ความคิดเห็นที่ 1 [ผู้ชม] ยังมีบางฉากที่ยังหลุดๆอยู่เช่น ตอนวิ่งขึ้นดอยรองเท้าเปลี่ยนเป็นรองเท้ากีฬา หรือตอนที่โอ๋โดดถีบตั้มกลอนประตูทั้ง 2 ด้านไม่ตรงกัน [ฤทัยวรรณ] เรื่องรองเท้าที่จริงต้องมีซีนก่อนหน้านั้นแต่ตอนที่ตัดต่อไม่ได้เอาใส่ไปด้วยเลยโดดคะส่วนกลอนประตูทั้ง 2 ข้างถ่ายคนละที่แล้วเอามาแมทซ์กันทีหลัง ถ้ามีจุดผิดพลาดคงต้องขออภัยด้วย [ผู้ชม] เรื่องของการอยู่ก่อนแต่ง ในฉากท้ายๆที่ลูกสาวมาลาพ่อกับแม่ไป ในฐานะที่ผมก็มีลูกสาว ผมลองนึกถึงเด็กคนนั้น พอหลังจากเค้ามาลาพ่อแม่แล้ว ผมก็คิดว่าเค้าคงไปนอนกับผู้ชายคนนั้น ไปมีอะไรกัน ผมว่ามันดูทำร้ายจิตใจของพ่อแม่ไปหน่อย ตัวหนังมีบทสรุปให้กับพ่อแม่แล้ว แต่สำหรับตัวลูกสาว หนังไม่ได้บอกเลยว่าหลังจากลูกสาวรู้ว่าพ่อกับแม่เสียใจกับเรื่องของตัวเองไปแล้ว ตัวลูกสาวได้ทำอะไรตอบแทนกลับคืนให้กับพ่อแม่บ้าง มีความละอายใจหรือรู้สึกผิดอะไรบ้างหรือไม่ หนังไม่ได้บอกตรงนี้เลย [ฤทัยวรรณ] พอดีเป็นความตั้งใจที่จะเลือกเล่าเรื่องนี้ผ่านสายตาของพ่อแม่คะ จะสังเกตเห็นว่าอากัปกิริยาของลูกๆที่เราเห็นในหนังเรื่องนี้เนี่ย เป็นเหมือนกับเด็กที่เราเคยเห็นโดยทั่วไป อย่างลูกของพี่นี่ เค้าก็จะเรียกตัวเองว่า ‘หนู’ หรือพูด ‘ขอบคุณคะ’ ถ้าเค้าพูดผิดพี่ก็จะให้พูดใหม่ สำหรับตัวใบตองเราอาจจะเห็นว่าเค้าพูดไม่มีหางเสียงหรือทำอะไรไม่เรียบร้อยไป นั่นเป็นเพราะเราได้มองผ่านสายตาของความเป็นผู้ใหญ่ เพราะฉะนั้นถ้าคำถามคือว่า พี่ไม่ได้คลี่คลายหรือแสดงให้เห็นว่าลูกรู้สึกผิดแล้วต้องทำตัวอย่างไร อันนั้นคือเจตนาอยู่แล้ว เพราะต้องการเล่าเรื่องนี้ผ่านตาของพ่อแม่คะ แล้วคนที่เป็นลูกไปดูหนังก็ต้องคิดเอง อันนี้ดูจากในโรงที่พอหนังจบแล้วเห็นเด็กๆบางคนปาดน้ำตากันซึ่งเราก็เดาเอาเองว่าหนึ่งในนั้นคงจะมีคนที่รู้สึกผิดบ้างไม่ว่าจะเป็นเรื่องอย่างในหนังหรือเรื่องอื่นๆก็ตาม [ผู้ซักถาม] ตรงนี้ทีแรกผมก็รู้สึกเหมือนกันว่าตัวละครหลายตัวที่เป็นรุ่นลูกไม่ได้มีพัฒนาการให้เห็นบ้างเลย ตอนแรกผมหงุดหงิดกับตัววิชาญมากเพราะรู้สึกว่าเค้าไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ถ้าผู้กำกับบอกว่าเป็นมุมมองที่มองจากพ่อกับแม่ก็พอเข้าใจแล้วครับ สรุปแล้วพระเอก-นางเอกจริงๆของเรื่องนี้ก็ยังคงเป็น ตั้มกับโอ๋ใช่มั้ยครับ [ฤทัยวรรณ] คะ ยังเป็นตั้มกับโอ๋อยู่ คือมันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทริปหนึ่ง ซึ่งก็ไม่มีใครบอกได้ว่าพอกลับมาแล้ววิชาญกับใบตองจะอยู่ด้วยกันอีกกี่ปี จะได้แต่งงานกันหรือเปล่า หนังก็ไม่ได้บังอาจจะไปสรุป แต่ไม่ใช่จะละไว้เพื่อทำภาค 5 อย่างที่มีคนถามนะคะ จากคุณ : NUTS - [ 18 ส.ค. 48 17:36:04 ]

ความคิดเห็นที่ 2 [ผู้ชม] ชอบประโยคท้ายๆของหนังคะที่ว่า คนที่เป็นคนขับกับคนที่นั่งข้างหลังนะมันไม่เหมือนกันหรอก ที่ใส่มาในหนังนี่ต้องการจะสื่อถึงอะไรด้วยรึเปล่าคะ [ฤทัยวรรณ] ก่อนอื่นต้องขอบคุณนะคะที่ถามคำถามนี้ ประโยคประโยคนี้เป็นประโยคที่พี่ชอบพูด และตัวเองนี่ก็เป็นทั้งคนขับและเป็นทั้งผู้โดยสารสลับไปสลับมา พอพี่ให้สามีขับพี่ก็เป็นคนโดยสาร บางทีพี่ก็ขับเอง บางทีก็มีแม่สามีซึ่งไม่เคยขับรถเลยแล้วชอบบอกทาง ใครที่เคยขับรถจะรู้ มันมีคำพูดอยู่ว่า คนที่รู้ดีที่สุดเรื่องเด็กนี่ คือคนที่ไม่มีลูก อันนั้นเค้าจะรู้ดีมากเรื่องการเลี้ยงลูก แต่ว่าการเป็นแม่นี่คะ จะต้องเป็นเองถึงรู้ มีหนังการ์ตูนเล็กๆเรื่องหนึ่งของญี่ปุ่นชื่อ My Neighbor's the Yamada's มันจะมีคำพูดของยายที่โดนใจพี่มาก แกจะพูดว่า ‘ผู้ใหญ่เดี๋ยวนี้ชอบบอกว่าเด็กๆน่ะเลี้ยงยาก เป็นเพราะว่าผู้ใหญ่น่ะไม่รู้จักกอดเด็กๆไว้ใกล้หัวใจตัวเองต่างหาก’ อันนี้พาออกไปนอกทางนิดหนึ่ง กลับมาที่การนั่งเบาะหลังกับขับเองที่ว่าไม่เหมือนกันนี่ ในความเชื่อของพี่ ทุกครั้งที่เราเดินทาง แม้ว่าเราจะรู้ว่าจะเดินทางไปที่ไหนการเดินทางของเราในอาทิตย์นี้อาจจะไม่เหมือนอาทิตย์ที่แล้วก็ได้ ทางที่เคยเป็นเดินรถสองทาง วันนี้อาจจะมีการก่อสร้างแล้วกลายเป็นเดินรถทางเดียวก็ได้ ครั้งพอเราไปถึงที่ก็อาจจะมีอะไรเซอร์ไพรซ์ อันนี้ยังไม่นับการที่คนข้างหลังเรารู้ดีกว่าคนข้างหน้าอีก อันนี้ต้องลองประสบเอง ประโยคนั้นหมายถึงชีวิตครอบครัวคะ ต้องลองขับเองแล้วถึงจะรู้ เป็นประโยคเปิดไว้ให้ทุกท่านได้ใช้ชีวิตเอง ใช้วิจารณญาณของตัวเอง [ผู้ชม] กำกับคุณไพรจน์นี่ยากมั้ยครับ [ฤทัยวรรณ] ยากและง่ายคะ คือพี่เอ๋ไพโรจน์นี่ ไม่ว่าเค้าจะเล่นอะไรไปอีกกี่สิบเรื่องเค้าก็จะเป็นตั้มตลอด ตัวเองเห็นเค้าตามที่เค้าเป็นตั้มมาตั้งแต่แรก การกำกับคุณไพโรจน์นี่ ยากตรงที่ต้องจัดที่ทางให้แก แล้วเราก็ชอบแพ้ทางพี่เอ๋ คือแกเป็นทั้งนักแสดงรุ่นใหญ่และเป็นผู้กำกับมาก่อน ก็จะทราบว่ามันมีทั้งรังสีความเก๋า มีสิ่งที่เค้าเชื่อว่าเค้ารู้ดีกว่าเราซึ่งมันก็จริงเพราะเราเป็นมือใหม่ หลังจากได้ใช้เวลาร่วมกันไป 3 คิว ก็เคลียร์กับแก ก็บอกกับพี่เอ๋ว่า พี่เอ๋ขาพี่เอ๋กำกับตั้มนะแล้วอั้มกำกับหนัง เพราะฉะนั้นเวลาที่เป็นบทตั้มนี่ บางอันแกก็จะอิมโพรไวซ์ซึ่งเราก็รู้สึกว่าถ้าให้เราเขียนเองเราเขียนไม่ได้อย่างนี้แน่ๆ แต่พอมีซีนที่ต้องแสดงร่วมกับนักแสดงรุ่นเด็ก สิ่งที่ต้องทำก็คือให้แยกกัน เพราะบางทีพออยู่รวมห้องพักเดียวกันพี่เอ๋แกก็จะโคช ซึ่งบางทีมันไม่ใช่ไดเรคชั่นที่เราต้องการ คือบางทีเราอยากได้อีกแบบหนึ่งซึ่งเป็นแบบของเรา ตรงนี้สำหรับพี่เป็นเรื่องที่ยากและง่ายคะ แต่ว่าได้เรียนรู้ จากคุณ : NUTS - [ 18 ส.ค. 48 17:36:50 ]

ความคิดเห็นที่ 3 [ผู้ชม] เท่าที่ดูในส่วนของนักแสดงรุ่นใหญ่บทหนังจะแน่นมาก แต่พอมาถึงกลุ่มวัยรุ่นนี่ดูแล้วมันยังบางๆถามว่าพี่มีการรีเสิร์ช ข้อมูลบ้างหรือเปล่า และหนักใจมั้ยที่ต้องทำหนังที่มีเรื่องราวของวัยรุ่นนี่   [ฤทัยวรรณ] ไม่หนักใจคะ แต่ว่าถ้าจะให้พี่ตอบว่ามันเป็นวัยรุ่นพอหรือเปล่าสำหรับวัยรุ่นยุคนี้ พี่ก็ขอเปิดให้คนดูที่เป็นวัยรุ่นเป็นคนตอบเองว่ามันวัยรุ่นพอมั้ย สำหรับพี่เองในฐานะที่เป็นผู้กำกับเรื่องนี้ที่ว่าไม่หนักใจเพราะว่ามีวัยรุ่นอยู่ที่บ้าน และตลอดเวลาการทำงานก็มีคนรอบตัวเป็นวัยรุ่นอยู่ตลอด แต่ถ้าเป็นเรื่องความเห็นว่ามันบางไปอันนั้นก็น้อมรับคะ [ผู้ชม] ถ้าหนังจะจับประเด็นวัยรุ่น ผมว่าสังคมวัยรุ่นในสมัยนี้มันมีอะไรอยู่อีกเยอะแยะเลย ทั้งด้านมืดด้านสว่าง แต่ดูเหมือนหนังพยายามจะมองโลกในแง่ดีเลือกมาแต่ด้านสว่าง [ฤทัยวรรณ] ถูกต้องคะ เป็นความตั้งใจของหนังเรื่องนี้ เป็นสิ่งที่เชื่อมาตลอด ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าเราพยายามมองมันในด้านบวกชีวิตก็จะดำเนินต่อไป ก็เลยอยากทำหนังเรื่องแรกที่แสดงทัศนคติของตัวเองคะ [ผู้ชม] วัยอลวน 3 ภาคแรกก็ผ่านมานานมากแล้วคิดอย่างไรถึงได้นำกลับมาสร้างต่อคะ [ฤทัยวรรณ] อันนี้จริงๆแล้ว ตัวต้นความคิดเลยคือพี่เก้งจิระคะ คือพี่เก้งนี่บอกว่า “มันคงจะดีเหมือนกันนะพี่ถ้าจะได้เห็นตั้มกับโอ๋ในยุคปัจจุบัน แล้วสมมุติว่าตั้มโอ๋อยู่ด้วยกันมาแล้วมีลูกสาวเป็นวันรุ่น ไปเจอลูกอยู่กับผู้ชายจะเป็นยังไงบ้างพี่” มันเริ่มต้นประมาณนี้คะ [ผู้ชม-ถามต่อ] แล้วฟีดแบ็คจากคนรุ่นนั้นที่ได้ดูเป็นอย่างไรบ้างคะ [ฤทัยวรรณ] มีคะ แต่เท่าที่ประสบโดยตรงยังไม่มากพอนะคะ แต่ก็มีอยู่จำนวนหนึ่ง และในจำนวนนั้นก็มีคนที่กลัวมากอยู่คนหนึ่งคือคุณ บุญญรักษ์ นิลวงศ์ ซึ่งเป็นเจ้าของคาแรคเตอร์ตั้ม คือเราจะรู้กันในหมู่คนทำ ว่าเราเอาของรักของเค้ามาเล่น ก็กลัวจะทำออกมาไม่ดีแล้วโดนเค้าตื้บเอา แต่ตอนที่เราทำแคมปัสทัวร์ที่ ม. กรุงเทพ ตอนหนังยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี จู่ๆคุณบุญญรักษ์ก็มา ตอนนั้นพี่กลัวมากแต่พอหนังจบแล้วแกก็เดินมากอดพี่แล้วบอกว่า “อั้มพี่ขอบคุณมากตั้มยิ่งใหญ่จริงๆอั้มทำให้คนแก่มีความสุขมาก” หรืออย่างอาเปี๊ยกอาเปี๊ยกแกก็บอกว่า ดีมาก หนังนี่มีอยู่ 3 อย่าง การคุมหนัง อันนี้เราเหมือนไวทยากรคุมวงถือว่าผ่าน แล้วก็มีว่าด้วยการแสดงอันนี้ก็ผ่าน ถ้าจะมีพร่องอยู่ก็เรื่องภาษาหนัง แกบอกว่าถ้าสนใจวันหลังให้ไปหาที่ปากช่อง อาจะเลคเชอร์ให้(ฮา) คือก็มีมาเป็นระยะๆนะคะ แต่ยังไม่มีที่ลบมากๆ จะมีที่ลบอยู่จุดเดียวก็ตรงอยู่ก่อนแต่งนี่แหละคะ จากคุณ : NUTS - [ 18 ส.ค. 48 17:37:52 ]

ความคิดเห็นที่ 4 [ผู้ชม] ในฐานะที่เป็นการกำกับเรื่องแรกและเป็นผู้กำกับผู้หญิงด้วยหนักใจหรือไม่ครับและพอใจแค่ไหนกับภาพยนตร์เรื่องนี้ครับ [ฤทัยวรรณ] หนักใจที่สุดคือตอนที่ตัดสินใจมากำกับคะ คือหนักใจว่าจะรอดหรือเปล่า คือต้องบอกว่าตัดสินใจทำเพราะแรงยุของเก้งกับสิน (ยงยุทธ ทองกองทุน) เค้าพยายามบอกว่า “พี่ทำได้ๆ ถ้าพี่ไม่ทำผมสองคนทำไม่ได้นะ” มันก็ฟังดูดีมากเลย กับการที่เราทำได้แล้วยงยุทธกับจิระทำไม่ได้ (ฮา) อีกเรื่องที่ยากคือขั้นตอนการเขียนบทที่ต้องแก้กลับไปกลับมาหลายครั้ง อย่างสุดท้ายตอนไปออกกอง นอนวันละ 2 ชั่วโมงคะ เชื่อว่าผู้กำกับหนังทุกคนทำหนังเรื่องแรกคงจะรู้ว่าเป็นยังไง แม้ว่าเราจะบอกว่า “ผ่าน” ไปแล้ว แต่ก็ต้องมานอนคิดว่ามันดีหรือเปล่า ลืมอะไรไปหรือเปล่า แต่ว่าพอถัดมาซักคิวที่ 5 ก็จะหลับไปเองด้วยความเหนื่อย แล้วก็มาลำบากใจอีกทีก็ตอนตัด ที่มีคนถามเรื่องรองเท้าเรื่องอะไรต่างๆ ถ้าไปดูอีก 3-4 รอบจะเห็นว่ามีอีก เรื่องความต่อเนื่องอะไรต่างๆบางทีมันจะหายไปตอนตัด เพราะเราเป็นมือใหม่ก็จะเขียนบทไว้ยาวเกินและพอออกไปถ่ายจริงก็จะมีงอกออกมาอีก เพราะฉะนั้นบางอย่างตอนตัดก็จะถูกยกออกสลับที่อะไรบ้าง ส่วนคำถามที่ว่าพอใจแค่ไหน ตอบตรงๆว่าเกินที่ตัวเองคาดหวังไว้มากคะ คือคิดแค่ว่าไม่ถูกด่าก็น่าจะนอนหลับแล้ว แต่ตอนนี้ก็นอนไม่หลับเพราะว่ามีคนชม(ฮา) [ผู้ชม] ฉากที่ถูกตัดไปนี่จะเอาไปใส่ใน dvd รึเปล่าครับ [ฤทัยวรรณ] อันนี้ก็ ... (หัวเราะมองไปหลังโรง) [ผู้ซักถาม] คำถามนี้คนที่ตอบได้อยู่ข้างหลังนะครับ เชิญพี่สิน(ยงยุทธ ทองกองทุน) ตอบหน่อยครับ [ยงยุทธ] อยากดูรึเปล่าละครับ (แน่นอนทุกคนในโรงตอบว่าอยาก) อยากได้เดี๋ยวจัดให้ [ผู้ซักถาม] ถ้าใน dvd ไม่มี พี่สินรับผิดชอบด้วยนะครับ (ฮา) คำถามสุดท้ายผมถามเองแล้วกันครับ ในฐานะที่เป็นผู้กำกับหญิงไม่กี่คนในบรรดาผู้กำกับชายทั้งหมด มีความคิดเห็นอย่างไรกับอาชีพผู้กำกับที่เป็นผู้หญิงในเมืองไทยบ้างครับ [ฤทัยวรรณ] จริงๆพี่อยากให้มีเยอะกว่านี้นะคะ แต่พอมาทำจริงๆถึงรู้ว่ามันเป็นงานที่หนักมากเกินกว่าที่ผู้หญิงสติดีๆจะมาทำ มันมีความเครียดและความหนักทางกายภาพ คือเราต้องออกตีสี่ครึ่ง ต้องออกไปวิ่งขึ้นบันไดลงบันไดจนหน้ามัน แต่ว่าข้อดีของการเป็นผู้หญิงแล้วมากำกับก็มีอยู่มาก เช่นใจเย็น คืองานกำกับมันเสี่ยงต่อการต้องใจร้อนได้ตลอดเวลา สำหรับเราความใจเย็นเป็นข้อบวก แล้วเราก็มีวิธีการแก้ปัญหาอย่างแม่ๆ เรามีวิธีการต้านอุณหภูมิในการทำงานเพื่อให้เราได้สิ่งที่ต้องการคะ จากคุณ : NUTS - [ 18 ส.ค. 48 17:38:37 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ก่อนเราจะจบกิจกรรม คุณปรัชญา ปิ่นแก้ว ก็ได้มีคำกล่าวชื่นชมไปถึงคุณฤทัยวรรณด้วยดังนี้ [ปรัชญา] ขอกล่าวชื่นชมที่ทำหนังเรื่องนี้ออกมานะครับ เรายังหาอะไรแบบนี้ในหนังไทยยากมาก มีวิถีแบบครอบครัวไทยๆ ข้อคิดแบบไทยๆ ซึ่งปกติเวลาดูหนัง ส่วนใหญ่เราจะได้แง่คิดอะไรมาจากหนังต่างประเทศซะมากกว่า ผมเองเป็นผู้กำกับที่โตมากับการดูหนังต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ จะเห็นเรื่องการแฝงคติแง่คิดอะไรต่างๆเหล่านี้มาตลอด แต่กับหนังไทยเรายังหาได้ยากอยู่ เกี่ยวกับประเด็นเรื่องอยู่ก่อนแต่ง เรื่องนี้ผมก็ได้รับรู้มาก่อนจะดูหนังในโรง สิ่งที่หนังสื่อออกมานี่ ถือว่าทำได้ถูกต้องจริงๆ และก็อยากให้ผู้ประกอบการที่ทำหนังไทย ทำหนังดีๆแบบนี้มาอีกเยอะๆครับ งานในวันนั้นจบลงอย่างชื่นมื่น มีผู้กำกับและผู้ชมจับกลุ่มแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันหน้าโรงภาพยนตร์หลังจากออกจาโรงหนังแล้วหลายกลุ่มก่อนจะแยกย้ายกันกลับ และทั้งหมดนี้คือบรรยากาศงาน Q&A วัยอลวน 4 : ตั้ม-โอ๋ รีเทิร์น กับมุมมองชีวิตของผู้กำกับหญิงที่ชื่อฤทัยวรรณ วงศ์สิรสวัสดิ์ครับ ขอบคุณ โรงภาพยนตร์ House ที่เอื้อเฟื้อสถานที่จัดงานเสมอมาครับ แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 48 17:40:33 จากคุณ : NUTS - [ 18 ส.ค. 48 17:40:13 ]

ความคิดเห็นที่ 6 กระทู้ที่เกี่ยวข้อง *** เปลี่ยนบรรยากาศมาคุยกันเรื่อง GTH ดีกว่า *** อย่างที่รู้ๆกันว่าหลังจาก GMM ไท และ หับ รวมกันมาเป็น GTH และได้หนังฮิตอย่าง ชัตเตอร์ และ แจ๋ว มาแล้ว (ไม่ต้องนับ แฟนฉัน ก็ได้) สถาณการณ์ล่าสุดของ มหา'ลัย เหมืองแร่ และ วัยอลวน 4 : ตั้ม-โอ๋ รีเทิร์น ก็อย่างที่เห็นๆกันอยู่ คุณคิดว่า ปัญหาของ GTH ในขณะนี้คืออะไร? และคาดหวังอะไรกับหนัง 3 เรื่องต่อไปอย่าง เพื่อนสนิท หมากเตะ และ เด็กหอ บ้าง? http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A3670460/A3670460.html จากคุณ : NUTS - [ 18 ส.ค. 48 17:43:05 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อ่านจนตาลาย ได้คำตอบหลายๆ เรื่องกระจ่างชัดขึ้น ขอบคุณมากครับ จากคุณ : ++peter++ - [ 18 ส.ค. 48 17:57:20 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่ได้อ่านข้างบนนะคะ แต่อยากบอกว่าชอบเรื่องนี้มากๆคะ ถึงหนังจะทำเงินได้ไม่มากแต่ก็เป็นหนังดีอีกเรื่องนึงคะ จากคุณ : tenoh (tenoh) - [ วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 20:39:26 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณมากครับพี่นัท ที่ถอดเทปมาให้ได้อ่านกัน ^^ ได้เก็บรายละเอียดเพิ่มขึ้นเยอะเลยครับ ปล.อ่านแล้วก็อยากดูอีก จากคุณ : hyde20 - [ 18 ส.ค. 48 22:13:10 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : มันจะดีเหรอคะ - [ 18 ส.ค. 48 22:32:08 ]

ความคิดเห็นที่ 11 วัยอลวน4 เป็นหนังไทยที่ผมรักที่สุดในรอบปีเลยคับ ปล. รอบหน้า ขอจัดใกล้ๆ ได้มั้ยค้าบพี่นัท (^/\^) แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 48 23:12:50 จากคุณ : ตะวันยิ้ม :-) - [ 18 ส.ค. 48 23:08:59 ]

ความคิดเห็นที่ 12 รักหนังเรื่องนี้จริง ๆ จากคุณ : คืนนั้น...ที่ฉันเจ็บ - [ 19 ส.ค. 48 00:33:09 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เสียดายหนังที่ดี มักไม่ค่อยมีคนสนใจ ยังมองข้ามแถมมองในแง่เสียหายไปซะอีก แล้วอีกหน่อยใครจะกล้าสร้างหนังไม่ตามตลาด จากคุณ : [[Joachim]] - [ 19 ส.ค. 48 04:41:07 ]

ความคิดเห็นที่ 14 สำหรับคนที่มีโอกาสดูครบทั้ง 4 ภาค อย่างผม บอกได้คำเดียวว่ามีภาค 5 สมัยตา-ยายก็จะตามไปดู เสียดายแทนคนรุ่นราวคราวเดียวกันถ้าไม่ได้ไปดู ส่วนนึงก็คงเพราะไม่กล้าโปรโมทหนังว่าเรื่องนี้ว่าตั้มกับโอ๋ยังเป็นพระเอกนางเอกเต็มตัว ลูกเขาเป็นแค่ตัวประกอบ ดูจากโฆษณากลายเป็นหนังวัยรุ่น รุ่นลูกเชยๆ ถ้าจะถาม คงไม่ถามแบบที่ผู้ชมส่วนใหญ่ถามหรอก เพราะเข้าใจประเด็นที่หนังต้องการสื่อ และเห็นด้วยกับแนวทางที่เสนอ แต่สงสัยอยู่อย่างเดียว เสียดายที่ไม่มีโอกาสถาม คือทำไมโฆษณาหนังอย่างนั้น น่าจะกล้าๆเสนอให้ชัดว่าตั้มกับโอ๋เป็นพระเอกนางเอก แล้วมีครบเครื่อง ทั้งมุขตลกและเพลงเพราะ(ได้ฟังเพลงเก่าๆ เห็นหน้านักร้องเก่าๆ มีความสุขมาก)  ยังจำลองTypical คนรุ่นตั้ม-โอ๋มาได้ดีเหมือนเดิม    แถมdramaดีกว่าเดิม (หนักกว่าภาค2ที่เป็นdramaมากที่สุดใน3ภาค) แถมมีจุดเด่นใหม่ในภาคนี้คือคำพูดคมๆมีมากกว่าภาคก่อนๆ ผมว่าทำอย่างนั้นคนรุ่นวัยอลวนคงยกขบวนมาดูไม่น้อย ยิ่งมาดูเป็นคู่ยิ่งได้อารมณ์(ไม่ต้องเอาลูกมาเป็นก้างขวางคอหรอก ให้เขาไปดูกับเพื่อนนะดีแล้ว)  ส่วนถ้าห่วงผู้ชมวัยรุ่น  เน้นโฆษณาชีวิตแท้ๆของเด็ก 3 คน น่าดึงวัยรุ่นมาดูได้มากกว่าโฆษณาวิธีบอกรักแบบเห่ยๆ ซึ่งอย่าว่าแต่วัยรุ่นสมัยนี้ คนรุ่นวัยอลวนยังไม่เชยขนาดในโฆษณาเลย จากคุณ : Pom.com - [ 19 ส.ค. 48 08:55:12 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ชอบมากคับดูมาแล้วเสียดายหนังดีๆ ส่วนตัวผมว่า ผมชอบมากพอๆกับแฟนฉันด้วยซ้ำ สนับสนุนความรักของครอบครัวดีมากๆคับ จากคุณ : bigies - [ 19 ส.ค. 48 11:18:19 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อยากให้เอาภาคแรกๆมาทำดีวีดีน่ะ ดูสมัยเด็กๆลืมเรื่องไปหมดแล้ว จำได้อยู่ฉากเดียวตอนจบ ตั้มโอ๋แต่งงานกัน แล้วตั้มต้องมาขอเงินจากโอ๋ก่อนออกจากบ้าน จากคุณ : ม้าหงอย - [ 19 ส.ค. 48 13:23:18 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ตกลงรายได้เป็นไงอ่ะคะ อยากเชียร์ให้ได้ มากกว่า 40 ล้านขึ้นไป อืมมม ทำไมหนังดีๆ ให้แง่คิด ดูก็สนุก แล้วคนไม่ดู ทำไมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่หนังเบาสมอง ดูสนุกอย่างเดียวกลับทำเงินๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : Lana - [ 19 ส.ค. 48 20:41:34 A:58.10.133.248 X: TicketID:015780 ]

ความคิดเห็นที่ 18 แฟนฉัน เป็นหนังของ หับฟิล์ม ยังไม่ได้เป้น GTH นิ เห็นทำเงินหน่อย เอามานับรวมเลยรึ ? แล้วถ้าเจ๊งอีกเรื่อง อย่าลืมปิดบริษัทฯ อย่างที่ประกาศล่ะ เดี๋ยวจะเหมือนตอนสัญญาว่าจะพาน้องๆ แฟนฉันไปเที่ยวญี่ปุ่น แล้วเบี้ยวซะงั้น เหอ เหอ จากคุณ : ขี้ตู่ - [ 30 ส.ค. 48 23:13:26 A:61.91.111.110 X: TicketID:106948 ]