ความคิดเห็นที่ 1 มาต่อเร็วๆนะคะ  อยากรู้มากเลย  เป็นหวัดทนมา 5 วันแล้วค่ะ ไม่กล้าทานยา จากคุณ : chi chi ma ru - [ 30 ส.ค. 50 20:16:55 ]

ความคิดเห็นที่ 2 กระทู้ดี น่าโหวตค่ะ^^ แม่ๆจะได้ใช้ยาได้สบายใจหน่อย จากคุณ : พจมารร้าย - [ 30 ส.ค. 50 21:06:02 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คุณเภสัชกรตัวจริงมาเอง  ช่วยโหวตหนึ่งจึ๊กค่ะ เพราะเห็นแม่ๆที่กำลังท้องอยู่ มีคำถามเรื่องนี้พอสมควรค่ะ และขอบคุณมากๆนะคะ จากคุณ : หลิวลิ่วลม - [ 30 ส.ค. 50 23:49:06 ]

ความคิดเห็นที่ 4 มากดโหวตและมาบอกขอบคุณสำหรับความรู้คะ มารออ่านต่อนะคะ จากคุณ : Mimi Mice - [ 31 ส.ค. 50 02:54:19 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณสำหรับความรู้นะคะ แล้ว รีบมาต่อให้ไวเลยนะคะ จากคุณ : ฑีรฒ - [ 31 ส.ค. 50 05:57:27 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นกระทู้นี้แล้วรีบเข้ามาเลยค่ะ อยากรู้อยู่เหมือนกัน ยังไงจะตามอ่านต่อค่ะ กดโหวตให้ก่อนล่ะกันนะคะ ^-^ จากคุณ : คุณแม่ท้อง (annim) - [ 31 ส.ค. 50 09:27:58 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มาต่อครับ เน็ตที่บ้านใช้ไม่ได้ครับ โดนตัด เลยมาแอบเล่นที่รพ. 5555 ------------------------------------------------------------------------------------- นอกจากการแบ่งตาม US FDA แล้ว ยังมีการแบ่งตาม Australian Drug Evaluation Committee's (ADEC) ด้วย ซึ่งความเข้มงวดในการแบ่งนั้นจะต่างกัน แต่ของ ADEC จะแบ่งออกเป็น A, B (B1, B2, B3), C, D ยาบางกลุ่มถ้าอยู่ใน ADEC กลุ่ม A กลับอยู่ใน US FDA กลุ่ม B ครับ เพราะว่าทาง US FDA ค่อนข้างเข้มงวดเรื่องหลักฐานการศึกษาวิจัยมากกว่า แต่ในไทยนั้น เรายึดตาม US FDA เป็นหลักครับ ยาในกลุ่ม A นั้น แม้จะจัดว่ามีความปลอดภัยสูง แต่หากจะจัดตาม US FDA แล้วหาได้ยากยิ่งครับ ดังนั้นยาส่วนใหญ่ที่เราใช้นั้น จัดอยู่ในกลุ่ม B และ C ครับ คำถามที่ตามมาคือ อ้าว ในเมื่อบอกว่าควรใช้เฉพาะ A และ B  ทำไมถึงให้ C ด้วยหละ คำตอบคือว่า กลุ่ม C แม้จะไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนหรือไม่มีการศึกษาในมนุษย์ว่าปลอดภัย แต่ก็ไม่ได้มีรายงานอันตรายใดๆ หรือบางตัวก็อยู่ในระหว่างการเก็บข้อมูลอยู่ และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีรายงานเลย ทำให้ยากลุ่ม C เป็นทางเลือกอีกทางนึง หากยาที่ต้องการรักษานั้น ไม่มีอยู่ในกลุ่ม B แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 50 10:54:05 จากคุณ : Epinephrine - [ 31 ส.ค. 50 10:26:47 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ยากลุ่ม A ที่พบกันทั่วๆ ไปและใช้กันเป็นปรกติ หากจัดตาม US FDA แบบเข้มงวดมไม่กี่ตัวที่ผมหาเจอครับ สองตัวที่เราใช้กันมากๆ ก็คือ Eltroxin (Levothyroxine) ซึ่งเป็นยาที่ใช้ในคนที่มีภาวะไทรอยด์ต่ำ กับ Vitamin ทั่วไป ในขนาดปรกติเท่านั้นครับ ส่วน Dimenhydrinate ที่ผมเคยตอบว่าอยู่กลุ่ม A นั้น เป็นการจัดตาม ADEC ครับ เนื่องจากทาง US FDA ไม่ได้ใช้ยาตัวนี้ แต่หากจัดตาม ADEC ยากลุ่ม A จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นมหาศาลเชียวหละครับ ซึ่งจะไม่เอามาพูดตรงนี้ ^^ สำหรับวิตามินนั้นบางตัวหากอยู่ในขนาดสูงๆ ก็จะเปลี่ยนมาอยู่กลุ่ม C แทน แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นอันตรายนะครับ เพราะว่าอะไรเอ่ย???? ยังจำได้ใช่ไหมครับว่ากลุ่ม C นั้น คือยังไม่มีการรายงานความปลอดภัยที่ชัดเจน แต่ก็ยังไม่มีรายงานอันตราย ดังนั้นวิตามินซึ่งมีความปลอดภัยสูงอยู่แล้วและพบได้ในอาหารตามปรกติ จึงค่อนนข้างปลอดภัยครับ และสามารถให้ได้อย่างสบายใจ ยกเว้น Vitamin A นะครับ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่ม X แต่ไม่ได้หมายความว่าห้ามใช้เด็ดขาดนะครับ เพียงแต่ไม่ต้องใช้เสริมแค่นั้นเอง เดี๋ยวตอนบ่ายกลับมาต่อในกลุ่ม B และ C ครับ แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 50 12:53:40 แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 50 10:54:57 จากคุณ : Epinephrine - [ 31 ส.ค. 50 10:52:58 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ช่วยโหวต 1 จิ๊ก เป็นประโยชน์กับบรรดาคุณแม่ดีค่ะ จากคุณ : แมวน้อยสีน้ำตาล - [ 31 ส.ค. 50 11:40:19 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ดีมากๆ โหวตให้ครับ จากคุณ : Untrue - [ 31 ส.ค. 50 12:30:05 ]

ความคิดเห็นที่ 11 โหวตเหมือนกันจ้า มีประโยชน์ดี... จากคุณ : แม่น้องเบนส์ - [ 31 ส.ค. 50 12:33:03 ]

ความคิดเห็นที่ 12 โหวตให้นะ จากคุณ : apotheker - [ 31 ส.ค. 50 12:40:33 ]

ความคิดเห็นที่ 13 โหวตจ้ะ จากคุณ : หมวยน้อยร้อยชั่ง - [ 31 ส.ค. 50 13:49:06 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณค่ะ มีประโยชน์มากๆ   มาช่วยกดโหวตค่ะ จากคุณ : เค้กเนย - [ 31 ส.ค. 50 14:32:01 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อ้อ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ดิฉัน จำคุณได้ละ คนที่เข้ามารับรองและอธิบายว่ายาแก้แพ้ที่ชื่อ cetrizin ที่ใช้ในหญิงมีครรภ์ อยู่ในประเภท บี และปลอดภัย ใช่ไหมค่ะ เราก็ไอ้คนขี้กลัว คนท้องคนไหน จะใช้ยา เราเบรคไว้หมด คือไม่รู้เรื่องยาเลยว่าตัวไหนใช้ได้ตัวไหนใช้ไม่ได้ ก็เลยห้ามมันทั้งหมดแหละ ต้องปรึกษา หมอสูติก่อน ก็ไม่รู้ก็อย่ากินมันเลย ทรมานมาก เป็นหวัด แต่ไม่ทานยา ทนเอา นอกจากว่า ช่วงไหน นัดฝากครรภ์ถึงให้หมอใงให้ แถมยังกำชับอีกว่า หากกินยาตอนท้อง อาจเป้น อันตรายต่อลูกได้ อ่านๆ ไป เราก็เข้าใจถูกต้องนี่ว่า ประสาชาวบ้าน รู้แค่นี้ก็พอ เอาตัวรอดได้ ดีมากเลยค่ะที่คุณเข้ามาตั้งกระทู้นี้ แถมใจดีบอกเราซะละเอียดยิบ ขอบคุณค่ะ มา update ให้เรื่อยๆนะค่ะ อยาก ฟัง อยากฟังมาก น่าสน ใจ น่าสนใจ โหวตค่ะ จากคุณ : รุ่งฟ้าสาง - [ 31 ส.ค. 50 15:16:04 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เข้ามาอ่าน และโหวต กระทู้มีประโยชน์มากค่ะ จากคุณ : แม่อ๊อตโต้ - [ 31 ส.ค. 50 18:26:22 ]

ความคิดเห็นที่ 17 มา vote ให้สหายร่วมอุดมการณ์ เอ๊ย ไม่ช่าย...ร่วมวิชาชีพต่างหากค่ะ จากคุณ : หมอ-ยา-ผู้-น่า-รัก - [ 31 ส.ค. 50 21:14:18 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มาให้กำลัง  ต่อไป สู้ โว้ย เยี่ยมมาก ครับ จากคุณ : smecta - [ 1 ก.ย. 50 08:05:17 ]

ความคิดเห็นที่ 19 มีประโยชน์ม๊ากๆๆ เลย ขอบคุณ คุณ Epinephrine ที่อุตส่าห์ข้ามมาจากห้องสวนลุม มาให้ความรู้ที่นีนะ เพราะว่ามีคนมาถามเรื่องยาเยอะมากเลย จากคุณ : วีทีอาร์ - [ 1 ก.ย. 50 10:17:39 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เยี่ยมค่ะ สมกับเป็นเภสัชหนุ่มไฟแรงจริงๆ โหวตให้แล้วนะค้า จากคุณ : หมูเหมียว - [ 1 ก.ย. 50 12:18:43 ]

ความคิดเห็นที่ 21 แคลเซี่ยม 600 ของแบรนด์ละคะ กลุ่มไหน มีแคลเซียมคาร์บอเนต 1580 มก. เทียบเท่า แคลแซียม 600 มก. จมูกถั่วเหลือง        900 มก. เทียบเท่า ไอโซฟลาโวน 18 มก. วิตามิน ดี           2  มก. จากคุณ : รบกวนด้วยนะคะ (โซเหนี่ยละเหี่ยใจ) - [ 1 ก.ย. 50 12:44:59 ]

ความคิดเห็นที่ 22 มาปูเสื่อนอนอ่านนะ ท้อง 7 เดือนแล้ว ยืนรอนาน ๆ มันเมื่อย ^ ^ หุหุ ขอบคุณนะคะสำหรับข้อมูลดี ๆ แบบนี้ จากคุณ : ระแนงไม้ - [ 1 ก.ย. 50 13:43:20 ]

ความคิดเห็นที่ 23 จากคุณ : เจ้าเพิร์ส - [ 1 ก.ย. 50 14:34:17 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อยากรู้เหมือนกันมากๆ ตอนนี้เป็นหวัด ปวดหัวมากๆ ก็ทนกินน้ำกะนอนเอา แต่อยากรู้จริงๆ ว่ายาตัวไหนใช้ได้บ้าง ตอนนี้แบ่งประสบการณ์นิดน้อยกำลังเป็นอยู่ ท้องสองเดือนกลัวท้องลายไปซื้อครีมกันท้องลายที่เป็น She butter กับcoco butter ผสมอยู่ใช้ได้อาทิตย์คันหน้าท้องนึกว่าท้องขยายเลยระดมใส่ตื่นมาผื่นขึ้น หยุดใช้แต่ตอนไปเที่ยวดันไปใช้สบู่ แชมพูโรงแรมกลายเป็นผื่นแดงคันทั้งตัว คาลาไมล์ก็ไม่ได้ผล หมอเด็กแนะให้กิน Antihistamine แทบจะคุยกะลืมตาไม่ขึ้น เลยหยุดเพราะไม่หายคันและผื่นไม่ลง คุณยายแนะนำให้ใช้โอ๊ตมีลอาบแทนน้ำ มหัศจรรย์ผื่นหาย ช่วยมาบอกอีกหน่อยโดยเฉพาะหวัด ไม่สบายบ่อยมากอากาศเปลี่ยน จากคุณ : Haniballector (Haniballector) - [ 2 ก.ย. 50 01:18:46 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ติดธุระด่วนนิดหน่อยครับ กลับมาต่อกัน ------------------------------------------------------------------------------------- จากที่บอกไปแล้วว่ายาในกลุ่ม A นั้น หายากยิ่งนัก ดังนั้น กลุ่ม B จึงเป็นยากลุ่มหลักที่แพทย์มักจะใช้ในหญิงมีครรภ์ ซึ่งเราพบกันได้ทั่วไปครับ เนื่องจากยาในกลุ่ม B นั้น มีรายงานความปลอดภัยที่ค่อนข้างชัดเจน ก็เลยสามารถใช้ได้อย่างสบายใจ หากจะแบ่งยาตามกลุ่มนั้นก็จะได้แก่ ยาแก้ปวด ยาแก้ปวดเป็นยาตัวหนึ่งที่หญิงมีครรภ์มีความจำเป็นต้องใช้ และคิดว่าจำเป็นมากกกกก เพราะเกือบทุกคนต้องมีปวดเมื่อยแน่ๆ เรามาดูกันดีกว่าครับ ยาแก้ปวดที่จัดอยู่ในกลุ่ม B มีอะไรบ้าง - Paracetamol นับเป็นยาแก้ปวดหลักที่ใช้ในหญิงมีครรภ์ มีความปลอดภัยสูงและใช้ได้ในทุกไตรมาสอย่างสบายใจครับ - ยาแก้ปวดในกลุ่มที่ไม่ใช่สเตอรอยด์ (Non-Steroidal Anti-Inflamatory Drugs -  NSAIDs) นั้น แม้ว่าเราจะเชื่อว่ามีปัญหาขณะตั้งครรภ์ แต่จากรายงานความปลอดภัยนั้น พบว่าในช่วงไตรมาสแรกและไตรมาสสอง ยาในกลุ่มนี้มีผลดีในการลดอาการปวดของหญิงมีครรภ์ และมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง ยาที่พบว่ามีการใช้บ่อยๆ ในกลุ่มนี้เช่น Ibuprofen (ชื่อการค้า Ibugan, Nurofen, Brufen และชื่อการค้าในประเทศอีกหลายชื่อ --'), Naproxen (Synflex, Naprosyn), Tenoxicam (Tilcotil), Diclofenac (Voltaren), Mefenamic Acid (Ponstan) - ยาแก้ปวดในกลุ่มที่มีความเจาะจงต่อตัวรับ COX-2 ซึ่งก็คือยาแก้ปวดกลุ่มใหม่ๆ ที่มักจะบอกว่าไม่กัดกระเพราะ ยาแก้ปวดในกลุ่มนี้ไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่ม B ทุกตัวนะครับมีเพียงบางตัวที่หลักฐานยืนยันมากพอ และเช่นกัน NSAIDs ก็คือยาจะให้ผลดีในช่วงแรกของการตั้งครรภ์เท่านั้นและห้ามใช้ในไตรมาสที่ 3 แต่ไม่ต้องกังวลนะครับการที่แพทย์จะจ่าย ก็จะดูว่ามีความเหมาะสมอยู่แล้ว และยังมีเภสัชกรช่วยป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดด้วยอีกขั้นหนึ่ง ดังนั้นจึงขอให้ใช้ยาอย่างสบายใจ ยาแก้ปวดในกลุ่มนี้ที่พอจะจัดอยู่ในกลุ่ม B ก็คือ Celecoxib (Celebrex) เพียงตัวเดียวครับ เพราะมีการใช้ที่นานพอจนมีหลักฐานชัดเจน สำหรับยาแก้ปวดกลุ่มอื่นๆ นั้น ส่วนใหญ่จะจัดในกลุ่ม C และ D ดังนั้น สำหรับกลุ่ม C นั้นมีเยอะครับ จะพูดอีกรอบหนึ่งตอนถึงกลุ่ม C แต่ถ้าหากไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ยานอกเหนือจากนี้ก็ไม่ควรใช้ยกเว้นกรณีที่แพทย์และเภสัชกรลงความเห็นแล้วว่าสมควรใช้เท่านั้นครับ แต่ในกรณีทั่วไป หากปวดเมื่อยนิดหน่อย ก็นวดๆ ตัว หรือไม่ก็ใช้ยานวดจะดีกว่าครับ เพราะว่ามีความปลอดภัยสูงกว่ายากินมา ยานวดที่ผมมักแนะนำให้ใช้ในหญิงมีครรภ์ (ย้ำ ผมแนะนำ นะครับ ไม่สามารถหาแหล่งอ้างอิงที่ชัดเจนได้) ก็เช่น Balm แก้ปวดเมื่อยทั่วไป ยานวดที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น พริก ไพล ซึ่งดูจากหลักฐานอื่นๆ แล้วน่าจะมีความปลอดภัยค่อนข้างสูงทีเดียว แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 50 12:36:01 จากคุณ : Epinephrine - [ 2 ก.ย. 50 12:32:25 ]

ความคิดเห็นที่ 26 มาโหวตอีกคะ... จากคุณ : นางฟ้าตาหวาน - [ 2 ก.ย. 50 14:04:28 ]

ความคิดเห็นที่ 27 มารอฟังค่ะ เป็นหวัดบ่อยพอดี จากคุณ : bad weather - [ 2 ก.ย. 50 16:18:56 ]

ความคิดเห็นที่ 28 มาต่อกันที่ยากลุ่มที่ 2 ครับ ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย หรือที่ชอบเรียกกันว่า่ยาแก้อักเสบ เป็นยาอีกกลุ่มที่มีการใช้ในหญิงมีครรภ์บ่อยๆ และยาในกลุ่มนี้ก็สร้างความกังวลให้กับผู้ป่วยได้มาก เพราะมักจะเคยได้ยินกันว่ากินยาแล้วลูกฟันดำ หรือลูกกระดูกไม่ดี แต่จริงๆ แล้วยาฆ่าเชื้อมีหลายตัวและส่วนมากมีความปลอดภัยสูงครับ สำหรับยาฆ่าเชื้อผมคงไม่เขียนเฉพาะกลุ่ม B แต่จะเล่ารวมๆ ทั้งหมดเลยครับ โดยแบ่งไปตามกลุ่มของยาและเน้นเฉพาะยากินนะครับ ^^ 1. Penicillins    - ยาในกลุ่มนี้ เช่น Penicillin, Amoxicillin, Ampicillins รวมไปจนถึง Augmentin หรือ Salbactam ซึ่งเป็นยาสูตรผสมของ Amoxicillin ด้วย    - ในยาที่เป็นตัวเดี่ยวๆ ส่วนใหญ่แล้ว จะอยู่ในกลุ่ม B ครับ เป็นยาที่มีความปลอดภัยสูง และให้ได้ในคนส่วนใหญ่ มีผลการรักษาที่ดี     - สำหรับยาสูตรผสม เช่น Salbactam หรือ Augmentin ไม่มีการประเมินที่ชัดเจน แต่ส่วนใหญ่แล้ว ก็ให้ผลดีและไม่มีรายงานถึงอันตรายครับ จัดเป็นยาทางเลือกที่แพทย์ใช้ในคนที่รักษาด้วย Penicillins ตัวเดี่ยวๆ ไม่หาย 2. Cephalosporins ยากลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นยาฉีด แต่มีบางตัวก็กินได้ ที่มักเจอเช่น Cephalexin, Cefaclor, Cefdinir จัดเป็นยาอีกกลุ่มที่ให้ผลในการรักษาดี และมีความปลอดภัยสูง เกือบทุกตัวจะอยู่ในกลุ่ม B ก็จัดเป็นยาทางเลือกอีกกลุ่มหนึ่งครับ แต่ด้วยความที่มีโครงสร้างคล้ายกับ Penicillins บางครั้งจึงกลัวว่าจะเกิดการแพ้ได้ เลยไม่ได้ใช้เป็นยาทางเลือกสำหรับผู้ป่วยที่แพ้ Penicillins 3. Macrolides เช่น Erythromycin, Roxithromycin, Azithromycin, Clarithromycin มักใช้เป็นยาทางเลือกกลุ่มแรกๆ ในกรณีที่แพ้ Penicillins แต่ตัวที่มีหลักฐานความปลอดภัยชัดเจนและอยู่ในกลุ่ม B มีเพียง Erhythromycin และ Azithromycin ส่วน Roxithromycin ไม่ได้ถูกใช้ในประเทศสหรัฐฯ จึงไม่มีการประเมินครับ 4. Quinolones เช่น Norfloxacin, Ofloxacin, Moxifloxacin เป็นยาที่มักใช้ในโรคทางเดินอาหารและทางเดินปัสสาวะ แต่บางตัวก็ใช้เป็นยาทางเลือกในโรคทางเดินหายใจและโรคติดเชื้ออื่นๆ ด้วย กลุ่มนี้ไม่แนะนำให้ใช้ทั้งในหญิงมีครรภ์และเด็กเล็กครับ เนื่องจากหลักฐานความปลอดภัยน้อยและมีผลต่อการเจริญเติบโตของเด็ก แต่ในกรณีจำเป็น ก็ใช้ได้ครับ แต่ต้องระวังการใช้ในไตรมาสแรก 5. Tetacycline ยากลุ่มนี้จะมีผลจับกับ Calcium และถูกดูดซึมไปพร้อมกัน ทำให้เด็กเกิดปัญหากระดูกและฟันได้ ที่ทำให้เกิดฟันดำ เป็นคราบเหลืองๆ อะไรประมาณนั้น จึงจัดเป็นข้อห้ามใช้ในทุกตัวครับ ยากลุ่มนี้ได้แก่ Tetracycline, Doxycycline 6. ยากลุ่มอื่นๆ นอกเหลือจากนี้ จะมีการใช้ตามคำสั่งแพทย์เท่านั้นครับและส่วนใหญ่แพทย์จะไม่เลือกใช้แน่นอน ยกเว้นกรณีที่จำเป็นจริงๆ ไม่ต้องกังวลนะครับ แต่วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ไม่ต้องใช้ยาฆ่าเชื้อ ก็คือรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายแต่พอควร แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 50 09:24:37 แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 50 23:27:20 จากคุณ : Epinephrine - [ 2 ก.ย. 50 19:27:04 ]

ความคิดเห็นที่ 29 แอบมากด 1 จิ๊ก จากคุณ : แมวน้อยสีน้ำตาล - [ 4 ก.ย. 50 11:36:50 ]

ความคิดเห็นที่ 30 มาโหวตกระทู้ให้ค่ะ จากคุณ : ถั่วงอกดุ๊กดิ๊ก - [ 4 ก.ย. 50 11:57:15 ]

ความคิดเห็นที่ 31 กดโหวตให้ด้วย และมีคำถามค่ะ สำหรับแม่ที่ให้นมลูกละค่ะ สามารถกินยากลุ่มไหนได้บ้าง A, B ได้หรือไม่ เช่น เป็นหวัดหมอจ่ายยามาให้ เป็น Amoxicillin ถ้าทานได้แล้วควรให้นมลูกหลังกินยาไปกี่ชม.ค่ะถึงจะทำให้ลูกได้รับน้อยลงแล้วแม่ก็ได้รับยาด้วย จากคุณ : vigazonte (Vigazonte) - [ 4 ก.ย. 50 15:52:53 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ตอบก่อนว่า Amoxicillin ทานได้ครับ ไม่ต้องกังวล ส่วนเรื่องยาในหญิงให้นมบุตร เดี๋ยวจะตามมาเร็วๆ นี้ครับ ถ้าจบอันนี้ได้ --' จากคุณ : Epinephrine - [ 4 ก.ย. 50 17:32:21 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ข้อมูลดีมากๆคะ   กำลังลุ้นอยู่ ว่าท้องอ่ะป่าว จะได้ระวังตัว อิอิ จากคุณ : Runcold - [ 4 ก.ย. 50 22:13:45 ]

ความคิดเห็นที่ 34 โหวตแล้วคะ   กระทู้นี่เป็นประโยชน์มั่กส์ๆ เลยคะ อิอิ อยากให้มีกระทู้ ยาในหญิงให้นมบุตรจังเลย จากคุณ : envylme - [ 5 ก.ย. 50 19:23:40 ]

ความคิดเห็นที่ 35 กินอาหารเสริม ontop (ใช้ลดความอ้วน) ,Xenical (ยาดักไขมัน) ,ไขปลาวาฬ (เป็นคนท้องผูก) มานาน 2 เดือนแล้ว ก่อนหน้านี้กินยากษัยเส้นตราเด็กในพานทองทุกวัน วันละเป็น 10 เม็ด มาเป็นเวลาหลายปีประมาณเกือบ 10 ปี แต่ตอนนี้เลิกกินมาเป็นเวลา 1 เดือนแล้ว แต่มากินยา 3 ตัวที่ว่าแทนตอนนี้ไม่มั่นใจว่าท้องรึเปล่า ต้องรอครบรอบเดือนถึงจะตรวจได้ อยากถามว่ามีอันตรายรึเปล่าค่ะ และก็มีอีกตัวนึงที่กินคือ โปแตสเซี่ยมซิเตด วันละ 15 มล. (หมอบอกว่าเป็น RTA) กังวลมาหลายปีไม่กล้าท้องเลย ตอนนี้อายุ 30 ปีแล้ว แถมเป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบี, เป็นพาหะทาลัสซีเมียด้วย แต่สามีมีภูมิไวรัสตับบีแล้ว ,และไม่เป็นพาหะทาลัสซีเมียด้วย ช่วยตอบด้วยนะค่ะ กลุ้มใจมากค่ะ จะรอคำตอบนะค่ะ (ถ้าไม่รบกวนมากเกินไปช่วย mail มาที่ nuy_jnn@yahoo.co.th ) ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : nuyple - [ 8 ก.ย. 50 12:13:42 A:125.25.232.123 X: TicketID:148821 ]

ความคิดเห็นที่ 36 รบกวนถามคุณ Epinephrine ครับ ภรรยาผมท้องได้ 3 สัปดาห์ พอดีมีการติดเชื้อที่มดลูก ทำให้มีตกขาวนิดหน่อย คุณหมอที่ไปฝากครรภ์ให้ยาแก้อักเสบมาทาน เป็นยาแคปซูลสีน้ำตาลเหลือง บนเม็ดยามีคำว่า RANBAXY (จากที่ผมค้นข้อมูลในเน็ต เข้าใจว่าคงเป็นชื่อบริษัท) ไม่ทราบว่ายานี้อยู่ในกลุ่มไหนครับ เป็นตัวยาอะไร ขอบคุณครับ จากคุณ : บั๊กเพียบ - [ 9 ก.ย. 50 12:54:48 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขอโทษด้วยครับ ช่วงนี้ยุ่งมากเลยไม่ได้มาต่อเลย ไว้อีกสองสามวันให้พ้นาภาวะวิกฤตที่รพ. ก่อนครับ ค่อยมาต่อ สำหรับของคุณ nuyple ยาค่อนข้างปลอดภัยครับ แต่ด้วยภาวะของโรค ต้องให้คุณหมอมาตอบอีกที ส่วนคุณบั๊กเพียบครับ ยาตัวที่ได้ น่าจะเป็นยา Amoxicillin ค่อนข้างแน่ครับ ปลอดภัยดีแน่นอน ^^ แต่อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติตนตามที่คุณหมอแนะนำนะครับ จากคุณ : Epinephrine - [ 10 ก.ย. 50 12:35:13 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เข้ามาโหวตอีกรอบค่ะ จากคุณ : หลิวลิ่วลม - [ 11 ก.ย. 50 01:22:43 ]

ความคิดเห็นที่ 39 มาต่อครับ ยาอีกกลุ่มที่มักจะใช้กันบ่อยๆ นอกจากยาแก้ปวดกับยาฆ่าเชื้อก็คงเป็น ยาแก้แพ้ครับ ยาแก้แพ้ ยาแก้แพ้เป็นยาที่จัดว่ามีความปลอดภัยค่อนข้างมากเกือบทุกตัวครับ ดังนั้นการที่จะกินยาแก้แพ้จึงสามารถกินได้อย่างปลอดภัยและสบายใจครับ ยาแก้แพ้ที่นิยมใช้ทั่วไปสำหรับลดอาการแพ้เช่น Chlorpheniramine maleate (CPM), Hydroxyxine, Cetirizine, Loratadine, Fexofenadine (Telfast) ทั้งหมดจัดอยู่ในกลุ่ม B ครับ ยาแก้แพ้สำหรับวัตถุประสงค์อื่นได้แก่ Dimenhydrinate (Dramamine) ซึ่งเป็นยาแก้คลื่นไส้อาเจียนตัวหนึ่ง ก็จัดอยู่ในกลุ่มนี้ด้วยครับ และเมื่อพูดถึงยาแก้คลื่นไส้อาเจียนก็คงต้องพูดถึงอีกสองตัวที่เหลือที่นิยมใช้ Metoclopamide เป็นยาที่ใช้แก้อาการคลื่นไส้อาเจียนจากสารพิษ อาจจะใช้ในกรณีจำเป็นเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ยาตัวนี้จัดอยู่ในกลุ่ม B ครับ Domperidone แม้ว่วายาตัวนี้จะไม่ได้รับรองใน US FDA แต่ของ ADEC ยาตัวนี้จัดอยู่ในกลุ่ม B2 ครับ ซึ่งเป็นกลุ่มหนึ่งที่มีความปลอดภัยสูงทีเดียว ตัว Domperidone นี้ เราอาจจะพบได้อีกในการใช้ร่วมกับยารักษาโรคกระเพาะหรือยาแก้ท้องอืดด้วยครับ จากคุณ : Epinephrine - [ 13 ก.ย. 50 00:15:24 ]

ความคิดเห็นที่ 40 โหวตค่ะ จากคุณ : moonface - [ 13 ก.ย. 50 00:34:21 ]

ความคิดเห็นที่ 41 พูดถึง Domperidone ก็ต้องต่อไปที่ระบบทางเดินอาหาร แน่นอนว่าในหญิงมีครรภ์นั้น ระบทางเดินอาหารมักจะผิดปรกติกันบ่อยๆ แน่ใช่ไหมเอ่ย ^^ ยาระบาย ยาระบายนั้น แบ่งออกได้หลายกลุ่ม ซึ่งยาระบายส่วนใหญ่นั้น มักจะมีความปลอดภัยในหญิงมีครรภ์ ยาระบายที่นิยมใช้และให้ความปลอดภัยสูงเช่น Bisacodyl (เม็ดสีเหลืองๆ ยอดฮิต นั่นแหละครับ), Docusate, Milk of Magnesia สำหรับ Senokot ซึ่งเป็นมะขามแขก ยังไม่มีหลักฐานถึงความปลอดภัยที่ชัดเจนครับ ยาแก้ท้องอืด ยาแก้ท้องอืดมีหลายกลุ่มครับ และเช่นเดียวกัน ยากลุ่มนี้จัดว่ามีความปลอดภัยสูงเกือบทุกตัวครับ ตั้งแต่ Domperidone (Motilium-M), Simeticone (Disflatyl, Air-X) รวมถึงแบบที่เป็นน้ำมันหอมระเหยและ Enzyme เช่นพวก Magesto, Gaszym, Combizym แม้บางตัวจะจัดอยู่ในกลุ่ม C แต่ก็นับเป็นยาที่ดีซึ่งสามารถใช้เป็นครั้งคราวได้อย่างสบายใจครับ ยารักษาโรคกระเพาะ ยารักษาโรคกระเพาะแบ่งเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ ครับ คือยาลดการหลั่งกรดในกระเพาะ กับยาบรรเทาอาการ ยาที่บรรเทาอาการเช่น พวก Antacil, Mag-77 รวมไปจนถึง Gastrobismol พวกนี้มักจะถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม C หรือไม่ก็ไม่ได้รับการประเมิน การใช้เป็นครั้งคราว จึงทำได้ครับ แต่ถ้าต้องใช้ต่อเนื่องกันทุกวัน ยากลุ่มนี้ก็ไม่แนะนำเช่นกันครับ ยายับยั้งการหลั่งกรด แ่บ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้ H2 Antagonist เป็นยากลุ่มเก่าซึ่งมีผลในการลดการหลั่งกรดเพื่อรักษาโรคกระเพาะ ยากลุ่มนี้ให้ความปลอดภัยดีครับ จัดอยู่ในกลุ่ม B ทั้งหมด ได้แก่ยา Cimetidine, Famotidine และ Ranitidine Proton-Pump Inhibitor จัดเป็นยาที่ใหม่กว่า และตอนนี้นิยมใช้กันพอสมควรครับ ยากลุ่มนี้ก็จัดเป็นยาที่ใช้ได้อย่างปลอดภัยในหญิงมีครรภ์เช่นกัน แต่ไม่ใช่ทุกตัวที่จะจัดอยู่ในกลุ่ม B นะครับ มีตัว Omeprazole (Losec, Miracid) ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่ม C สำหรับตัวอื่นๆ เช่น Esomeprazole (Nexium),  Lansoprazole (Prevacid) จัดอยู่ในกลุ่ม B ครับ ----------------------------------------------------------------------------------- วันนี้ไหวแค่นี้ครับ เดี๋ยวค่อยมาต่ออีกทีนะครับ จากคุณ : Epinephrine - [ 13 ก.ย. 50 00:42:00 ]

ความคิดเห็นที่ 42 โหวตจ้ะ จากคุณ : Rata_RG - [ 20 ก.ย. 50 09:09:49 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เข้ามาอ่านค่ะ vote เรียบร้อยแล้ว ^^ จากคุณ : M...MinT - [ 21 ก.ย. 50 20:37:25 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณมากๆนะคะ กดโหวตแล้วค่ะ จากคุณ : LoveKittY - [ 22 ก.ย. 50 01:26:16 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ได้ความรู้มากเลยค่ะ เพิ่งรู้ว่าท้องประมาณ 3 สัปดาห์ค่ะ แต่มีโรคประจำตัวที่รักษาอยู่ (3 เดือนแล้ว) เป็นไทรอยด์เป็นพิษค่ะ คุณหมอให้กินยา propylthiouracil 50 mg 1 เม็ด เช้า-เย็นค่ะ ไม่รู้ว่ายานี้จัดอยู่ในกลุ่มไหนคะ อันตรายรึเปล่า แต่เคยบอกคุณหมอว่าอยากมีลูกหมอก็เปลี่ยนมาเป็นตัวนี้ค่ะ จากคุณ : รบกวนตอบด้วยนะคะ (Be with me) - [ 23 ก.ย. 50 10:22:49 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณมากค่ะ สำหรับความรู้ดีๆ อยากถามว่าช่วงที่ท้อง 1-3 สัปดาห์ ใช้ยาหมอทาหน้าเพื่อบำรุง 1 ตัว คิดว่าเป็นกรดวิตามิน เอ ไม่มียากินค่ะ พอทราบว่าตั้งครรภ์เลยหยุดใช้ยาทันที ยาจะสะสมแล้วจะมีผลไรกีบเด็กมั๊ยค่ะ ตอนนี้ตั้งครรภ์ได้ 23 สัปดาห์ แล้ว ช่วงแรกเครียดมาก จนพี่ๆ น้องๆ ว่ากังวลเกินไป แต่พอได้ฟังอีกที ก็อดกังวลไม่ได้ค่ะ ฃ่วยตอบด้วยนะค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ขวดน้ำเปล่า - [ 23 ก.ย. 50 20:15:13 ]

ความคิดเห็นที่ 47 myceptic mybacin อมได้มั๊ยคะ ตั้งครรภ์อยู่ช่วงไตรมาสแรก แต่เจ็บคอ จะทานกันไว้ก่อนค่ะ จากคุณ : m (Maxburrito) - [ 28 ก.ย. 50 15:27:18 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขอโทษด้วยครับ ช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา มีการเตรียมประเมินคุณภาพรพ. ผมหัวปั่นตลอดเลย T_T อาทิตย์หน้าจะมาต่อนะครับ ตอบคำถามก่อน PTU ใช้ได้ครับ แม้ใน US FDA จะจัดในกลุ่ม D แต่ ADEC จัดอยู่ในกลุ่ม C และในทางปฏิบัติแล้ว ยาค่อนข้างปลอดภัยสำหรับเด็กครับ อย่างไรก็ตาม ให้อยู่ในการควบคุมของแพทย์ตลอดเวลานะครับ ^^ สำหรับยาทาและยาอมนั้น สามารถใช้ได้ค่อนข้างปลอดภัยครับ แต่ยาทากลุ่ม vitamin a acid เลี่ยงได้ก็ดี แม้จะไม่มีรายงานการเกิดผลข้างเคียงในเด็กก็ตาม จากคุณ : Epinephrine - [ 1 ต.ค. 50 00:25:33 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ขอเซฟไว้ก่อน เผื่อได้ใช้ตอนตั้งครรภ์ ^ ^ จากคุณ : Rata_RG - [ 1 ต.ค. 50 20:58:20 ]

ความคิดเห็นที่ 50 แล้ว spray ที่ฉีดจมูกที่ทำมาจากสารเคมี (ไม่ใช่จากน้ำทะเลนะคะ) มีอันตรายไหมคะ? เนื่องจากใช้เป็นประจำเวลาหายใจไม่ค่อยออกตอนกลางคืน ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ จากคุณ : white bear - [ 2 ต.ค. 50 17:15:26 A:129.125.7.116 X: TicketID:123560 ]

ความคิดเห็นที่ 51 มา...นั่งอ่าน นอนอ่าน...ขยันๆ พิมพ์เข้านะ .... อย่ามัวแต่ขายยาเพลิน เอิ๊กๆๆ จากคุณ : คนที่คุณก็รู้ว่าใคร (Je_Prim) - [ 4 ต.ค. 50 00:13:24 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 15 พ.ย. 50 19:16:11 ]