|
ชาวแม่อายเฮศาลปกครองสูงสุดคืนสัญชาติไทย
ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ ชาวบ้านแม่อายปลื้มใจน้ำตานองหน้า ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาตัดสินคืนสัญชาติไทยให้ชาวบ้าน 1,243 คน หลังพิจารณาพบประกาศอำเภอแม่อายที่ให้เพิกถอนชื่ออกจากทะเบียนบ้านเป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ด้านทนายความเผยอาจประชุมหารือชาวบ้านฟ้องคดีแพ่งเรียกค่าเสียหาย ขณะที่ สว.ระบุเป็นสุดยอดคดีแห่งปีและชัยชนะแห่งสิทธิมนุษยชน วันนี้(8 ก.ย.48) ชาวบ้านจากอำเภอแม่อายประมาณ 500 คน ได้เดินทางมาที่ศาลปกครองเชียงใหม่ เพื่อที่มารับฟังการอ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีที่ชาวบ้านอำเภอแม่อาย รวมตัวกันฟ้องกรมการปกครอง จังหวัดเชียงใหม่ และนายอำเภอแม่อาย ที่ออกประกาศจำหน่ายชื่อชาวบ้านจำนวน 1,243 คน ออกจากทะเบียนบ้าน เนื่องจากเห็นว่าเป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยเวลา 14.00 น.ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 2 ศาลปกครองเชียงใหม่ ได้อ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงที่ อ.117/2548 ระหว่างนางผ่องศรี อินหลู่ กับพวกรวม 866 คน ผู้ฟ้องคดี กับกรมการปกครอง ที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่ ที่ 2 นายอำเภอแม่อาย ที่ 3 เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ศาลปกครองสูงสุดได้พิพากษาว่า การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ได้มีประกาศอำเภอแม่อาย ลงวันที่ 5 ก.พ.45 ให้จำหน่ายชื่อและรายการบุคคลรวม 1,243 คน ซึ่งรวมถึงผู้ฟ้องออกจากทะเบียนบ้านนั้น เป็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐ ในการออกคำสั่งอันมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสถานภาพของสิทธิ หรือหน้าที่ของบุคคลเป็นการถาวร ทำให้บุคคลดังกล่าวที่เดิมเคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน(ท.ร.14) เคยมีบัตรประจำตัวประชาชน ต้องถูกถอนชื่อออกจากทะเบียนบ้าน ไม่มีสัญชาติไทยและต้องคืนบัตรประจำตัวประชาชนให้กับทางราชการ คำสั่งดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งทางปกครองตามมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 เมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ไม่ได้แจ้งให้ผู้ฟ้องคดีทั้งหมดซึ่งจะเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากประกาศได้รับทราบว่า จะต้องถูกเพิกถอนชื่อออกจากทะเบียนบ้าน จะต้องถูกเปลี่ยนสถานะจากสัญชาติไทยไปเป็นชนกลุ่มน้อย ทำให้ผู้ถูกฟ้องคดีไม่มีโอกาสได้โต้แย้งหรือแสดงหลักฐานตามมาตรา 30 แห่ง พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 ดังนั้น ประกาศของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ดังกล่าว จึงเป็นคำสั่งทางปกครองที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และพิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นเป็นให้เพิกถอนประกาศอำเภอแม่อายลงวันที่ 5 ก.พ.45 ทั้งฉบับ และให้มีผลต่อผู้ถูกกระทบจากประกาศดังกล่าวทุกคน หลังจากที่มีการอ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดเสร็จสิ้น ซึ่งมีผลให้ชาวบ้านแม่อายทั้ง 1,243 คน จะได้รับสัญชาติไทยคืนนั้น ทางกลุ่มชาวบ้านประมาณ 500 คน ที่มารอรับฟังคำพิพากษาอยู่บริเวณด้านหน้าศาลปกครองเชียงใหม่ ต่างโห่ร้องด้วยความดีใจ พร้อมทั้งนำพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ออกมาชูขึ้นเหนือหัว รวมทั้งนำธงชาติไทยออกมาโบกสะบัดไปมา โดยชาวบ้านหลายคนดีใจจนไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้ต้องร้องไห้ออกมาด้วยความปลาบปลื้มที่จะได้รับสัญชาติไทยคืน นายวินิจ ล้ำเหลือ ประธานอนุกรรมการสิทธิมนุษยชน ด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติและแรงต่างด้าว สภาทนายความ ในฐานะทนายความผู้ฟ้องคดี กล่าวว่า การที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา ให้เพิกถอนประกาศอำเภอแม่อายลงวันที่ 5 ก.พ.45 เป็นผลที่จะทำให้ชาวบ้านแม่อายทั้ง 1,243 คน ที่ถูกเพิกถอนชื่อออกจากทะเบียนบ้านจะได้รับสัญชาติไทยคืนทั้งหมด ทั้งนี้ เพราะประกาศดังกล่าวไม่ได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจ ให้ชาวบ้านได้รับทราบโดยละเอียด และไม่ได้ให้สิทธิชาวบ้านในการโต้แย้งแสดงหลักฐานใดๆ เลย จึงถือว่าประกาศดังกล่าวไม่ได้มีการปฏิบัติตามวิธีการปฏิบัติราชการทางปกครอง ส่วนการดำเนินการต่อไปของชาวบ้านทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบจากประกาศดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมาจะมีการฟ้องร้องทางแพ่งหรือไม่นั้น จะมีการประชุมหารือกันอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป ขณะที่นายจรัล ดิษฐาอภิชัย กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางกลุ่มชาวบ้านแม่อายได้พยายามต่อสู่เพื่อรักษาสิทธิของตัวเองด้วยความจริงและความตรงไปตรงมา โดยที่กรรมการสิทธิมนุษยชนได้ยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือในทุกๆ ด้านอย่างเต็มกำลังความสามารถที่มี คำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดที่ตัดสินให้เพิกถอนประกาศอำเภอแม่อายฉบับดังกล่าว และเป็นผลให้ชาวบ้านทั้ง 1,243 คน ได้รับสัญชาติไทยคืน จึงอาจจะถือได้ว่าเป็นชัยชนะแห่งสิทธิมนุษยชนอย่างแท้จริง และเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่าศาลปกครองเป็นที่พึ่งพิงของประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนได้เสมอ ส่วนนางเตือนใจ ดีเทศน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงราย และกรรมาธิการกิจการสตรี เยาวชนและผู้สูงอายุ วุฒิสภา กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาออกมาว่าคำสั่งอำเภอแม่อายฉบับดังกล่าวเป็นคำสั่งที่มิชอบ เพราะไม่ได้เปิดโอกาสให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบโดยตรงได้ชี้แจงและพิสูจน์ตัวเองเลย ทั้งนี้เชื่อว่าผลจากคดีจะเป็นแบบอย่างในการแก้ไขปัญหาสิทธิและสถานะบุคคลทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ต่อไปด้วย ขณะเดียวกันยังจะเป็นแบบอย่างเกี่ยวกับการใช้คำสั่งทางปกครองอย่างไม่ชอบธรรม ที่ทำให้หน่วยงานของรัฐจะต้องมีความรอบคอบและตระหนักถึงสิทธิบุคคลมากกว่าที่ผ่านมา โดยส่วนตัวมองว่าคดีนี้เป็นคดีสุดยอดแห่งปี เป็นชัยชนะที่เกิดจากการรวมพลังอย่างเป็นปึกแผ่นของกลุ่มชาวบ้านแม่อายผู้ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตามเห็นว่ายังจะต้องมีการรวมตัวกันต่อเพื่อผลักดันให้คำพิพากษาของศาลปกครองมีผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด นางเตือนใจ กล่าว ด้านนางไอ้ เทียนวัน อายุ 45 ปี ชาวบ้านอำเภอแม่อาย ที่ได้รับสัญชาติไทยคืน กล่าวขณะที่มีน้ำตาคลอเบ้าว่า รู้สึกดีใจกับคำพิพากษาเป็นอย่างมากจนแทบจะพูดอะไรไม่ออก เพราะหลังจากนี้จะทำให้ลูกๆ ของตัวเองทั้ง 3 คน ได้รับสิทธิเท่าเทียมเหมือนกับคนไทยคนอื่นๆ รวมทั้งสามารถศึกษาต่อได้ ขณะที่นายคะแสง นานานิคม อายุ 38 ปี ชาวบ้านแม่อายอีกคนหนึ่ง กล่าวว่า ดีใจที่ได้รับสิทธิที่ควรจะได้คืนมาเพราะชาวบ้านแม่อายทุกคนที่ถูกถอนสัญชาติไปนั้นเป็นคนไทย ที่ผ่านมาชาวบ้านจำนวนมากต้องได้รับผลกระทบจากประกาศดังกล่าวมาตลอด 3 ปี ต้องสูญเสียโอกาสต่างๆ มากมายที่ควรจะได้ไป แต่หลังจากนี้จะได้รับสิทธิและโอกาสเหล่านั้นคืนแล้ว
โดย ผู้จัดการออนไลน์
๐๐๐๐๐๐ ทรัพย์จากผืนดิน สินจากนที มิสิทธิ เสรี สันติ ครองเมือง ยินดีด้วยค่ะ
จากคุณ :
ความตาย
- [
8 ก.ย. 48 19:02:54
]
|
|
|
|
|