ความคิดเห็นที่ 3
ใน 3 ตอนก่อนที่พูดเรื่องเสนอหนัง ยังไม่ได้แนะนำตัว เพื่อให้รู้ที่มาที่ไป ผมขอใช้ประวัติที่เขียนแนบไปให้นายทุนพิจารณามาเรียบเรียง ดังนี้ครับ
นักแสดงคนนี้ต่อไปถ้าเล่นหนัง ต้องได้ตุ๊กตาทองแบบสรพงษ์ ชาตรี แน่ ๆ นี่เป็นคำพูดของ อาจารย์ภาควิชาศิลปะการแสดง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พูดไว้เมื่อคราวที่เขารับเชิญไปเล่นละครเวทีของเพื่อนรุ่นน้องที่ธรรมศาสตร์
นั่นเป็นจุดเริ่มต้นหนึ่งในชีวิตที่ทำให้เขาคิดอยากเป็นนักแสดง มากกว่าที่จะเป็นสถาปนิก ตามที่ได้ร่ำเรียนมากจากรั้วมหาวิทยาลัยศิลปากร เมื่อจบมาทำงานด้านสถาปัตย์ได้พักหนึ่ง ก็พยายามเบี่ยงเบนหาทางเข้าวงการ โดยเริ่มมาจากทางสายละครเวที มีประสบการณ์ทั้งแสดง และออกแบบฉากอยู่ร่วม 10 เรื่อง รวมทั้งครั้งหนึ่งได้เคยมีโอกาสร่วมเป็นตัวแทนประเทศไทย ไปแสดงและออกแบบฉากในงานมหกรรมละครอาเชี่ยน ที่ประเทศบรูไนแต่เขาก็ยังรู้สึก ว่าละครเวทีไม่ใช่สิ่งที่คิดฝันไว้
และในที่สุดความฝันของเขาก็เป็นจริงเมื่อตัดสินใจเดินเข้าไปหา อุดม อุดมโรจน์ ผู้กำกับที่เขาชื่นชอบในงานเลี้ยงคืนหนึ่ง เพื่อขอทำงานด้วย แล้วก็ได้รับโอกาสและความไว้วางใจ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมีประสบการณ์และไม่เคยรู้จักมักคุ้นกันมาก่อน โดยเริ่มต้นที่ตำแหน่งกำกับศิลป์ ในหนังเรื่องใหม่ของอุดม คนป่วนสายฟ้า
ภาพยนตร์เรื่องนั้นทำให้เขาค้นพบว่างานเบื้องหลังภาพยนตร์ มีความน่าสนใจกว่าการอยู่เบื้องหน้า ในฐานะนักแสดง เพราะมันเป็นการรวมศาสตร์ทุกชนิดที่เขารักและสนใจมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็น การแสดง, การถ่ายภาพ, การสร้างเรื่อง, ดนตรี และงานออกแบบด้านศิลปะต่าง ๆ ทุกอย่างนั้นถูกรวมเอาไว้ด้วยกันในภาพยนตร์ โดยผู้สามารถควบคุมทุกอย่างจากจินตนาการให้กลายเป็นความจริงได้ คือ ผู้กำกับภาพยนตร์
หลังจากจบงานคนป่วนสายฟ้า เขาจึงมุ่งมั่นที่จะกำกับหนังให้ได้ โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะใช้เวลา 4 5 ปี เรียนรู้ศาสตร์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับการกำกับหนังโดยการเลือกรับเฉพาะงาน ที่จะให้ความรู้กับตัวเองได้เท่านั้น ตั้งกฎไว้กับตัวเอง ไม่รับงานพร่ำเพรื่อไม่รับงานกับผู้กำกับเดิมซ้ำ เพื่อให้ได้รู้ได้เห็นวิธีการทำงานของคนเก่ง ๆ เป็นการศึกษาแบบครูพักลักจำ
เขาผ่านการเรียนรู้เรื่องมุมมองด้าน Art Direction จากผู้กำกับ อุดม อุดมโรจน์, ยุทธเลิศ สิปปภาค เรียนรู้การกำกับการแสดงเน้นเรื่อง Acting จากผู้กำกับนักแสดงอย่าง นพพล โกมารชุน, มารุต สาโรวาท เรียนรู้ในเรื่องการเขียนบทการเล่าเรื่องและกำกับนักแสดงเป็นกลุ่มใหญ่จาก บัณฑิต ฤทธิ์ถกล สังเกตวิธีการทำงานแบบมีวินัยของกองถ่ายละครญี่ปุ่นในกองของผู้กำกับ Takayoshi Watanabe
อีกทั้งเข้าคอร์สอบรมในด้านทฤษฎีภาพยนตร์วิจักษ์ (จากชมรมวิจารณ์บันเทิง), การแสดง (จากพระจันทร์เสี้ยวการละคร), การเขียนบท (จาก Eotoday ในเครือแกรมมี่), การตลาด (กรมส่งเสริมการส่งออก), การปั้นโปรเจ็คท์หนัง (Bioscope Workshop) รวมถึงศึกษาจากหนังประเทศต่าง ๆ ด้วยการดูหนังจากสื่อหลากรูปแบบไม่ต่ำกว่า 150 200 เรื่องต่อปี โดยเฉพาะเชี่ยวชาญเป็นพิเศษเกี่ยวกับหนังไทย จนครั้งหนึ่งเคยได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้ร่วมแข่งขัน รายการ แฟนพันธุ์แท้ หนังไทย มาแล้ว
อาจจะดูเว่อร์ๆโม้ๆหน่อย เพราะถ้าไม่เขียนแบบนี้นายทุนคงไม่สนใจอนุมัติให้กำกับน่ะครับ
จากคุณ :
ลิงหน้าพระกาฬ
- [
28 มิ.ย. 48 22:40:24
]
|
|
|