ความคิดเห็นที่ 1 ทีนี้มาว่ากันด้วยเรื่องของ วัคซีน เนื่องด้วยโรคนี้ "รักษาไม่ได้ ตายอย่างเดียว ถ้าเกิดเป็นแล้ว" เพราะงั้นการให้วัคซีนไม่ว่าก่อนหรือหลังถูกกัดจึงมีความจำเป็น 1. ในประเทศที่มีภาวะเสี่ยงสูง และอัตราการเป็นโรคพิษสุนัขบ้าสูง ให้ถือว่า การโดนกัดหรือข่วน จากหมา/แมว และสัตว์อื่นๆในกลุ่มนี้ เป็นภาวะเสี่ยงต่อโรคพิษสุนัขบ้าทั้งหมด !!! 2. 2.1 vaccine คือสิ่งที่ให้เข้าไปในร่างกายเรา แล้วเราสร้างภูมิต้านทานขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรคจำเพาะชนิดของวัคซีนนั้นๆ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งในการสร้างภูมิคุ้มกัน 2.2 immunoglobulin ไม่ใช่ vaccine เป็นคล้ายๆกับภูมิต้านทานที่เราสร้างนี่แหละ แต่เราสามารถสร้างมันจากห้องแลปจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นได้ เพื่อใช้ฉีดเพื่อต้านกับโรคหนึ่งๆใดๆที่ต้องการ การรักษาที่เร่งด่วนไม่อาจรอร่างกายสร้างภูมิต้านทานเองได้ทัน 3. การรับวัคซีนแบ่งได้ใหญ่ๆ 2 แบบคือ.... 3.1 pre-exposore vaccination การรับวัคซีนแบบกันไว้ก่อนที่จะสัมผัสกับเชื้อ การรับวัคซีนวิธีนี้จะเป็นวิธีที่สร้างภูมิต้านทานบางส่วนในร่างกาย แต่จะไม่สามารถป้องกันโรคนี้ได้ 100% (หวังว่าถ้าเชื้อน้อยๆอาจช่วยได้โดยไม่ต้องฉีดซ้ำ เช่นในกรณีบางทีเด็กๆเล่นกับสัตว์แค่โดนข่วนนิดหน่อย) ถ้าสัมผัสกับโรค ยังต้องไปรับวัคซีนเพิ่มอยู่ดี การฉีด จะฉีดทั้งหมด 3 เข็ม โดยเริ่มจาก เข็มแรก - วันเริ่มต้น (day 0) เข็มสอง - 1สัปดาห์หลังจากนั้น (day 7) เข็มสาม - 3-4สัปดาห์หลังจากนั้น (day 21-30) หลังจากนั้นก็กระตุ้นทุก 3-5 ปี (แล้วแต่การศึกษา ของเก่าบอก3 ของใหม่บอก5ก้ได้ แต่เอกสารจำนวนมากยังระบุว่า 3) หลังจากนั้น ถ้าสัมผัสกับโรค ก็ฉีดกระตุ้นด้วยวัคซีนอีก 2-3 เข็ม(ตำราเขียนไม่เหมือนกัน แต่โดยทั่วๆไป 2 เข็มก็ไม่มีปัญหาหละ) ถ้า 2 เข็มก็ฉีด วันที่เร็วที่สุดหลังสัมผัสโรค (day 0) แล้วก็เข็ม 2 ในอีกสามวันถัดไป (day 3) ถ้า 3 เข็มก็เพิ่ม 7 วันหลังเข็มแรกไปอีก 1 ครั้ง (day 7) ทั้งนี้ วิธีฉีดแบบ pre-exposure นี้ใช้กันน้อยมากสำหรับคนไทย ยกเว้นผู้ทำงานเกี่ยวข้องกับสัตว์ ซึ่งถ้าคนทำงานใกล้ชิดกับสัตว์มากๆ อาจฉีดซ้ำทุก1ปีเลยก็มี (อันนี้ต้องไปถามสัตวแพทย์ดู ไม่รู้เค้าใช้ protocol อาราย แค่เคยมีสัตวแพทย์เล่าให้ฟังแต่ตอนนั้นไม่ได้ซักรายละเอียด) 3.2 post-exposure vaccination การรับวัคซีนหลังสัมผัสเชื้อแล้ว โดยไม่เคยมีภูมิคุ้มกันมาก่อน ดังกล่าวไว้ข้างต้นว่า..... ในการให้วัคซีนใดๆก็ตาม ต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งเพื่อรอให้ร่างกายสามารถสร้างภูมิได้สูงพอกับการต่อต้านเชื่อนั้นๆ ในกรณีพิษสุนัขบ้าก็เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นหลังๆมานี้ ทาง WHO ได้ออกข้อแนะนำเป็น protocol มาเลยว่า ทุกคนที่มีแผล !!!! ควรจะต้องใช้วิธีตาม protocol นี้ เพื่อความปลอดภัย 100% เนื่องด้วยโรคนี้รักษาไม่ได้ ถ้าพลาดก็คือ "ตาย" การรับวัคซีนในกรณีนี้แหละ ที่เป็นปัญหาที่จะยกมาพูดในทีนี้ !!! เพราะมีการใช้กันผิดๆจำนวนมากทีเดียว วิธีการที่แนะนำโดย WHO คือ................ต้องรับยาสองชนิดร่วมกัน คือทั้ง vaccine และ immunoglobulin - วัคซีน 5 เข็ม ตามกำหนดเวลา Day0 - Day3 - Day7 - Day14 - Day28(-30) - Rabies Immunoglobulin ให้ร่วมกับวัคซีนเข็มแรก(D0) โดยคำนวนตามน้ำหนักตัว ปริมาณครึ่งหนึ่งควรให้ที่บริเวณที่ถูกกัดหรือมีแผล(ถ้าแผลเล็กก็ลดปริมาณแล้วที่เหลือเข้ากล้าม) อีกครึ่งฉีดเข้ากล้ามเนื้อตามปกติ จากคุณ : dragonite - [ 19 ต.ค. 48 13:53:21 ]

ความคิดเห็นที่ 2 *** ซึ่งตรงนี้เองที่ปฏิบัติผิดกันค่อนข้างมาก เพราะแพทย์ไทยได้รับการสั่งสอนกันมาโดยหลักสูตรโบราณสมัยก่อนว่า.... 1. รอดูอาการหมาได้ ---> อันนี้หมอส่วนใหญ่มักจะรู้แล้วว่าไม่ได้ แต่ยังมีบางส่วนที่ยังโบราณมากก็มี 2. ถ้าแผลไม่ใหญ่เหวอะหวะมากมาย ไม่ใช่จุดสำคัญ(เช่น ใบหน้า ฯลฯ) ไม่จำเป็นต้องฉีด Immunoglobulin !!! *** ทั้งสองข้อข้างต้น "ผิด" หมด ถ้าใครในนี้โดนกัดแล้วมีแผล หรือข่วนชัดเจนมีแผลชัด หรือมีแผลสดเปิดไว้แล้วสัตว์ต้องสงสัยมาเลียชัดเจน สมควรได้รับ Immunoglobulin ทุกคน !!!! โปรดอย่าคิดว่าแม้แต่โรงพยาบาลเอกชนใหญ่ๆ หมอก็จะรู้เรื่องนี้ทุกคนนะ ขอบอกว่า ท่านคิดผิดแล้ว เคยประสบมาด้วยตัวเองเลยกับโรงพยาบาลเอกชนระดับแนวหน้าของไทยเลยแหละ หมอที่เจอก็เป็นหมอที่เป็นผู้อำนวยการอยู่รพ.เอกชนอีกแห่งด้วยซ้ำ แต่แกมาออกตรวจที่รพ.นี้อยู่ (ถ้าตำแหน่งบริหารใหญ่ๆเค้าจะไม่ออกตรวจรพ.ตัวเอง เสียระบบหมด) ยังไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย วันที่ไปหาหนะ มีสองคนที่เป็นกรณี Rabies นี้ หมอรักษาผิดทั้งสองคน (หนึ่งในนั้นคือข้าพเจ้าเอง 555) แต่ตอนนั้นไม่อยู่ในอาการจะเถียงได้ เพราะถ้าพูดไปต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน ก็ต้องกลับมารักษาตัวเองอีกที หุหุ (ที่ไปรพ.นั้นเพราะว่ามีประกันชีวิตและสุขภาพอะนะ ไม่ใช่ว่าอยากไปหรอก อิอิ) หรือสมัยอยู่ ตจว. ก็เคยมีคนไข้โดนกัดชัดเจน ตอนนั้นจบทำงานได้ครบปีพอดี กะลังขึ้นปี2 มีน้องใหม่ intern มาพอดี น้องเป็นคนได้เคส แล้วมาปรึกษาว่าจะฉีดยังงี้ๆนะ ซึ่งน้องทำถูกทุกอย่าง ก็บอกว่าทำไปตามนั้น ต่อมาโดนหมอประจำรพ.จังหวัดนั้นและ เรียกไปต่อว่า ทำไมต้องฉีด immunoglobulin ไม่เห็นจำเป็ฯ แพงยังงั้นยังงี้ เหอๆๆๆๆ -*- อีกหน ตอนไปอยู่รพ.อำเภอ มีเด็กโดนหมากัดที่หน้าด้วยซ้ำ ก็คุยกะแม่เด็กอย่างดี เค้าก็เข้าใจทุกอย่าง ส่งตัวเข้าจังหวัดเพื่อไปฉีดยา เพราะรพ.อำเภอไม่มี immunogloulin ปรากฏว่า...ท่านหมอหย่ายยยย ท่านก็ให้เปลี่ยนแปลงการรักษาไม่ให้ immunoglobulin ให้แต่ vaccine มาอีก 555 เฮ้อออ................อะนะ เลิกบ่นดีก่า ไปแระ อ่านแล้วอาจงงๆน้า เรียบเรียงคำพูดม่ะค่อยจาเป็ง งงตรงหนายก็ถามละกาน แล้วถ้าใครโดนกัดแล้วไปเจอหมออย่างว่าก็ค่อยๆคุยน้า หมออะ high ego ทุกคนแหละ เด๋วจาโดนหมอกัดซ้ำแผลโดนหมากัด 555 จากคุณ : dragonite - [ 19 ต.ค. 48 13:54:14 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อ้อ... ลืมบอกไปว่า.... ไม่ใช่ว่าคนโดนกัดแล้วไม่ฉีด immunoglobulin แล้วจะต้องเป็นพิษสุนัขบ้าตายทุกคนนะ โอกาสมันน้อยนะไม่เยอะหรอก แต่อย่างว่าอะนะ ชีวิตใครๆก็รัก เสียเงินเพิ่มอีกไม่กี่พันดีก่ามานั่งเสียดายชีวิตทีหลังตอนเป็นผีลอยไปลอยมาแล้วนะ อิอิ :P ปล... สงกะสัยอะ เนื่องด้วยนู๋ไม่ค่อยจามีฟามรู้เรื่องนี้ ทำไมตาหมอขาวฉีดยาที่สะดือจุ่นให้ตาหมอดำนั่นอ่า งง -_-" ยาเด๋วนี้มันฉีดเข้ากล้ามกันหมดแย้วอะ vaccine ก็ฉีดกล้ามแขนได้สบายๆ immunoglobulin ก็ฉีดรอบแผล กะกล้ามก้นอ่า -*- ใครรู้บอกนู๋หน่อยยยยยยยยยยยยย จากคุณ : dragonite - [ 19 ต.ค. 48 14:07:21 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณที่ให้ความรู้เรื่องนี้ค่ะ... พอดีเมื่อวานเปิดดูช้าไปหน่อย เลยจับต้นชนปลายไม่ถูก สงสัยต้องไปดูตอนรีรันวันเสาร์ จากคุณ : platoo - [ 19 ต.ค. 48 16:11:38 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แหมมมมม อย่าว่าแต่หมอชาวไทยเลยค่ะ หมอ HOUSE กว่าจะรู้ว่าเจ๊วิคตอเรียเป็นโรคพิษสุนัขบ้าก็จนจะจบตอนแล้ว ไม่รักษามะเร็ง รักษาเนื้องอกซะอยู่ตั้งนาน เอ คุณหมอคะ ถ้าเป็นโรคพิษสุนัขในปากนี่ต้องรักษายังไงคะ จากคุณ : แพม บูวิเออร์ - [ 19 ต.ค. 48 16:34:55 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ถามครับ - อาการไม่รับความรู้สึกเฉพาะที่เกิดจากอะไร โดนเข็มจิ้มยังเฉยเลย เฮอๆๆๆ - แล้วทำไมเป็นวัณโรคถึงมีเนื้องอกไนรังไข่ล่ะครับ - แล้วเด็กผู้หญิงในเคสรองที่ความจำสั้น มันเกิดจากอะไรครับ งงงง แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 48 17:32:44 จากคุณ : Domingo - [ 19 ต.ค. 48 17:24:49 ]

ความคิดเห็นที่ 7 รู้แต่ว่าเคสเมื่อคืนเป็นหลายโรคมาก จนคงจะรักษาไม่ทัน...เลยตายในที่สุด รู้แต่ว่า dr. House ใส่เสื้อคอเต่าสีฟ้า ผู้ชายตาสีฟ้า กับ เสื้อสีฟ้า!!!!!! oh my gosh!!!!!!!! น้ำลายไหล ฮือ เผลอใจชอบคนแก่อีกจนได้ ปล. ชอบตอนติดเข็มกลัดรูปนกมากๆ ปล. คิดว่าเรื่องมะเร็งคงเป็นอยู่แล้วมั๊งคะ พอหลังเกิดอุบัติเหตุแล้วเลยหลงๆลืมๆ ไม่ได้ไปรักษาต่อ แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 48 17:52:38 จากคุณ : all around the world - [ 19 ต.ค. 48 17:47:13 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ^ ^ ไม่ได้เป็นมะเร็งครับ ในหนังก็บอกชัดว่าเป็นเนื้องอกวัณโรค ผมถึงได้ถามว่าทำไมเป็นวัณโรคแล้วถึงมีเนื้องอกที่รังไข่ได้ล่ะครับ จากคุณ : Domingo - [ 19 ต.ค. 48 18:05:24 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ตอบคุง แพม คือในเมกาอุบัติการณ์ของโรคนี้มันต่ำมากกกกกกกกกกอะคับ คงไม่มีหมอคนไหนเห็นอาการพวกนี้แล้วนึกถึงเรื่องนี้อะ ยิ่งไม่มีแผลกัดให้เห็นด้วย (ซึ่งปกตินะ เพราะแผลค้างคาวมันไม่ใหญ่ แล้วระยะเวลาฝักตัวได้ตั้งกะไม่กี่สัปดาห์จนเป็นปี บางทีแผลหายไปแล้ว) แต่ว่า... คนไข้มะคืนถึงวินิจฉัยได้แต่แรก ก็รักษาไม่ได้อะคับ เพราะเชื้อลามถึงสมองแล้ว ยังไงๆก็ตายแน่ๆอ่า Y_Y เอ คุณหมอคะ ถ้าเป็นโรคพิษสุนัขในปากนี่ต้องรักษายังไงคะ จากคุณ : แพม บูวิเออร์ ---> หาหนุ่มหล่อๆสักคนแล้ว french kiss สักสองสามจ๊วบก็ดีขึ้นเยอะแล้วคับ :P ตอบ #6 - อาการไม่รับความรู้สึกเฉพาะที่เกิดจากอะไร โดนเข็มจิ้มยังเฉยเลย เฮอๆๆๆ ----> อืม...ตอบว่า...ไม่รู้คับ 555 คือโรคนี้มันสร้างความผิดปกติกับระบบประสาทอะนะ เพราะงั้นอาการอะไรก็ตามแปลกๆของระบบประสาทเป็นได้หมดแระ อิอิ :P ตั้งกะชัก กลัวแสง ชา กระตุก หรืออย่างตอนกลัวน้ำแข็งนั่นก็ใช่คับ ฯลฯ ไอ้ที่เข็มจิ้มแล้วไม่เจ็บไม่แน่ใจว่าในเรื่องพูด่วาอะไรอะ จำไม่ได้แระ ไคดูรีรันช่วยคอนเฟิร์มหน่อยนะคับว่าพูดว่า paraesthesia เป่าอะ ? ปล.....ชีวิตนี้ไม่เคยเจอใครเป็นโรคนี้แบบเป็นจริงๆแล้วอะนะ แต่มันแปลกนะผมว่า ที่ตาดำนั่นโดนกัดวันเดียวแล้วจะชาได้ขนาดนั้นอะ ไม่เคยเจอเลยอะ -*- แต่ในกรณีนี้ ระบบประสาทของหมอดำที่โดนติดเชื้อยังเป็นแค่ส่วนที่อยู่ไกลหรือที่เรียกว่า peripheral nervous system ไม่ใช่ระบบประสาทส่วนกลาง(central nervous system - สมองกะไขสันหลัง) เพราะงั้นยังให้ยาทัน - แล้วทำไมเป็นวัณโรคถึงมีเนื้องอกไนรังไข่ล่ะครับ -----> เป็นวัณโรคชนิดหนึ่งคับ ไม่ใช่เนื้องอกซะทีเดียวหรอก Tuberculoma ก็มาจากคำว่า Tuberculosis ที่แปลว่า วัณโรค อะแหละ ไอ้อะไรก็ตามที่ลงท้ายด้วย -oma มันก็มีลักษณะเป็นก้อนๆหรือบางทีก็เรียกกันว่าเนื้องอกอะ เช่น Lipoma (เป็นไขมันที่เจริญผิดปกติเป็ฯก้อนๆในชั้นใต้ผิวหนัง มาจากคำว่า Lipid กะ -oma) ฯลฯ ส่วนไอ้ Tuberculoma เนี่ย มันก็เป็นวัณโรคแบบหนึ่งอะคับ เพียงแต่ว่าวัณโรคมันไม่จำเป็ฯต้องเป็ฯกับปอดเท่านั้น มันเป็นที่อื่นก็ได้ บังเอิญคนนี้เป็นที่รังไข่ แล้วเป็นแบบก้อนแค่นั้นเอง ลองนึกภาพเอาเปลือกเงาะมาผ่าแล้วกลับด้านในเป็นนอก - แล้วเด็กผู้หญิงในเคสรองที่ความจำสั้น มันเกิดจากอะไรครับ งงงง ------> จำชื่อไม่ได้แล้วอะคับ แล้วก็ผมก็ไม่รู้จักอะ 555 มันเป็นชื่อ syndrome อย่างหนึ่งมั๊งถ้าจำไม่ผิด เด็กนั้นเป็นพวกขาดสารอาหารบางอย่างอะทำให้เป็น syndrome พวกนี้ พอเด๋วได้สารอาหารปกติก็จะกลับเป็นปกติ ตามหมอ house ว่านะ จิงๆยังไงไม่ยู้ เพราะฟังชื่อไม่ทัน จำไม่ได้ด้วยว่าขาดสารอาหารตัวไหน เลยไม่ได้ไปหาคำตอบ :P ตอบ # 7 รู้แต่ว่าเคสเมื่อคืนเป็นหลายโรคมาก จนคงจะรักษาไม่ทัน...เลยตายในที่สุด -----> เปล่าคับ ถึงรู้ว่าเป็นอะไร ก็รักษาไม่ได้คับ เพราะตั้งแต่เปิดเรื่องมา เชื้อพิษสุนัขบ้าก็เข้าสู่สมองแล้วคับ ไม่สามารถรักษาได้ 100% คับ :P ส่วนโรคที่เป็นถ้าจำไม่ผิด มีแค่3โรคคับ 1. Rabies หรือ พิษสุนัขบ้า 2. Ovarian Tuberculoma วัณโรคที่รังไข่ 3. Arrythmia หัวใจเต้นผิดปกติ (ไม่แน่ใจ ถ้าจำไม่ผิดเป็นแบบ Ventricular tachycardia มั๊ง) อันนี้เป็นเพราะโดนช๊อตไฟฟ้าแรงเกินไปคับ หัวใจเลยเต้นแรงผิดปกติ ไม่เกี่ยวกะโรคอื่นๆจ้า ^^ แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 48 18:26:16 จากคุณ : dragonite - [ 19 ต.ค. 48 18:25:06 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อันนี้เกี่ยวกะเนื้อเรื่องดีก่า...อิอิ ผมว่าเรื่องมันพยายามจะดึงเรื่องชีวิตส่วนตัวของแต่ละคนออกมาทีละนิดนะ สังเกตว่า (ถึงจะไม่ได้ดูตลอดก็เหอะ) ช่วงหลังๆนี้ตาหมอดำจะมีบทเด่นค่อนข้างเยอะ (อย่างตอนก่อนที่เกี่ยวกะ DNR ก็ตอนแล้ว) สงสัยจะค่อยๆไล่ไปทีละคนแน่เลย เพราะเมื่อคืนตกลงถ้าจำไม่ผิดยังไม่เฉลยใช่ป่ะว่าทำไมหมอดำไม่ชอบ hobo แล้วหมอขาวอยากรักษา hobo อะ จากคุณ : dragonite - [ 19 ต.ค. 48 18:35:36 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แต่ภูมิใจว่าเดาออกว่าต้องเป็นพิษสุนัขบ้าตั้งแต่ต้นเรื่อง   ดีจัยจนอยากร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือด จากคุณ : เทียรี่ เบอรี่ (เทียรี่ เบอรี่) - [ 19 ต.ค. 48 19:10:35 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คงอย่างนั้นครับ ดราม่าซีรี่ที่จะได้รางวัลต้องพยายามสร้างความลึกให้ตัวละครด้วยจะเน้นแต่บทตื่นเต้นอย่างเดียวไม่ได้ ตอนนี้เรื่อง House ก็กำลังทำอย่างนั้นอยู่ ดูอย่างเรื่อง CSI ดังจะตาย แต่ได้รางวัลน้อยเพราะไม่เสนอภาพตัวละครหลักให้ลึกพอ ตอนก่อนหน้านี้ก็เน้นตัวละครหลักไปทีละตัวแล้ว ในตอนนี้มีเฉลยว่าหมอวิลสันแกมีพี่ชายเป็นพวกเร่ร่อน แกเลยอารมณ์อ่อนไหวเป็นพิเศษกับผู้ป่วยคนนี้ ตอนนี้คงจะเหลือแต่ผอ.หมอคัดดี้แหละที่ยังไม่เจาะเลย อิอิอิ แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 48 19:12:28 จากคุณ : Domingo - [ 19 ต.ค. 48 19:11:08 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ให้ความรู้ดีมากเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ แต่.. งงนิดหน่อยอ่ะค่ะ พักนี้งานมาก อ่านอะไรยาวๆ แล้ว สมองมันไม่รับเลย เฮ้อ..  คือว่า เราก็เคยโดนน้องหมากัดที่มือ แผลก็ลึกนะสำหรับฝ่ามือ เราก็รีบไปหาหมอที่คลีนิค หมอก็ฉีดยากันบาดทะยักให้ และให้ฉีดให้ครบ 3 เข็ม (เราลืมเข็มสุดท้ายด้วย พอดูหนังแล้วก็นึกได้เลยว่า ..ลืมครับท่าน โอ๊ว..) แล้วก็ให้รอดูอาการเพราะเป็นน้องหมาในบ้านเราเอง แต่ปรากฏว่าแผลอักเสบมากเพราะหมอไม่ได้นัดให้เปลี่ยนผ้าพันแผลวันรุ่งขึ้นแต่ให้ไปหาอีกสองวัน แต่แค่คืนถัดมาก็อักเสบมาก โห..บวมแบบมือขึ้นอืดเลยค่ะ ก็เลยไปโรงพยาบาล หมอก็เลยบอกว่ายังไงก็ต้องฉีดกันพิษสุนัขบ้า คุณหมอบอกว่าโดนกัดเนี่ยยังไงก็ต้องฉีด แล้วก็ให้ตารางมาให้ฉีดให้ครบห้าเข็มค่ะ แบบ post-exposure ค่ะ แล้วแต่ละเข็มเนี่ยเราก็ไปฉีดคนละที่เลยค่ะแล้วแต่สะดวกเลย ผ่านไปทางไหนก็แวะฉีดยา แล้วก็เจอที่นึงค่ะ ฉีดที่พุง โอยจะเป็นลม กลัวอ่ะ แต่หมอบอกฉีดที่พุงจะไม่ค่อยเจ็บเพราะเนื้อเยอะ อุอุ แต่ก็แค่ครั้งเดียวแหละ มันเสียวอ่ะ แล้วหมอก็ไม่เห็นจะฉีดเข็มใหญ่เท่าในเรื่องนี้เลยค่ะ ขืนเข็ม(ฉีดยา)ใหญ่ขนาดนี้สงสัยวิ่งหนีออกไปนอกห้องก่อนหมอจะได้ฉีดแน่ๆ เลย อิอิ แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 48 21:32:02 จากคุณ : ตาสีฟ้า - [ 19 ต.ค. 48 21:28:18 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอถามด้วยคนนะครับ โรคพิษสุนัขบ้านี่ ถ้ากินของต่อจากกันจะติดมั๊ยครับ เช่นมีแมวจรมาขอข้าวกิน ผมก็เทอาหารเม็ดให้กิน ต่อมาลูกหมาในบ้านไปกินต่อที่แมวกินไว้น่ะฮะ จะติดมั๊ยครับ ถ้าแมวเป็นแมวบ้าน่ะฮะ จากคุณ : สงสัยมานาน - [ 19 ต.ค. 48 21:34:27 A:61.91.77.207 X: TicketID:104784 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ตอนก่อนหน้านี้ก็เน้นตัวละครหลักไปทีละตัวแล้ว ในตอนนี้มีเฉลยว่าหมอวิลสันแกมีพี่ชายเป็นพวกเร่ร่อน แกเลยอารมณ์อ่อนไหวเป็นพิเศษกับผู้ป่วยคนนี้ ตอนนี้คงจะเหลือแต่ผอ.หมอคัดดี้แหละที่ยังไม่เจาะเลย อิอิอิ ---> อ้าว...555 หน้าแตกอีกแล้วป๋ม...อิอิ ดูไม่ปะติดปะต่อพลาดไม่เยอะ ไม่รู้มาก่อนเลยว่าลงลึกไปหลายคนแล้ว :P อันนี้ตอบ # 13 นะคับ ถ้าจะให้พูดตรงๆก็คือ เป็นวิธีการให้วัคซีนแบบ post-exposure ที่ไม่ถูกต้องตามหลักการที่ถูกที่ควรในปัจจุบันคับ !! (อย่างที่บอกว่าหมอในไทยในปัจจุบัน มีความรู้ที่ถูกต้องเรือ่งนี้ค่อนข้างน้อยคับ) แต่ว่า........... ส่วนใหญ่มันครอบคลุมพอคับ อาจเป็นไปได้ว่า - สัตว์ตัวนั้นไม่มีเชิ้อพิษสุนัขบ้า - สัตว์นั้นมีเชิ้อพิษสุนัขบ้า และคุณได้รับเชื้อ แต่ระยะฝักตัวของเชื้อมันนานกว่าระยะเวลาที่ร่างกายคุณใช้ในการสร้างภูมิต้านทานจากวัคซีนที่ได้รับคับ ซึ่งในกรณีคนส่วนใหญ่จะเป็นอย่างคุณคือไม่เป็นไร (ส่วนใหญ่มากกๆๆๆๆเลย) ต่อขอยืนยันข้อมูลอีกครั้งคับว่า... ในกรณีโดนกัดมีแผลชัดเจน ต้องฉีด Rabies Immunoglobulin พร้อมกับ วัคซีนเข็มแรกด้วยแน่ๆคับ !!! เอา reference มาฝากจากสองที่นะคับ คือของ WHO และ CDC ของเมกา ปกติในไทยให้ยึดตาม WHO เป็นหลัก เพราะรายละเอียดของ CDC เมกานั้น จะยึดตาม Epidemeology ของเค้าเป็ฯหลักด้วย (เช่นเรื่อง หมาบ้าน กัดคน ยังรอดูอาการหมาได้ 10 วัน เพราะโอกาสของหมาบ้านในเมกามีเชื้อพิษสุนัขบ้านั้นโค-ตะ-ระน้อย) http://www.who.int/rabies/human/postexp/en/index.html อันแรกนี้ของ WHO นะคับ อ่านๆลงไปนิดหนึ่ง (ขอโทษด้วย ทำไมมันก๊อปข้อความบางส่วนมาลงไม่ได้ก็ไม่รู้ -*-) จะเห็นได้ว่ากรณีโดนกัด เข้า category 3 ต้องได้รับ Immunoglobulin ด้วย (จริงๆมันมีแบบตารางนะ แต่ปกติไม่เคยค้นจากเวปอะ ไม่รู้หาจากตรงไหน -*-) http://www.cdc.gov/ncidod/dvrd/rabies/Prevention&Control/preventi.htm อันนี้ CDC ของเมกาคับ ลองอ่านตรงนี้ดูนะ " Postexposure prophylaxis regimen In the United States, PEP consists of a regimen of one dose of immune globulin and five doses of rabies vaccine over a 28-day period. Rabies immune globulin and the first dose of rabies vaccine should be given as soon as possible after exposure. Additional doses of rabies vaccine should be given on days 3, 7, 14, and 28 after the first vaccination. Current vaccines are relatively painless and are given in your arm, like a flu or tetanus vaccine " หมายเหตุ 1 : ของเมกาในเรื่องอื่นๆ เช่นเรื่องของการระวังสัตว์เลี้ยง และเรื่องที่พูดถึงข้างบนเวลาโดนหมาบ้านกัดพวกนี้ จะไม่เหมือนของไทยนะคับ เพราะของเค้าพิษสุนัขบ้าในหมาแมวบ้านมีน้อยจนเค้าแทบจะไม่นับอะนะ หมายเหตุ 2 : ถ้าในไทย หน่วยงานที่ให้ข้อมูลเรื่องพิษสุนัขบ้าได้ดีสุดจะเป็น กาชาดไทย นะคับ เพราะมีหน่วยงานดูแลด้านนี้โดยตรง รวมถึงการวิจัยและอื่นๆ แต่ก็อีกอะนะ เจ้าหน้าที่จะนิสัยไทยๆนะคับ ต้องทำใจนิด คือบางอย่างเนี่ย ประเภทอะไรก็ได้ ยังไงก็ได้ ถ้าไม่ใช่กรณีเป้นตายไรมากมาย 555 เช่นเวลาโทรไปถามเรื่อง pre-expoure ว่าฉีดครบ 3 เข็ม แล้วกระตุ้นเมื่อไหร่ดี (เพราะคนไข้บางคนลืมกระตุ้นที่ 3-5ปี) จนท.ชอบตอบว่า ไม่เป็นไร มี remembered cells ไปเกือบตลอดชีพ เกือบทุกคน ! ย้ำ ! เค้าใช้คำว่า " เกือบ " ซึ่งถ้าถามย้ำไปเค้าก็จะตอบว่าใช่ มันไม่ทุกคน....(แล้วใครจะรู้หละว่าใครจะซวยเป็นส่วนที่ไม่ใช่เกือบ หุหุ) แต่เรื่อง pre-exposure นี้ไม่ต้องกังวลหละว่าลืมฉีดกระตุ้นห่างเวลาที่ควรไปเยอะ เพราะเด๋วนี้ในไทยสามารถตรวจ Rabies antibody กันได้ง่ายๆแล้ว ไม่เกินสัปดาห์ก็ได้ผลหละ ^^ อีกที่ๆให้ข้อมูลได้ดีคือ บริษัทผู้ผลิตหรือนำเข้าวัคซีน แต่คนทั่วไปคงติดต่อยากหน่อย ถามกาชาดเอาดีแล้วคับ ส่วนใหญ่แล้วคนให้ข้อมูลให้ได้ดีมากๆแล้วคับ เพียงแต่ถ้าเรายังสงสัยอะไรในการให้คำตอบเค้าอยู่ เราอาจต้องซักให้ละเอียดๆหน่อย ^^ แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 48 23:12:13 จากคุณ : dragonite - [ 19 ต.ค. 48 23:04:47 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตอบ # 14 คับ ผมไม่รู้คับ 555 คือจริงๆ ถามว่ามีสิทธิ์ไม๊ เอาเป็นถ้ากรณี คนได้รับน้ำลายของสัตว์เข้าทางปากคน ก็ต้องตอบว่า มีสิทธิ์คับ แต่โอกาสมันน้อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แม้แต่น้ำลายเข้าตาก็ติดได้นะ (คล้ายๆกับในกรณีเอดส์ที่สารคัดหลั่ง/เลือด เข้าตาอะ) ติดได้เหมือนกัน แต่โอกาสมันน้อยมากกกกกกกกกกกกก สำหรับในสัตว์คงต้องถามสัตวแพทย์อะนะคับ แต่ถ้าถามผม ผมว่ามีสิทธิ์คับ แต่น้อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ลองอ่านของ CDC ตอบข้อ 2 ส่วนของ human rabies นี้นะคับ (ไม่ตรงคำถาม แต่เปรียบเทียบเรื่องของน้ำลายโดน mucous membrane (เยื่อบุเหมือนในช่องปากอะ) http://www.cdc.gov/ncidod/dvrd/rabies/Ques&Ans/q&a.htm#What 2. Q: Can I get rabies in any way other than an animal bite? A: Non-bite exposures to rabies are very rare. Scratches, abrasions, open wounds, or mucous membranes contaminated with saliva or other potentially infectious material (such as brain tissue) from a rabid animal constitute non-bite exposures. Occasionally reports of non-bite exposure are such that postexposure prophylaxis is given. แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 48 23:17:02 จากคุณ : dragonite - [ 19 ต.ค. 48 23:08:36 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อีกอย่างที่อยากกล่าวถึงนะคับคือว่า.... ระแวดระวัง แต่อย่าหวาดระแวงคับ รู้ไว้ใช่ว่า....แต่อย่าถึงกับตระหนกตกใจ จนเกินเหตุ คับ เพราะจริงๆแล้วถ้าใครมานั่งซีเรียสกับความรู้ทางการแพทย์ทุกอย่างเนี่ย ชีวิตคุณก็จะเป็นแบบที่เค้าเรียกกันว่าคุณนายล้างแบงค์ คือกลัวแม้กระทั่งเวลาจับแบงค์ว่าจะติดเชื้อโรคจากคนอื่น :P หรอืถ้าเรียนรู้เรื่องโภชนาการ การแพทย์มากๆ ก็ชีวิตนี้แทบไม่ต้องกินอะไรเลย เพราะไอ้นั่นก็มีพิษ ไอ้นี่ก็ทำให้เป็นไอ้โน้นไอ้นี่เต็มไปหมด ฮี่ๆๆๆ มีความรู้ไว้ แล้วใช้ชีวิตแบบทางสายกลางคับ ^,^ แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 48 23:13:45 แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 48 23:12:51 จากคุณ : dragonite - [ 19 ต.ค. 48 23:10:47 ]

ความคิดเห็นที่ 18 สาระมากมาย ขอบคุณสำหรับกระทู้ความรู้ นาน ๆ ที ปล. อยากเป็นคุณนาย นับแบงค์อ่ะ ไม่กลัวหรอกเชื้อโรค ขอให้มีแบงค์ผ่านมือก้อพอ จากคุณ : .. (Mo_EcHO) - [ 19 ต.ค. 48 23:16:01 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คิดเหมือนน้องโมเลย 555 อยากมีแบงค์ผ่านมือเยอะๆ สมัยเด็กๆอยู่ประถมฯเศรษฐกิจดีๆ ตอนเย็นช่วยแม่นั่งนับแบงค์ที่ขายของได้ หนุกๆๆๆๆ กลิ่นแบงค์มันช่างหอมหวล 555 อันนี้เพิ่มเติมให้อีกนิดคับ.... จริงๆไม่ค่อยสำคัญอะไรอะนะ แต่เผื่อใครไปฉีดวัคซีนแล้วอาจสงสัย ว่าบางทีชื่อมันต่างกันในแต่ละที่... คือนอกจากชื่อยาแบบ trade name ที่เป็นชื่อการค้าแต่ละบริษัทแล้ว จริงๆแล้ววัคซีนพิษสุนัขบ้ายังมีชนิดต่างๆกันอีกอย่างน้อย 3 ชนิด ที่ยอมรับให้มีการใช้กันได้ เอาแบบชื่อเฉพาะในไทยมาให้ดูละกันนะ จะได้ไม่งง แต่ทั่วโลกปกติก็จะประมาณนี้แหละ แต่ชื่อเรียกอาจต่างไป แต่วิธีการได้มาซึ่งวัคซีนจะเหมือนๆกัน 1. HDCV (human diploid cells) พูดแบบเอากันง่ายๆอะนะ ว่าทำจากเซลล์เลียนแบบคน อันนี้แต่ก่อนเชื่อกันว่าดีสุด เพราะโอกาสเกิดการแพ้น้อยสุด แต่ปัจจุบันวิทยาการดีเลิศประเสริฐล้ำ เพราะงั้นไม่ต่างกับ2ตัวล่างเท่าไหร่แล้ว ในไทยคงจะหาที่ใช้ไม่ได้แล้ว เพราะบริษัทยาเลิกนำเข้าหละ ตัวนี้ไม่มีผลิตในไทย ล๊อตสุดท้ายน่าจะหมดอายุช่วงนี้พอดีมั๊ง อันนี้แพงสุดเลยนะ เพราะเป็นยาน้ำเข้า ราคาต่างกับสองตัวล่างประมาณ 3-4เท่า !! แต่ในตปท.ชอบใช้กันมั่กๆเลย มันเป็นความเชื่อหนะว่ามันดี อิอิ :P 2. VERORAB หรือ PVRV VERORAB เป็นวัคซีนที่ได้จาก Vero cells หรือก็คือ ลิง นั่นเอง :P อันนี้ใช้กันเยอะมากในไทย เป็นตัวที่กาชาดไทยทำการวิจัยอยู่อย่างมากมาย ในประเทศแถบยุโรบ เมกา ออสเตเรีย จะใช้ตัวนี้กันค่อนข้างน้อยมั่กๆ ถ้าใครไปแถบนั้นอาจได้รู้จักในชื่อ PVRV (purified verocells rabies vaccine) 3. PCEC (purified chick embryo cell vaccine) ก็ตามชื่อเลย ได้จากเซลล์อ่อนไก่ อิอิ ตัวนี้ในไทยนิยมใช้เป็นอันดับสอง ในตปท.ตะวันตก ใช้กันเยอะพอสมควร พอๆกะ HDCV ในกรณีคนที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายเพราะราคามันถูกกะ HDCV เยอะ ราคาจะพอๆกะ VERORAB ทั้งนี้ทั้งนั้น WHO รับรองทั้ง 3 ชนิดนะคับ ใช้อันไหนก้ได้ เพียงแต่ว่าถ้าใช้อย่างหนึ่งแล้ว เข็มถัดไปควรได้อย่างเดิม แต่ว่า.... ถ้าไม่มีอย่างเดิมให้ฉีด ก็ฉีดตัวไหนก็ได้ ได้ผลเหมอืกนัน ที่ให้ฉีดอย่างเดิมนอกจากเรื่องประสิทธิภาพแล้วยังเพื่อลดอัตราเสี่ยงการแพ้ยาโดยไม่จำเป็ฯด้วย เพราะเวลาคนเรารับยาหรือวัคซีนอะไรเข้าไปก็ตาม ย่อมมีโอกาสเสี่ยงต่ออาการแพ้ allergy ได้เสมอ แล้วจะไปใช้มานหลายตัวทำอะหยัง :P ส่วน Rabies Immune Globulin ในไทยใช้กันสองตัวนะ - ERIG (Equinous Rabies Immunoglobulin) ตามชื่อเหมือนกัน ได้จากม้า อันนี้โอกาสแพ้เยอะพอควรนะ ถ้าเลี่ยงได้ผมไม่อยากให้ใช้นะ แต่มันหาง่ายกว่าในไทย ในตจว. และราคาก็ถูกก่าอีกตัวเยอะมาก การฉีดตัวนี้ ทุกคน ! ย้ำ ! ต้องผ่านการทำ skin test เพื่อทดสอบว่าแพ้ยารึเปล่าก่อน - HRIG (Human Rabies Immunoglobulin) ก็ตามชื่ออะนะ ตัวนี้โอกาสเสี่ยงต่อการแพ้น้อยกว่าค่อนข้างมาก ถ้าเข้าใจไม่ผิดในประเทศตะวันตกน่าจะมีแต่ตัวนี้ใช้หละมั๊ง ในไทยตัวนี้กาชาดไทยผลิตได้นะ ราคาจะไม่แพงมาก (แต่ฉีดทีก็เป็นพันนะ) แต่ผลิตได้ในปริมาณน้อย ไม่พอความต้องการหรอกในปัจจุบัน เพราะหมอเริ่มฉลาดกันขึ้นว่าต้องฉีดตัวนี้ (จากที่แต่ก่อน ไม่รู้เลยไม่ฉัด ยาเลยพอใช้ 555) นอกจากของกาชาด ก็จะมีพวกน้ำเข้า ราคาแพงก่ากันอักโข จะแพงมากน้อยแล้วแต่โรงพยาบาลอะนะ อิอิ :P ตัวนี้ฉีดได้เลยไม่ต้องทำ skin test ในตจว.อาจหาฉีดไม่ได้นะ แม้แต่ชม.หรือภูเก็ตก็มีสต๊อกกันค่อนข้างน้อย ยิ่งในเพื่อนบ้านเราอย่างกัมพูชา ลาว เวียดนาม ก็หายากน่าดูเลยแม้แต่เมืองหลวงเค้า จากคุณ : dragonite - [ 19 ต.ค. 48 23:45:14 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณที่ให้ความรู้ค่ะ ปล. แอบมีอาจารย์จากวิทยาลัยที่เราเรียนมาตอบบ้างป่าวหว่า...อิอิ (ถ้าใช่ ก็กราบสวัสดีค่ะ ^^) จากคุณ : *..Dora_Mashi..* - [ 20 ต.ค. 48 01:35:09 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณมากๆ เลยค่าสำหรับความรู้ ^^ จากคุณ : Clear Ice - [ 20 ต.ค. 48 08:25:47 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ได้สาระเรื่องโรคพิษสุนัขบ้ามากเลยค่ะ สังเกตมั้ยคะว่าตอนนี้แตกต่างจากตอนอื่น 1. คนไข้ตาย ทุกตอนคนไข้จะต้องหาย แต่ตอนนี้ตาย เพราะเป็นโรคที่รักษาไม่ได้จริงๆ (ชีวิตรันทดขนาดนั้น ตายดีกว่า) 2. ไม่มีการเขียนกระดานไล่รายชื่อโรค คงเป็นเพราะตอนนี้เน้นที่ตัวหมอ Foreman กับ Wilson หมอ House ไม่ได้เป็นเจ้าของไข้ 3. หมอ House ไม่ยอมออกตรวจคนไข้ เจอเด็กเป็นหูด วิ่งหนีเลย อ้างว่าไม่สบาย หรือจะไม่สบายจริงๆ เอาแต่นั่งดูรูปที่คนไข้วาด (ขำตอนที่ตีความจากรูปเป็นเรื่องเป็นราวเชียว ที่แท้ก็...) 4. หมอ House ใส่เสื้อคอเต่า ปกติจะใส่เสื้อเชิ้ตทับเสื้อยืดสีแสบๆ (หล่อไปอีกแบบ ฮิๆ) จากคุณ : jtas - [ 20 ต.ค. 48 10:04:01 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณสำหรับรายละเอียดที่ให้ค่ะ ได้ความรู้มากเลยค่ะ ตอนนี้ไม่ค่อยได้ดูซีรี่ย์เลย งานเยอะมากกลับถึงบ้านก็หลับเลย แบบว่างีบน่ะค่ะ ตั้งความหวังไว้ว่าจะโหลมาดูแบบคนอื่นเค้าบ้างก็แป่ว เนทก็เข้าบ้างไม่เข้าบ้างเข้ามาก็ไม่เกินสิบนาที ตอนนี้ดูได้แค่สองเรื่องเอง บ้างทีก็ได้ดูแต่ miami ส่วน House เนี่ยได้ดูบ้างไม่ได้ดูบ้าง แต่คิดว่าเรื่องเนี้ยมีประโยชน์มากเลยค่ะ ได้ความรู้มากแต่พอไม่ได้ดูมาอ่านกระทู้ก็นึกไม่ค่อยออกเลยค่ะ ชีวิตรันทดจริงๆ ช่วงนี้ ฮือ... จากคุณ : ตาสีฟ้า - [ 21 ต.ค. 48 00:28:58 ]

ความคิดเห็นที่ 24 # 20 บ่ใจ๋งับ...บ่ได้แก่ขนาดนั้น เอ๊ย.....บ่ได้เก่งขนาดเป็นอาจารย์ครายเค้าได้ ทำงานหาเช้ากินดึกๆไปวันๆ # 21 + 23 ไม่เป็นไรงับ..... จริงๆอยากพูดเรื่องฉีดวัคซีนเวลาโดนกัดแค่นั้นแหละ เพราะเห็ฯใช้ผิดกันเยอะเลยเป็นห่วง แต่ถ้าพุดสั้นๆกลัวจะไม่รู้เรื่อง เลยร่ายยาวไปนิ๊ด อิอิ :P # 22 เห็นด้วยทุกอย่างเลยงับ ยกเว้นที่ว่าแกป่วยเลยไม่อยากตรวจ แกล้งแหงมๆเลย แกคงขี้เกียจ พวกกะไม่ค่อยชอบเจอไค ประเภทปากร้ายใจดี แล้วคงเบื่อพวกคนไข้เคสธรมดาๆด้วย :P จากคุณ : dragonite - [ 21 ต.ค. 48 19:19:33 ]