลอดการนำไปสู่บทสรุปจึงเป็นความบันเทิงง่ายๆที่ประทับใจได้อย่างไม่ยากเย็น

    สิ่งที่ชอบ smile

    1.Bernie Mac... เคยผ่านตามาหลายเรื่องแต่ผมเพิ่งรู้จักเขาชัดๆจาก Charlie's Angels: Full Throttle ที่ออกมาแต่ละซีนเด่นกลบนางฟ้าได้แทบทุกที มาจนถึงเรื่องนี้เขาคือพระเอกอย่างแท้จริง สีหน้ายั่วยวนกวนประสาท ท่าทางถือทิฐิแต่ซ่อนความใจอ่อน(ผมชอบฉากที่ภรรยายืนยันให้ซ้อมเต้นแทงโก้และเขาปฏิเสธเดินออกจากห้องเป็นอีกฉากที่แสดงความขัดแย้งในตัวออกมาได้ฮามาก) เมื่อต้องเป็นตัวประกอบก็เป็นตัวขโมยซีนและเมื่อมารับบทนำก็เป็นเสาหลักให้กับเรื่องได้เป็นอย่างดี การแสดงของเขาสามารถกลบบทที่อ่อนและมุขตลกที่ไม่โดนเท่าที่ควรแต่เมื่อมีเขาทำให้ความด้านของมุขนั้นกลับมายิงใส่คนดูเรียกรอยยิ้มและเสียงฮาได้ และคนดูเพลิดเพลินต่อไปได้เรื่อยๆ

    2.Bernie Mac + Ashton Kutcher.....เป็นการจับคู่ที่เข้าขากันได้ดีเรียกได้ว่าเป็นสูตรเคมีที่ผสมกันได้อย่างดี ส่วนหนึ่งต้องชมAshton Kutcher ด้วยที่ไม่เน้นบ้าบอจนเกินไปและยอมให้Bernie Mac อยู่เหนือกว่า การผสมสูตรสองคนนี้ขึ้นมาจึงเข้าคู่รับ-รุกกันได้อย่างน่ารักน่าชัง

    สิ่งที่ชอบน้อย mad

    1.ฉากตลกสีผิวบนโต๊ะอาหาร...ขำ ขำแต่ก็เป็นขำที่กระอักกระอ่วนและเชื่อว่ามีหลายคนที่อาจไม่ขำ ขำ ไปด้วยกับการมีมุขที่สามารถมองได้ว่ายังมีการเหยียดสีผิวอยู่ในนั้น

    สรุป...เสียงวิจารณ์ในฝั่งเมืองนอกค่อนไปในแง่ลบแต่สำหรับผมแล้วเป็นหนังตลกที่ดูสนุกเพลิดเพลินตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ตลกถึงขั้นฮากลิ้งแต่มีความฮาอยู่เรื่อยๆความดีความชอบทั้งหลายแหล่ต้องยกให้กับBernie Mac มากเป็นพิเศษกับหนังเรื่องนี้ (หากต้องเทียบกับคู่พ่อตาเดอนีโรกับลูกเขยสติลเลอร์ ถ้าเรื่องความฮาไม่มีฉากที่โดนสุดๆเหมือนกับในMeet the Parents แต่ถ้าความชอบผมชอบเรื่องนี้มากกว่า Meet the fockers ทั้งในแง่ความสม่ำเสมอของอารมณ์หนัง,ความสนุกและความซาบซึ้ง) คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปกับการมองหาความบันเทิงในหนังตลกพันธุ์แท้เรื่องหนึ่งที่ผมมีให้กับ Guess Whoในโรงใหม่ของSF MBK รอบ21.00น. (หนังเรื่องนี้ไม่เข้าโรงในเครือAPEX)



    เนื้อที่โฆษณาhaha ตามอ่านเรื่องเก่าๆ บทความอื่นๆ แวะมาเยี่ยมเยี่ยน,ทักทาย,พูดคุยทั้งเรื่องหนังและหนังสือหรือเรื่องทั่วๆไปกันบ้างเน้อ ที่
    http://aorta.bloggang.com

    Lost in translation , เวลาที่หยุดเดินในชีวิตที่ชะงักงัน
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=04-2005&date=26&group=2&blog=1

    เขากลับมาแล้ว คุณคิดยังไง? (Superman &Batman)
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=04-2005&date=30&group=5&blog=1

    The Interpreter , ทริลเลอร์ที่ดี(แต่ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น)
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=04-2005&date=24&group=1&blog=2

    แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 48 17:38:37

    แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 48 10:23:09

    จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ 29 เม.ย. 48 10:18:34 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป