CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    "กระเป๋าไร้ขอบเขต" ... เอากระทู้เกี่ยวกับโดราเอมอนไปอีกซักกระทู้แล้วกันนะ เพื่อใครยังไม่ได้อ่าน

    ช่วงนี้เห็นกระทู้เกี่ยวกับ "หุ่นยนต์แมวสีฟ้าจากโลกอนาคต" บ่อยๆ อาจเพราะเป็นช่วงครบรอบ 9 ปีการจากไปของผู้ให้กำเนิดโดราเอมอนนะครับ

    ผมเซฟข้อความต่อไปนี้มาจากเว็บมติชนเมื่อ 2 ปีที่แล้วครับ เผื่อว่าใครยังไม่ได้อ่านก็ลองอ่านดูนะครับ

    ปล. ผมอยากได้บทความที่นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ เขียนลงในมติชนสุดสัปดาห์ นานมาแล้วครับ ใครพอจะมีบ้าง ที่เป็นการวิเคราะห์ว่าทำไมโดราเอมอนถึงสามารถครองใจคนอ่านได้อย่างยาวนาน

    **********

    ร่มรื่นในเงาคิด

    สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

    กระเป๋าไร้ขอบเขต

    แม้ไม่ได้เป็นแฟนพันธุ์แท้ หรือแฟนผู้เหนียวแน่น ของ "โดเรมอน"

    แต่เมื่อลองย้อนถามตัวเองว่า ถ้าหลับตาลง การ์ตูนเรื่องไหนที่ "มีรายละเอียด" ตกค้างอยู่ในสมองมากสุด

    ก็คงการ์ตูนเรื่องนี้แหละ--โดเรมอน

    เลยเกิดอาการ "เอ็นดู" ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ที่ส่งหนังสือ "สารานุกรมของวิเศษในกระเป๋าโดเรมอน" ของสำนักพิมพ์นานมีบุ๊ค มาให้

    และให้ความเอ็นดูเพิ่มขึ้นไปอีก สำหรับความเอาจริงจังของ "ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ" ที่รวบรวมของวิเศษในกระเป๋าโดเรมอนมาให้เราอ่าน และ อนุสรณ์ สถิรรัตน์ แปลมาเป็นภาษาไทยอีกทอดหนึ่ง

    สารานุกรมนี้ จัดทำขึ้นเมื่อปี 1994 หรือเมื่อ พ.ศ.2537 ในวาระครบ 20 ปี ของโดเรมอน

    ไม่น่าเชื่อว่า ในกระเป๋าเล็กๆ ที่อยู่หน้าท้องของเจ้าแมวตัวสีฟ้านั้นถึงแค่เพียงปี 2537 จะมี "ของวิเศษ" มากมายถึง 1,300 ชนิด ซึ่งเมื่อนำมาพิมพ์เป็นเล่มแล้ว ปรากฏว่าได้เล่มขนาดเขื่องหนา 384 หน้าเลยทีเดียว

    ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ อธิบายว่า ที่มีของมากมายในกระเป๋าโดเรมอนนั้นเนื่องจากในกระเป๋าดังกล่าวเป็นช่องว่างที่ไร้ขอบเขต เรื่องขนาดและน้ำหนักของของวิเศษจึงไม่เป็นปัญหา และมีของเตรียมพร้อมไว้ให้หลายสิบอย่าง เวลาจะใช้ก็แค่เอามือหยิบออกมา

    ขอให้ "จินตนาการ" ไปให้ถึงเท่านั้นแหละ--กระเป๋าโดเรมอนตอบสนองได้ทั้งนั้น



    ว่าไปแล้ว กระเป๋าโดเรมอน อาจถือเป็น "เสน่ห์" สูงสุดของการ์ตูนมหากาพย์เล่มนี้เลยก็ได้

    เพราะของ "วิเศษ" ที่นำมาแต่ละชิ้น ต้องใช้ "จิตนาการ" อย่างสูง จึงจะเค้นออกมาได้

    ผู้ผลิตการ์ตูนโดเรมอน จึงเปรียบเสมือนบริษัทผลิตของวิเศษไม่จำกัด และร่ำรวยจินตนาการมากกว่าใครๆ ในโลกก็ว่าได้

    และที่สำคัญไม่ได้จบอยู่เพียงคิดของวิเศษออกมาเท่านั้น หากแต่ต้องแปรมาเป็นภาพให้ผู้อ่านจับจ้องด้วยสายตาให้ได้ และที่เยี่ยมไปกว่านั้นก็คือ ต้อง "หักมุม" ในช่วงสุดท้ายอันเป็นจารีตของโดเรมอนไปแล้วว่า แม้ขอวิเศษนั้นจะดีสุดยอดอย่างไร

    แต่ "ไม่มีอะไรฟรีในโลกนี้หรือโลกไหนๆ"

    เมื่อได้สิ่งวิเศษตรงนี้ ก็ต้องมีเสียที่ตรงอื่น

    โนบิตะ จึงมีความสุขกับของวิเศษไปเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น และเมื่อเริ่มใช้ของวิเศษอย่างไม่บันยะบันยัง ไม่มีขอบเขต ไม่รับผิดชอบ "ของวิเศษ" เหล่านี้ก็พร้อมจะเป็น "ของเสีย" ที่หันกลับมาเล่นงานผู้ใช้เสมอ

    โดเรมอน จึงสุดยอดอยู่กับการขมวดปมสุดท้าย ที่บอกกับคนอ่านโดยเคร่งครัด ว่า "ของวิเศษ" ไม่ใช่ "ที่สุดของที่สุด" ที่จะบันดาล "ความสุข" ได้ตลอดไป มีองค์ประกอบและข้อจำกัดที่เรานึกไม่ถึงอยู่เสมอ และถ้าเราใช้ไม่ดี ก็มีสิทธิเป็นผลเสียได้ ไม่วันนี้ก็วันหน้า อย่างไม่มีข้อยกเว้นใดๆ



    "สารานุกรมของวิเศษในกระเป๋าโดเรมอน" นอกเหนือจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับของวิเศษแล้ว ยังมีการให้ข้อมูลพื้นฐานอันสำคัญของโดเรมอนด้วย

    เช่น วันเกิดของโดเรมอน จำได้ไหม วันที่ 3 กันยายน ค.ศ.2112 หรือ 2655 ข้างหน้าโน้นไง

    โดเรมอนเป็นหุ่นยนต์แมวที่ถูกสร้างโดยโรงงานผลิตหุ่นยนต์ เป็นสินค้ามี่มีตำหนิ จึงถูกขายทอดตลาดในห้างสรรพสินค้าเซวาชิ หลานของหลานของโนบิตะจึงซื้อมา แล้ววันหนึ่งโดเรมอนก็นั่งไทม์แมชีนมาที่บ้านโนบิตะ

    ตัวโดเรมอนเป็นสีฟ้าทั้งหมด มีเอกลักษณ์ไม่มีหู ทั้งที่ตอนแรกตัวสีเหลืองและมีหูด้วย เมื่อฤดูร้อนตอนอายุ 10 ปี ขณะโดเรมอนนอนกลางวันอยู่เขาถูกหนูแทะหูแหว่ง จึงช็อกอย่างแรง ตัวจึงกลายเป็นสีฟ้า

    นับตั้งแต่นั้นมาโดเรมอนจึงเกลียดหนูยิ่งกว่าสิ่งใด

    ขณะเดียวกัน หนังสือเล่มนี้ ยังให้ข้อมูลอีกว่า ในโลกแห่งความเป็นจริง การ์ตูนโดเรมอน ได้สร้างสิ่งมหัศจรรย์ที่น่าทึ่งเอาไว้ด้วย

    เช่น เป็นการ์ตูนขนาดพ็อกเก็ตบุ๊กที่ออกเล่มแรกเมื่อปี พ.ศ.2517 พอถึงปีที่ 20 ถูกตีพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ต่ำกว่า 750 ล้านเล่ม (ปัจจุบันไม่รู้ว่ายอดทะลุเท่าไหร่ อาจจะใกล้ๆ 1,000 ล้านเล่มแล้วก็ได้)

    เฉพาะเพียง 750 ล้านเล่มนั้น เมื่อนำมาเรียงกันตามแนวนอน จะเรียงได้รอบโลก 3 รอบ และถ้าเรียงซ้อนกัน ก็จะสูงเป็น 3 เท่าของความสูงของกระสวยอวกาศโคลัมเบียที่โคจรอยู่รอบโลกเลยทีเดียว

    นอกจากนี้ การ์ตูนโดเรมอนได้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์เมื่อปี พ.ศ.2523 ปรากฏว่าได้รับความนิยมอย่างสูง ข้อมูลจนถึงปี 2537 ถ้าเราจะนั่งดูภาพยนตร์การตูนโดเรมอนต่อเนื่องจนจบจะต้องใช้เวลา 24 ชั่วโมงทีเดียว

    ถึงปี 2537 มีผู้ชมไปแล้วประมาณ 48 ล้านคน ถ้าถึงปัจจุบันตัวเลขอาจจะทะลุ 80 ล้านคนแล้วก็เป็นไปได้

    จากสถิติเหล่านี้ คงเห็นแล้วว่า โดเรมอน ได้รับความนิยมจากผู้คนมากมายและยาวนานเพียงใด



    ถ้าโดเรมอนมานั่งต่อหน้าเรา ลองจินตนาการเล่นๆ ดูสิว่าจะขอให้เขาหยิบของวิเศษอะไรออกมาจากกระเป๋า

    สำหรับผู้เขียน จะขอให้โดเรมอนหยิบเอาตุ๊กตาซื่อตรงออกมา

    เพราะตุ๊กตาซื่อตรงนี้ มีคุณสมบัติสำคัญคือ ใครอุ้มตุ๊กตาตัวนี้เอาไว้ แล้วคิดอะไรในใจ ตุ๊กตาตัวนี้จะถ่ายทอดความนึกคิดออกมาให้รู้ว่าคิดอะไรอยู่อย่างซื่อตรงไม่ผิดเพี้ยน

    ปากใครไม่ตรงกับความในใจก็จะได้รู้กัน

    จากนั้นจะเอาตุ๊กตาตัวนี้ไปให้นายชูวิทย์กับนายตำรวจทั้งหลายแหล่ที่กำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้อุ้ม จะได้รู้ความจริงเสียทีว่าในใจคิดอะไรอยู่ และใครโกหกกันแน่

    ความจริงเป็นอย่างไร จะได้ปรากฏเสียที

    สาดโคลนกันไปมาน่าเบื่อ

    **********

    แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 48 20:12:03

    แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 48 11:10:30

    จากคุณ : น้องน้ำหวานใจร้าย - [ 24 ก.ย. 48 11:09:40 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป