CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    Ginny Weaslel ตอนความลับในห้องนิรภัย (9)

    ตอนที่ 14 ความลับในห้องนิรภัย (9)


               บิล วีสลีย์เดินมาที่พุ่มไม้ใหญ่ อย่างระมัดระวัง โดยมี เดรโก มัลฟอยเดินตามหลังมาติดๆ คอยมองรอบๆ มือกระชับไม้กายสิท์แน่นพร้อมที่จะใช้ได้ทุกเมื่อ


    “นั่นใครนะ...ก้าวออกมาช้าๆ” บิล ตะหวาดออกไปเสียงดัง ย่องเข้าไปใกล้อีก ไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมา เขาหันไปสบตากับชายหนุ่มรุ่นน้องก่อนพยักหน้าเป็นสัญญาณให้ลุยพร้อมกัน

    ทั้งสองวิ่งลุยไปที่พุ่มไม้ที่รกเต็มไปด้วยหนามแหลมคม ก่อนแทรกตัวเข้าไป แล้วพวกเขาต้องชะงักเมื่อสายตามองเห็นร่างของหญิงสาวคนหนึ่งนอนไร้สติบนพื้นดินที่เต็มไปด้วยเศษใบไม้ที่ทับถมหลายสิบปี เสื้อผ้า เนื้อตัวขมุกขมอมจนแทบจำไม้มีเพียงผมยาวดำสลวยของเธอที่ยาวสยายบนพื้นดิน

    ชายหนุ่มทั้งสองสบตากัน

    “โช  แชง” บิลเรียกพร้อมกับคุกเข่าข้างๆยื่นมือไปประคองร่างที่ไร้สติ เขาตรวจชีพจร

    “เธอไม่เป็นอะไร....แค่หมดสติไป”

    บิลบอก พร้อมกับประคองศีรษะหญิงสาวขึ้นมา
    “โช....โช....”

    ชายหนุ่มเรียกพร้อมลูบแก้มเบาๆ แต่เธอไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น จินนี่ที่เดินตามมาเงียบๆย่อตัวลงข้างๆ

    “ปล่อยเธอไว้อย่างนี้ก่อนเถอะบิล เธอคงไม่มีอันตรายมากกว่านี้แล้ว”

    จินนี่เอ่ยเสียงเบา บิลเงยกน้ามองน้องสาวอย่างไม่เข้าใจ

    “จะทิ้งเธอไว้แบบนี้เหรอ....”
    จินนี่ส่ายศีรษะ......
    “ฉันไม่ได้มาช่วยเธอ....ฉันมีงานอย่างอื่นต้องทำ”
    เธอบอกอย่างไม่แยแส ก่อนลุกขึ้นยืนเดินออกไป บิลมองตามน้องสาวอย่างมึนงง


    เดรโกตบบ่าชายหนุ่มรุ่นพี่
    “ไปเถอะ....”
    “นายจะปล่อยให้ผู้หญิงที่ไร้สตินอนอยู่กลางป่าอย่างนี้คนเดียวหรือ”

    “ถ้านายเป็นห่วงมากก็เสกคาอะไรสักอย่างคุ้มครองเธอสิ..”
    เดรโกบอกเรียบๆก่อนเดินผละออกไป ตามจินนี่ บิลขมวดคิ้วมองตามอย่างไม่พอใจ

    เดรโกสาวเท้าก้าวตามให้ทันจินนี่ที่เดินมองไปรอบๆดูป้ายหิน

    “เธอไม่ใจดำไปหรือ....ปล่อยโชไว้แบบนั้น”
    “งั้นเหรอ....ก็ช่างเถอะ..เห็นโชที่นี่ฉันคิดว่าคงตามรอยมาถูกทาง....เรื่องอื่นฉันไม่สนใจ”

    เดรโกถอนหายใจ

    “ฉันรู้ว่าเธอห่วงเพอซี่....แต่...เธอจะทำตัวเย็นชาจนคนอื่นไม่เข้าใจเธอ เข้าไม่ถึงเธอแบบนี้ไม่ได้อีก ในช่วงเวลานี้ทุกคนต้องร่วมมือกัน”

    จินนี่เพียงเหลือบมองชายหนุ่มด้วยหางตา

    “ฉันมีหน้าที่เดรโก....หน้าที่ ที่จะปกป้องความลับที่อยู่ในห้องนั้นต่อไป...ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว...พลังที่ไร้ขีดจำกัดของทวินไม่อาจถูกครอบครองโดยผู้มีจิตใจละโมบ ไม่อาจเปิดเผยในขณะที่ความชั่วร้ายครอบงำ”

    จินนี่บอก พร้อมหันไปมองแสงวาบจากด้านหลัง บิลคงกำลังใช้คาถาคุ้มครองร่างของโช เธอเดินออกไปชั่วอึดใจก็ชะงักเท้าทันที มองพื้นที่รอบๆที่เต็มไปด้วยป้ายสุสาน ด้านบนแกะสลักเป็นรูปบรรพบุรุษพ่อมด แม่มด ศิลาเก่าๆ บ้างก็สึกกร่อนตามกาลเวลา เธอจ้องมองป้ายสุสานที่ ปรากฏอักษร โบราณอย่างเลือนลาง


    วีสลีย์ ตระกูลพ่อมดที่ยิ่งใหญ่ บรรพบุรุษกล้าหาญ    ลูกหลานสืบทอดชั่วนิรันท์

    เดรโกหันมองหญิงสาวที่มีสีหน้าสงบ

    “ไม่มีคำกลอนโบราณใด สลักโดยไร้เหตุผล แท้จริงแล้ว วีสลีย์ย่อมมีความลับที่ยิ่งใหญ่ รักษาไว้อยู่”

    “ไม่เคยมีใครค้นพบมัน ความจริงฉันควรมาอยู่ที่นี่ นอนหลับชั่วกาลนิรันทร์”
    เธอบอกด้วยเสียงแผ่วเบา ชายหนุ่ม

    เดรโกมอรูปปั้นศิลาพ่อมดที่หน้าเกรงขาม นั่นไม่ใช่เพียงรูปปั้น แต่นั่นคือเทพที่จะปกป้องคลุมที่พักสุดท้ายของวีสลีย์ทุกคน แม้ไม่เคยรู้จักกับครอบครัววีสลีย์ ยามได้เห็นทางเข้าสุสานครั้งแรกคงคิดว่าเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่มั่งคั่ง ผู้ที่ต็มไปด้วยอำนาจที่ยิ่งใหญ่ แต่เมื่อเห็นป้ายชื่อตระกูลแล้ว กลับต้องอ่านชื่อซ้ำอีกครั้งด้วยความฉงน ว่าอ่านผิดหรือเปล่า แล้วคำถามก็จะพล่างพลูออกมา เหตุใดตระกูลวิสลีย์ที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีต กลับซุกตัวห่างไกลในบ้านโพรงกระต่าย ที่ห่างไกลผู้คน เหตุใดลูกหลานของวีสลีย์ได้ตกต่ำลงเช่นนี้ในปัจจุบัน

    เขาเองเคยคิดเช่นกันยามมาที่นี่ครั้งแรก สุสานที่หลบซ่อนตัวกลางพงไม้เลื้อย
    เสียงก็อบแก็บของใบไม้ ดังสะท้อนทั่วยามเหยียบย่างลงบนพื้นดิน ท่ามกลางความเงียบวังเวงทำให้เกิดเสียงสะท้อนไปทั่วบริเวณ สักครู่บิลเดินตามมาสมทบ เขาจ้องมองรูปปั้นเก่าแก่ ที่อยู่หน้าป้ายชื่อ โค้งคำนับเบาๆ

    “ผู้ที่สง่างามเหนือพ่อมดทั้งป่วง  โอโรฟิน วีสลีย์ วีรบุรุษผู้อยู่หลังม่าน ท่านยืนหยัดอย่างสง่ามานับหลายร้อยปี รักษาเผ่าพันธุ์แห่งพ่อมด ไม่ให้ดับสูญ โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้”

    บิลมองด้วยสายตาภาคภูมิใจ

    “พี่เคยมาที่นี่สองครั้ง...ครั้งแรกตอนปู่เสีย...ตอนนั้นพี่ยังเด็กนักไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าณ สุสานเก่าแก่แห่งนี้ เคยยิ่งใหญ่ขนาดไหน คิดเพียงว่ามันเป็นสุสานเก่าแก่ไร้ความหมาย”

    เขาเงียบไปแต่สายตายังจับจ้องที่รูปปั้นสูงสง่า
    “แต่เมื่อสามปีที่แล้วมาเพื่อส่งเพอซี่อีกครั้ง....สิ่งที่ตามมาคือความสงสัยมากมาย เหตุไร วีสลีย์ทำไมเป็นเช่นนี้”
    แม้บิลมีคำถามสักมากมายเพียงไร แต่เขากลับไม่ได้เอ่ยถามน้องสาวแม้สักคำ

    จินนี่เดินไปหยุดที่รูปปั้นโบกไม้กายสิทธิ์แสงประกายจากปลายไม้ พุ่งตรงไปยังดวงตารูปปั้น แสงสีแดงราวกับเลือดสว่างจ้า พร้อมกับที่ป้ายหินสุสานเคลื่อนที่เปิดเป็นทางกว้างเห็นเป็นบันไดทอดยาวลงไป
    บิลมองน้องสาวที่สีหน้าสงบ จินนี่ไม่แสดงความรู้สึกใดๆออกมาทำให้เขากลับยิ่งกังวลใจ
    เธอไม่วิตก ไม่โกรธแค้น ไม่สงสัยต่อสิ่งใดๆทั้งปวงแม้เพิ่งพบโชที่นอนไร้สติ

    “ทำไมเธอไม่ถาม...ว่าทำไมโช แชงเธอมาอยู่ที่นี่ได้”
    เขาพูดลอยๆ แล้วหยุดเดินแค่ปากทางเข้า
    จินนี่หยุด

    “เธอรู้ใช่ไหม....”

    “เปล่า....แต่ฉันไม่แปลกใจถ้าพวกเขาจะมาปรากฏตัวที่นี่”

    เดรโกมองตามอย่างอึดอัดก่อนตอบแทน
    “ผู้ครอบครองกุญแจทุกคนจะมีกุญแจนำทางมาที่นี่...มาที่สุสานของบรรพบุรุษ”
    บิลมองเดรโก

    “นายคิดว่านายจะมาที่นี่ได้อย่างไรอย่างไรถ้าจินนี่ไม่พานายมาโดยใช้กุญแจนำทาง”

    ชายหนุ่มผมสีทองกล่าวพร้อมกับที่เดินก้าวเข้าไปในสุสาน
    บิลหายใจยาวก่อนเดินตามเข้าไป ทางเดินเป็นบันไดตอนแรกั้งแคบทั้งชัน แต่พอเดินมาได้สักครู่หนึ่งก็กลายเป็นห้องโถงศิลากว้าง

    มีโลงศพหินที่วางเป็นแนวยาว ล้วนคือบรรพบุรุษของวิสลีย์ ตรงกลางด้านบนเป็นโลงหินที่ตั้งเด่น โลงหินมีรูปแกะสลักบางอย่างที่ดูเลือนลาง สมัยเด็กเขาไม่เคยสนใจนักแต่ บัดนี้เมื่อเขาเพ่งมองให้ดีๆ กลับมีลวดลายบางอย่างที่คุ้นตาเป็นอย่างยิ่ง แต่เขากลับคิดไม่ออก แล้วทันใดนั้นกลับเห็นนกอินทรีสีแดงเพลิงตัวใหญ่บินเข้ามา แล้วไปเกาะที่บนโลงศพใกล้ๆ กับที่จินนี่ยืน

    จินนี่ชี้ไม้กายสิทธ์ท่องคาถาเพื่อเปิดฝาโลงศพ เขาร้องเสียงหลง

    “จินนี่....เธอกำลังจะทำอะไร” บิลชี้ไม้กายสิทธิ์ท่องคาถาสะกัด ลำแสงที่จะเปิดฝาโลงของเพอซี่
    เขาเดินตรงมาที่น้องสาวตบหน้าดังฉาด จนน้องสาวถึงกับเลือดกำเดาไหล

    “พี่ไม่เข้าใจ....ไม่เข้าใจเธอสักอย่าง แต่พี่ให้เธอรบกวนเพอซี่ไม่ได้”
    เดรโกยกมือจะมาห้ามแต่บิลหันควับไปมองตาขวางชี้ไม้กายสิทธิ์ตรงไปที่เดรโก

    “หยุด...มัลฟอย นี่เป็นเรื่องระหว่างฉันกับน้องสาว.....”

    เขาตะโกนเสียงดังจนก้องห้องสุสาน
    แล้วก็มีเสียงแผ่วเบา แหบแห้งเย็นยะเยือก

    “บิล....พอเถอะ...” บิลแม้รู้สึกสับสัน แต่เขากลับได้ยินเสียงที่ดังแหบแห้งที่คุ้นยิ่ง กลับรู้สึกชนลุกอย่างไม่รู้ตัว

    เขาหันกลับไป ไม่พบนกสีแดงตีวใหญ่แต่กลับพบร่างของน้องชายที่ผอมโซ หนวดเครารุงรัง ไร้แววแห่งชีวิต ใช่ไร้แววแห่งชีวิตเพราะเพอซี่ตายไปเมื่อสามปีที่แล้ว แล้วทำไมคนตายกลับมาปรากฏตัวที่นี่ได้ ทำไมเพอซี่ถึงมายืนอยู่ตรงนี้ได้

    “ไม่....เป็นไปไม่ได้”

    เขายืนมองเพอซี่อย่างสงบนิ่ง ตอนนี้จะมีใครตอบคำถามเขาได้บ้าง

    *****************************

    จากคุณ : grinny2545 - [ 5 มิ.ย. 48 14:34:37 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป