ความคิดเห็นที่ 2 ข้าพเจ้าไม่เคยเข้ากิจกรรมรับน้อง จากคุณ : Darth Phoenix. - [ 11 มิ.ย. 48 19:09:34 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เข้ามารับฟัง เป็นประเด็นความคิดที่น่าสนใจค่ะ ในความคิดของเรา เคยผ่านการรับน้องมาตอนเรียนมหาวิทยาลัย ผ่านการประชุมเชียร์ ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรมากมาย เครียดเล็กน้อยก็มีบ้าง หลังๆรู้สึกดีๆด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะโชคดี ที่ไม่เจอการรับน้องที่มันสุดขั้ว ขาดการยั้งคิด กิจกรรมอะไรก็ตาม มันมีทั้งส่วนที่ดีและไม่ดี ทั้งนี้ ขึ้นกับตัวบุคคลที่ปฏิบัตินั่นแหละ ว่าทำไปแบบพอเหมาะพอควรหรือยัง ถ้ามันไม่มีความพอดี ผลเสียก็เกิดขึ้นแน่นอน... จากคุณ : แครอทเค้ก - [ 11 มิ.ย. 48 19:12:36 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แค่กิจกรรมของเด็กแบมือขอเงินพ่อ ขอเงินแม่มาเฮฮากันอย่ามาสร้างภาพในดูยิ่งใหญ่อลังการเลยนะ กั่ก กั่ก กั่ก ชอบๆ ส่วนตัวผม ถ้ามันอยู่ในขอบเขต ไม่มีการบังคับจิตใจกัน ในเรื่องที่เกินระดับคนปกติเค้าทำกัน เช่น ให้ใช้แปลงสีฟัน อันเดียวกันทั้งรุ่น โดยไม่ล้าง อะไรทำนองนี้ มันก็เป็นที่ ยอมรับได้ล่ะ จากคุณ : Jumping Monkeyy - [ 11 มิ.ย. 48 19:16:31 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เนยเองก็ไม่ได้รับน้องค่ะ ( ไม่ได้ไปเพราะ ป่วย ) แต่เนยก็มีเพื่อนนะ เรียนไปซักพักก็รู้จักกันไปเอง ส่วนกิจกรรมรับน้อง เนยเชื่อว่าที่ดีๆเค้าก็คงมี แต่ที่ทำเกินเหตุก็คงเยอะ ไม่รู้เมื่อไหร่จะเลิกกันได้ซะที ไม่ได้เลิกมีการรับน้องนะคะ แต่เมื่อไหร่ถึงจะสำนึกว่าแค่ไหน ประมาณไหน ถึงจะสมควร  เอาแบบไม่ต้องห้ามกันอ่ะ เพราะห้ามไปก็แอบทำ เอาแบบที่คิดกันได้เอง เมื่อไหร่จะคิดได้ก็ไม่รู้เนอะ คงยาก... จากคุณ : ~คุงนู๋บลูเบอรี่ ~ - [ 11 มิ.ย. 48 19:40:17 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ส่วนตัวเห็นว่า การรับน้อง(สายกลาง)และการให้ความเคารพรุ่นพี่เป็นเรื่องดี... แต่พวกที่มารับน้องแต่ไม่มาเรียน ยกมือไหว้รุ่นพี่แล้วไม่ยกมือไหว้อาจารย์ นี่น่าเตะนัก.... ปล.ใครรู้จักฟิล์มไวแสงหลังไมค์บอกผมหน่อยนะครับ จากคุณ : Niobe - [ 11 มิ.ย. 48 19:56:33 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่เคยเข้าร่วมรับน้องเลยค่ะ จากคุณ : Me and U - [ 11 มิ.ย. 48 20:55:55 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ไอ้ที่ดีก็มี ไอ้ที่ไม่ดีก็มีครับ ที่ไม่ดีเนี่ย ก็เลิกเหอะครับ น้องๆเดี๋ยวนี้ พอได้ยินคำว่ารับน้องก็มองในแง่ลบไปก่อน บางคนเห็นหน้าพี่ครั้งแรกก็นึกว่ายักษ์มาร ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ++++++++++++++++++++++++ หากมีวาสนา สุดขอบฟ้าก็พานพบ หากไร้วาสนา แม้ไขว่คว้าก็คลาคลาด จากคุณ : Devil Cupid - [ 11 มิ.ย. 48 21:21:51 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แค่กิจกรรมของเด็กแบมือขอเงินพ่อ ขอเงินแม่มาเฮฮากันอย่ามาสร้างภาพในดูยิ่งใหญ่อลังการเลยนะ ชอบบบบมาก ประโยคนี้ สุดๆๆ แบบว่า ก๊ากกกกกกกกกกกกกกก สะใจวะ พวกเข้ามาสร้างภาพว่ารับน้อง ดีอย่างโน้น ดีอย่างนี้ โอ้ยยย เว่อร์  แค่กิจกรรม หม้อ  วางอำนาจ แก้แค้น(ที่กรูเคยโดน) ของรุ่นพี่อะดิ จากคุณ : หนังสือที่คุณอ่านแล้ววางไม่ลง - [ 11 มิ.ย. 48 21:47:41 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เคยเข้ากิจกรรมรับน้องก็คิดว่าสนุกดีค่ะ จากคุณ : -->+:+โชยุ&วาซาบิจัง+:+<-- - [ 11 มิ.ย. 48 21:50:43 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ตอนปี 1 ไปรับน้องที่หัวหิน เราไม่คิดว่าจะมีอะไรน่ากลัว เพราะคณะเรา 400 กว่าคนมีแต่ผู้หญิง กะเทย ผู้ชายแท้ๆ 10กว่าคนมั๊ง รุ่นพี่ของเราก็ไม่มีผู้ชาย มีแต่กะเทย 1 คน แต่มารู้ตอนขึ้นรถ ว่าพี่ๆพาเพื่อนเด็กจิตรกรรมม.ใกล้ๆไป 2 คน เพราะจะให้ช่วยคิดวิธีรับน้อง รุ่นพี่เราเองไม่รู้ว่าเค้ารับกันแบบไหน ก็ไม่มีอะไรมาก ตอนแรกก็แค่เอาแป้งสีๆอะไรไม่รู้มาป้ายหน้า ตอนดึกก็เล่นอะไรนิดหน่อย ให้อมลูกอมต่อๆกัน ให้อมมะนาวทั้งลูกต่อๆกัน แล้วก็เอาผ้าปิดตาบังคับให้คุกเข่าต่อหน้ารุ่นพี่จิตรกรรม พอเริ่มว๊าก เราก็ล้ม จำได้เท่านี้ เพราะเราชักซะก่อน ถ้าวันนั้นอาการหนักกว่านี้ใครจะรับผิดชอบ ก่อนหน้านี้ แม้แต่ช้อนก็ไม่เคยใช้ร่วมกับคนอื่น ไม่อยากติดเชื้อโรคมันผิดตรงไหน เพื่อนอีกคน หลังจากโดนละเลงแป้งสี หน้าเป็นสิวเล็กๆเต็มหน้า จากสาวสวยผิวขาว ผิวพรรณดี กลายเป็นสาวหน้าเขราะ รักษาจนเรียนจบยังไม่หาย ไม่เห็นมีใครมารับผิดชอบตรงนี้ ถึงจะเป็นกิจกรรมที่ดูเด็กๆ แต่เคยมีใครคิดมั๊ยว่า สภาพร่างกายคนเราต่างกัน จากคุณ : umae - [ 11 มิ.ย. 48 22:01:28 ]

ความคิดเห็นที่ 12 รับน้องแล้วได้เพื่อน ค่ะ ได้ความจริงใจ ได้มันส์พะยะค่ะ จากคุณ : Half Blood Prince - [ 11 มิ.ย. 48 22:17:54 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผมบอกน้องไม่ต้องเข้า โดดเลย เวลาขึ้นปี 2แล้วจะรู้เองว่ารุ่นพี่มันสนุกเฉย ๆ พอเวลามาเป็นพี่ไปรับน้องแล้วจะรู้ว่ามันไร้สาระ มาว้าก กันเพื่อให้น้องกลัวไปงั้น ๆ แหละ ไม่มีประโยชน์เลย รุ่นพี่ไรไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องไปกลัวมันหรอก มันไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากเรียกไปว้ากอย่างเดียว ก็บอกมันไปแบบนี้อ่ะ แล้วมันบอกกลับมาว่าถ้าไม่เข้าเพื่อนก็โดนซ่อม พอถึงเวลาโดนว๊ากก็มา บ่น ๆๆๆ โดนรุ่นพี่ทำโทษ ซ่อม ปวดขา ไม่สบาย ร้องให้ ๆๆๆ ผมก็บอกไปเห็นไหมล่ะ แล้วไปเข้าทำไม เข้าไปให้เข้าด่าเหรอ แล้วมาว่าผมว่า ไม่ปลอบแล้วยังจะมาด่าอีก แบบว่าเพื่อน ๆ ปลอบว่าให้อดทน ๆ แล้วผมก็บอก อดทนไปเพื่อไรวะเนี่ย ท่าจะบ้า ผมพูดจะยังไงกะน้องผมดีครับ บอกว่าไรดีอ่ะ แบบแนวคิดมันจะเป็นแบบ เค้ามีกฏอะไร ก็ทำตาม ๆ เค้าไป ผมจะออกแนว แหกกฏอ่ะ เลยคิดไม่เหมือนกันเท่าไหร่ แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 48 22:24:20 จากคุณ : -dEviL_Ki||e|2- - [ 11 มิ.ย. 48 22:21:39 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ^ ^ ^ ก็ให้น้องย้อนไปดิ่ เวลามาว้าก "พ่อแม่ส่งมาเรียน ไม่ได้ส่งมารับน้อง" แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 48 22:34:00 จากคุณ : เมษาพาเพลิน - [ 11 มิ.ย. 48 22:32:40 ]

ความคิดเห็นที่ 15 สมเป็นความเห็นของคนทำงาน น่าถือๆ ตอนผมเรียนผมก็เข้าไปรับน้องนะ แต่ไม่ได้ชอบไรหรอก ตามเพื่อนไป พอเป็นรุ่นพี่ก็ไป แต่ก็ตามเพื่อนไปเที่ยวอีกนั้นแหละ  สรุปแล้ว ไม่คิดว่าเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์อะไร ถ้าอยากทำอะไรดีๆ ลอง อาสาสมัครเก็บขยะตามสวนสาธารณะ หรือ ชายหาด ดีไหม? จากคุณ : JFlame - [ 11 มิ.ย. 48 22:59:48 ]

ความคิดเห็นที่ 16 กิจกรรมการรับน้อง ดีหรือไม่ แล้วแต่ใครจะคิด  มันเป็นเรื่องปัจเจก สมัยผมเรียน ผมก็ว่า การประชุมเชียร์ มันไร้สาระ อะไรกัน มีแต่ขู่ตะคอกเสียงดัง มาทำบอกจะได้รู้จักกัน แต่ห้ามคุยเสียนี่!!! ห้าม ห้าม ห้าม และห้าม จะทำไม ก็อยากคุยอ่ะ สุดท้ายก็คุยสมใจ หุ หุ หุ ดุนักใช่ไหม ดุได้ดุไป แล้วเสียงมันก็แหบในที่สุด 55555 สมน้ำหน้า กะลาหัวเจาะ จนถึงคืนวิ่งประเพณีผ่านไป อะไร อะไรก็ชัดขึ้น เออ....แม้มันจะอึดอัด บีบค้น แต่เราก็ผ่านมาได้ว่ะ 55555 พอมองกลับไป.... มันก็ยังไร้สาระเช่นเดิม ไม่เคยเปลี่ยนไปในความรู้สึก รุ่นพี่บางคนที่ บ้า มันก็พาวิธีแกล้งน้องต่างๆนาๆ เลยเถิด จนตาย ทำให้ ภาพของการรับน้อง มันเลวร้ายหนักลงในสายตาคนนอก แถมด้วย สื่อ ที่นำเสนอแต่ภาพของการรับน้องที่มันดูไร้สาระ ล่อแหลม....ก็ยิ่งไปกันใหญ่!!! ทั้งทั้งที่ คนทำสื่อส่วนมาก ก็จบมาจากสถาบันเหล่านี้ เคยเต้นแร้งเต้นกาท่าพิเรนทร์ยิ่งกว่านี้!!! การรับน้องมันจะไม่ให้อะไรเลย หรือมันอาจเป็นการ บังคับขู่เข็ญเกินกว่าเหตุ เป็นเพียงการมาเล่นสนุก เพื่อให้รู้จักหน้าค่าตากัน เพราะการเรียนใน มหาวิทยาลัย มันไม่จำเป็นต้งสนใจใครก็ได้ เรื่องแบบนี้แล้วแต่คนจะคิดครับ มันยังไร้สาระในสายตาผมอยู่ดี ... แต่มันอาจมีความหมายกับใครต่อใครอีกหลายคน การรับน้อง...อาจมีรุ่นพี่ทำเลยเถิดจนมีคนตาย แต่ผมก็ไม่เชื่อว่า การรับน้องเพียงสัปดาห์แรก จะทำให้คนคิดสั้นได้!!! จากคุณ : ผีเพื่อนหงส์ - [ 11 มิ.ย. 48 23:48:22 ]

ความคิดเห็นที่ 17 80 เปอร์เซ็นต์ ไม่เคยเรียนมหาวิทยาลัยใช่ป่ะครับ งั้นไม่ใช่ รับน้องไม่สำคัญหรอกครับ มหาวิทยาลัยก็ไม่สำคัญ จากคุณ : ชาเขียว - [ 12 มิ.ย. 48 00:16:09 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ตอนผมถูกรับก็แค้น ๆ เหมือนกัน - -' มรึงเป็นใครฟระมาว๊ากตู แต่พอผ่านมา อะไรมันก็ดีขึ้น......ผมว่าอะไรก็ตามที่อยู่ในเหตุ ในผล และมีความพอดี มันก็น่าจะดีไม่ใช่เหรอครับ ตอนผมมาทำงานรับน้อง ต้องเตรียมงาน รู้เบื้องลึก ^ ^ มันมีอะไรที่ลำบาก เหนื่อย และ รู้ประโยชน์ มากกว่าเดิม ไม่ได้สร้างภาพ เพราะ โดยส่วนตัวก็ไม่ค่อยชอบบางกิจกรรม ของการรับน้อง และผมรู้จักเพื่อน และรุ่นพี่ผ่านการทำงานให้คณะ ทำกิจกรรมอื่น มากกว่า.... จากคุณ : ยาจกน้อย - [ 12 มิ.ย. 48 01:01:37 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ตอนผม รับน้องนะ  โคตร สนุกเลยหวะ แล้วแต่คนหวะ ผมได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ รวดเร็ว มีเพื่อนเป็น รุ่นพี่ ที่เข้าไปหา กินเหล้าเมายา กันอย่างหนุกหนาน จบไป เพื่อนที่ สนิทๆ ก็มาชวนให้ไปทำงานด้วย ตอนนี้ ที่ผมทำงานอยู่  ก็ได้ รุ่นพี่ชวนมาทำครับ ไม่ต้องเหนื่อยเดินหางานเลย สบายหวะ ------------------------------------------------------------ เวลาโดนพี่ว๊ากก  คิดมากขนาดนั้นเลยหรอ จากคุณ : ใสบาบา - [ 12 มิ.ย. 48 02:21:06 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ใช่ครับ มหาลัยสำหรับผม ไม่สำคัญครับ ผมเอาเวลา 4 ปี ไปเรียนรู้ชีวิตและการทำงานดีกว่า จากคุณ : หนังสือที่คุณอ่านแล้ววางไม่ลง - [ 12 มิ.ย. 48 02:41:28 ]

ความคิดเห็นที่ 21 .. ผ่านทั้งการรับน้อง และ เป็นพี่ที่รับน้อง ครับ -- สร้างสรรค์นะครับ  ไม่ป่าเถื่อน หรือ ลามก ผมคงเป็นส่วนน้อยกระมัง ที่รู้สึกประทับใจมากๆ และ คิดว่ามันให้อะไรมากกว่าที่คิด และเป็นส่วนหนึ่งที่หล่อหลอมมาเป็นนิสัยปัจจุบัน ให้เป็นคนใจเย็น ควบคุมตัวเองได้ดีครับ .. จากคุณ : POGGHI - [ 12 มิ.ย. 48 03:53:53 ]

ความคิดเห็นที่ 22 กิจกรรมรับน้องเรามองว่าสำคัญทีเดียวหากเป็นมหาวิทยาลัยตจวและนิสิตต้องอยู่หอ ตอนเข้าไปใหม่ๆ ไม่มีเพื่อนเลย และก็อยู่หอในตามกฎของมหาลัยในขณะนั้น คณะที่เราเรียนเป็นผู้หญิงประมาณ 80 %ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง ฉะนั้นกิจกรรมก็จะ chilled chilled กิจกรรมหลักก็จะมีประชุมเชียร์ ก็ม่มีอะไรมากไปร้องเพลง แต่ช่วงนั้นรุ่นพี่ก็จะ assign ว่าพวกเรา supposeที่จะจำชื่อเพื่อนให้ได้ทุกคนรวมทั้งห้องที่พักถ้าเพื่อนหายไปไม่มาเข้าประชุมต้องทราบว่าเพื่อนหายไปไหน ต้องรวมพลกันเองให้ครบก่อนเข้าสู่ที่ประชุม ตอนนั้นเราไม่รู้สึกอะไรเลย นอกจากสนุกดี เพราะได้เจอเพื่อนเราเป็นคนขี้เหงาชนิดไม่รู้ตัว อาจจะมีเบื่อๆ บ้างที่ต้องตากแดดเวลาทำกิจกรรมซึ่งก็เป็นงานพัฒนาภูมิทัศน์ของมหาลัย ตอนนั้นเป็นสาวก็มีกลัวดำบ้าง แต่ไม่ซีเรียสเพราะพี่ๆจะฮาๆและเราสังเกตเห็นว่ามีอาจารย์คุมอยู่ห่างๆตลอด ประชุมตอนกลางคืนจะเดินเรียงแถวรุ่นพี่ส่งถึงหอ ทุกวัน น่ารักมาก ทุกวันนี้เราเจอเค้าข้างนอกเราวิ่งไปกอดเค้าได้เลยเหมือนเป็นพี่น้องกันจริงๆ ซึ่ง ขอบอกว่า เป็นวิธีที่ให้ประโยชน์ต่อเราจนถึงทุกวันนี้ เรามีกลุ่มเพื่อนสนิทนะ13 คน นอกนั้นเจอใครเข้าได้หมด รู้จักผ่อนปรน เปิดใจรับคนได้มากถึงมากที่สุด เช่น ถ้าคุณได้รับมอบหมายให้ไปร่วมประชุมด่วนแต่เพื่อนคุณเป็นคนแต่งตัวช้า คุณจะทำยังไง เพราะเพื่อนคุณก็ต้องดูแล ก็ต้องหัด manage เอง พูดกับเพื่อนยังไง ถ้าไม่มีกิจกรรมนีเราก็คงเป็นแบบ ตัวใครตัวมัน ใครช้าเราไม่คบเราไม่รอ ไม่เคารพความเห็นคนอื่นเพราะเราเป็นตัวของตัวเอง ไม่พึ่งใคร ใฝ่หาความเป็นส่วนตัว เพิ่มมากขึ้น ปฎิสัมพันธ์น้อยลง ช่วงเราเรียนมหาลัยเราเจอเพื่อนมัธยมทุกคนอิจฉาเราที่มีเพื่อนที่สนิทกันรักกันและติตด่อกันตลอดเราเรียนรู้โลกจากชีวิตที่แตกต่างของเพื่อนแต่ละคนและเพื่อนชมว่าเราน่ารักขึ้นมาก ไม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้งเหมือนตอนเด็กๆ ที่สำคัญเรามีกลุ่มคนที่ยอมรับกันสนิทคบหากัน ไม่ต้องไปหาตัวตนนอกโลกความเป็นจริง อืมม การรับน้องได้อะไรมากกว่าที่คิดค่ะ ทุกเหตุการณ์สอนคุณได้ ไม่ว่ามันจะลบหรือบวก สรุปค่ะ ทุกอย่างยังประโยชน์ให้คุณได้ เท่าหรือมากกว่าที่คุณคิด ถ้าคุณคิด "เป็น"และ คิด "ได้" มองโลกอย่างสมดุลนะคะ จขกท แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 48 07:56:59 จากคุณ : light gin - [ 12 มิ.ย. 48 07:54:47 ]

ความคิดเห็นที่ 23 จขกท มีมุมมองของโลกที่กว้างกว่า #22 มากครับ ในขณะที่อายุเท่ากัน คุณเป็นเด็กหน่อม ต้องคอยให้คนดูแล จขกท ต้องดูแลตัวเอง ทำงานหาเลี้ยงตัวเองแล้ว คุณควรจะฟังเมษาฯ แล้วคิดตามครับ เรื่องการคบหาเพื่อนฝูง ไม่มีกิจกรรมรับน้อง คุณก็มีเพื่อนได้ครับ ถ้าคุณไม่เก็บตัวในกระดองน้ำแข็ง จากคุณ : JFlame - [ 12 มิ.ย. 48 08:28:13 ]

ความคิดเห็นที่ 24 "แค่กิจกรรมของเด็กแบมือขอเงินพ่อ ขอเงินแม่มาเฮฮากันอย่ามาสร้างภาพในดูยิ่งใหญ่อลังการเลยนะ" แล้วบางคนที่เขาทำงานได้ตั้งแต่ เรียน มหาลัยหละ แค่รู้ว่ารับน้อง มันสนุก เท่านั้นเอง บางทีเด็กขอเงินพ่อแม่ เขาก็ไม่คิดมาก เอาเรื่องคนอื่นมาคิดให้ปวกหัวก็ได้ จากคุณ : ใสบาบา - [ 12 มิ.ย. 48 08:36:47 ]

ความคิดเห็นที่ 25 สนุก และ ประทับใจ ครับ จากคุณ : ++peter++ - [ 12 มิ.ย. 48 10:10:08 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คุณ คหที่ 23 ม 4 ดิฉันรับ job สอนพิเศษเด็กที่อายุต่ำกว่า พอเข้ามหาวิทยาลัยดิฉันรับแปลงานและติวเด็กค่ะ เรียกว่าทำงานหรือเปล่าคะ แต่ไม่ต้องขอตังค์พ่อแม่จ่ายค่าเทอมค่ะ ปล ยังไม่ได้บอกว่าไม่รับน้องแล้วจะไม่มีเพื่อนนะคะ ไม่ได้ทำงานแบบเข้ากะอะไรเพราะอยู่หอไม่สะดวกค่ะ จากคุณ : light gin - [ 12 มิ.ย. 48 13:07:36 ]

ความคิดเห็นที่ 27 อ่อ เพิ่งเข้าใจว่าวัยรุ่นไทยสมัยนี้คิดว่าการเข้าร่วมกิจกรรมรับน้องจะทำให้อนาคตเราดีขึ้น อืมม..... แบบนี้เพื่อนๆของผมที่เรียนเป็นนักบินก็คงพิลึกคนสินะที่เค้าสามารถจบมาได้โดยที่ไม่เคยผ่านการรับน้องมาก่อนเลยและพวกเค้าเองก็ไม่เห็นว่าจะจำเป็นด้วย พวกเค้าจบมางานการก็มั่นคง รายได้เฉลี่ยต่อเดือนก็ตกเป็นหลักล้าน(บาท) สังคมของเค้าก็มีกันเป็นโขยงแล่ะก็ยังคอยมีคน support เค้ามากกว่าที่คุณคิดอีกนะครับ การร่วมกิจกรรมรับน้องนั้นไม่ได้ตัดสินอนาคตเราหรอกครับว่าจะดีหรือจะร้าย จะมีการงานดีหรือไม่ สิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่แต่ล่ะบุคคลครับ ถ้าคุณเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดีคุณก็มักจะเจอะเจอกับคนที่ดีๆ การรับน้องในความคิดของผมก็คือกิจกรรมสนุกๆชนิดนึงแค่นั้น ซึ่งไม่จำเป็นว่าน้องใหม่ทุกคนจะต้องมาร่วมด้วย คนเราจะมีงานการหรือสังคมที่ดีนั้นขึ้นอยู่กับตัวเราเองครับไม่ใช่ใครที่ไหน และผมก็ขอยืนยันอีกครั้งครับว่าการรับน้องนั้นได้แค่ ความสนุขร่าเริง เท่านั้น มันไม่ได้มาช่วยเราทำให้เกรดดีขึ้นหรือมีคนมา support เราตลอด จากคุณ : V 12 - [ 12 มิ.ย. 48 14:16:32 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ตอบรายบุคคลนะคะ คุณชาเขียว มหาวิทยาลัยไม่สำคัญกับเมษาฯ เลยค่ะ การที่เมษาฯ ไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัย  ไม่ได้หมายความ ไม่เคยไปมั่วๆ นั่งหน้าซื่อตาใสจดเลคเชอร์ให้เพื่อนนะคะ ไม่ใช่เพื่อนเมษาฯ ไม่มีวินัยอะไร  แต่เค้าไม่สบาย  เราเองช่วงนั้นก็อยุ่ระหว่างรองาน  เลยไปให้มันหน่อย  ไปหมดทุกข์วิชาของวันนั้น มีการเชคชื่อทุกวิชา  เมษาฯ ก็กรอกชื่อเพื่อนทุกวิชา  เพื่อนร่วมคณะของเพื่อนเมษาฯ เค้าก็มองเมษาฯ อย่างงงๆ  แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เมษาฯ เอาเลคเชอร์ไปให้เพื่อนและพูดกะเพื่อนว่า "ทุกวันนี้นี่ มรึงไปเรียน หรือ ไปดูอาจารย์ "ปิ้งแผ่นใส" วะ?" เมษาฯ เรียนไม่จบ ม.ปลายเลยด้วยซ้ำ  แต่เมษาฯ เคยรับจ้าง วิเคราะห์การบ้านของนักศึกษาภาควิชาการตลาด เคยเขียนสคิปท์โทรทัศน์และแก้สปอร์ตวิทยุให้รุ่นน้องเพราะเค้าบ่นๆ ว่ายาก เคยวิเคราะห์การเมืองระหว่างประเทศของสหรัฐ กับ จีน ให้นักศึกษาภาควิชารัฐศาสตร์ด้วย ตอนนั้นเมษาฯ บอกเค้าสั้นๆ ว่า  ขอหนังสือวิชานี้หน่อย แล้วอาศัยความรุ้ที่เคยรับจ้างพิมพ์รายงาน ตลอดจนแบบเรียนของวิชานั้นๆ มาประกอบในการวิเคราะห์ แล้วเมษาฯ ก็ทำให้  แล้วมันก็ผ่านจากนั้นก็มีมาเรื่อยๆ ดังนั้น เมษาฯ จึงไม่ใช่คนประเภทองุ่นเปรี้ยวมะนาวหวาน  ฉันไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัย  มันจึงไม่สำคัญกับฉัน เมษาฯ อยากเรียมหาวิทยาลัยจะตายไป ไม่อย่างงั้นคงไม่สมัครงานเป็นเจ้าหน้าที่ในมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งนึงหรอก  แบบว่า อยากใกล้ชิดอ่ะ แต่เมื่อได้สัมผัสก็ได้รุ้ว่า  มหาวิทยาลัยไม่ได้ให้อะไรเลย  ให้แต่วุฒิปริญญาตรีที่ทำอะไรไม่เป็นเท่ากับคนจบ ม.3  แถมยังอีโก้สูง  ว่าฉันเป็นคนมีการศึกษานะจ๊ะ ฉันอ่ะ ปัญญาชน อืม......นายจ้างเค้าไม่ต้องการปัญญาชนค่ะ  เค้าต้องการคนทำงานคุ้มเงิน ทุกวันนี้เมษาฯ มีหน้าที่รับสมัครงาน คอยสกีนคนงาน เวลามาสมัครงาน  เคยสัมภาษณ์เด็กคนนึง มาสมัครเป็นฝ่ายขาย  จบป.ตรี มหาวิทยาลัยแห่งนึง  ภาษาอังกฤษได้ A  ทุกคนพอใจกับน้องคนนี้มาก แต่เจ้านายก็มาถามเมษาฯ ว่า เมษาฯ จะสัมภาษณ์อะไรน้องเค้าอีกไหม ก็เลยให้ น้องขาย "ปากกา" ในมือเค้าให้เมษาฯ อยากซื้อ เค้าขายไมได้ค่ะ อ้ำๆ อึ้ง  โถ.......แค่ปากกาในมือยังขายไม่ได้  แล้วซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์จะขายได้เหรอจ๊ะหนู เนี้ยะแหล่ะ สาเหตุที่เมษาฯ ไม่เรียนมหาวิทยาลัย ทั้งๆ ที่เมษาฯ เรียนได้ถ้าจะเรียน แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 48 14:47:15 แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 48 14:44:32 จากคุณ : เมษาพาเพลิน - [ 12 มิ.ย. 48 14:31:42 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คุณ light gin โลกสมดุลของคุณคืออะไรล่ะ? คุณเป็นคนใช้ประโยคนี้  ดังนั้น คุณก็ต้องเข้าใจมันอย่างถ่องแท้และสามารถอธิบายเมษาฯ ได้  ถ้าไม่สะดวกในกระทู้ก็ทางหลังไมค์ก็ได้ค่ะ จากการอ่านข้อความของคุณ  ทำให้เมษาฯ นึกสนุกๆ  คิดว่า คนๆ นี้เป็นคนยังไงน้า ดูอ่อนไหว, ขี้เหงา, รักเพื่อนแล้วน่าจะออกสาวๆ มากๆ ด้วย จัดเป็นเด็กน่ารักคนนึงด้วย เพราะทำงานพิเศษ จ่ายค่าเทอมเอง   อืมๆ.........เมษาฯ อยากจะบอกเล่าอะไรบางให้คุณ  แต่คิดไปคิดมา  คห. 23 ได้บอกไปแล้ว เอาเป็นเวลาถ้าสิ่งที่คุณเขียนนั้นคือ การคิดเป้นและเป็นโลกสมดุลของคุณ ทุกวันนี้เมษาฯ ก็คิดแบบนี้อยุ่แล้วค่ะ  แต่อาจจะเพื่อนน้อยไปหน่อย แค่ 2-3 คน แต่มั่นใจในคุณภาพค่ะ เพราะร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ปล.ร่วมทุกข์ร่วมสุขในโลกของคนทำงานนะคะ ไม่ใช่ร่วมทุกข์ร่วมสุขของเด็กมหาวิทยาลัย จากคุณ : เมษาพาเพลิน - [ 12 มิ.ย. 48 15:08:53 ]

ความคิดเห็นที่ 30 สุดท้าย พี่ชายใสบาบาของเมษาฯ 55555 มันก็มีแหล่ะ คนที่ไมได้แบมือขอเงินพ่อขอเงินแม่ แล้วมารับน้องน่ะ แต่ถึง 5% รึเปล่าล่ะ? ที่พูดนี่คือ เปอร์เซ็นต์ของเด็กปี 1 ณ เวลาที่มีกิจกรรมรับน้องนะ เราว่าไม่ถึงด้วยซ้ำ เพราะอะไรรุ้ป่าว? เพราะกฏหมายแรงงาน ห้ามรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าทำงาน  กฏหมายนี้ออกมาเมื่อ 6 ปีก่อน เราสมัครงานที่ไหนไมได้เพราะอายุไม่ถึง  จำจนถึงทุกวันนี้ แล้วไอ้เด็กปี 1 น่ะ อายุเกิน 18 กี่คนกัน และในกลุ่มเกิน 18 นั้นน่ะ มีกี่คนกันที่ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย? ทีนี้มาดูในสัดส่วนของรุ่นพี่ที่เป็นคนดูงานกิจกรรมรับน้อง การรับน้องเนี้ยะ มีไม่ได้มีแค่วันสองวัน หรือชั่วโมงสองชั่วโมง เราไม่เชื่อว่า คนที่ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย จะสามารถมารับน้องได้ทุกวันและตลอดวันนั้นๆ ถ้าเค้าทำได้แสดงว่า เค้าไม่ได้ทำงานค่ะ เพราะไม่มีนายจ้างที่ไหนจะจ้างพนักงานที่ลางานเป็นเดือนๆ เพื่อไปทำกิจกรรมที่เรียกว่า "รับน้อง"  หรอก แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 48 15:26:34 จากคุณ : เมษาพาเพลิน - [ 12 มิ.ย. 48 15:19:01 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ใครไม่เคยผ่าน ก็อาจไม่รู้จักว่าการรับน้องคืออะไร จะมองอย่างไรก็ได้ โลกแต่คนต่างกันไปครับ นับถือคุณเมษาฯเรื่องการทำงานมากๆเลย แต่เรื่องการรับน้องมันไม่ใช่แค่ที่คุณคิดหรอกครับ มีมากกว่านั้นเยอะ เพราะคุณไม่เคยผ่าน โลกมหาลัย ก็คือโลกของเด็กที่ยังไม่ได้ทำงาน เน้นว่าการรับน้องที่เคี่ยว ๆ และความแน่นแฟ้นของพี่น้องนั้น มหาลัยปิดของรัฐมีมากกว่าครับ มหาลัยปิดของรัฐ คนทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ผมว่าไม่ถึง 10% ดังนั้น มันจึงเป็นโลกของเค้า มองอะไรไม่ มหภาค แบบคนทำงานแล้ว ถึงแม้จะอายุเท่า ๆ กัน ตอนปีหนึ่งเพื่อนผมก็ทำงาน มีลูก มีผัวไปหลายคน เค้าก็มองโลกแบบผู้ใหญ่ ผมก็มองโลกแบบเด็กมหาลัยเพิ่งเอ็นติด คนทำงาน อาจมองว่า โลกของเด็กมหาลัย มันง๊องแง๊ง แต่สำหรับหรับเด็ก ๆ ปีหนึ่งแล้ว ตรงนั้นเป็นส่วนใหญ่ของชีวิต ยิ่งถ้าเป็นเด็กหอ 20ชั่วโมง อยู่แต่กับเพื่อน โลกของเค้ามีแค่เพื่อน รุ่นพี่ เรียน อาจารย์   พ่อแม่ ครอบครัว เดือนนึงจะเจอซักครั้งด้วยซ้ำถ้าจะดูกันจริง ๆ ในโลกเล็ก ๆ ของ เด็กมหาลัยปิด เด็กหอ การที่จะทำให้ตัวเองเข้าสังคมเล็ก ๆ ได้ ก็ต้องทำตามที่ส่วนใหญ่ทำ ไม่ทำก็ได้ไม่ว่า แต่ก็จะรู้จักใคร ๆ น้อยลง สังคมก็รู้จักเค้าน้อยลง ผมเคยทำงานสโมสรนิสิต เคยทำการรับน้อง เคยเป็นพี่ว๊าก ตรงนี้เงินก็ไม่ได้ ต้องมาเตรียมงานกันหามรุ่งหามค่ำ **ทำดีก็แค่เสมอตัว ทำชั่วก็โดนด่า** ทำตรงนี้สมัยปี 2 ปี 3 ปี 4 แก่แล้วปล่อยเด็กมันทำ อิอิอิ ก็คิดเหมือนกันว่ากรูจะมำทำเหี้ยมตรงนี้ทำไม เข้าตัวเองเปล่า ๆ พี่คนนึงบอกว่า "การเรียนสอนให้เราอ่านหนังสือเป็น กิจกรรมสอนให้เราอ่านสังคมเป็น" ดังนั้น การทำกิจกรรมในโลกเล็ก ๆ ของเด็กมหาลัย สำหรับผมถือว่ามีความสำคัญมาก ๆ แม้คนทำงานภายนอกจะมองว่า ง๊องแง๊ง เหลือเกิน จากคุณ : อยากจะโปร - [ 12 มิ.ย. 48 15:37:54 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ^ ^ ^ ใครว่าเค้าไม่เคยผ่านการรับน้อง ขนาดหน้าซื่อตาใสไปนั่งจดเลคเชอร์ได้นี่ มั่วๆ ไปรับน้องอ่ะ เด็กๆ อิอิ แต่ไปแค่วันเดียวนะคะ  เผอิญตรงกับวันหยุดของที่ทำงาน ยังจำอีตารุ่นพี่ว๊ากคนนึงได้เลย  หน้าตาถ:-)ทึง เอาเรื่องมากๆ  น้องๆ กลัวกันหมด เห็นแล้วน่า ชวนไปเป็นจิ๊กโก๋ คุมร้านที่ถนนข้าวสาร ไว้คอยทะเลากะพวกฝรั่ง  อิสราเอล ที่เบี้ยวไม่ยอมจ่ายค่าโทรศัพท์ เมษาเข้าใจประเด็นของคุณนะ เพราะตอนที่ทำงานในมหาวิทยาลัย  หอที่เมษาฯ อยุ่ก็เป็นหอมหาวิทยาลัย จะว่าไป เป็นคนที่ยืนอยุ่บนโลก 2 โลกในคราวเดียวกันก็ว่าได้ ที่ออกมาตั้งกระทู้ก็เพียงเพราะไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่  กับบางคนที่สร้างภาพให้การรับน้องเป็นเรื่องที่เลิศเลออย่างเอาเป็นเอาตาย เถียงคำไม่ตกฝาก  เถียงข้างๆ คู  อะไรจะขนาดน้าน....เห็นเถียงกันทุกปี อะไรกันหนักกันหนาน้อ... แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 48 16:05:04 จากคุณ : เมษาพาเพลิน - [ 12 มิ.ย. 48 15:55:03 ]

ความคิดเห็นที่ 33 แป่ว ผมอ่านพลาดตรงนี้ไป ขอโทษทีครับ ตอนนี้ผมจบมาก็นานแล้ว ก็มองว่าเป็นกิจกรรมเด็ก ๆ ครับ แต่เมื่อลองคิดไปเมื่อตอนนั้น มันก็เป็นเรื่องสำคัญของผมเมื่อตอนอายุ 18 ปีครับ จากคุณ : อยากจะโปร - [ 12 มิ.ย. 48 16:02:31 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ไม่จริงอ่ะ คุณพี่ชาเขียว แพทย์, สถาปนิก, วิศวกร ฯลฯ จำเป็นต้องจบมหาวิยาลัยแต่ไม่จำเป็นต้องรับน้อง วิศวกรที่เราเคยทำงานด้วย มุ๊บมิ๊บเงินเก่งมากเลยอ่ะ คงเป็นแค่บางคนอ่ะมั๊ง แต่เป็นอาชีพเดียวที่มุ๊บมิ๊บทุกคน (หมายถึงคนที่เรารู้จักและเคยทำงานด้วยนะ) อันนี้สงสัยเฉยๆนะ เห็นเป็นคณะที่รับน้องกันโหดมาก แต่ก็คงไม่เกี่ยวกันหรอก คงเป็นที่นิสัยเดิม เพื่อนเราเลือกโยธา มันว่าจะได้มุ๊บมิ๊บได้เยอะๆหน่อย จากคุณ : umae - [ 12 มิ.ย. 48 16:03:12 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คนในอยากออกคนนอกอยากเข้า จากคุณ : flyingmoon - [ 12 มิ.ย. 48 16:26:04 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ผมสงสัยนิดนึงนะครับ คนที่มีโอกสเรียน มหาวิทยาลัยของรัฐ ได้ ส่วนใหญ่ก็คือที่ บ้าน สามารถส่งเรียนได้ ไม่จำเป็นต้องหารายได้เสริมอยู่แล้ว? เลยมีสัดส่วนที่ จขกท. กล่าวถึง ค่อนข้างต่ำ อันนี้ต้องเข้าใจ ที่มาที่ไปเสียก่อน แล้วจึงวิเคราะห์ตัวเลขที่เห็น? ส่วนคนที่โอกาสมี แต่ เงิน ไม่มี ก็ต้องหาเงินมาส่งตัวเองเรียน ไม่ก็ เลือกที่จะทำงาน หาเงิน มากกว่าเรียน ถ้าการเรียนมหาวิทยาลัย มันแลดู ไม่สร้างสรรเสียขนาดนั้น ก็ให้ยกเลิกไปเลยไหม?  ก็คงไม่ใช่? ส่วนเรื่อง โกง ใคร อาชีพไหนก็โกงครับ มันอยู่ที่ สันดาร(น) สังคม และการอบรมเลี้ยงดู ของคนคนนั้น ยิ่งเรียนสูงยิ่งโกงเก่ง ยิ่งจบนอกไม่ต้องพูดถึง ไม่เชื่อไปดูสิ วิกฤติเศรษฐกิจ การคอรัปชั่น มันก็มาจากพวก จบสูงๆ ทั้งนั้น จบสถาบันมีชื่อเสียงมาทั้งนั้น รู้มาก ก็ยิ่งโกงได้เก่ง ถ้ามันคิดจะโกง อย่าเอามาปะปนกันครับ แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 48 16:34:59 จากคุณ : ผีเพื่อนหงส์ - [ 12 มิ.ย. 48 16:32:08 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ^ ^ เข้าใจครับ แค่อยู่กันสองสามคนยังมีความคิดเห็นแตกต่างกันเลย อยากให้มองว่ามันเป็นเครื่องมือมากกว่า เครื่องมือที่ทำให้คนรู้จักกัน รวมกันได้ คนที่ทำได้อย่างคุณเมษาจะมีกี่คนครับ ผมเด็กต่างจังหวัดแถมเพื่อนโรงเรียนมีไม่กี่คน....ขี้อายอีกตะหาก จากคุณ : ยาจกน้อย - [ 12 มิ.ย. 48 16:38:25 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ^ ^ ^ คนที่ทำได้อย่างคุณเมษาจะมีกี่คนครับ ผมเด็กต่างจังหวัดแถมเพื่อนโรงเรียนมีไม่กี่คน....ขี้อายอีกตะหาก --------------------------------------------------------- ว่าเค้าหน้าด้านเหรอ  นี่แน่ะๆๆๆ จากคุณ : เมษาพาเพลิน - [ 12 มิ.ย. 48 16:47:51 ]

ความคิดเห็นที่ 39 - -' เป็นงั้นไป จากคุณ : ยาจกน้อย - [ 12 มิ.ย. 48 17:01:44 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ด้านแต่น่ารักนะ รู้สึกดีขึ้นไหมเนี่ย? อิอิ จากคุณ : เข้ามาตายในหน้าที่ (JFlame) - [ 12 มิ.ย. 48 17:04:56 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ^^* จากคุณ : รักของฉันไม่ได้มีแค่เธอคนเดียว - [ 12 มิ.ย. 48 17:22:43 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ง่ายสุดที่เลย ผมจะ อธิบายให้ฟัง ง่ายๆเลย ละกัน มีคนสอง คน ไปทะเล อีกคนไปภูเขา คนหนึ่งไปทะเล  แล้วกลับมา บอกเพื่อนไม่ได้ไปว่า ทะเลสวยงามกว่าภูเขา อีกคนไปภูเขา กลับมา ก็บอกว่า ภูเขาสวยกว่าทะเล แต่สองคนต่างไม่เคยไป ที่ๆ ตัวเองบอกว่าสวยกว่า ดังนั้นไม่มีไครผิดถูก...........แค่ต่างความคิดกัน ครับ!!! จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า - [ 12 มิ.ย. 48 20:25:47 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เคยรับแต่ น้องๆ ตอนเลิกเรียนอ่ะครับ ไม่ต้องว๊าก  ไม่ต้องร้องเพลงเชียร์ รับ ไปกินข้าวไปดูหนัง เวิ๊กกว่าเยอะ   เอิ๊กส์ จากคุณ : hedgehog - [ 13 มิ.ย. 48 11:13:06 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณคุณเมษามากๆนะคะ กรุณาส่งกระทู้นี้มาที่หลังไมค์ของดิฉันด้วย ถ้าไม่ส่งมาดิฉันคงต้องลิมไปแล้วแน่ๆ ความจำสั้นค่ะ ไม่เครียดนาน ที่สำคัญภาระเยอะด้วย เอาเป็นว่าไหนๆ ก็ไหนๆ เราสองคนความคิดไม่ตรงกัน เพราะเราไม่รู้จักกันมากพอ ดิฉันขอเลือกคุยกับเมษาหลังไมค์นะคะ เพราะเราคู่กัน เอ๊ย เพราะเรื่องส่วนตัวไม่ควรตีแผ่สู่สาธารณะค่ะ (กระทู้ได้ไม่ร่วง) อุ๊ย ขอแก้ข่าวค่ะ ดิฉันไม่สาวโนเนะมาก แต่สวยทีเดียว จากคุณ : light gin - [ 13 มิ.ย. 48 12:13:52 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เราได้เพื่อนจากการรับน้อง เราได้รุ่นน้องที่สนิทๆจากการรับน้อง ถึงทุกวันนี้ก็ยังสนิทกัน ดูแล ช่วยเหลือกัน แล้วคณะเราเชียร์ไม่โหดด้วย ออกแนวสนุกๆมากกว่า เราเลยค่อนข้างมีทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการรับน้อง ไม่ได้บอกว่าควรมี เพราะแค่การที่เราได้เจอบุคคลกลุ่มนึงซึ่งดีกับเรามากๆ มันคงไม่สามารถตัดสินอะไรได้ แต่อย่างน้อย มันรู้สึกดีที่เรามีเพื่อนเยอะทั้งปริมาณ และน่าดีใจกว่ายิ่งกว่านั้นมันรวมถึงคุณภาพด้วย ตอนอยู่ปีหนึ่ง เราไม่ชอบการรับน้องเอาซะเลย เพราะต้องทนกดดัน กับเรื่องต่างๆ แต่หลังจากนั้น ก็ได้เรียนรู้ว่า ชีวิตมันยังต้องเจออะไรร้ายๆที่เราต้องอดทนมากกว่านั้นอีกเยอะ การรับน้องมันกดดัน เครียด แต่มันก็มีวันสิ้นสุด แต่ชีวิตจิงๆ น่ะสิ เวลาต้องเครียดกับงาน เรียน หรืออะไรต่างๆ นานา บางทีมันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจะจบลงตรงไหน ตอนนี้เราเรียนปริญญาโทอยู่ที่มหาวิทยาลัยเดิม ยังไปหามาหาสู่กับรุ่นน้องตามปกติ มีอะไรก็ช่วยเหลือกันตามปกติ ไม่ได้บอกว่าพึ่งพาตัวเองไม่ได้ แต่มันก็คงดีถ้าชีวิตมีใครซักคนคอยดูแล หรืออาจจะดีกว่า ถ้ามีคนมากกว่าหนึ่งคนคอยดูแล ถ้าไม่มีรับน้อง เราคงรู้จักเฉพาะเพื่อนๆในสาขาเรา ซึ่งการที่เป็นรุ่นเดียวกัน มันไม่ได้เป็นการรับประกันเลยว่า คนเหล่านั้นจะจริงใจกับเรา มิตรภาพดีๆ มันอาจมาจากที่ที่เรานึกไม่ถึงก็ได้ เราว่า ใคร พอใจจะทำยังไงก็ทำตามที่ตัวเองสบายใจดีกว่า   ถ้าไม่ชอบการรับน้อง ก็บอกได้เลยว่า ไม่ต้องเข้าเชียร์หรอก ไม่มีใครว่า รุ่นพี่เค้าทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว มันเป็นสิทธิ์ของรุ่นน้อง ส่วนใครที่รับน้องแล้วพอใจกับตรงนั้น ก็โอเค ไปเข้ากิจกรรมเลย ใช้ชีวิตทุกวันให้ตัวเราเองเกิดความพอใจสูงสุดก็พอ เพราะเราไม่รู้ว่า พรุ่งนี้มันจะเกิดอะไรขึ้น ----------------------------------------------------------- DRACO DORMIENS NUNQUAM TITILLANDUS ----------------------------------------------------------- erised stra ehru oyt ube cafru oyt on wohsi ----------------------------------------------------------- แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 48 12:41:56 แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 48 12:37:39 จากคุณ : avada_kedavra - [ 13 มิ.ย. 48 12:35:25 ]

ความคิดเห็นที่ 46 อืมมม  จขกท.ดูจะภูมิใจในความเป็นคนที่ดูแลตัวเองมากโขอยู่นะคะ  แต่คนเราไม่มีใครเหมือนใครบนโลกใบนี้ค่ะ  มุมมอง  ประสบการณ์ ความคิดอ่าน ฯลฯ  สิ่งที่คุณเมษามองก็ถูกค่ะ และที่ ไลท์จินบอกก็ถูกด้วย ถูกมากน้อยตามแต่ประสบการณ์และพื้นหลังของแต่ละคนค่ะต่างคนก็ต่างความคิดกันอยู่แล้วพื้นฐานต่างกัน สมองคนละอัน หัวใจคนละดวงกัน  อยากจะบอกทั้งสองคนว่า มองโลกให้กว้างขึ้น มองให้กว้างและลึกเข้าไปถึงในใจฝ่ายตรงข้าม มองว่าทำไมในเรื่องแบบนั้นเค้าถึงคิดแบบนั้น อย่าลืมว่าโลกเรามีด้านมืดและด้านสว่างเสมอ ในเรื่องเดียวกันบางคนมองจากมุมมืด แต่บางคนมองจากประสบการณ์ที่สว่าง ก็ไม่มีใครผิดใครถูกนี่คะ เพราะกระทู้คือเวทีแห่งการแสดงความคิดเห็น บางทีถ้าเปิดใจได้กว้างพอ ถ้าคุณกลับไปอ่านกระทู้นี้ใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบคุณอาจจะมียิ้มบางๆ ขึ้นบนใบหน้า แล้วได้เพื่อนดีๆ เพิ่มขึ้นมาอีกคนก็ได้ใครจะรู้ ชื่นชมทั้งคู่ค่ะ จากคุณ : devillish girl - [ 13 มิ.ย. 48 13:30:44 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ตายล่ะ.. อิชั้นคือคนที่จบเกรดAภาษาอังกฤษแน่นปึ้ก.. แต่ขายปากกาไม่เป็นคนนั้นรึเปล่านะ.. -_-'' การรับน้องนี่มันไม่ได้ช่วยอะไรในชีวิตการทำงานเลยจริงๆ.. ให้ลงไปดิ้นตาย.. -_-'' ลป. ตกลงคุณจขกท.อยากจะพูดเรื่องรับน้องไม่รับน้องไม่มีความสำคัญ.. หรือจบตรีไม่จบตรีไม่มีความสำคัญกันแน่คะ.. จากคุณ : แมลงสาบเทวีราชินีกะจั๊ว - [ 13 มิ.ย. 48 13:58:44 ]

ความคิดเห็นที่ 48 "มหาวิทยาลัยไม่ได้ให้อะไรเลย  ให้แต่วุฒิปริญญาตรีที่ทำ อะไรไม่เป็นเท่ากับคนจบ ม.3  แถมยังอีโก้สูง  ว่าฉันเป็น คนมีการศึกษานะจ๊ะ ฉันอ่ะ ปัญญาชน" เห็นด้วยครับว่า มหาลัยก็ไม่ต่างจากสมัยเรียนในระดับอื่น ถ้าไม่ร่วมกิจกรรมอะไรเลย สำหรับผมการทำกิจกรรม ทำให้เกิดความแตกต่าง ได้ทำงานกับคน ได้เรียนรู้การ อยู่ร่วมกันกับผู้อื่น ได้รู้จักคำว่า พวกมากลากไป แล้วก็ได้ อะไรอีกหลายอย่าง ถ้าถามผมว่ารับน้องได้อะไร ผมว่า ก่อนหน้านี้เค้าคงใช้มันในการพัฒนา EQ ทำให้เราเรียนรู้ ที่จะพัฒนาความความฉลาดทางอารมณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เรา ยากที่เรียนรู้ได้จากการนั่งเรียนในห้องเรียน แต่เมื่อเวลา ผ่านไป มันกลับถูกบิดเบือนมาเป็นเพื่อความสะใจของ รุ่นพี่ ทุกคนทำเพราะรุ่นที่แล้วก็ทำ สิ่งที่ถ่ายทอดมาคือ วิธีการ แต่แนวความคิดหายไป อย่างไรก็แล้วแต่ ก็มีเด็ก ๆ หลายคนที่เข้าใจและสามารถนำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาใช่กับ ชีวิตตัวเองได้ บางทีเราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เราก็ไม่สามารถบอกได้ หรอกครับว่า มันดีหรือไม่ดี เดินเข้าไปในสวนผลไม้ ในสวนมีทั้งผลไม้สุก ไม่สุก และ ยังมีที่ร่วงลงมาที่พื้นแล้ว คงไม่มีใครเลือกผลไม้ที่ไม่สุก หรือร่วงแล้ว มาทานแน่นอน แต่ในชีวิตจริงบางครั้งเรากลับ เลือกมองในมุมที่เลวร้าย จากคุณ : Alucard - [ 13 มิ.ย. 48 14:48:05 ]

ความคิดเห็นที่ 49 #23 จะบอกว่ามีมุมมองที่กว้างกว่า #22 กับเจ้าของกระทู้ รึเปล่า? "รับน้อง...............ได้อะไรมากกว่าที่คิดนะ...."  <<< ก็จริง "คนที่ไม่เคยเรียนมหาวิทยาลัย ไม่มีรุ่นพี่มาผูกบายศรี  ไม่มีพี่รหัส  น้องรหัส แต่ก็ดำรงชีวิตอยุ่ในสังคมได้เหมือนคนอื่นๆ อีกหลายล้านคนที่ไม่เคยผ่านกิจกรรมรับน้องเหมือนกัน"  <<< ก็จริง "หากถามเราว่า  ทุกวันนี้เราคิดยังไงกับกิจกรรมรับน้อง  คำตอบคือ  สนุกดี  ฮาดี   เอามันส์เหมือนเชียร์กีฬาสี  เชียร์บอลและเข้าร่วมกิจกรรมนี้แน่ ถ้าได้เรียนมหาวิทยาลัย" <<< พูดเหมือนน้อยใจที่ไม่ได้รับน้องเลย รับน้องก็ดี  ไม่รับน้องก็ดี อะไรอะไรก็ดี ขอแค่มีความสุขกับสิ่งที่มีและเป็นอยู่ก็พอ... ว่าแต่รับน้องที่ไหนสนุกเหรอ? ปีหน้าจะได้ Ent เข้าที่นั่น... จากคุณ : อุ๊บอิ๊บน้อย - [ 13 มิ.ย. 48 17:00:48 ]

ความคิดเห็นที่ 50 แน่นอนค่ะ รุ้สึกน้อยใจเล็กๆ ที่ไม่ได้เข้าร่วมรับน้องแบบเต็มๆ เพราะติดงานต้องทำงาน  ไปแจมกะเค้าได้แค่วัน 2 วัน เพราะว่า  มันสนุกอ่ะ  ย้ำ "สนุก  คลายเครียด"   แต่ถามว่า ได้ประโยชน์อะไรไหมในแง่ของการดำเนินชีวิต? ไม่ได้ค่ะ จากคุณ : เมษาพาเพลิน - [ 13 มิ.ย. 48 17:50:02 ]

ความคิดเห็นที่ 51 อี๋อ๋อ กับ #50 ต่อ... มันมีทั้งช่วงสนุก และ ไม่สนุก ปนปนกันไปน่ะ  ส่วนประโยช์นในการดำเนินชีวิต... มันก็มีเหมือนกันหมดแหละ ไม่ว่าจะรับน้อง หรือไม่รับน้อง.... สิ่งที่ได้มานอกจากความสนุกของการรับน้องคือประสบการณ์ในการรับน้อง ที่มีทั้ง สุข เศร้า เหงา รัก ต่างๆกันไปตามแต่ละคณะ มหาวิทยาลัย... (ได้ยินพี่พี่เค้าพูดกันมาน่ะ)(และก็ไม่ได้พูดให้เจ้าของกระทู้รู้สึกน้อยใจเข้าไปใหญ่อีกที่ไม่ได้ไปรับน้อง....) ไปแจมกับเค้า 2 วันก็แค่ส่วนนึง ไม่ใช่ทั้งหมดนี่... สุดท้าย อย่าน้อยใจนิดๆกับการไม่ได้รับน้อง.... จากคุณ : อุ๊บอิ๊บน้อย - [ 13 มิ.ย. 48 18:02:25 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ผมว่านะการรับน้องเนี้ยมันแล้วแต่คนมองน่ะคนที่ไม่เคยรับน้องก็อาจคิดว่ามันไม่จำเป็นคนที่เคยผ่านการรับน้องคงจะมองว่ามันมีประโยชน์เพราะถ้าคุณข้าไปเรียนแล้วคุณคงไม่สามารถรู้จักใครได้มากเท่าไหร่ถ้าคุณไม่ได้ผ่านกิจกรรมอะไรเลยคุณคงจะไปสนิดสนมกับคนอื่นได้ยากหรือไม่ก็คงมีเพื่อนอยู่แล้วอาจคิดว่ามันไม่จำเป็น ความคิดผมนะผมก็คนทำงานคนหนึ่งที่เรียนมหาวิทยาลัยมาก็เงินตัวเองไม่ได้ขอใครจะว่าไม่มีเวลาก็ไม่ใช่นะผมว่าเพราะไงคนเราที่ทำงานอย่างน้อยก็ต้องรู้จักว่าอะไรเป็นอะไรการรับน้องผมก็รับนะถึงจะทำงานก็ตามเพราะมันเป็นกิจกรรมหนึ่งเพราะไงก็รับเฉพาะเวลาที่ไปมหาลัยตามธรรมดาแต่ถ้าเกินเวลาก็คงไม่ไหวบอกรุ่นพี่รุ่นพี่ก็เข้าใจไม่เห็นมีปัญหาอะไรดีซะอีกสนุกดีได้รู้จักเพื่อนที่ร่วมเรียนด้วยกัน ผมว่านะเปิดใจให้กว้างไว้ดีกว่าไม่ว่ามันจะเป็นยังไงคนเรามันความคิดเห็นไม่เหมือนกันไม่เห็นมันมีใครผิดใครถูกแต่เปิดใจยอมรับลองทำก่อนวิจารณ์หรือถ้าไม่รู้จริงก็อยู่เฉยๆดีกว่า เพราะไงคนทำงานหรือขอเงินพ่อมาเรียนก็ต้องการจุดประสงค์เดียวกันก็คือความรู้ ขอเมล light gin ได้ไหม ชอบสไตล์นี้ จากคุณ : คนเดินถนน - [ 13 มิ.ย. 48 22:20:55 A:203.209.102.213 X: TicketID:095495 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ^ ^ ^ หลังไมค์ไปบอกให้แล้วนะคะ  จัดให้ จากคุณ : เมษาพาเพลิน - [ 13 มิ.ย. 48 22:35:37 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ผมว่า เรื่องทั้งหมด มันอยู่ที่วิธีการรับน้องมากกว่า ถ้าคุณรับโหด ก็จะเกิดกรณีอย่างนี้ แต่ถ้าคุณรับแบบ สนุก ๆ  ไม่มีด่า ไม่มีว๊าก ผมว่าเรื่องอย่างนี้คงไม่เกิด คงไม่มีใครหัวเราะ หรือ สนุกจนตายมั้ง หรือว่าถ้ามี ผมว่า ปีต่อไป คนเข้ามหาลัยนั้นเยอะแน่ เพราะ มันรับน้องสนุกสนาน ผมถามหน่อยเหอะครับ (ในฐานะที่เคยผ่านการโดนรับน้องมาก่อน แต่ไม่ได้มีโอกาสไปรับน้องในฐานะรุ่นพี่นะ เพราะออกมาทำงานซะก่อน)   บังเอิญว่าผมผ่านมาแบบโหด  ๆ ซะด้วยสิ     - พวกรุ่นพี่มาด่าผมทำไม(ผมผิดอะไร เพื่อนผมทำผิดคนเดียว ต้องด่าทั้งหมดเหรอ ถ้าคุณว่าการที่คุณด่าทั้งหมด ว๊ากทั้งหมด ซ่อมทั้งหมด ทำถูก งี้ก็แสดงว่ารัฐบาลทำถูกแล้วที่สั่งงดทั้งหมด)   - มาตะโกนทำลายโสตประสาทใส่พวกผมทำไม(ผมว่าพี่พูดดี ๆ พวกผมก็ทำให้พี่แล้วครับไม่ต้องตะคอกหรอก)   - ให้ผมซ่อมทำไม (ทั้ง ๆ ที่กูเอ้ย ผมก็พยายามทำตามคำสั่งของมรึงเอ้ย รุ่นพี่อย่างเต็มที่แล้ว) - แล้วท้ายที่สุด ก็มาทำให้มันซึ้ง ๆ แล้วก็บอกว่า ที่ทำเนี่ยทำ เพื่อให้รุ่นน้องรู้จักกัน และก็เคารพในรุ่นพี่รุ่นน้อง เอ่อ ถามหน่อยเหอะครับ แล้วที่ มรึง เอ้ย รุ่นพี่ ทำ กะ กรู เอ้ย ผม มา 3-4 วัน เนี่ย มันอะไรเหรอครับ คุณทำให้ผมรักและ เคารพคุณตรงไหนเหรอครับ คุณด่าผม ตะคอกผม กดดันผม ให้ผมออกไปทำอะไร อุบาทว์ ๆ  คุณว่า การที่ให้หัวแถวมันอมนมข้น แล้ว บ้วนใส่ปากคนต่อไปเรื่อย ๆ เนี่ย มันทำให้คนเรารักกันตรงไหนครับ ให้พวกผมเข้าไปในห้องมืด ๆ  แล้วเอานมราดตัว นั่งกับเก้าอี้ แล้วให้เพื่อน ๆ ที่ผมก็ไม่รู้ว่าใคร มาเลียเอานมไปให้หมด เนี่ยมันจะรักกันมากเลยใช่ไหมครับ ให้พวกกผม ไปนั่งตากแดดฝึกความอดทนทั้ง ๆ ที่พวกผมก็ไม่ได้ทำผิดอะไร แล้วมาบอกว่าต่อไปต้องนำไปใช้ในชีวิตประจำวันเหรอครับ ผมจะบอกให้ ว่าทุกวันนี้ ผมทำงานแล้ว ไม่เคยต้องนั่งตากแดดนานขนาดนั้นเลย แม้แต่ครั้งเดียว สาบานได้ ให้ฟ้าผ่า คห.ข้างล่างเลยสิเอ้า ผมว่า ที่พวกคุณทำเนี่ย เค้าทำให้เกรง (กลัว) มากกว่าให้รักนะครับ และ ผลที่รุ่นน้องจะได้จากการรับน้องน่ะเหรอครับ 100 ทั้ง 100 ปีหน้าต้องแก้แค้น เท่านั้นแหล่ะครับ (เพราะผมก็มีความคิดเช่นนั้นเหมือนกันนะตอนนั้นน่ะ) จริง ๆ กิจกรรมอย่างอื่น สนุก ๆ มีเยอะแยะ ไม่ทำกัน ทั้ง ๆ ที่จุดหมายมันก็ไปที่เดียวกัน คือ ให้รู้จักกัน รุ่นน้องรักรุ่นพี่ ไม่ต้องมาแสดงอำนาจกันอย่างนี้ด้วยนะ ผมไม่ได้บอกว่าการรับน้องไม่ดีนะ แต่ที่ผมเจอมา มันไม่ดีจิง ๆ แต่ที่อื่นเป็นไง ผมไม่รู้ล่ะ จากคุณ : เคยผ่านมาเหมือนกัน (สมันน้อย เบอร์ 14) - [ 13 มิ.ย. 48 23:03:43 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 14 มิ.ย. 48 02:08:08 ]

ความคิดเห็นที่ 56 #52 ไม่ได้ได้ไหม... จากคุณ : อุ๊บอิ๊บน้อย - [ 14 มิ.ย. 48 07:41:35 ]

ความคิดเห็นที่ 57 #56 นอกหน้าไปนิดนะครับ แต่ผมก็ไม่ให้เหมือนกัน จากคุณ : Alucard - [ 14 มิ.ย. 48 08:44:17 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ก้ออ่านะ จากคุณ : วุ้นใสจ้า - [ 14 มิ.ย. 48 11:03:19 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ชอบการรับน้องค่ะ แต่ไม่ชอบพวก ว๊ากๆ จากคุณ : norikaten - [ 14 มิ.ย. 48 13:00:53 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ถึงเมษา ขอบังอาจเอามา post ในนี้เลยนะ คือ กล่องข้อความเริ่มเต็มทั้งคู่.... Reply 03 แม้ว่าอิ๊บน้อยไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการ แต่อย่างน้อยอิ๊บน้อยก็เคยได้รู้ได้เห็นเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของกิจการบ้าง มาพอสมควร... แม้ว่าเมษาไม่ได้พูดในอารมณ์เศร้าหรือมองโลกในแง่ร้าย แต่อิ๊บน้อยอ่านแล้วกลับรู้สึกว่ากระทู้นี้แฝงกลิ่นอายของความเศร้าไว้เท่านั้นเอง... อิ๊บน้อยเลยต้องการแสดงความคิดเห็นอันต่ำต้อยนี้ให้เมษาได้รับรู้.... แหะๆเปลี่ยนอะไรนิดๆโหน่ยๆ แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 48 13:21:56 จากคุณ : อุ๊บอิ๊บน้อย - [ 14 มิ.ย. 48 13:19:10 ]

ความคิดเห็นที่ 61 #46 ผมเห็นด้วยครับ แต่ละคนจะรับรู้ และ รู้สึก กับการรับน้องไม่เหมือนกันหรอก จขกท เค้ามีประสบการณ์การทำงานแล้ว ใช้ชีวิตโดยไม่ผ่านการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย และ จขกท มองว่าการรับน้องไม่ให้ประโยชน์ใดในการดำเนินชีวิต แต่บางคนที่ จขกท เรียกว่า เด็กแบมือขอเงินพ่อ ขอเงินแม่มา อาจจะรู้สึกต่างไป อย่าลืมว่าแต่ละคนเลือกไม่ได้ว่าจะเกิดมาในสังคม ครอบครัวแบบไหน   ถ้าไม่ใช้คนที่มีจิตใจอัจฉริยะ สำนึกเองได้ตั้งแต่เด็ก ครอบครัว และสิ่งแวดล้อมที่เค้าเจอมา ย่อมมีส่วนอย่างมากในการขัดเกลามุมมองของคนผู้นั้น ไม่ลองมองดูในอีกมุมว่า กิจกรรมอะไรก็ตาม เราเลือกได้ว่าจะทำหรือไม่ทำ สำหรับบางคนหลังจากผ่านกิจกรรมรับน้องแล้ว เค้าอาจจะรู้สึกดี มีความอดทนมากขึ้น มีเพื่อนมากขึ้น เค้าย่อมสนับสนุนให้มีการรับน้องต่อไป แต่กับบางคนที่มองว่ามันเป็นเพียงกิจกรรมเฮฮาไร้สาระ เค้าก็จะได้ไปแค่นั้น มันอยู่ที่คนๆนั้น จะเลือกเอาเอง ถ้าทำไปแล้วรู้สึกว่าไม่ได้อะไร เสียเวลา ก็คิดว่าได้บทเรียนนึง ไว้เตือนตัวเอง แต่ถ้าไม่ลองทำ บางคนก็ไม่รู้หรอกว่าจะเป็นอย่างไร หรือทำแล้วแต่ไม่ได้พัฒนาตัวเอง จากประสบการณ์ตรงนั้น ดักดานอยู่กับอะไรเดิมๆ นั่นมันเป็นที่ตัวบุคคลแล้วหล่ะครับ จากคุณ : GuiLty PLeaSure - [ 14 มิ.ย. 48 22:33:41 ]