CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    Mr.bob...REVIEWS:อหิงสา...จิ๊กโก๋มีกรรม,Fight Club+Goal Club+พุทธศาสนา+เวรกรรม+วัยรุ่นที่ไม่สนใจในชีวิต=ในเรื่องเดียวกัน

      ชอบมากๆ ชอบสุดๆ โดนมากๆ (5 คน)
      ชอบนะ ก็ดี เป็นหนังทีให้แง่คิดด้วย (11 คน)
      ก็OKนะ เรื่องนี้พี่เรียวเขาทำได้ดี (2 คน)
      เฉยๆอ่ะ กะเอาฮา (1 คน)
      ไม่ชอบอ่ะ ผิดคาด (4 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 23 คน

     21.74%
     47.83%
     8.70%
     4.35%
     17.39%


    ก่อนReviewsขอบอกก่อนว่าควรจะไปดูหนังก่อนซะก่อน
    ก่อนที่จะมาอ่านReviewsของผม เพราะว่าค่อนข้างจะมีSpoilเนื้อเรื่องในหนังพอสมควร!!!!!


    เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เรียว กิตติกร พึ่งฝากหนัง งี่เง่าเรื่องชื่อว่า The เมีย ออกฉาย เป็นหนังที่ได้รับคำด่าเยอะที่สุด
    มากกว่าหลวงพี่เท่ง ซะอีก แถมดันไม่ทำเงินเลย ทั้งๆที่นักแสดงนำนั้นพอน่าจะขายได้นะเนี๊ย แต่พอปลายปี
    เขาก็ส่งหนังดองของเขาอีกเรื่องนึง คราวนี้อาจจะดีกว่าหนังงี่เง่าเรื่องนั้น แต่งานนี้เขาได้ทีมนักแสดงเก่าๆ
    ของเขา จากGoal Clubกลับมาครบทีม ไม่ว่าจะเป็นปริวัตร อยู่โต,ธีรดนัย สุวรรณหอม และ ปรัญญา งามวงศ์วาน


    เลยตัดสินใจดูงานของเขาเรื่องนี้เมื่อวันพฤหัสผ่านมาที่Sf Mbkรอบ12.15โรง4 แถวF15


    ประเด็นของหนังคือ เวรกรรมกับวันรุ่นในปัจจุบัน 2เรื่องนี้น่าจะเป็นประเด็นที่ควรจะพูดถึงนานแล้ว แต่ก็ยังไม่มี-
    ใคร ตีความในแบบแผ่นฟิลม์ได้ เรื่องราวของกรรมถูกถ่ายทอดออกมาแล้ว ในรูปแบบของแผ่นฟิลม์มาครั้งนึงแล้ว
    ในองคุรีมาร แต่เรื่องนั้นกลับกลายเป็นหนังที่ไม่ได้การสนใจเลย ทั้งๆที่ตัวหนังMainและประเด็นของเรื่องได้ดีมาก
    หนังเรื่องเลยเล่าผ่านมาว่า กรรมนั้นจะมีรูปร่างแบบอะไร หลายคนก็คงนึกไม่ออก ก็คงไม่ได้เคยเตอกกรมมากับตัว-
    เอง หนังเรื่องนี้เลย ยกตัวอย่างกรรมว่า น่าจะมีลักษณะแบบไหน เรื่องราวของหนังมันเกี่ยวกรรมอย่างแท้ที่จริงและ
    เห็นได้ชัด หนังได้เน้นเรื่องราวกรรมจากชาติก่อนที่เคยทำไว้ มาสู่ชาตินี้ ว่ากรรมที่เคยกระทำเอาไว้ จะต้องถูกชำระ
    ทุกๆครั้งไป และไม่มีใครสามารถเลี่ยงได้ ไม่ว่ามันจะมาช้าหรือเร็ว ก็ต้องได้รับกรรมอยู่ดี ตัวหนังได้เล่าเรื่องผ่าน-
    ทางตัวละคร คนนึง นั่นคืออหิงสา ความจริงตัวละครนี้จะถูกรับกรรมมาตั้งแต่เด็กแล้ว (หรือที่อีกอย่างคือต้องตาย-
    เร็วกว่าวัย) เพราะว่าตัวเองเมื่อชาติก่อนเคยทำกรรมเอาไว้อย่างโคตรอภิมหาเลย นั่นคือไปฆ่าคนตั้ง999ศพ (ซึ่งตรง-
    นี้แหละ หนังได้ไปเชื่อมโยงเกี่ยวกับองคุรีมาร อีกทีนึง) แต่ว่าพ่อกับแม่ ได้ให้นักไสยศาสตร์คนนึง ไปคุยกับกรรม
    ว่า ปล่อยเด็กคนนี้ไป ให้เขาได้มีชีวิตต่อ เมื่อกรรมได้อนุญาตให้อหิสานั้นมีชีวิตต่อ เขาก็ปลอดภัย จนเขาโตขึ้นมา
    แบบวัยรุ่นไร้อนาคต ใช้ชีวิตไปวันๆแบบไร้ประโยชน์และไม่มีจุดหมายในชีวิต จึงทำให้กรรมกำลังจะตัดสินว่าถึง
    เวลารึยัง ที่เขาควรจะได้รับกรรม แต่ช่วงเวลาที่อหิสาได้รับกรรมนั้น ก็มาถึง เมื่อเขาได้กินยาชนิดนึง ซึ่งเป็นยาที่กิน
    แล้วจะรู้สึกหลุดโลกไปอีกมิตินึง แต่ความจริงเป็นยาที่หลอนมากๆ จนทำให้ความรู้สึกบางอย่างเป็นจริงขึ้นมาได้
    การรับกรรมครั้งแรกของอหิสานั้น เขาคิดว่าเป็นความฝัน แต่ความจริงคือเหมือนเขาโดนจริงๆ เพราะแผลจากกรรม
    -นั้น ใหกับเขา มันเจ็บค่อนข้างจะการเลย แต่พอหลังจากนั้นเขาเจอเรื่องราวอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นจริงโดยที่เขา
    ไม่รู้ว่ามันจะเป็นจริงไหม แต่เมื่อเขาได้เห็นภาพการของอุโฆษเพื่อนสนิทเขา ก็ทำให้เขาคิดว่าสิ่งที่เขาเห็นก่อนหน้า
    นั้น คือตัวบอกโลกอนาคต ความจริงแล้ว การที่เขาแก้แค้นการตายของเพื่อนเขา จากอู๊ดดี้ ( คนที่ทำให้อุโฆษตาย
    เพราะว่าเขานั้น ไปตุ๋ยอุโฆษจนทำให้อุโฆษคิดว่าความดีไม่มีจริงในโลก ) ก็ทำให้ตัวของอหิสาเกิดความรุนแรงใน
    ตัวเขาขึ้นมา โดยที่เขานั้นก็ไม่รู้ตัวเลยว่า ตัวเองนั้นกำลังใช้ความรุนแรงเป็นประจำอยู่ ที่สำคัญคือตลอดทั้งเรื่องเรา
    ได้เห็นว่าอหิงสาพยายามที่จะสู้กับกรรมมากแค่ไหน และพยายามจะช่วยหมอ (คนรักเมื่อชาติที่แล้ว) ตลอดเวลา แต่
    สุดท้ายแล้ว เขาก็ไม่สามารถหยุดอะไรได้ เพราะว่าไม่มีใครจะสามารถ หยุดกฎแห่งกรรมได้ ฉนั้นเรื่องราวของหนัง
    นั้น ได้สะท้อนให้เห็นถึงวัยรุ่นแบบชัดเจนว่า ถ้าคิดว่ากรรมเป็นไร้สาระ ซักก็คงต้องเจอเอง ตัวพวกเราเองก็เหมือน-
    กันเวลาทำอะไรก็ต้องคิดก่อนทำ ไม่งั้นจุดจบอาจจะเป็นแบบอหิงสาก็ได้ เช่นเดียวกับตัวละครอู๊ดดี้เอง ที่ไปตุ๋ย-
    อุโฆษเอง เลยต้องรับกรรมจากตัวตนที่2ของอุโฆษเอง ไม่ว่าจะอยู่หรือตาย ก็จะค้องรับกรรมให้ถึงที่สุด จนกว่าตัว-
    ของคนที่ไปกรรมนั้น จะหมดฤทธิ์ไปข้างนึง สรุปแล้วภาพยนตร์ เรื่องนี้ได้เอาประเด็น2เรื่องมารวมกันได้อย่างดีแท้
    -จริง

    สำหรับเรียว กิติกรแล้ว หนังเรื่องนี้เขาแก้ตัวจากหนังอย่างเดอะ เมียได้ดีมากๆ และเห็นได้ว่าเขาถนัดแบบแนวGoal
    Clubจริงๆ ผมเข้าใจว่า เขาเป็นคนที่ชอบเอาเรื่องของวัยรุ่น มาใช้เป็นประเด็นหนังและถ่ายทอดออกมาในแบบที่คน-
    ควรจะจดจำมากๆ หนังเรื่องนี้เองก็ถ่ายในช่วงเดียวกับเดอะ เมีย แต่เอามาออกฉายช่วง หลังๆเนื่องจากว่าอยากจะ
    ผลงานนี้ฉายในช่วงตุลา เผื่อจะทำเงิน ผมว่าเขาเหมือนจะใส่โลกของFight ClubกับโลกของGoal Clubมาสู่ในโลกๆ
    เดียวกัน เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงมุมแปลกประหลาดอีกแบบของเขา และเขาก็ได้แสดงให้เห็นว่า เขาถ่ายเรื่องราวแบบ
    นี้ ได้ดีกว่าผกก.ไทยหลายๆคน (รวมถึงปรัชญา ปิ่นแก้วด้วย ที่ช่วงหลังทำหนังมาไม่ไหวเลย) เชื่อว่าการที่เขาเอา-
    เรื่องศาสนา,เวรกรรมและวัยรุ่นทั่วไปในปัจจุบันนั้น ล้วนก็ทำให้เกิดผลดีต่อหนังได้อย่างชัดเจน ปัญญาหาอย่าง-
    เดียว ของเขานั้นก็คือ เรื่องราวที่เขาคิดนั้นไม่มีทิศทาง หรือที่ต้องขอเรียกมันว่า ไม่มีเรื่องราวที่ชัดเจน เพราะตัวหนัง
    เอง ก็ไม่แน่ใจว่า จะดีด้านไหน จะเอาดีเรื่องปรัชญา หรือว่าจะเอาดีเรื่องของการเสียดสี เพราะดูไปดูมาเหมือนทั้งคู่
    เข้ากันไม่ได้เลยซักที แต่โดยรวมแล้ว การกก.เรื่องนี้ของเขาสอบผ่านฉลุยครับ

    พูดถึงส่วนอื่นกันบ้าง Jack-ปริวัตร อยู่โต รับบทอหิงสาได้เหมาะสมมากๆครับ เขาเองก็เปรียบเสมือนเป็นวัยรุ่นไทย
    ที่อยู่ในปัจจุบันนี้เอง และก็ได้เห็นว่าเขาใช้ชีวิตแบบไร้ประโยชน์มากแค่ไหน ที่จริงผมว่าเขาเองแสดงได้ดีกว่าตอน
    Goal Clubหลายเท่าเลย Joke-ธีรดนัย สุวรรณหอม รับบทเป็นเวรกรรม เคยเป็นพระเอกมาแล้วในGoal Club คราวนี้
    ขอเปลี่ยนบทบาทมาเป็นตัวป่วนบ้าง ที่จริงตัวละครที่เล่นนั้น ไม่ใช่ตัวเลวเลยนะครับ แต่เป็นตัวเตือนสติของตัว
    อหิงสาเอง ที่จริงเขามาดีนะ แต่ก็ต้องภารกิจที่ได้รับการมอบหมาย เรื่องไม่สามารถที่ทำดีๆกับใครได้ ถือว่าเป็นบท
    ที่ดีที่สุดของเขาเลยนะ เพราะบทของเขาทำให้ผมนึกถึงTyler DerdentในFight Clubเลย บทแบบเหมือนมากๆ
    ธรัญญา สัตตบุศย์ เรื่องเธอเล่นในช่วงในช่วงเดียวกับหนังอย่างเดอะ เมีย เรื่องนี้บทบาทเธอนั้นก็แตกต่างจาก
    เดอะ เมียมากๆ ก็เพราะว่าเรื่องนั้น เธอต้องเป็นผู้หญิงที่ห้าวๆและอารมณ์ต้องแบบโหดๆมากๆด้วย เรื่องนี้เธอเป็น
    หมอ ฉนั้นจะต้องมีลักษณะท่าทางแตกต่างจากเรื่องนั้น อย่างสิ้นเชิง คือจะเป็นคนสุขขุมและเรียบร้อย ไม่ค่อยจะใช้
    อารมณ์ของตัวเองเป็นตัวตัดสิน และก็จะใช้ความคิดมากกว่าโทสะในการกระทำ อ๊อฟ-ปริญญา งามวงศ์วาน เรื่องนี้
    ถ้าใครได้ดูเดอะเมีย คงจำเขาในบทชายที่เป็นสายให้กับสาวๆ ทั้ง2สาย เรื่องนี้รับบท วัยรุ่นในลักษณะแบบเดียวกับ
    อหิงสา เพียงแต่ว่าตัวเขาเองเป็นคนที่ค่อนข้างจะเก็บตัว และก็จะไม่ค่อยกล้าพูดอะไร แถมยังทำตัวแปลกๆกว่าวัย-
    รุ่นปกติที่เป็น นั่นคือใส่ชุดคุณยายในที่สาธรณะและที่บ้านเป็นต้น เรื่องนี้ผมว่าเขาเล่นได้จริงจังกว่าตอนที่เล่นGoal-
    Club กับ เดอะเมีย ซะอีก เพราะบทบาทเขาจะต้องถูกตุ๋ย และก็ฆ่าตัวตายในเวลาเดียวกัน และเขาก็ทำได้ดีกว่าที่คิด
    -ไว้ ผมค่อนข้างช็อคมากๆ กับฉากที่เขสถูกตุ๋ย เล่นได้แบบติดตามจริงๆ และไม่คิดว่าจะเล่นได้ดีขนาดนี้ และก็มา-
    สะใจกับตัวละครเขาในหลัง คือพอตายได้รับเป็นการเป็นกรรมแล้ว ก็แก้แค้นให้ไอ้เจ้ากระเทย-ควาย อู๊ดดี้ได้สะใจ
    โคตรๆ ผมชอบตอนจบหนังนะ จบค่อนข้างจะสะใจมากๆ คนสุดท้ายที่ขอพูดคือ จอห์นนี่ อันวา ในบท Einstine ที่-
    เรื่องนี้นั้น เป็นหนังเรื่องที่2ของเขา หลังจากเด็กระเบิด เมื่อประมาณ8ปีก่อน เรื่องนี้เองผมว่าตัวละครน่าจะเป็นตัว-
    ละคร ที่ดูง่ายที่สุด แต่กลับกลายเป็นตัวละครที่ผมรู้สึกว่า เขาถึงยากที่สุด เพราะว่าตัวละครนี้มีมโนธรรมเยอะเกิน-
    ไป และปรัชญาที่ตัวละครเขา ได้มาพูดขั้นตัวหนังเป็นช่วงๆ  ตัวละครนี้เหมือนเป้นตัวละครที่เข้าใจหลักชีวิตทั่ว-
    ไป ของมนุษย์ และเหมือนเขาเองนั้น ได้บรรลุจุดประสงค์ของเขาแล้ว เชื่อว่าผมว่าในกลุ่มตัวละครวัยรุ่นนะหว่าง-
    ในเพื่อน3คน ผมว่าตัวของEinstineเอง คือตัวละครที่ได้รู้หลักของชีวิตและนามธรรมมากที่สุด และเป็นตัวละคร
    ที่ต้องขอเรียกเลยว่า มีGood-Spirit(วิญญาณบริษุทธิ์)อยู่ในตัวเองครับ ขอพูดอีก2สิ่งนะครับ สิ่งแรกที่อยากจะพูดคือ
    อยากให้ตัวหนังตัดสิ่งจงใจบางอย่างที่ไม่จำเป็นออกไป เช่นเด็กที่สบดต่อหน้าอหิงสา จะมีไว้เพื่ออะไร(ให้แค่ฮารึ!!)
    การหึงของแฟนหมอในตอนหลัง ที่ผมว่ามันไม่ค่อยจะมีเหตุผลเลยนะ ว่าแฟนเขาจะทำไปเพื่ออะไร,เปิดเผยตัวของ
    Einstineว่าเขาใส่วิค ผมว่านะถ้าไม่เปิดเผยเนี๊ยดีกว่ามันจะทำให้ตัวละครของเขาเนี๊ยสมบูรณ์100%แล้ว ถ้าไม่มีส่วน
    นี้ให้เห็น และเรื่องราวพ่อ-แม่ของอหิงสา ในช่วงหลัง คือผมว่าตัดแล้วตัดไปได้เลยซะ คือไม่จำเป็นแล้วต้องเล่าพวก
    เขาในหลัง เพราะว่าตัวอหิงสาก็โตแล้ว อีกอย่างตอนนี้พ่อแม่ของเขาก็น่าจะตัดหางปล่อยวัดตัวเขาแล้ว ก็เล่นเป็น-
    คนแบบนั้นอะ และผมคิดว่าตัวหนังไม่จำเป็นเล่าเรื่องราวตรงนี้  เพราะว่าถ้าไม่เล่าเนี๊ย หนังจะออกมาเทียบชั้นแบบ
    Fight Clubแน่ๆ สิ่งสุดท้ายคือเพลงเหงา ของหรั่ง-Ochrestra มาประกอบกับหนังได้จำประเด็นกับตัวหนังได้ดีมากๆ
    คือเรียกได้ว่าเป็นเพลงที่เหมาะกับหนังอย่างแท้ที่จริงเลย

    สรุปแล้วผมชอบเรื่องนะ เป็น1ในหนังไทยที่ดีอีกเรื่องในปีนี้ต่อจากจี้-->ก็เคยสัญญา-->เฉิ่ม-->มหา'ลัย เหมือง-
    แร่-->พยักร้ายส่ายหน้า-->เสือร้องไห้(พึ่งได้ดู)-->วัยอลวน4-->ต้มยำกุ้ง(นิดๆ)-->แหยม...ยโสธร-->เพื่อนสนิท แล้ว
    ก็มาเรื่องนี้ ผมต้องชมเรียว-กิตติกร เลยว่า เป็นสุดยอดผกก.ไทย ที่มีIdeaแล้วการสร้างหนังแบบนี้ที่จริงๆ และดีกว่า
    ผกก.ไทยหน้าใหม่หลายๆคน ที่เริ่มมานั้น ดันทำหนังActionซะก่อน ผมว่าผลงานของเขาที่ออกมานั้นล้วนเป็นผล-
    งานที่ออกมาแล้วสุดยอดจริงๆ (ยกเว้นเดอเมีย เพียงเรื่องเดียว) ผมให้เรื่องนี้8.6/10ครับ ต้องชมเขาจริงๆว่าสุดยอด-
    มากๆ ถ้าคุณคิดว่านี่เป็นหนังตลกที่มาขายเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นละก็ ผิดมหันต์เลยครับละครับ แต่ถ้าถามว่าเรื่องนี้มีฮา-
    ไหม ต้องตอบไปว่าแค่1/10ของเรื่องนะครับ ก็ถ้าใครเบื่อกระแสหนังแบบเพื่อนสนิทแล้ว ลองดูหนังเรื่องนี้นะครับ
    รับลองเลยว่า คงทำให้คุณไดรู้จักกรรมอย่างแท้จริงครับ (รอบที่ผมดูวัยรุ่นเต็มโรงเลยละครับ ผมเองก็เป็น1ในนั้น)

    ปล.พรุ่งกะจะต่อFlight PlanและWallace And Gromittรวดเดียวไปเลยละครับ

    แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 48 23:50:12

    แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 48 23:49:06

     
     

    จากคุณ : billy bob - [ 24 ต.ค. 48 23:48:43 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป