CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ขอชี้แจ้งในเรื่องที่ถูกกล่าวหา จากกระทู้รับสมัครงาน{แตกประเด็นจาก A3577937}

    อันที่จริง คนที่น้องคนนี้กล่าวถึงก็คือบริษัทที่ผมทำงานอยู่ด้วย และคนบางคนที่น้องเขาพูดถึงก็คือผมเอง

    อนุสนธิจากการที่ผมประกาศรับสมัครนักข่าวเอาไว้ และทำให้มีน้องๆหลายคนมาสมัครงาน ซึ่งแน่นอนว่า เราต้องคัดเลือกคนที่เหมาะสมที่สุดเข้ามาทำงานด้วย ซึ่งมีอยู่ 4 ตำแหน่ง ทุกคนโทรศัพท์มาหาและมาสมัครกับผมที่ ออฟฟิศข้างล่าง

    แต่น้องเจ้าของกระทู้นั้น ไม่ได้มาสมัครกับผมโดยตรง แต่เดินขึ้นไปสมัครกับฝ่ายบุคคลข้างบนแทน ผมไม่ทราบว่าคุยกันเรื่องเงินเดือนเท่าไหร่ แต่เงินเดือนปริญญาตรีทั่วไปในออฟฟิศผม สตาร์ทขั้นแรกที่ 8,000 บาท จากนั้น 3 เดือนเมื่อผ่านโปร คุณจะได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นมาอีก แล้วแต่ความสามารถ เงินนักข่าวที่ออฟฟิศผม ปัจจุบันนี้ คนละ 12,000 บาท ซึ่งเป็นอัตราตายตัวของนักข่าวทั่วไป

    อย่างที่บอกแล้วว่า น้องเจ้าของกระทู้นั้นไม่ได้มาสมัครกับผมโดยตรง แต่เวลาโทรศัพท์กลับโทรมาหาผมโดยตรง แต่เวลามาสมัครกลับไม่มาหาผม ในวันนั้นที่ผมเจอ ก็เพราะว่า ผมเดินขึ้นไปทำธุระข้างบน แล้วไปเจอเข้าพอดี เพราะมีคนบอกว่า มีน้องมาสมัครนักข่าว ผมก็ร้องอ้าว ทำไมขึ้นมาสมัครข้างบน ทำไมไม่ลงไปหาผม ผมก็เลยเดินเข้าไปทักว่า มาจากพันทิบเหรอ เขาก็บอกว่าใช่ ผมก็ร้องอ้าว อีกทีหนึ่งว่า ผู้ชายหรอกเหรอ ทีแรกนึกว่าเป็นทอม และก็คุยกับน้องเขาสองสามประโยค ก่อนที่จะเดินไปทำธุระต่อ

    ก่อนกลับฝ่ายบุคคลนำน้องเขาลงมาหาผมที่ออฟฟิศข้างล่าง เพื่อให้ผมสัมภาษณ์ เขาบอกว่า ไม่เคยทำข่าวบันเทิง เคยทำแต่การเมือง ซึ่งผมก็บอกว่า ไม่เป็นไร ผมไม่สนว่าคุณจะจบมาจากไหน หรือเคยทำอะไรมา ผมสามารถฝึกได้ เอาไว้ตอนสิ้นเดือนโทรมาสอบถามผลนะครับ ถ้าได้ตอนนั้นก็ให้มาทำงานเลย และผมถามว่า มีกล้องไหม เขาบอกว่าไม่มี ผมบอกว่า ถ้าไม่มีก็ให้เอาคนมาเซ็นสัญญาค้ำให้ ผมจะเบิกกล้องและอุปกรณืทั้งหมดให้ ในกรณีถ้าไม่มีคนค้ำ การค้ำประกัน แค่เอาพ่อ หรือแม่มาเขียนหนังสือไว้เท่านั้น เพราะกล้องที่เบิกไปใช้มันหลายหมื่น ถ้าหายไป ผมเองคงรับผิดชอบไม่ไหวแน่

    จากนั้นน้องเขาก็กลับไป

    ตอนที่น้องเขาเดินกลับไป มีน้องอีกคนหนึ่งซึ่งเรียนจบมาด้วยกันกับเขา เดินเข้ามาหาผม บอกว่า พี่ตะกี้เพื่อนหนูมาสมัครงานหรือคะ ผมบอกว่าใช่ มาสมัครนักข่าว เป็นอย่างไรเหรอ

    เขาก็เล่าให้ฟังว่า นิสัยเป็นอย่างไร เวลาที่อยู่ที่วิทยาลัย

    พูดจัง   และเขายืนยันว่าน้องคนนี้ "แรงมาก"

    อารมณ์ร้าย เอาแต่ใจตนเองเป็นใหญ่จนเพื่อนฝูงไม่ค่อยอยากจะยุ่งด้วย ผมก็ได้แต่รับรู้ไว้ เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจ

    การเอาคนมาทำงานกับคนหมู่มาก ทุกคนจะต้องทำงานกันเป็นทีม ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่ทำงานด้านข่าวบันเทิง มารยาท ภาพลักษณ์ อุปนิสัยสำคัญที่สุด เพราะสังคมบันเทิง เป็นสังคมที่เปราะบาง รู้จักกันทั่วถึง ชื่อเสียงของนิตยสารและหนังสือพิมพ์แต่ละฉบับไม่ได้มาแค่วันเดียว ซึ่งผมในฐานะบรรณาธิการจะทำให้เสียหายไม่ได้

    ผมไม่ได้โกรธว่าน้องคนนั้นขึ้นไปสมัครงาบแผนกอื่น ไม่ได้มาสมัครกับผมโดยตรง ซึ่งตรงนี้ผมมีสิทธิ์ที่จะรับหรือไม่รับก็ได้ ถ้าจะว่าไปแล้ว เพราะคุณไม่ได้มาสมัครกับผม

    ประการที่สอง คุณมาสมัครเป็นคนที่เท่าไหร่ผมจำไม่ได้  แต่ถ้านับน้องที่มาสมัครกจากพันทิบ ก่อนหน้านี้มีมาก่อนคุณแล้ว 10 กว่าคน ถ้าจะจัดอันดับ ผมต้องรับสมัครคนที่มาต้นๆ ซึ่งแน่นอนว่า น้องคนที่มาคนแรก ไม่เป็นอะไรเลย จบแค่ ม.6 ทำงานเป็นพนักงานห้าง แต่ชอบอ่านหนังสือ มาสมัครกับผม ถามหน่อยว่า ทำไมผมถึงรับเขาไว้เป็นนักข่าวฝึกงาน เงินเดือนขั้นต่ำสุด 7000 บาท ตอนนี้เขาทำงานกับผมมาอีกเดือนกว่าๆ ก็จะผ่านโปร แล้ว และทำงานได้ดีด้วย

    ผมไม่ได้รังเกียจน้องคนนั้นที่เป็นเกย์ นักข่าวที่เป็นเกย์มีเยอะแยะไป ซึ่งผมก็สนิทสนมคุ้นเคยกันดี ที่ทำงานผมก็มีน้องนักข่าวที่เป็นเกย์ 2 คน แต่เราทำงานด้วยกันได้ เพราะเขารู้ตัวดีว่าเขาทำหน้าที่อะไรอยู่ เขาสามารถวางบุคลิก ของตัวเองให้ดูดีได้ ไม่จำเป็นที่จะต้อง แจ๋แจ๋น ให้คนรอบข้างมองดูอย่างหมิ่นแคลน

    คนเราจะเป็นอะไร ก็เป็นไปเถอะ แต่อย่างน้อย เราก็ต้อง ดูแลตัวเองด้วยว่า ทำอย่างไร เราถึงจะอยู่ในสังคมนี้ได้เหมือนคนทั่วไป

    สาเหตุสำคัญในการที่ผมรับคนอื่นเข้าทำงานแทนน้องคนนั้น ก็คือ

    1   มีคนมาสมัครก่อนหน้าเขา ซึ่งแน่นอนว่าผมต้องให้โอกาสกับคนอื่นก่อน

    2   ผมต้องพิจารณาจากบุคลอื่นที่รู้จักน้องเขาด้วยว่า อุปนิสัย ใจคอ เป็นอย่างไร เพราะคนที่จะต้องมานั่งทำงานด้วยกัน มันจะต้องเข้ากันได้ ไม่ใช่วาเข้ามาแล้วสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นในองค์กร

    3   คำว่า "แรง" หลายคนคงจะเข้าใจ เพราะแค่ผมไม่รับเข้าทำงาน เขาก็มาโพสกระทู้ด่าผมในนี้แล้ว นั่นคือสิ่งที่สามารถยืนยันคำบอกเล่าของน้องที่เรียนมากับเขาได้ดี

    4  น้องเขาไม่ได้มาสมัครกับแผนกผมโดยตรง แผนกที่เขาขึ้นไปสมัครเป็นคนปฏิเสธว่าจะรับหรือไม่รับเข้าทำงาน แต่เขายังอุตส่าห์ใจดี ถามลงมาว่า ผมจะรับไหม เพราะแผนกเขาไม่รับ และผมก็สอบถามจากทุกคนในกองเพื่อนำมารวมกับการพิจารณาของผมเองแล้ว ว่า ผมคงไม่รับ

    5  ในการตอบปฏิเสธการรับน้องเขาเข้าทำงานในวันที่น้องโทรมาถาม ผมพยายามตอบอย่างถนอมน้ำใจมากที่สุด ว่า ทางฝ่ายบุคคลพิจารณาจากคนอื่นที่มาสมัครเป็นอันดับต้นๆไปแล้ว น้องเขาก็ยังพยายามคาดคั้นผมว่า ทำไมไม่รับเขาเข้าทำงาน ผมให้เหตุผลอย่างไรก็ไม่ฟัง จนผมต้องบอกไปตามตรงว่า "บุคลิกไม่ให้"

    และแนะนำไปว่าถ้าน้องจะไปสมัครงานที่ไหน น้องต้องแต่งตัวใหม่ ตัดผมใหม่ และปรับบุคลิกสักนิด น้องก็จะได้งานทำ (เพราะน้องเขาบอกว่า ตัวเองตกงานอยู่ ไปสมัครที่ไหนก็ไม่ได้) ที่ต้องแนะนำเพราะเป็นว่าเป็นสมาชิกพันทิบด้วยกัน

    6  สิ่งที่ผมจะต้องบอกปฏิเสธ ก็คือ ผมมองถึงอนาคตว่า เมื่อน้องเขาเข้ามาทำงานกับผม 3 เดือน แล้วงานไม่กระเตื้อง ไม่คืบหน้า ไม่ผ่านโปร จะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่อารมณ์แรง คนที่เป็นฝ่ายบริหารจำต้องพิจารณาตรงนี้ด้วยเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดที่หลัง

    7  ข้อนี้คิดว่าทุกคนคงทราบว่า การรับคนเข้าทำงานทุกบริษัทนั้น มีการพิจารณาและมีขั้นตอนอย่างไร
                ขั้นแรก ถ้าบุคลิกไม่ได้ ผมเชื่อว่า หลาบบริษัทคงตัดสินใจเช่นเดียวกับผม
                 ขั้นที่สอง การทำงานทุกที่ ทุกคนจะต้องเทิร์นโปร ขั้นต่ำ 1 เดือน หรืออาจจะ 3 เดือน ถ้าบริษัทนั้นให้โอกาสกับคนเพื่อฝึกฝนงาน

    8    การรับคนเข้าทำงาน เราไม่ได้ต้องรับทุกคนที่มาสมัครงานเข้าทำงานด้วย แต่เราจะรับตามที่บริษัทต้องการ หรือตามความเหมาะสม ดังนั้นแน่นอนว่าต้องมีคนจพนวนไม่น้อยถูกปฏิเสธ และคุณต้องทำใจ

    นั่นคือสิ่งที่ผมลำบากใจ และเมื่อได้มาเห็นกระทู้นี้ของน้องเขา จากสิ่งที่ผมเคยเสียใจที่ว่า ผมได้ปฏิเสธน้องเขาไปในตอนนั้น มาถึงตอนนี้ ผมไม่รู้สึกเสียใจอีกเลย เพราะทุกอย่างได้บ่งบอกแล้วว่า ผมตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้

    จากคุณ : armissara - [ 16 ก.ค. 48 10:24:39 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป