PANTIP.COM : A3500456 คำพยากรณ์ดาร์ธเวเดอร์ กับตอนจบใน Return of the Jedi [Sci-Fi & Fantasy]

ความคิดเห็นที่ 5

^
^

two diversion theories there are.....

มันมีสองทฤษฎีที่ขัดแย้งกันและถกเถียงกันมากครับ (พิมพ์ภาษาไทยล่ะกัน เพราะมันเข้าใจยาก)

ทฤษฎีแรกเกิดจากไตรภาคดั้งเดิม (EP4-6)ครับ โดยอิง ศาสนา "คริสต์" ที่แบ่ง saint และ evilชัดเจนมากๆ โดยเชื่อว่า สมดุลแห่งพลังคือการมีแต่ด้านดี ซึ่งใน EP4-6ไม่ได้อธิบายเกี่ยวกับเจไดมากนัก และในบทสรุปก็คือ ลุค ซึ่งเป็นฝ่าย "ดี" นั้นชนะ และนำ "สันติภาพ" (ไม่ใช่สมดุลนะ) กลับมาสู่จักรวาล และถ้าแฟนสตาวอร์รุ่นแรกจะหลงรักไตรภาคนี้ ก็โดยแนวคิดแบบ "ลิเก" แบบนี้ล่ะครับ ขอย้ำนะครับ แนวคิดนี้adaptมาจาก คริสต์ ซึ่งค่อนข้างแบ่งดีเลวชัดเจน

หลังจากนั้นก็เกิด EU ขึ้น และEU ก็พาเรื่องราวไปไกลกว่าไตรภาคดั้งเดิมอยู่อักโข พาเรื่องราวย้อนกลับที่ต้นกำเนิดแนวคิดของเจไดทั้งมวล ซึ่งSinis เชื่อว่า "ดี (Saint)" คือ "สมดุล" แล้วเรื่องราวในช่วงKOTOR นั้นก็พิสูจน์ว่า Sinisนั้นผิดพลาด ซึ่งแนวคิดของSinis ก็เป็นแนวคิดเดียวกับที่ แฟนยุคแรก "เชื่อ"

นอกจากEU จะพาเราไปสู่อดีตแล้ว ยังพาเราไปสู่อนาคตอีก ในยุคของ NJO ซึ่งNJOเนี่ย มีกฏที่เปิดกว้างมากๆ ในขณะที่เริ่มเขียนNJO ลูคัสก็เริ่มร่างภาพไตรภาคแรกโดยคร่าวๆแล้ว

ทฤษฎีที่สอง เกิดในไตรภาคแรก (EP1-3) ก็ว่ากันว่า ทฤษฎีนี้ อิงแนวคิดของ Zen และ Buddism ซึ่งเกี่ยวกับความสมดุลทั้งสองด้าน แล้วยังไปล้อเลียนเรื่องพระเยซูอีก โดยการให้อนาคินเป็นพลังงานบริสุทธิ์ เกิดแบบไม่มีพ่อ นอกจากจะทำให้ผู้นับถือคริสตศาสนาส่วนหนึ่งไม่พอใจแล้ว ยังทำให้แฟนรุ่นเก่าแก่หลายกลุ่มไม่พอใจด้วย ซึ่งความจริงแล้ว ตั้งแต่ในไตรภาคดั้งเดิม(4-6) ลูคัสก็ใช้แนวคิดทางพุทธและเซน(+กับTemplar) ในการสร้างเจไดขึ้นมาตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ไตรภาคดั้งเดิมไม่ได้เน้นไปที่เจได แต่เน้นไปที่สงครามของฝ่ายกบฏเสียมากกว่า

ที่น่าสนุกก็คือคำพยากรณ์ของ Chosen one มันมีขึ้นหลังจากที่มีหนังสือชุดที่ลุคไปเป็นซิทธิ์ขึ้นแล้ว ซึ่งก็ค่อนข้างสนับสนุนทฤษฎีที่สองอยู่พอควร ว่ามันไม่มีความดีที่แท้ ความชั่วที่แท้ มีเพียงตัวตน และการตัดสินใจกระทำ (ตามแบบ Zen)

ยิ่งในEU ชุด New Jedi Order นั้นยิ่งเล่นเรื่องนี้หนักเข้าไปใหญ่ โดยจับตัวร้ายคือ เผ่าพันธุ์Yuuzhan Vong ที่ไม่มีสัมผัสพลัง อยู่แต่กับธรรมชาติสิ่งมีชีวิต และที่สำคัญ “งมงาย” ในศาสนามากๆ และเชื่อใน Chosen One สุดๆ และใช้คำอ้างที่ว่า “สงครามศักดิ์สิทธิ์ (Holy War)” ทำให้พวกมันต้องยึดครองดวงดาวทั้งหมด

หนังสือที่ผมชอบเล่มนึง และอ้างถึงบ่อยๆในช่วงนี้คือ The Unifying Force เล่มนี้เป็นหนังสือที่แบบว่า ถ้าอ่านแล้วไม่รัก ก็เกลียดไปเลย เพราะจากชื่อหนังสือก็คงเดาได้ The Unifying Force ซึ่งเป็นตอนจบของ NJO (และตอนสุดท้ายที่เขียนออกมากในยุคนี้) ได้เขียนถึง สมดุลแห่งพลังทั้งมวล ซึ่งแฟนพวกที่เข้าขั้น Geek นี่แทบฆ่ากันตายเพราะหนังสือเล่มนี้ ในThe Unifying Force ผู้เขียนได้เขียนถึง สมดุล ที่จะนำมาได้ก็ด้วยความเป็นกลางที่จะยอมรับทั้งในด้านสว่าง และมืด (ในที่นี้คือ Jacen Solo) และทั้งสองด้านต้องรวมกันให้ได้ โดยไม่แบ่งแยก และแก่งแย่งชิงดีกัน ทั้งยังกล่าวถึง อัตตาของเจได และโมหะของซิทธิ์ ว่ามันไม่ต่างกัน จะต่างก็เพียงรูปแบบเท่านั้น (ในNJO ทั้ง Jedi และ Dark Jedi รบร่วมกัน)

พออ่านเล่มนี้จบปั้บ แฟนกลุ่มหนึ่งก็ออกมาต่อต้านทันที และมีคนหนึ่งหลุดปากออกมาว่า

“I don’t like pop mu…เอ๊ย I don’t like this book, I hate the new idea of the force. I like things to be as they were in Original Trilogy, only god and evil, not as one force”

แล้วมันก็มีคนเถียงกลับว่า

“But I like pop mu….เอ๊ย (แป้กสอง) But I think Lucas’s original idea of jedi is exactly like this, may be it’s too complicate for you.”

แล้วการเถียงครั้งนี้ก็ยังไม่จบ...

ผมว่า (ผมคนเดียวนะ) การเชื่อในสมดุลของพลัง ของเจได ก็เหมือนกับการเชื่อในศาสนา ของปุถุชนทั่วไปนี่แหล่ะ คือมนุษย์หลากกลุ่มก็เชื่อต่างกัน ยากที่จะบอกว่าใครถูกใครผิด ยากที่จะบอกว่า Prophecy ของคนกลุ่มนึง จะเป็นจริง เพราะถ้ามันเกิด มันก็เกิดกับคนกลุ่มอื่นด้วย เพราะเราต่างก็อยู่ร่วมกัน

เอาล่ะ ยิ่งเขียนยิ่งลากไปไกล ขอจบดีกว่า....และเหมือนเดิม “อ่านตาไว้ตา ฟังหูไว้หู แต่อย่าเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา” เป็นใช้ได้ อย่าเชื่อใครง่ายๆ รวมทั้งผมเองด้วย เพราะเขียนไปเขียนมาก็งงเองเหมือนกัน

คำตาม (หรอ)

ช่วงนี้การนับถือศาสนาของผมถอยหลังกลับมาตั้งต้นที่ศูนย์ใหม่คือไม่มีศาสนา และกำลังศึกษาทีละศาสนาๆ ทำให้สำนวนผมจะออกบ้าๆบอๆไปบ้าง ต้องขออภัย ถ้าที่เขียนมา ไม่ถูกใจใคร ก็พึงคิดเสียว่า เป็นความคิดรั่วๆของผมคนเดียว หรือถ้าถูกใจ ก็อย่าพึ่งเชื่อทีเดียว เพราะการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุดขอรับ
แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 48 17:00:52

จากคุณ : เซียวสี่บ้อ (rynekel) - [ 26 พ.ค. 48 09:20:28 ]

ความคิดเห็นที่ 10

คห.8 คุณ Fendi

ขยายความให้อีกรอบ (อ่านระวังๆนะ ผมกำลังรั่วๆ)

ที่ว่าหลอมรวมนั้นหมายถึงอะไร? ต้องบอกก่อน ว่า "ขาว" กับ "ดำ" เป็นยังไง

ในแนวคิดแบบคริสต์ หรือ Original Trilogy นั้น แบ่งเป็นเจได (พระ) และดาร์คเจได (มาร) ชัดเจนมาก โดยที่ (เน้นนะเน้น) จะไม่คำนึงถึงศาสนาอื่นว่ามีตัวตน หรือ ใน OT สังคมอื่น(จักรวาลอื่น)ที่ไม่ได้มี "ส่วนได้เสีย" กับสังคมของตัวเอง พูดง่ายๆนั่นคือ พวกOuterim หรือให้ชัดกว่านั้น Tatooine...ที่เจไดจะไม่เข้าไปยุ่ง

ซึ่งใน galaxy far far away นั้น หมู่จักรวาลที่เรารู้จัก เชื่อถือใน "Force" เหมือนกันๆ จะ jedi จะsithก็เชื่อในforceเหมือนกัน เช่นเดียวกับลัทธิในคริสตศาสนา ที่แบ่งเป็นหลายนิกาย ซึ่งบางนิกายนับถือสไตล์โกธิก ซึ่งชาวบ้านก็ไม่ยอมรับ

ถ้าไม่ชัดพอ เรามาดูที่แนวคิดกันบ้าง เอาสั้นๆก็การปกครอง จากSW ขอแบ่งเป็นแค่ ประชาธิปไตย กับเผด็จการมหาอำนาจ

ในแนวคิดของสาธารณรัฐและเจได กล่าวว่า ประชาธิปไตยนำมาซึ่งความสงบสุขของประชาชน แต่ในขณะเดียวกันที่ประชาชนส่วนใหญ่มีความสุข ก็ยังมีส่วนน้อยที่ไม่ได้รับประโยชน์จากประชาธิปไตยเช่นกัน เพราะประชาธิปไตยไม่ว่าจะในภาพยนตร์หรือในปัจจุบัน ล้วนใช้ระบบ Majority Voting ซึ่งมันก็แค่ความเห็นคนส่วนใหญ่ที่ “ยกมือ”เพื่อประโยชน์ของพวกตน และนั่นก็ทำให้มีคนเชื่อถือแนวคิดตรงข้ามกันคือ Dictatorship ซิทธิ์ก็คิดแบบเผด็จการแบบนี้ ซึ่งมันก็มีข้อดีตรงที่ รวดเร็วกว่า แต่ในขณะเดียวกัน ก็เหี้ยมโหดกว่า รุนแรงกว่า และคาดเดาผลลัพธ์ ผลกระทบได้ยากกว่า กระผมนั้นไม่ค่อยชินการเมือง จะจบประเด็นการเมืองไว้แค่นี้

กลับมาที่ Forceกันบ้าง เมื่อรู้แล้วว่า “ขาว” กับ “ดำ” นั้นตัดสินโดยเฉพาะสังคมของเรา หรือFactorที่มีผลกระทบกับเรา ก็แบ่งได้ง่ายว่า “ขาว” หรือ “ดำ”

แต่วันหนึ่งอยู่ดีๆ มันก็มี shock เกิดขึ้นแบบไม่คาดฝัน มี Factorตัวใหม่ เข้ามาแจม พูดแบบไม่เกรงใจใคร เขาเรียกว่า ประเทศกำลังมีสงครามกลางเมือง แต่มีไอ้ตำรวจโลกเข้ามาเจือกซะงั้น และถ้าทั้งฝ่าย “ขาว” และ “ดำ” มองออกว่า ในกรณีที่ตำรวจโลกเข้ามายุ่งนั้น มันมาโดยมีสาเหตุที่จะยึดครองทั้งหมด มันก็มีทางเลือกอยู่สองทาง
1.ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปเข้ากับตำรวจโลก
2.ทั้งสองฝ่ายร่วมกันกำจัดตัวเจือกไปก่อนแล้วค่อยตีกันเองต่อ

โอเคล่ะครับว่าถ้ามันเกี่ยวกับผลประโยชน์ทางการเมือง หรือธุรกิจเนี่ย ก็คงจะไปตกกับoptionแรก ที่ต้องมีซักคนไปซบอกตัวเจือก

แต่ใน NJO นั้น พวกที่เข้ามาไม่ได้มาหาผลประโยชน์ทางธุรกิจ แต่มาแบบอ้าง Holy War คือความเชื่อฉันแตกต่างอ่ะ prophecy ฉันบอกว่า ฉันต้องทำลายพวกแกให้หมด

ฉะนั้นoption2 ก็ตกไป แล้วก็มาร่วมมือกันระหว่างนิกายก่อน ไม่งั้น จะขาว จะ ดำ โดนทำลายเกลี้ยงแน่ๆ (การนี้ต้องอ่านเกือบ20เล่มถึงจะเข้าใจพวก Vongได้ น่าปวดหัวจริงๆ)

โดยสรุปแล้ว NJO เปิดโลกทัศน์ใหม่ให้กับ SW โดยการนำเข้า ศาสนาที่สอง (ศาสนาเดิมคือ force ถึงจะมีหลายนิกาย) นำมาซึ่งสงคราม Crusade ที่รบกันจากเหตุศาสนา แต่รบไปรบมาเป็นอีโก้ของบุคคล

ที่เขียนมายาวยืด และไม่ค่อยรู้เรื่องนี่ไม่ได้หมายว่าผมเชื่ออันที่สองสนิทใจนะครับ แต่ขยายความให้คุณFendiพอมอง แนวคิดที่สองชัดขึ้นเท่านั้นเองครับ

แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 48 07:59:03

จากคุณ : เซียวสี่บ้อ (rynekel) - [ 26 พ.ค. 48 17:24:05 ]