ความคิดเห็นที่ 1 ในคลังกระทู้ก็จะมีช่องให้ใส่คีย์เวิร์ดให้ค้นเหมือนกัน จากคุณ : หมูเหมียว - [ 10 ก.ค. 51 05:54:05 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ทีนี้มาถึงงคำถามที่เจอบ่อยๆนะคะ 1. เรื่องยาที่ใช้ได้ในระหว่างการตั้งครรภ์ ? คำถามนี้เจอบ่อยๆๆๆๆ มากที่สุดเลยค่ะ แน่นอนถ้าจะให้สบายใจก็ควรให้หมอจัดให้ แต่บางทีการไปหาหมอก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด ดังนั้นก็ควรจะทราบข้อมูลไว้ดูแลตัวเองค่ะ ในหญิงตั้งครรภ์ องค์การอาหารและยาของสหรัฐ (US FDA)  แบ่งยาออกเป็น 5 กลุ่ม ดังนี้ ลำดับขั้นของยาต่อการตั้งครรภ์ A ข้อมูลจากการศึกษาในคนไม่พบว่ามีอันตรายต่อทารกในครรภ์ ลำดับขั้นของยาต่อการตั้งครรภ์ B ข้อมูลจากการศึกษาในสัตว์ทดลองไม่พบอันตรายต่อลูกสัตว์ในครรภ์แต่ไม่มีข้อมูลในคน หรือ มีข้อมูลจากการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่ามีผลกระทบต่อลูกสัตว์ในครรภ์แต่ข้อมูลจากการศึกษาในคนไม่พบว่ามีอันตรายต่อทารกในครรภ์ ลำดับขั้นของยาต่อการตั้งครรภ์ C มีข้อมูลจากการศึกษาในสัตว์ทดลองว่ามีผลกระทบต่อลูกสัตว์ในครรภ์แต่ยังไม่มีข้อมูลจากการศึกษาในคน หรือ ยังไม่มีข้อมูลการศึกษาทั้งในคนและในสัตว์ ลำดับขั้นของยาต่อการตั้งครรภ์ D มีข้อมูลว่าจากการศึกษาในคนว่ามีผลกระทบต่อทารกในครรภ์แต่ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้ยายังเป็นที่ยอมรับได้อยู่ ลำดับขั้นของยาต่อการตั้งครรภ์ X มีข้อมูลชัดเจนว่ามีอันตรายต่อทารกในครรภ์ ยาที่ใช้ได้ปลอดภัยควรจะอยู่ในกลุ่ม A และ B เท่านั้นนะคะ แล้วจะทราบได้อย่างไร?  ขอแนะนำเวปนี้ค่ะ http://www.safefetus.com/ ใช้ง่ายมากๆ เพียงแต่ใส่ชื่อยาลงไปในช่อง " drug search " จะเป็นชื่อสามัญหรือชื่อทางการค้าก็ได้ ก็จะได้ออกมาว่ายาอยู่ในกลุ่มไหน มีผลกับลูกในท้องอย่างไร ยกตัวอย่างเสิร์ช amoxy ซึ่งเป็นยาแก้อักเสบที่หมอมักจะสั่งให้ อยู่ในกลุ่ม " B "  ซึ่งสามารถใช้ได้ปลอดภัยค่ะ จากคุณ : หมูเหมียว - [ 10 ก.ค. 51 05:55:24 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ตัวอย่าง...Diazepam หรือ แวเลี่ยม ยานอนหลับยอดฮิต อยู่ในกลุ่ม " D " ทำให้ทารกในครรภ์พิการได้ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 51 06:13:22 จากคุณ : หมูเหมียว - [ 10 ก.ค. 51 05:55:57 ]

ความคิดเห็นที่ 4 กระทู้ที่เป็นประโยชน์ที่คุณเภสัชเขียนไว้เรื่องยาในแม่ตั้งครรภ์ค่ะ http://topicstock.pantip.com/family/topicstock/2007/08/N5768779/N5768779.html ถ้ายังไม่มีเวลาไปหาหมอ จำไว้ว่ามียาสามัญประจำบ้านที่สามารถใช้ได้ปลอดภัยดังนี้ค่ะ ยาที่มีการใช้บำบัดอาการเจ็บไข้ไม่สบายของหญิงตั้งครรภ์ ที่มีการใช้อยู่บ้างตามอาการของโรคที่พบบ่อยมีดังนี้ 1. ยาลดไข้แก้ปวดที่ถือว่าปลอดภัยที่สุด สำหรับทารกในครรภ์แม่คือ ยาพาราเซตามอล (อะซีตามิโนเฟน) ในผู้ใหญ่จะใช้ขนาดเม็ดละ 500 มิลลิกรัม ครั้งละ 2 เม็ด ทุก 4-6 ชั่วโมง เวลาปวดหรือเป็นไข้ 2. ยาลดน้ำมูกแก้แพ้ที่นิยมใช้และปลอดภัยที่สุด คือ ยาคลอร์เฟนิรามีน หรือยาเม็ดแก้แพ้อากาศเม็ดสีเหลือง ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ในผู้ใหญ่จะใช้ขนาดเม็ดละ 4 มิลลิกรัม ครั้งละ ?-1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น ยาชนิดนี้อาจทำให้ง่วงซึม จึงเหมาะสำหรับกินตอนก่อนนอน ถ้าจำเป็นต้องใช้ในเวลาทำงาน ต้องระวังการง่วงนอน ซึ่งอาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ถ้าทำงานอยู่กับเครื่องจักร หรือขับขี่ยานพาหนะ 3. ยาปฏิชีวนะในหญิงตั้งครรภ์ อาจเลือกใช้ยากลุ่มเพนิซิลลิน เช่น เพนิซิลลิน-วี แอมพิซิลลิน หรืออะม็อกซีซิลลิน เป็นต้น ซึ่งเป็นกลุ่มยาที่ปลอดภัยสำหรับทารกในครรภ์ (แต่เนื่องจากยากลุ่มนี้มีการแพ้ยาสูงเป็นอันดับหนึ่ง จึงใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่ไม่เคยมีประวัติแพ้ยากลุ่มเพนิซิลลิน เพราะอาจเป็นอันตรายซึ่งในบางคนเป็นรุนแรงอาจถึงแก่ชีวิตได้ ) 4. ผงเกลือแร่ เป็นยาสามัญอีกชนิดหนึ่งที่สามารถใช้เพื่อทดแทนการสูญเสียเกลือแร่ เนื่องจากท้องเสีย ท้องเดิน หรืออุจจาระร่วงได้ แต่ยาชนิดนี้ไม่ได้ส่งผลต่อสาเหตุโดยตรงของโรคท้องเสีย โดยเฉพาะท้องเสียชนิดที่มีการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งมักจะถ่ายเหลวเป็นน้ำ ถ่ายบ่อย และมีไข้ ตัวร้อน ปวดหัวร่วมด้วย ซึ่งถ้ามีอาการสงสัยว่าจะท้องเสียชนิดติดเชื้อแบคทีเรียหรือรุนแรงเมื่อได้น้ำเกลือแร่แล้วไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์ http://www.elib-online.com/doctors49/lady_preg012.html จากคุณ : หมูเหมียว - [ 10 ก.ค. 51 05:56:21 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คำถามยอดฮิตถัดไป 2. เครื่องสำอางค์ที่ใช้ได้ปลอดภัยในคุณแม่ตั้งครรภ์ แน่นอนค่ะ คุณแม่ตั้งครรภ์ก็ยังคงรักสวยรักงาม อยากสวยกันต่อไป มีคำถามว่าแล้วเครื่องสำอางค์ที่ใช้จะปลอดภัยไหม? จริงๆยาเฉพาะที่มีผลน้อยอยู่แล้วค่ะเพราะมีการดูดซึมน้อย  แต่ในช่วงตั้งครรภ์ระยะสามเดือนแรก ควระวังยาที่มีส่วนประกอบของ salicylic acid และ  retinoids (อนุพันธุ์ของกรดวิตามิน A ) ค่ะ ถึงแม้จะมีการดูดซึมน้อยมากๆก็ตาม  ตามชื่อดังนี้ Beta hydroxy acid BHA Differin (adapelene) Retin-A, Renova (tretinoin) Retinoic acid Retinol Retinyl linoleate Retinyl palmitate Salicylic acid Tazorac and avage (Tazarotene) Tretinoin Safe skin care during pregnancy  http://www.babycenter.com/0_safe-skin-care-during-pregnancy_1490031.bc แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 51 06:14:05 จากคุณ : หมูเหมียว - [ 10 ก.ค. 51 05:57:17 ]

ความคิดเห็นที่ 6 3. คนท้องสามารถทำสีผมหรือยืดผมได้ไหม ? ยังไม่มีข้อมูลใดๆแม้แต่ในสัตว์ทดลอง ว่าการยืดหรือทำสีผมจะเป็นอันตรายต่อเด็กในท้องค่ะ http://www.babycenter.com/404_is-it-safe-to-color-my-hair-during-pregnancy_3273.bc แต่อาจจะรอให้พ้นสามเดือนแรกไปก่อนค่ะ เพื่อความมั่นใจ อีกอย่างถ้ามีคนรอบๆทักกันมากแล้วเราหวั่นไหว ก็อย่าไปทำค่ะ เดี๋ยวเกิดอะไรขึ้นทั้งๆที่ไม่เกี่ยวกับการทำผมก็จะมาโยงกันได้ -*- จากคุณ : หมูเหมียว - [ 10 ก.ค. 51 05:57:50 ]

ความคิดเห็นที่ 7 4. คนท้องกับการทำฟัน สามารถทำฟันได้ไหม ? ยาชาเฉพาะที่มีผลกับลูกหรือไม่? การทำฟันสำหรับคนตั้งครรภ์สามารถทำได้ตามปกติและปลอดภัยค่ะ แต่เพื่อความสบายใจ แพทย์มักแนะนำให้ผู้ป่วยรักษาทันตกรรมช่วงตั้งท้อง 4-6เดือน เนื่องจากในช่วงแรกๆคุณแม่อาจมีอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้อาเจียน ทำให้ทนกับเครื่องมือไม่ได้ ส่วนถ้าท้องแก่มากๆก็จะทำให้นอนหงายนานๆแล้วอึดอัดค่ะ ส่วนยาชาเฉพาะที่ถ้าใช้ในขนาดปกติไม่มีผลใดๆกับลูกค่ะ http://www.americanpregnancy.org/pregnancyhealth/dentalwork.html แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 51 06:14:41 จากคุณ : หมูเหมียว - [ 10 ก.ค. 51 05:58:32 ]

ความคิดเห็นที่ 8 5.เพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งครรภ์ ทำได้หรือไม่ ? นายแพทย์อุดมศักดิ์ ศรีแสนงาม ให้ความรู้อันเป็นประโยชน์ แก่สตรีตั้งครรภ์โดยทั่วไปเพิ่มเติมอีกว่า การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ควรมีข้อพึงระมัดระวัง 7 ประการคือ 1. ควรงดเว้นการมีเพศสัมพันธ์ในสองช่วงเวลา ระยะที่หนึ่งคือ ช่วงเวลาระหว่างการตั้งครรภ์ได้ 1-3 เดือนแรก เพราะการปฏิสนธิกำลังเริ่มต้นก่อตัวและยังอยู่ในภาวะที่อ่อนแอ การร่วมเพศในระยะนี้เป็นสิ่งที่ควรละเว้นเสีย เพื่อหลีกเลี่ยงการแท้ง ระยะที่สองคือ หนึ่งเดือนก่อนครบกำหนดคลอดเพราะระยะนี้ ปากมดลูกอ่อนตัวมาก และมักเปิดได้บ้างเล็กน้อยในรายที่เคยมีบุตรแล้ว หากมีการร่วมเพศอาจไปกระตุ้นให้เกิดการเจ็บครรภ์ก่อนกำหนดจริงได้ เพราะฉะนั้น จึงควรงดการร่วมเพศเพียงถนอมสุขภาพมารดา และทารกในครรภ์ 2. ควรระมัดระวังเรื่องความสะอาด เพราะอวัยวะเพศชาย มีเชื้อนานาชนิด อาจถูกปล่อยไว้ในช่องคลอดทำให้เกิดอันตรายได้ ภายหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ การป้องกันคือ การทำความสะอาดก่อน แต่ถ้ากลัวมากแนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ส่วนการทำความสะอาดของฝ่ายหญิงไม่จำเป็นต้องสวนยา หรือสวนน้ำเข้าไปภายในช่องคลอดเพราะอาจเกิดอันตราย คือ การติดเชื้อโรคลุกลามเข้าไปสู่ทารกในครรภ์ได้ เพียงทำความสะอาด ภายนอกก็เพียงพอแล้ว 3. ในช่วงระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ ฝ่ายชายสามารถลูบไล้หรือจับต้องฝ่ายหญิงได้ทั่วร่างกาย แต่ไม่ควรจับต้องอวัยวะเพศฝ่ายหญิง และการจับต้องลูบไล้นั้น ควรเป็นการสัมผัสโดยเบาๆ ด้วยมือเท่านั้น สำหรับสตรีที่มีหัวนมบอด ฝ่ายชายอาจกระตุ้นโดยการดูดหัวนทเบาๆ จะทำให้หัวนมยืดออกได้ เท่ากับเป็นการเตรียมหัวนมให้ลูกดูดได้ต่อไปด้วย และขอย้ำว่า การลูบการสัมผัส การดูดหัวนม ต้องทำด้วยความละมุนละไม ปราศจากความรุนแรงโดยสิ้นเชิง 4. ข้อควรระวังระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ก็คือ ฝ่ายชายจะต้องไม่ทิ้งน้ำหนักตัว กดทับลงบนหน้าท้องของภรรยา เพราะอาจจะเกิดการกระทบกระเทือนต่อมดลูกและทารกในครรภ์ได้ จะต้องใช้ความละมุนละไมโดยปราศจากความรุนแรงโดยสิ้นเชิงเช่นกัน และสูติแพทย์ประจำตัวของสตรีที่ตั้งครรภ์หลายท่านน่าจะสามารถ ให้คำแนะนำโดยละเอียดในท่วงท่าที่เหมาะสมในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ได้ ขอเพียงให้สามีและภรรยาที่ตั้งครรภ์มีความกล้าพอ ที่จะปรึกษาหารือในเรื่องนี้เท่านั้น 5. การมีเพศสัมพันธ์ควรมีกำหนดหรือข้อจำกัดอย่างไร คำตอบคือ ขณะตั้งครรภ์อายุ 3-6 เดือน ควรมีไม่เกินสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง พออายุครรภ์ได้ 5-8 เดือน ไม่ควรเกินเดือนละ 3 ครั้ง ต่อไปพออายุครรภ์ เดือนที่ 9 หรือเดือนสุดท้ายก่อนถึงกำหนดคลอด ไม่ควรเกิน 2 ครั้ง 6. ข้อกำหนดหรือข้อจำกัดดังกล่าวข้างต้นนั้น อาจไม่เพียงพอสำหรับความต้องการมีเพศสัมพันธ์สำหรับบางคู่สามีภรรยา ในกรณีเช่นนั้นสามีภรรยาน่าจะมีความเห็นใจ เข้าใจ และมีวิธีการ ที่จะช่วยเหลือปลดเปลื้องความต้องการเพศสัมพันธ์โดยวิธีอื่นๆ ซึ่ง นายแพทย์อุดมศักดิ์ ศรีแสนงาม ยินดีที่จะให้คำปรึกษาเป็นการส่วนตัว เพราะไม่บังควรที่จะบรรยายเรื่องรวมเหล่านี้ลงในบทความวิชาการ 7. ในช่วงหลังคลอดจะต้องทิ้งระยะเวลา ให้มดลูกมีการหดตัวเล็กลง หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "รอให้มดลูกเข้าอู่" (INVOLUTION) คือ มดลูกหดเล็ก เข้าสู่อุ้งเชิงกราน ซึ่งจะใช้เวลาในระยะแรก 14 วัน แต่ถ้าจะหมายถึงกลับเข้าสู่สภาพเดิมอย่างแท้จริงก็จะใช้เวลา นานถึง 6 สัปดาห์ ดังจะเห็นว่าหลังคลอด สภาพร่างกายของสตรี ยังอยู่ในภาวะอ่อนแอกว่าปกติ จึงไม่ควรถูกรบกวนให้กระทบกระเทือน จากการมีเพศสัมพันธ์ และเพื่อความปลอดภัยของภรรยา สามีที่ดีควรจะอดมนรอให้พ้นระยะเวลา 6 สัปดาห์ที่ว่านี้ไปก่อน จึงจะเริ่มมีเพศสัมพันธ์ได้ปลอดภัย การมีเพศสัมพันธ์ก่อนกำหนด อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายและสุขภาพของมดลูกของฝ่ายหญิงได้ การมีเพศสัมพันะก่อนเวลาอันควรอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนขึ้นได้ในภายหลัง http://www.clinicrak.com/sexeducation/sexed_preg01.html จากคุณ : หมูเหมียว - [ 10 ก.ค. 51 05:59:07 ]

ความคิดเห็นที่ 9 6.คลอดธรรมชาติแบบบล็อคหลังทำอย่างไร ? การคลอดธรมชาติโดยการบล็อคหลังด้วย เรียกว่า painless labour จะทำโดยวิสัญญีแพทย์จะใส่สายเล็กๆ (เล็กกว่าสายน้ำเกลือมากๆ ) เข้าไปในช่องเหนือไขสันหลัง เพื่อระงับความปวดระหว่างคลอด มีข้อดีก็คือคุณแม่ไม่ต้องทนกับความเจ็บปวดที่มากมาย ได้การระงับปวดที่พอเพียง และแทบไม่มีผลต่อลูกเลย เทียบกับการให้ยาแก้ปวดฉีดทางเส้นเลือดมักไม่เพียงพอที่จะระงับปวดและมีฤทธิ์กดการหายใจของลูกค่ะ การบล็อคจะทำเมื่อปากมดลูกเปิดไปจนเข้า active phase คือประมาณ 3ซม. ถ้าบล็อคเร็วกว่านี้จะทำให้การดำเนินการคลอดล่าช้าไปได้ วิธีการคือให้คุณแม่นอนตะแคงงอตัวเหมือนกุ้ง จะเจ็บตอนฉีดยาชา จากนั้นก็จะตึงๆตอนใส่สาย เจ็บมากน้อยก็ขึ้นกับสรีระคุณแม่ว่าบล็อคง่ายหรือยาก ความชำนาญของหมอดมยา ที่มักจะใส่สายก็เพราะการคลอดกินเวลานาน ฉีดยาครั้งเดียวมักจะไม่พอ พอใส่สายแล้ว จะให้ยาชาอ่อนๆทางสายอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้คุณแม่ก็มักจะสบาย นอนอ่านหนังสือเล่นๆรอคลอดได้ การบล็อคนี้ จะให้ดีควรจะใส่ยาชาอ่อนๆ บล็อคแต่ความรู้สึกเจ็บ (sensory)  คุณแม่จะยังขยับขาได้ ไม่ได้บล็อคเหมือนการผ่าคลอดที่จะใช้ยาชาแรงกว่าทำให้เป็นอัมพาตท่อนล่างไปเลย เหตุผลเพราะต้องการให้คุณแม่ยังมีแรงเบ่งอยู่ ดังนั้นเวลามีการหดตัวของมดลูกจะยังรู้สึกตึงๆอยู่ แต่ไม่เจ็บ สามารถเบ่งคลอดเองได้ ถามว่าแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าปากมดลูกเปิดเต็มที่แล้ว ก็จะมีการตรวจภายในเป็นระยะๆ ค่ะ แล้วตอนปากมดลูกเปิดเต็มที่นั้น เราจะยังมีความรู้สึกอยากเบ่งอยู่ แต่อาจเบ่งได้ไม่ดีเท่าคนที่ไม่ได้บล็อค เพราะมันไม่ค่อยเจ็บ แต่ก็สามารถเบ่งเองได้โดยฟังจังหวะจากหมอหรือพยาบาล ถ้าเบ่งไม่ได้จริงๆ หมอก้จะใช้เครื่องมือช่วยทำคลอดให้ค่ะ ไม่ต้องกังวล มีการศึกษาวิจัยอย่างมากมายเรื่องการทำ  painless labour นี้ พบว่าไม่มีผลเสียต่อลูกในท้องอย่างมีนัยสำคัญค่ะ มีบางงานวิจัยบอกเหมือนกันว่า อาจจะทำให้ลูกน้อยซึม ดูดนมช้า แต่ก็เจอน้อยมากๆๆ ข้อดีก็คือ คุณแม่ไม่ต้องทนกับความเจ็บปวด สามารถลดอัตราการผ่าคลอดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ข้อเสียก็คือ ต้องใช้เครื่องมือช่วยคลอดมากกว่าปกติ เพราะคุณแม่มีแรงเบ่งไม่พอค่ะ การบล็อคหลังไม่ได้ทำให้ปวดหลังในระยะยาวนะคะ การปวดหลังขึ้นกับหลายๆอย่างค่ะ ขึ้นกับวัย สรีระ การใช้ชีวิตประจำวันค่ะ ไม่งั้นผู้ชายที่ไม่เคยคลอดลูกและบล็อคหลังจะปวดหลังได้อย่างไรล่ะคะ ปกติการทำ painless labour ในรพ.รัฐ ไม่ได้ทำทุกรายค่ะ เพราะวิสัญญีแพทย์มีไม่เพียงพอ  จะทำในเคสที่มีการร้องขอจากสูติแพทย์ เวลาทำต้องดูแลใกล้ชิด คอยปรับยาจนกว่าจะคลอดค่ะ แต่ในรพ.เอกชนรู้สึกจะมีเป็นแบบแพคเกจ สามารถร้องขอได้ค่ะ http://www.vardaan.net/painless.htm จากคุณ : หมูเหมียว - [ 10 ก.ค. 51 05:59:47 ]

ความคิดเห็นที่ 10 7. คนท้องสามารถดื่มชา กาแฟได้หรือไม่ จริงๆแล้วตัวคาเฟอีนนั้นไม่ได้มีผลใดๆต่อลูกในท้องโดยตรงค่ะ http://www.babycenter.com/0_caffeine-during-pregnancy_3955.bc แต่ที่ให้ระวังเพราะว่าคาเฟอีนจะมีผลให้คุณแม่หัวใจเต้นเร็ว นอนไม่หลับ ซึ่งจะมีผลให้พักผ่อนได้น้อยส่งผลต่อการเจริญเติบโตของลูก ดังนั้นถ้าใครกินกาแฟแล้วมีผลดังนี้ ก็ควรงดหรือเปลี่ยนไปกินแบบดีแคฟค่ะ  ส่วนคุณแม่ที่กินแล้วสบายดีก็สามารถกินได้แต่ไม่ควรมากเกินไป(เกินสามแก้วต่อวัน) นะคะ คาเฟอีนยังพบในชา โกโก้ ช็อคโกแลทด้วยค่ะ อย่าลืม แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 51 07:50:44 จากคุณ : หมูเหมียว - [ 10 ก.ค. 51 06:01:02 ]

ความคิดเห็นที่ 11 8.การไปสปา อบตัว นวดตัว นวดเท้า ตั้งท้องแล้วยังทำได้เหมือนเดิมหรือเปล่า ถ้าจะไปสปาก็ขอให้เลือกโปรแกรมสำหรับแม่ตั้งครรภ์ที่มีการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะเท่านั้นค่ะ เพราะช่วงตั้งท้องแบบนี้ต้องเว้นการนวดบริเวณที่อาจจะทำให้เกิดอันตรายหรือส่งผลให้เกิดการบีบรัดตัวของมดลูก เช่น บริเวณหน้าท้อง หน้าอก บริเวณฝ่าเท้านะคะ ที่สำคัญต้องงดอบตัวไปตู้อบสมุนไพรเข้าสตีมหรือซาวน่าเพราะความร้อนนอกจากจะทำให้คุณแม่เสียน้ำมากจนอาจเป็นลมหน้ามือแล้ว ยังเสี่ยงกับการที่ลูกในท้องจะเกิดความพิการได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นห้ามทำตลอด 9 เดือนที่ตั้งครรภ์เลยค่ะ http://www.babycenter.com/406_is-it-safe-to-get-a-mud-bath-during-pregnancy_1245306.bc จากคุณ : หมูเหมียว - [ 10 ก.ค. 51 06:02:35 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แว้ก...สว่างแล้ว... ขอตัวก่อนนะคะ ไว้ว่างแล้วจะมาเขียนต่อค่า ฝากคำถามไว้ได้นะคะ จากคุณ : หมูเหมียว - [ 10 ก.ค. 51 06:03:12 ]

ความคิดเห็นที่ 13   จากคุณ : ลูกชิ้นปลาเด้ง - [ 10 ก.ค. 51 06:19:16 ]

ความคิดเห็นที่ 14 โหวตโล่ด ขอบคุณมากๆค่ะพี่หนึ่ง ข้อมูลเพียบเลย นี่คงต้องใช้เวลารวบรวมนานเหมือนกันนะพี่หนึ่ง ขอบคุณที่สละเวลาให้ชาวชานเรือนค่ะพี่ จากคุณ : kanu_memphis - [ 10 ก.ค. 51 06:31:08 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ดีมาก ๆ เลยค่ะ โหวตค่ะ จากคุณ : futomomo - [ 10 ก.ค. 51 07:02:49 ]

ความคิดเห็นที่ 16 9.ผ่าคลอดหรือคลอดเองดี ชื่อก็บอกอยู่แล้วค่ะ ว่า "ช่องคลอด" ก็ควรทำหน้าที่คลอดเองได้ใช่ไหมคะ ? ทุกวันนี้พบว่าหมอสูติบางท่านจะนิยมให้คุณแม่ผ่าคลอดมากขึ้นในเหตุผลอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับทางการแพทย์สักเท่าไหร่ เช่น ตามความสะดวกของคุณหมอและคุณแม่ ในรายทีคุณแม่มีลูกยากนั้น บางทีก็นำมาเป็นเหตุผลหนึ่ง คือกลัวลูกจะมีปัญหา เนื่องจากว่าการคลอดทางช่องคลอดมักต้องใช้เวลาในการคลอดค่อนข้างนาน  เกรงว่าลูกในท้องอาจมีอันตรายได้เพราะต้องได้รับความเครียดจากการได้รับยาบางอย่าง หรือจากการบีบตัวของมดลูกเอง  แต่จริงๆแล้วก็เกิดขึ้นได้น้อยนะคะ ถ้ามีการเฝ้าระวังที่ดี แม้ว่าจะเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าการผ่าท้องคลอดในปัจจุบันมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า การผ่าท้องคลอดจะไม่มีอันตรายเลย และเมื่อเปรียบเทียบกับการคลอดทางช่องคลอดแล้ว พบว่า การผ่าท้องคลอดก็ยังคงมีอันตรายมากกว่าการคลอดทางช่องคลอดอยู่ดี เพราะว่าคุณแม่ต้องได้รับการดมยาสลบหรือบล็อคหลังซึ่งล้วนแต่มีผลข้างเคียง การผ่าตัดคลอดยังเสียเลือดมากกว่าและมีความเจ็บปวดหลังการผ่าตัดมากกว่าการคลอดเองแน่นอน โดยส่วนตัวแล้ว คิดว่าคุณแม่ทุกคนควรจะลองคลอดเองก่อน ยกเว้นว่ามีข้อบ่งชี้ที่ต้องผ่าตัดคลอดดังนี้ 1.ลูกไม่กลับหัว (เอาก้นลง) 2.รกเกาะต่ำ 3.เด็กตัวใหญ่กว่าขนาดเชิงกรานของแม่ที่จะคลอดได้ 4.ลูกในท้องมีภาวะขาดออกซิเจน หรือมีอันตรายที่ควรให้รีบคลอดออกมาทันที 5.แม่อาจมีโรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดอันตรายหากคลอดเอง เช่นเป็นความดันโลหิตสูง เป็นต้น ถ้าคิดจะผ่าคลอดหรือคลอดเองไม่ได้จริงๆ ก็ควรเลือกเวลาให้เหมาะด้วยนะคะ ไม่ใช่ว่าเลือกฤกษ์ดีแต่เป็นตอนตีสอง -*- ซึ่งเป็นเวลาที่ใครๆไม่ว่าหมอสุติ หมอดมยาหรือพยาบาลต่างก็เหนื่อยล้ากันมากมายแล้ว เป็นไปได้ก็ควรจะเลือกเวลาราชการนี่แหละค่ะ จขกท. อยู่รพ.รัฐค่ะ ยังไม่ค่อยเจอฤกษ์แปลกๆ แต่พบว่าวันพฤหัสแม่ๆจะมาผ่าคลอดเยอะที่สุดค่ะ บางทีสิบกว่าราย ทำงานจนเหนื่อย-*- อย่างวันพุธแทบไม่มีใครมาผ่าคลอดเลย คำเตือน : จขกท. ไม่ใช่หมอสูตินะคะ ผ่าคลอดดีกว่าคลอดเองหรือไม่...หมอสูติเท่านั้นที่ตอบได้  จขกท.เป็นวิสัญญีแพทย์ที่ตระหนักถึงอันตรายจากการให้ยาสลบหรือบล็อคหลัง เลยอยากเตือนไว้ค่ะ จากคุณ : หมูเหมียว - [ 10 ก.ค. 51 07:33:43 ]

ความคิดเห็นที่ 17 10. ผ่าคลอดจะดมยาสลบหรือบล็อคหลังดี การดมยา 1.แม่จะไม่ได้มีส่วนร่วมในการคลอด ไม่ได้รู้สึกถึงความเป็นแม่ที่อุตส่าห์ รอคอยมานาน ไม่ได้เห็นลูก ไม่ได้จับ ไม่ได้สัมผัส 2.แม่จะไม่ได้เห็นหน้าลูกทันที ต้องรอให้ฟื้น และร่างกายแข็งแรงก่อน 3.หลังจากฟื้น จะรู้สึกเจ็บแผลผ่าตัดมาก 4.รู้สึกเจ็บแน่นระคายคอ เพราะต้องใส่ท่อคาอยู่ในคอ 5.ลูกคลอดออกมาอาจจะแล้วไม่ค่อยร้อง ไม่ค่อยหายใจ เพราะระหว่างอยู่ในท้อง จะได้รับยาสลบไปด้วย ยาสลบที่ฉีดเข้า กระแสเลือดจะถูกดูดซึม ผ่านปอดเข้าสู่กระแสเลือด 6. เสี่ยงต่อการใส่ท่อช่วยหายใจยาก การสำลักอาหารในช่วงสลบ การบล็อคหลัง 1.คุณแม่จะมีสติและมีส่วนร่วมด้วยตลอด 2.เมื่อลูกคลอดออกมาคุณแม่ก็ได้มีโอกาสได้ยิน เสียงลูกร้องเป็นคนแรก ได้เห็นหน้า ได้จับ ได้สัมผัสความรู้สึก ของความเป็นแม่อย่างเต็มที่ หลังจากได้ชื่นใจลูกจนเต็มที่ ลูกจะไปอยู่ ที่ห้องเด็ก คุณหมอจะเย็บมดลูก เย็บหน้าท้องไปจนเสร็จ 3.หลังผ่าตัดคุณแม่จะไม่รู้สึกเจ็บทันที แต่ยังชาอีกกว่า 2-3 ชั่วโมง ถ้าหากคุณหมอ ใส่ยาแก้ปวดร่วมกับยาชาตอนบล็อกหลังด้วย (กลุ่มมอร์ฟีน)ก็จะไม่เจ็บแผลไปอีก 1 วันเต็มๆ 4.ลูกไม่ได้ผลกระทบจากยาชาที่คุณหมอฉีด เพราะยาชาที่ฉีดเข้าไปที่โพรงประสาท ไขสันหลังนี้จะออกฤทธิ์อยู่เฉพาะที่เท่านั้น ไม่ได้ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ดังนั้นในกรณีที่ไม่เร่งด่วนเช่น ตกเลือดมาก เด็กขาดออกซิเจน หมอดมยาจะแนะนำให้บล็ฮคหลังค่ะ  เพราะจะได้ไม่มีผลจากยาสลบจากแม่ไปยังลูกและอื่นๆ ถ้าลูกออกแล้วจะร้องขอยานอนหลับก็ได้ค่ะ (ซึ่งกินเวลาไม่กี่นาทีหลังบล็อค) http://anesthesiologyinfo.com/articles/cbe/blcs.php จากคุณ : หมูเหมียว - [ 10 ก.ค. 51 07:34:26 ]

ความคิดเห็นที่ 18 voted จากคุณ : แม่น้องเอเอ - [ 10 ก.ค. 51 07:35:06 ]

ความคิดเห็นที่ 19 11. บล็อคหลังแล้วจะทำให้ปวดหลังถาวรจริงหรือไม่ ? ไม่จริงค่ะ การปวดหลังหลังคลอด ก็มักจะปวดเองมากกว่าไม่ได้มีสาเหตุมาจากการบล็อกหลัง ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการที่คุณแม่ต้องให้นมลูกนานๆ ต้องเกร็งหลัง หรือหากนั่งให้นมในท่าที่ไม่เหมาะสม ก็มักจะเกิดการปวดหลังได้ง่ายอยู่แล้ว อาการปวดหลังที่เกิดจากการบล็อกหลังต้องมีอาการเจ็บ หรือปวดตรงกลางกระดูกสันหลัง ตรงตำแหน่งที่คุณหมอเอาเข็มจิ้มเข้าไป มักจะเป็นไม่กี่วันหลังคลอดค่ะ (ส่วนใหญ่ไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะเข็มเล็กมากๆ) แต่ถ้าเป็นการปวดหลังที่เกิดจากการนั่งให้นมไม่ถูกวิธี มักจะปวดที่กล้ามเนื้อด้านข้างของกระดูกสันหลังมากกว่า ไม่ได้ปวดตรงกระดูกเหมือนที่เกิดจากการบล็อกหลัง และในระยะยาวก็ไม่ได้มีผลทำให้ปวดหลังอย่างที่มีคนเขาขู่เอาไว้ค่ะ   เอาไว้มาต่อนะคะ จากคุณ : หมูเหมียว - [ 10 ก.ค. 51 07:35:48 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ไม่ได้ท้องค่ะ แต่มาโหวต หวัดดีหมอหนึ่งค่ะ ปีน้ามามิตติ้งน้า   จากคุณ : ป้าแมงฯ - [ 10 ก.ค. 51 07:48:24 ]

ความคิดเห็นที่ 21 มา ปาด - เขียด - กบ - คางคก - อึ่งอ่าง - กั๊บป้อ .......... หมอหนึ่งทำไว้ ดีมากเลย เป็นประโยชน์ให้ใครๆได้ หาอ่านดู ถ้าคนเข้ามาใหม่ๆ ที่อาจไม่ทันรู้ว่า "สามารถเซิร์ท" ได้ (smart search) เอาว่า พวกขาประจำ ขาใหญ่ๆ ก็ช่วยกันหน่อยแล้วกัน เนอะ ... แล้วอ้างอิงเครดิต ให้ หมอหนึ่ง ได้แต้ม บ้างเน้อ... เผื่อเอาไปแลกของชำรวยอย่างบัตรเครดิต มั่ง 5555555 จากคุณ : polar bear's sushi (The Polar Bear) - [ 10 ก.ค. 51 07:52:51 ]

ความคิดเห็นที่ 22 มีประโยชน์มากๆเลยค่ะพี่หมอหนึ่ง  ส่วนตัวก็เว็บนี้ประจำค่ะ www.babycenter.com   เรื่องหยูกยานี่ตอนท้องหนูล่ะกลัวจะตาย มีอะไรโทรหาหมอตลอด   ยาแต่ละตัวจะต้องให้หมอจ่าย  ที่นี่ยาบางตัวไม่สามารถซื้อเองได้     รูปประกอบ  2 นายแบบนางแบบน่ะคิดถึงจัง จากคุณ : catcompany - [ 10 ก.ค. 51 08:12:47 ]

ความคิดเห็นที่ 23 โหวตให้ค่ะ จากคุณ : kookgee! - [ 10 ก.ค. 51 08:14:59 ]

ความคิดเห็นที่ 24 โหวตค่ะ ดีจ้าหมอหนึ่ง ถามเหมือนป้าแมงเลย ปีหน้ามามีทติ้งนะ อยากเจอ อยากเจอ จากคุณ : ษิตรา - [ 10 ก.ค. 51 08:20:33 ]

ความคิดเห็นที่ 25 มาโหวตค่ะ จากคุณ : ip_momojang - [ 10 ก.ค. 51 08:54:55 ]

ความคิดเห็นที่ 26 พี่หมอหนึ่ง  ใจดีจัง หาสิ่งดี ๆ มาให้พวกเราอ่านอีกแล้ว  ขอบคุณค่ะ จากคุณ : พิซซ่าไหม - [ 10 ก.ค. 51 09:10:53 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอเอาทู้นี้มาแจมได้ไหมคะ เผื่อเป็นข้อมูลในการทำอาหาร http://www.pantip.com/cafe/family/topic/N6780837/N6780837.html จากคุณ : แม่น้องเอเอ - [ 10 ก.ค. 51 09:15:11 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ดีจังค่ะ โหวค เอาไว้อ่านตอนท้องหน้า จากคุณ : rainflower - [ 10 ก.ค. 51 09:16:10 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณที่สละเวลามาให้ประโยชน์กับว่าที่คุณแม่นะคะ คุณหมูเหมียวน่ารักแบบนี้เสมอ ^____^ จากคุณ : องุ่นสีม่วง - [ 10 ก.ค. 51 09:21:28 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ตามมาอ่านพร้อม . . . จากคุณ : Bigmommy - [ 10 ก.ค. 51 09:22:22 ]

ความคิดเห็นที่ 31 VOTE ค่ะ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 51 09:27:40 จากคุณ : kizz_j - [ 10 ก.ค. 51 09:27:15 ]

ความคิดเห็นที่ 32 โหวตอีก1เสียงคะ จากคุณ : แม่ตุ่น - [ 10 ก.ค. 51 09:28:35 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ยอดเยี่ยม เก็บเข้าคลังกันด้วยนะครับ จากคุณ : Untrue - [ 10 ก.ค. 51 09:30:46 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ข้อมูลเยี่ยมมากเลยค่ะ มาโหวตค่ะ จากคุณ : เค้กเนย - [ 10 ก.ค. 51 09:34:10 ]

ความคิดเห็นที่ 35 สุดยอดคลังความรู้ค่ะ โหวต จากคุณ : คนสวยเมืองนนท์ - [ 10 ก.ค. 51 09:43:02 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขอโหวตให้เป็นกระทู้แนะนำ ค่ะ ขอบคุณนะค่ะ จากคุณ : รุ่งฟ้าสาง - [ 10 ก.ค. 51 09:52:05 ]

ความคิดเห็นที่ 37 มาโหวตให้คะ ดีมากเลย จากคุณ : drizzle rain (drizzle rain) - [ 10 ก.ค. 51 09:54:19 ]

ความคิดเห็นที่ 38 โหวตค่ะ จากคุณ : กัญจน์ญภา - [ 10 ก.ค. 51 10:00:04 ]

ความคิดเห็นที่ 39 พี่หมอหนึ่งน่ารักเสมอเลย ขอบคุณมากๆค่ะ +ขอร่วมโหวตด้วยคนค่ะ:) จากคุณ : แม่ข้าวสวย (ดวงขวัญ) - [ 10 ก.ค. 51 10:26:50 ]

ความคิดเห็นที่ 40 หนึ่งโหวต สำหรับกระทู้มีสาระค่ะ จากคุณ : namfonJC - [ 10 ก.ค. 51 10:43:56 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณมากๆค่ะพี่หมอหนึ่ง โหวตให้แล้วค่า จากคุณ : bodiamond1 - [ 10 ก.ค. 51 10:46:23 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณพี่หมอหนึ่งนะคะ ที่นำเอาสาระความรู้ดี ๆ มาให้อ่านอีกแล้ว จากคุณ : แม่ลูกซัน - [ 10 ก.ค. 51 11:20:23 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เป็นข้อมูลที่ดีมากค่ะ โหวตให้ค่ะ จากคุณ : dump&timsam - [ 10 ก.ค. 51 11:43:38 ]

ความคิดเห็นที่ 44 โหวตเลยค่ะ โดนใจมากๆ จากคุณ : Satin's mom - [ 10 ก.ค. 51 11:45:03 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ตามมาโหวตกระทู้ดีๆ จ๊ะ ต้องช่วยกันไม่ให้หล่นเนอะ จากคุณ : Mimi Mice - [ 10 ก.ค. 51 11:56:06 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ดีค่ะพี่ เพราะบางคนหาไม่เป็น เพราะไม่รู้ ก็ตั้งกระทู้เดิมๆ เนี่ยใช่เลยค่ะ โหวตจ้า จากคุณ : เกด (Cutekate79) - [ 10 ก.ค. 51 11:56:07 ]

ความคิดเห็นที่ 47 โหวตจ้าโหวต ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดีค่ะ อยากมีลูกกะเค้าซักคน แต่กลัวตอนคลอดนี่แหละ จากคุณ : ข้าวแรมฟืน - [ 10 ก.ค. 51 11:56:27 ]

ความคิดเห็นที่ 48 จ๊าก โหวตไม่ได้ จากคุณ : ข้าวแรมฟืน - [ 10 ก.ค. 51 11:57:34 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุณค่า พี่หนึ่งงงง สุดยอดดดดดด จากคุณ : MaE P@@H FaH - [ 10 ก.ค. 51 12:41:51 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เข้ามาโหวตจ้าน้องหนึ่ง  ได้เวลาทำงานแล้วซิมิแคะ  อิอิอิ  คิดถึงจังเลย  มากรุงเทพ  โทรบอกพี่มั่งนะจ๊ะ  นัดกันไป หม่ำ ๆ กันดีกว่า  ป้านิดจะทุบกระปุกออมสิน เลี้ยงเด็กดอยใจดีนะจ๊ะ จากคุณ : kateking - [ 10 ก.ค. 51 13:01:34 ]

ความคิดเห็นที่ 51 โหวตด้วยคนค่ะ จากคุณ : yeelha_yajai - [ 10 ก.ค. 51 13:12:44 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ร่วมด้วยช่วยโหวตนะจ๊ะ จากคุณ : MONROVIA - [ 10 ก.ค. 51 13:19:46 ]

ความคิดเห็นที่ 53 คุณหมอหนึ่งน่ารักเสมอเลยค่ะ  โหวต และเก็บเข้าคลังแล้วนะคะ จากคุณ : แม่น้องจีน (คริสตัลสีฟ้า) - [ 10 ก.ค. 51 13:32:14 ]

ความคิดเห็นที่ 54 มาโหวตอีกแรงค่ะ จากคุณ : symbolic - [ 10 ก.ค. 51 14:14:50 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ขอบคุณทุกๆท่านที่ช่วยโหวตนะคะ ป้าแมง ป้าปุ้ม ป้านิด ปีหน้าจะพยายามไปมีทติ้งให้ได้ค่ะ จะเอาของไปหมั้นนานาให้พี่แน่น อิอิ เขียนต่ออีกสักสองข้อนะคะ คำถามที่ได้ก้มาจาก smart search นี่แหละค่ะ ท่านใดจะเพิ่มเติมก็ได้นะคะ กระทู้ที่แม่จอยเอามาแจมก็ดีมากๆเลยค่ะ อ่านแล้วได้ความรู้มากมาย 12. จำเป็นต้องอยู่ไฟหลังคลอดไหม? การอยู่ไฟหลังคลอดเป็นภูมิปัญญาไทยโบราณนะคะ เนื่องจากว่าสมัยก่อนนั้น คลอดเองที่บ้านไม่มีการเย็บแผลฝีเย็บ จึงให้คุณแม่นอนหนีบขาบนแคร่ไม้ไผ่ ในห้องที่สุมไฟให้ร้อน เพื่อให้แผลติดและอุณหภูมิที่สูงๆก็กันการเจริญเติบโตของเชื้อโรค การกินข้าวกับเกลือหรือปลาเค็มก็เพื่อชดเชยเหงื่อที่สูญเสียไป ในปัจจุบัน มีการเย็บฝีเย็บและให้ยาปฏิชีวนะ ดังนั้นการอยู่ไฟจึงไม่จำเป็นค่ะ แต่ถ้าจะอยู่เพื่อความสบายใจก็ได้ แต่คงไม่ต้องถึงขั้นงดของแสลงหรืองดอาบน้ำสระผมตลอดทั้งเดือนหรอกค่ะ ถ้าจะอยู่ไฟโดยใช้บริการของบริษัทที่รับอยู่ไฟ ควรเลือกบริการที่มีมาตรฐาน มีบุคลากรทางการแพทย์ให้การตรวจร่างกายนะคะ http://www.elib-online.com/doctors45/lady_postpartum002.html จากคุณ : หมูเหมียว - [ 10 ก.ค. 51 14:15:47 ]

ความคิดเห็นที่ 56 13.ริดสีดวงระหว่างตั้งครรภ์ รักษาอย่างไร จะสามารถคลอดธรรมชาติได้ไหม? ริดสีดวงทวารคือเส้นเลือดดำที่บริเวณรูทวารหนักมีการโป่งพองออก หรือที่เรียกว่าเส้นเลือดขอดที่ทวารหนัก ซึ่งในหญิงตั้งครรภ์มีสาเหตุมาจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณเลือด และการไหลกลับสู่ระบบไหลเวียนเลือดเป็นไปได้ไม่ดี เนื่องจากมดลูกมีขนาดใหญ่ขึ้น และกดเส้นเลือดดำในบริเวณอุ้งเชิงกราน ทำให้เกิดภาวะเลือดคั่งในระบบเส้นเลือดดำบริเวณนั้น และจากการที่มีระดับฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลง ดังนั้นจึงควรป้องกันอาการท้องผูกโดยการรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผักต่างๆ ใยอาหารจะไปช่วยระบบการย่อยและระบบการขับถ่ายให้ดีขึ้น และควรรับประทานผลไม้มากขึ้น หรือรับประทานผลไม้ที่มีฤทธิ์ระบายอ่อนๆ เช่น มะละกอสุก เป็นต้น นอกจากนี้ต้องดื่มน้ำเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะหลังตื่นนอนตอนเช้า 10-15 นาที จะทำให้ระบบทางเดินอาหารมีการเคลื่อนไหวและบีบตัวมากขึ้น ช่วงที่มีการอักเสบควรมีอาการเหน็บวันละ 2-3 ครั้ง (เช้า ก่อนนอน และหลังถ่ายอุจจาระ) จนอาการบรรเทา ใช้เวลาประมาณ 10 วัน   ถ้ามีก้อนยื่นให้ดันเข้าให้เร็วที่สุดค่ะ ทิ้งไว้ก้อนจะบวมและถูกรัดทำให้ขาดเลือด จะเจ็บทรมานมากๆ  เวลาจะดันให้ใช้ยาชาที่เป็นเจลโปะเข้าไปเลยค่ะ ใช้นิ้วค่อยดันกลับเข้าไป ถ้าปวดมากเนื่องจากมีการอักเสบ ให้กินยาแก้ปวด , นั่งแช่ในน้ำอุ่นจัด ๆ วันละ 2-3 ครั้ง ๆ ละ  15-30 นาที ระวังอย่าให้ท้องผูก ควรดื่มน้ำมาก ๆ และกินผักผลไม้มาก ๆ หรือใช้ยาระบายร่วมด้วยค่ะ ส่วนการคลอดธรรมชาติ ถ้าริดสีดวงนั้นไม่ถึงขั้นอักเสบมาก ขาดเลือด หรือมีเลือดออกไม่หยุด ก็สามารถเบ่งคลอดเองได้ค่ะ ยาเหน็บริดสีดวงทวาร เช่น อะนูซอล( Anusal), เชอริพร็อกต์ ( Scheriproct), พร็อกโตซีดิล (Proctosedyl)  เป็นยาที่มีส่วนผสมของเสตียรอยด์ ยาชาและยาแก้อักเสบ สามารถใช้ได้ในคนท้องค่ะ จากคุณ : หมูเหมียว - [ 10 ก.ค. 51 14:18:18 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ยังตามอ่านต่อค่ะพี่หนึ่ง ถึงจะไม่ได้ท้อง (และหวังว่าคงจะไม่ท้องแล้ว แหะๆๆๆ) ก็เหอะ เป็นอีกหนึ่งกระทู้ของพี่หนึ่งที่อดจะเซพเก็บไว้ไม่ได้จริงๆ อะ ดีมากๆ เลย มุกว่าตอบโจทย์ได้ในทีเดียว เหมือน one-stop shopping อะไรประมาณนั้น ทุกข้อล้วนเป็นคำถามยอดฮิตประจำห้องจริงๆ เลยจ้ะพี่ นอกเรื่องนิดนึง ถ้าไม่ติดว่า ไอ้หมูภิ๋งมันเกิดช้าไปหน่อย แม่มานว่าจะขอจองเจ้านุ่มไว้แต่เนิ่นได้ปะ เด็กอะไรไม่รู้ หน้าตาน่ารักจริงๆ งะ จากคุณ : ตื่นมาตาแป๋วๆ - [ 10 ก.ค. 51 14:59:01 ]

ความคิดเห็นที่ 58 มาโหวตค่ะ จากคุณ : แอล (aal990) - [ 10 ก.ค. 51 17:16:00 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ชอบกระทู้นี้จังเลยคะ โหวต ๆ ๆ จากคุณ : Runcold - [ 10 ก.ค. 51 17:21:40 ]

ความคิดเห็นที่ 60 vote duay ka จากคุณ : MeMeBe - [ 10 ก.ค. 51 21:37:52 ]

ความคิดเห็นที่ 61 โหวต โหวต โหวต จากคุณ : โบว์ภคพร - [ 10 ก.ค. 51 23:18:02 ]

ความคิดเห็นที่ 62 โหวตค่ะคุณหมอ มีประโยชน์มากค่ะ จากคุณ : หลิวลิ่วลม - [ 11 ก.ค. 51 02:19:12 ]

ความคิดเห็นที่ 63 โหวตค่ะ จากคุณ : nufearn - [ 11 ก.ค. 51 07:00:33 ]

ความคิดเห็นที่ 64 น้องหนึ่ง สุดยอดเลยจ๊ะ   ตามมาโหวต จากคุณ : ลูกไหม - [ 11 ก.ค. 51 08:13:30 ]

ความคิดเห็นที่ 65 โหวตค่ะ จากคุณ : a lovely rainbow - [ 11 ก.ค. 51 10:59:58 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ขอเรียนถามคุณหมอหมูเหมียวเรื่องการบล็อกหลังนะคะ คือไปคลอดที่รพ.จุฬา คุณหมอบล็อกหลังให้แต่ยังมีความรู้สึกเจ็บ(เป็นช่วงๆ ห่างประมาณ 10 นาที) อยู่มาก  หมอบอกว่าบล็อกที่กระดูก L3-L4 ไม่เข้า (ทำไมไม่เข้านะ -_-'')  ต้องเปลี่ยนเป็นที่ L1-L2 แต่มันยังเจ็บอยู่นานมากเลยน่ะค่ะกว่าจะรู้สึกเจ็บลดลง  แต่เวรกรรมยังไม่หมดเท่านี้ คือช่วงที่บล็อกหลังต้องงอขามากๆ ใช่ไหมคะ หลังบล็อกก็รู้สึกปวดขาข้างซ้ายท่อนบนมาก (ข้างขวาไม่ปวด) ปวดเป็นจังหวะเดียวกับที่เจ็บท้องเลย  มันเลย double แม้ว่าตอนหลัง (ยาออกฤทธิ์มั้ง) จะรู้สึกว่าเจ็บท้องลดลง  แต่ที่ขานี่ไม่ลดเลย  ทรมานมาก คิดว่าเป็นตะคริวจากที่ต้องงอตัวตอนบล็อกหลัง  เพราะนอนตะแคงซ้ายตอนบล็อกน่ะค่ะ   ขอเรียนถามคุณหมอว่า 1.การบล็อกหลังนี่เริ่มทำได้ตอนไหนของการคลอดคะ  คือต้องมานอนรอหมอนานมากทั้งๆที่ตอนมารพ.ปากมดลูกเปิด 3 เซ็นต์แล้ว  อยากทราบว่ามีข้อกำหนดหรือเปล่าว่าต้องให้ปากมดลูกเปิดกี่เซ็นต์ก่อนจึงบล็อกหลังได้   2. หลังบล็อกหลังจะใช้เวลานานเท่าไรกว่ายาจะออกฤทธิ์  มันน่าจะเร็วมากนี่นา (ภายใน 15-30 นาทีหรือเปล่า)    3. การที่ขาเป็นตะคริว แสดงว่าบล็อกหลังไม่เข้าหรือยาเข้าไม่เต็มที่หรือเปล่าคะ ขอบพระคุณค่ะ จากคุณ : i-tim (i-tim) - [ 11 ก.ค. 51 11:26:37 ]

ความคิดเห็นที่ 67 โหวตค่า จากคุณ : ลานศิลป์ - [ 11 ก.ค. 51 12:20:43 ]

ความคิดเห็นที่ 68 โหวตให้ทุกวันจ้ะ จากคุณ : หมวยน้อยร้อยชั่ง - [ 11 ก.ค. 51 13:53:32 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ตอบคุณ  i-tim  พอดีไม่ทราบเรื่องยาหรือวิธีบล็อคของอาจารยืที่จุฬา แต่ขอตอบตามที่จะเป็นไปได้ดังนี้นะคะ 1.การบล็อกหลังนี่เริ่มทำได้ตอนไหนของการคลอดคะ  คือต้องมานอนรอหมอนานมากทั้งๆที่ตอนมารพ.ปากมดลูกเปิด 3 เซ็นต์แล้ว  อยากทราบว่ามีข้อกำหนดหรือเปล่าว่าต้องให้ปากมดลูกเปิดกี่เซ็นต์ก่อนจึงบล็อกหลังได้   - บล็อคเมื่อเข้า active phase ค่ะ คือต้องดูหลายอย่างคือ การเปิดของปากมดลูก ความบางของปากมดลูก 100 %  ความนุ่ม  การหดรัดตัวของมดลูดดี อย่างถ้าปากมดลูกเปิด 3 เซนต์แล้ว ก็ไม่ได้หมาถึงว่าจะบล็อคได้แล้วเสมอไปนะคะ ความบางอาจจะยังไม่ได้ เข้าเฟสนี้หรือยัง หมอสูติจะเป็นคนตัดสินจากการตรวจภายในแล้วบอกหมอดมยาอีกทีค่ะ อย่างที่บอกว่าถ้าบล็อคเร้วไปอาจจะทำให้การคลอดไม่ก้าวหน้าได้ค่ะ 2. หลังบล็อกหลังจะใช้เวลานานเท่าไรกว่ายาจะออกฤทธิ์  มันน่าจะเร็วมากนี่นา (ภายใน 15-30 นาทีหรือเปล่า)     - แล้วแต่ชนิดและความเข้มข้นของยาชาที่ใช้นะคะ อย่างถ้าใช้ยาชาที่แรงความเข้มข้นสูงก็อาจจะหายปวดในไม่กี่นาที แต่ถ้าใช้ยาชาอ่อนๆบล็อคแต่ความรู้สึกเจ็บก็อาจจะต้องใช้เวานานถึงครึ่งชั่วโมง ผลเสียของการใช้ยาชาเข้มข้นมากไป จะทำให้คุณแม่ไม่มีแรงเบ่ง อึดอัดหายใจไม่ไหวหรือความดันตกมากค่ะ 3. การที่ขาเป็นตะคริว แสดงว่าบล็อกหลังไม่เข้าหรือยาเข้าไม่เต็มที่หรือเปล่าคะ -ดูเหมือนว่าความเจ็บร้าวลงที่ขาจะเป็นเพราะว่าการที่ใกล้คลอดแล้วหัวของน้องเคลื่อนผ่านเข้ามาในอุ้งเชิงกรานแล้วไปกดเส้นประสาทบริเวณก้นกบ( sacral nerve ) ซึ่งเส้นประสาทที่ว่านี้มีขนาดใหญ่บางทีการใช้ยาชาอ่อนๆจะบล็อคความรู้สึกไม่หมด ดิฉันก็เป็นค่ะ พอเจ็บถี่ๆจะปวดร้าวลงชาซ้ายมากๆเติมยาอย่างไรก็ไม่อยู่ ซึ่งอาการนี้ก็พบได้ในคุณแม่บางรายค่ะ  ให้ยาชามากกว่านี้ก็อาจจะเกิดผลไม่พึงประสงค์ได้ อย่างที่บอกค่ะว่า painless ไม่ใช่ painfree ค่ะ ในบางคนการตอบสนองต่อความเจ็บไม่เท่ากัน ใช้ยาเท่ากันก็เจ้บไม่เหมือนกัน  ดิฉันก็เคยบล็อคแล้วรู้สึกว่ายังเจ้บอยู่ แต่พอท้องสองบล็อคไม่ทันรู้เลยว่า เจ็บท้องจริงๆมันเจ็บมากๆๆๆๆค่ะ  กรณีถ้าเราบล็อคแล้วยังเจ็บอยู่ให้หมอหมอวิสัญญีได้ค่ะ จะได้เพิ่มยาให้หรือดูว่าสายที่ใส่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมหรือเปล่า ส่วนการบล็อคเพื่อทำ painless นั้นค่อนข้างยากเหมือนกันนะคะ บางทีบล็อคได้แต่ใส่สายไม่ได้ เพราะช่องเหนือเยื่อหุ้มสมองนั้นเป็นช่องแคบๆค่ะ สายที่ใส่นั้นก็เล็กนิดเดียว ในบางคนมีพังผืดหรือผนังกั้นทำให้ใส่สายไม่ได้ก็มี ดิฉันเคยบล็อคหลังให้เพื่อนสนิท ตอนที่เธอมานั้นปากมดลูกเปิดเต็มที่แล้ว นอนดิ้นโอดโอย ใส่สายยังไงก็ไม่ได้ เหงื่อตก ใช้เวลาอยู่ครึ่งชั่วโมง ปากมดลูกเปิดหมด คลอดพอดี ยังรู้สึกผิดอยู่ถึงทุกวันนี้ -*- รูปการใส่สาย epidural เพื่อทำ painless labour จากคุณ : หมูเหมียว - [ 11 ก.ค. 51 15:07:06 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ได้ประโยชน์มาก สำหรับเตรียมตัวเป็นคุณแม่ จากคุณ : gothika - [ 11 ก.ค. 51 17:13:40 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เข้ามาเก็บข้อมูลไว้ก่อนค่ะ ขอบคุณพี่หมอหนึ่งนะคะ จากคุณ : Orayanee - [ 11 ก.ค. 51 17:21:06 ]

ความคิดเห็นที่ 72 โหวตค่ะ จากคุณ : คุณแม่ตัวเล็ก - [ 11 ก.ค. 51 19:17:59 ]

ความคิดเห็นที่ 73 มาโหวตค่ะ จากคุณ : heceta - [ 11 ก.ค. 51 20:56:47 A:58.64.93.217 X: TicketID:100773 ]

ความคิดเห็นที่ 74 Thanks ka :-)  voted จากคุณ : plaanong - [ 11 ก.ค. 51 21:16:11 ]

ความคิดเห็นที่ 75 vote ka จากคุณ : Mae nong M (may_muay) - [ 11 ก.ค. 51 21:18:57 ]

ความคิดเห็นที่ 76 อ่านแล้ว ยิ่งกลัวค่ะ   ตอนนี้ท้องค่ะ  อีกเจ็ด แปด เดือนก็คงคลอดแล้ว ยิ่งเห็นภาพยิ่งน่ากลัวจังคุณหมอ จากคุณ : violetsand - [ 12 ก.ค. 51 02:28:53 ]

ความคิดเห็นที่ 77 โหวตเลยค่ะ โดนใจมากๆ จากคุณ : ฑีรฒ - [ 12 ก.ค. 51 04:31:14 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ขอบคุณทุกๆท่านที่ช่วยโหวตนะคะ กำลังว่าจะเขียนเรื่องอื่นๆต่อ ไม่รู้ว่าจะเยอะไปไหมในกระทู้เดียว #73 คุณ violetsand ไม่ต้องกลัวหรอกนะคะ ช่วงที่ท้องเป็นช่วงที่มีความสุขที่สุดเลยค่ะ เพราะได้สิทธิพิเศษหลายอย่าง ส่วนถ้ากลัวการคลอด เดี๋ยวนี้วิทยาการก้าวหน้า ความปลอดภัยสูงมากๆค่ะ ถ้าสุขภาพดี ฝากครรภ์สม่ำเสมอ สบายใจได้เลย จากคุณ : หมูเหมียว - [ 12 ก.ค. 51 07:59:12 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ช่วยโหวตค่ะ.. น่ายินดีเหลือเกิน ที่คุณหมอมีเวลามาให้ความรู้แก่ห้องชานเรือน อยากให้เขียนเรื่องต่อๆไปค่ะ คงมีคนติดตามเยอะ เพราะคุณแม่มือใหม่และมือเก่าคงรอปักหลักสูบความรู้แน่นอน...   จากคุณ : ลูกชิ้นปลาเด้ง - [ 13 ก.ค. 51 06:54:22 ]

ความคิดเห็นที่ 80 น้องหนึ่ง---พี่ว่าทู้เดียวน่าจะไม่เป็นไรนะ รวมอยู่ที่เดียว แล้วช่วยกันโหวตให้อยู่ตลอดหน่ะจ๊ะ จากคุณ : MONROVIA - [ 13 ก.ค. 51 06:55:31 ]

ความคิดเห็นที่ 81 เป็นกระทู้ที่ดีมากๆเลยน้องหนึ่ง เขียนต่อเลย โหวตจ้า จากคุณ : วีทีอาร์ - [ 13 ก.ค. 51 15:07:09 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ^__^..  อีกหนึ่งเสียงโหวตค่า ~ ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ จากคุณ : หวานน้อยถึงปานกลาง - [ 13 ก.ค. 51 15:49:39 ]

ความคิดเห็นที่ 83 โหวตจ้า จากคุณ : +:+SoMEonE ExacTlY likE yoU+:+ - [ 13 ก.ค. 51 16:25:52 ]

ความคิดเห็นที่ 84 โหวตด้วย พร้อมถามคำถามค่ะ ช่วยเข้ามาแชร์หน่อยค่ะ มีคุณหมอสูติที่ถนัดโรค PCOS และการมีบุตรไม๊คะ อยากขอชื่อคุณหมอเพื่อไปปรึกษาค่ะ จากคุณ : Ice Gin (Ice Gin) - [ 13 ก.ค. 51 17:53:59 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ขอบคุณทุกท่านนะคะ เอาไว้จะเขียนต่อจจนกระทู้ตกไปก็แล้วกันค่ะ แต่วันนี้ขอผลัดไปก่อน รบกับลูกๆเหนื่อยเจงๆ คุณ  Ice Ginคะ แนะนำคลีนิคและโรงพยาบาลที่รักษาภาวะการ มีบุตรยากที่มีชื่อเสียงดังนี้นะคะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โทร. 02-252-8181-9 (คลินิคนิกเวลาจะสะดวกกว่า) ศูนย์การแพทย์นวบุตร โทร. 02-253-8536-7 โรงพยาบาลพระรามเก้า โทร. 02-202-9999 โรงพยาบาลเจตนิน โทร. 02-655 5300-10 โรงพยาบาล BNH โทร. 02-686-2700 ext. 7717 or 7718 โรงพยาบาล บำรุงราษฎร์ โทร. 02-667-1000 โรงพยาบาล สมิติเวช โทร. 0-2731-7000 โรงพยาบาลกรุงเทพ โทร. 02-310-3000 บลาสโตซิสท์ เซนเตอร์ โรงพยาบาลปิยะเวท โทร. 02-625-6213 คลีนิคผาติเวช ร.พ.รามาธิบดี โทร. 02-279-3746 คลีนิคนายแพทย์เรืองศิลป์ โทร. 02-891-1031-3 ศูนย์รักษาผุ้มีบุตรยากจินตบุตร โทร. 02-866-1922-3 กุลพัฒน์การแพทย์ จ.เชียงใหม่ โทร (053) 894-881-2 เอไอวีเอฟ คลินิกเวชกรรมเฉพาะทางสูตินรี โทร. 02-632-8889 โรงพยาบาลสินแพทย์ โทร.02-948-5380-90 ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก วิภาวดี Tel. 02-941-2800 , 02-941-2900 ต่อ 2230 หรือ 2231 คลีนิคผู้มีบุตรยาก โรงพยาบาลนนทเวช โทร.02-589-0102 ต่อ 2401-2403 ศูนย์เอกบุตรลาดพร้าว โทร.02-530-2556-69, 02-932-2929 ต่อ 2460,2461 ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก : สุขุมวิท มาเทอร์นิตี้ คลีนิก โทร. 02-391-6022, 02-391-7032 โรงพยาบาลหัวเฉียว แพทย์แผนจีน โทร.02-223-1111 จากคุณ : หมูเหมียว - [ 14 ก.ค. 51 00:26:01 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ข้อมูลเยอะมากเลยพี่หมูเหมียว โหวตนะคะ จากคุณ : เจ้าเพิร์ส - [ 14 ก.ค. 51 02:35:19 ]

ความคิดเห็นที่ 87 โหวตเพื่อชาติ ! ขอบคุณสำหรับ FAQ ดี ๆ ค่ะ จากคุณ : แ ม่ (น้อง) มด - [ 14 ก.ค. 51 06:47:33 A:58.9.236.81 X: ]

ความคิดเห็นที่ 88 จะหนีไปเที่ยวสักอาทิตย์นะค้า กลับมาถ้ากระทู้ยังอยู่ค่อยมาเพิ่มเติมค่ะ 14. อาการปวดหลังกับแม่ท้อง อาการปวดหลังในแม่ท้อง มีหลายสาเหตุเช่น 1. น้ำหนักที่มากขึ้น 2. จุดศูนย์ถ่วงของร่างกายเปลี่ยนไป  ทำให้คุณต้องปรับตัว  ปรับท่าทางโดยอัตโนมัติ  ซึ่งบางท่าทางอาจทำให้คุณปวดหลังได้ 3. ผลจากฮอร์โมนขณะตั้งครรภ์ชื่อ Relaxin ทำให้เส้นเอ็นของข้อต่อต่าง ๆ ยืดตัว  ทำให้ข้อหลวมโดยเฉพาะบริเวณข้อหลังส่วนล่างและข้อกระดูกเชิงกรานเพื่อเตรียมความยืดหยุ่นขณะมีการคลอด   วิธีปฏิบัติตัว เช่น 2. เวลานั่งให้วางเท้า  โดยเข่าสูงกว่าตะโพกเล็กน้อย อย่านั่งไขว้ห้าง  หลังตรง  ก้นชิดพนักเก้าอี้ถ้าต้องการพิงพนัก ขยับเปลี่ยนท่าบ่อย ๆ อย่าอยู่ท่าเดียวนาน ๆ น้ำหนักตัวให้ลงที่ต้นขา 2 ข้าง  ไม่ใช่ทดไปที่กระดูกก้นกบ  เวลายืนอย่ายืนนิ่งนาน ๆ  เปลี่ยนท่าบ่อย ๆ   ถ้าต้องยืนนานให้เท้าข้างหนึ่งยืน  อีกข้างหนึ่งได้วางอยู่ที่ราวเท้าสูงขึ้นมา 10-15 ซ.ม. แล้วสลับไปมา 1. เวลานอนหงาย  ให้หมอนหนุนใต้เข่าพอรู้สึกสบาย  ถ้านอนตะแคงให้งอเข่า 1-2 ข้าง  เข่าด้านบนหนุนด้วยหมอนนุ่ม ๆ หรือหมอนขั้นอยู่ระหว่างเข่า 2 ข้าง  และมีหมอนอีกใบหนุนท้องไว้ 2. หลีกเลี่ยงการยกของหนักหรืออุ้ม  เวลายกของอย่างยืนก้มหลังลงไปยกของ  ให้ย่อเข่า  หลังตรง  ยกของแล้วลุกขึ้นแทน  พยายามอย่ายืดแขนหยิบของในที่สูงเร็ว ๆ ให้ทำช้า ๆ 3.. ใส่รองเท้าส้นเตี้ย  การใส่ชุดพยุงบริเวณหลังส่วนล่างจะช่วยให้สบายขึ้น 4. ถ้ามีอาการปวด  ให้ใช้วิธีประคบร้อนหรือประคบเย็น  ก็จะช่วยได้ ถ้าเป็นมาก บรรเทาอาการด้วยตัวเองแล้วไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ค่ะ จากคุณ : หมูเหมียว - [ 14 ก.ค. 51 14:34:53 ]

ความคิดเห็นที่ 89 15. เจ็บจริงหรือเจ็บเตือน ? ปวดเตือน มดลูกจะบีบตัวไม่สม่ำเสมอ ไม่แน่ไม่นอน การบีบแต่ละครั้งไม่เท่ากันทั้งความแรงและระยะเวลา (มักครั้งละไม่เกิน 30 วินาที) ขณะเริ่มมีการบีบตัวของมดลูก ถ้าเราเปลี่ยนท่าทางหรือเดินหรือพักจากขณะเดินอยู่ หรือเปลี่ยนอิริยาบถ อาการบีบตัวของมดลูกก็จะหายไป แม้เวลาผ่านไปอาการปวดไม่รุนแรงขึ้นและไม่ถี่ขึ้น และถ้าจะมีการปวดตอนมดลูกบีบตัว มักจะปวดบริเวณหน้าท้อง ไม่ร้าวไปที่ใด ปวดท้องคลอดจริงอาการปวดท้องจากมดลูกหดตัวจะค่อนข้างสม่ำเสมอและจะถี่ขึ้น ปวดมากขึ้นตามลำดับ เช่นจากทุก 10 นาที มาเป็นทุก 5 นาที ปวดนานคราวละ 20 วินาที เป็น 30-40 วินาทีขึ้นไปเป็นต้น นอกจากนี้แม้จะขยับตัวเปลี่ยนท่าทางอย่างไรก็จะยังปวดเหมือนเดิม อาการปวดก็มักจะร้าวไปที่ด้านหลังและถ่วงลงล่างไปที่ก้น ความรุนแรงของการปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นถ้ารู้สึกปวดท้อง สงสัยจะคลอดให้ลองจับูการหดตัวของมดลูก ถ้าสม่ำเสมอมากกว่าหนึ่งครั้งในสิบนาที ก็เป็นสัญญาณเตือนว่ามีการเจ็บท้องจริง และถ้ามีอาการต่อไปนี้ร่วมด้วยต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที แม้จะมีหรือไม่มีอาการปวดท้องคลอดก็ตาม 1. มีถุงน้ำแตก (น้ำเดิน) คือมีน้ำคล้ายปัสสาวะไหลออกมาทางช่องคลอด 2. มีเลือดสด ๆ ออกมาที่ไม่ใช่มูกปนเลือด 3.เด็กในท้องดิ้นน้อยลง หรือไม่ดิ้นมานานมากกว่าสามชั่วโมง แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 51 12:32:17 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 51 14:41:50 จากคุณ : หมูเหมียว - [ 14 ก.ค. 51 14:39:20 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ประกาศ เจ้าของกระทู้จะพาลูกลิงไปเที่ยวสักอาทิตย์หนึ่ง ฝากดูแลกระทู้ด้วย อย่าเพิ่งให้ตกนะคะ ไว้จะมาเขียนต่อค่า จากคุณ : หมูเหมียว - [ 14 ก.ค. 51 21:22:17 ]

ความคิดเห็นที่ 91 โหวตคะ ให้ความรู้ดีมักๆๆ คะ จากคุณ : แม่น้องก๋วย - [ 16 ก.ค. 51 20:17:32 A:202.183.200.73 X: ]

ความคิดเห็นที่ 92 โหวตให้ก่อนเลยครับ จากคุณ : มังกรซ่อนลาย - [ วันอาสาฬหบูชา 18:00:53 ]

ความคิดเห็นที่ 93 อิจฉาคนได้ไปเที่ยวแต้น๊อ จากคุณ : MONROVIA - [ วันอาสาฬหบูชา 21:20:15 ]

ความคิดเห็นที่ 94 มาเป็นยามเฝ้ากระทู้ให้จ้า   รอของฝากอย่างเดียวเลย จากคุณ : kateking - [ วันอาสาฬหบูชา 22:36:53 ]

ความคิดเห็นที่ 95 โหวตให้ด้วยค่ะ จากคุณ : แม่น้องนิว (vilailuk_j) - [ วันอาสาฬหบูชา 23:22:23 ]

ความคิดเห็นที่ 96 อุ๊ย เด็กๆ น่ารักจังเลยค่ะ เข้ามาอ่าน และโหวต จากคุณ : rainfull - [ วันเข้าพรรษา 12:32:14 ]

ความคิดเห็นที่ 97 very useful for me - mom to be. thank you very much ka I also introduce this topic to my friends for getting more voted ka จากคุณ : funinthesun (FUNintheSUN) - [ วันเข้าพรรษา 22:27:06 ]

ความคิดเห็นที่ 98 1 Vote กำลังจะมีคนที่สองค่ะ ถึงจะมีประสบการณ์มาแล้ว แต่ก็ยังมีบางเรื่องที่ไม่เคยทราบมาก่อนเหมือนกัน มีประโยชน์มากๆ เลย ขอบคุณ จขกท ที่ตั้งกระทู้ดีๆ แบบนี้มาแบ่งปันกันค่ะ จากคุณ : Pla_GuTT - [ 19 ก.ค. 51 06:53:29 ]

ความคิดเห็นที่ 99 หน้าม้ามาแล้วค่ะ  1 จิก จากคุณ : kateking - [ 19 ก.ค. 51 12:50:49 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ขอบคุณมากสำหรับข้อมูลดีๆ ค่ะ จากคุณ : พิมลพัทธ์ - [ 20 ก.ค. 51 10:24:00 ]

ความคิดเห็นที่ 101 มาทำหน้าที่ค่ะ จากคุณ : kateking - [ 20 ก.ค. 51 17:33:47 ]

ความคิดเห็นที่ 102 โหวตค้า จากคุณ : poopay24 - [ 21 ก.ค. 51 10:16:41 ]

ความคิดเห็นที่ 103 กลับมาแล้วค่า ขอบคุณที่ยังโหวตกระทู้ให้นะคะ โดยเฉพาะท่านประธานมาเองเลย เอาไว้จะมาเขียนต่อนะคะ ตอนนี้ขอค่อยๆทยอยตอบหลังมือก่อนค่า จากคุณ : หมูเหมียว - [ 22 ก.ค. 51 06:43:22 ]

ความคิดเห็นที่ 104 น้องหนึ่ง เลยไม่ได้จ๊ะเอ๊กันเลยอ่ะ  น้องนุ่ม น้องแน่น กระเป๋าป้านิดกำลังตุง ดูสิ  อดเลย  5555  ตอนนี้กระเป๋าแบนแล้วจ๊ะ  เมื่อไหร่มีโอกาสดี ๆ ค่อยเจอกันนะจ๊ะ จากคุณ : kateking - [ 22 ก.ค. 51 08:54:56 ]

ความคิดเห็นที่ 105  1 เสียงจ้า จากคุณ : MONROVIA - [ 24 ก.ค. 51 11:22:52 ]

ความคิดเห็นที่ 106 โหวตค่า เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำสีผมให้นิดนึงค่ะ ว่าที่เป็นอันตรายต่อแม่ท้องน่าจะเป็น "กลิ่น" ค่ะ แม่ท้องจะมีความไวต่อกลิ่นเคมีมากกว่าปกติ เวลาทำสีผมจึงทำให้หน้ามืดวิงเวียนรู้สึกไม่สบายตัวได้ง่าย แต่อันตรายต่อเบบี๋ในท้องไม่มีผลค่ะ (จีนอ่านจากในหนังสือคู่มือแม่ตั้งครรภ์เวอชั่นญี่ปุ่นน่ะค่ะ) ถ้าจะทำสีผม ควรใช้สีที่มีส่วนผสมของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ต่ำ (เคลือบสี หรือสีย้อมโกรก ที่ไม่ใช่การกัดสีผมขาวเช่นไฮไลท์) และให้หลีกเลี่ยงการทำสีผมในร้านทำผมค่ะ เพราะอากาศหมุนเวียนจะน้อยกว่า กลิ่นจะแรงกว่า ให้เลือกใช้แบบทำได้เองที่บ้าน เปิดพื้นที่โล่ง ทำที่ลานหน้าบ้าน อะไรประมาณนี้ค่ะ (ตอนท้องก็ทำเองเหมือนกันค่ะ ให้แฟนละเลงให้) ส่วนเรื่องการแต่งหน้า ทารองพื้น แป้ง บลัช ลิป ไม่มีผลอันตรายจ้า..... แม่ท้องก็สวยได้ๆๆๆ การแต่งหน้าหรือทำตัวเองให้สดชื่นเสมอ ทำให้แม่ท้องสดใจ ไม่ซึมเศร้า ไม่ต้องกลัวว่าซะมีจะปันใจเพราะตัวเองฉุ ไม่งามอีกด้วยค่ะ :) จากคุณ : Jeban - [ 24 ก.ค. 51 23:56:42 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ แม่จีน กูรูความงามมาเองเลย เห็นด้วยค่ะ ว่าแม่ท้องควรจะทำตัวให้สวยสดใสเสมอ จิตใจจะได้พลอยสดชื่นแจ่มใส เบบี๋ออกมาจะได้เลี้ยงง่ายน่าฟัดเหมือนหล่อศักดิ์จิระจิระค่า จากคุณ : หมูเหมียว - [ 25 ก.ค. 51 10:29:26 ]

ความคิดเห็นที่ 108 มาโหวตค่ะ..กำลังเตรียมตัวมีน้องเต็มที่ค่ะ..มาอ่านเจอกระทู้นี้แล้ว..หมดปัญหาคาใจเลยค่ะ เมื่อมาโหวตก้อเลยมีปัญหามาถาม..คือว่ามักจะปวดท้องเวลาปฎิบัติภาีีระกิจบ่อยๆ..แต่ไปตรวจสาระพัดวิธี(และหลายคุณหมอ..ไม่ใช่หมอดูนะค้า) แล้วยังไม่เจอสาเหตุการปวด..แต่ครั้งล่าสุดนี่ไปตรวจอีก..คุณหมอทะกว่ามดลูกเราคว่ำ..ตอนนั้นลืมถามอะค่า..ด้วยความกังวลเรื่องเนื้องอก ผังผืด..และการเจาะช่องท้อง..(ปรากฎว่าหมอบอกว่าไม่จำเป็นต้องเจาะค่ะ) **เข้าเรื่องค่ัะ..มดลูกคว่ำจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เราปวดท้องรึปล่าวค่ะ แบบว่าสามีไปอ่านเจอค่ะ..เลยอยากถามคุณหมอค่ะ..ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Hideako1 - [ 25 ก.ค. 51 10:55:13 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ตอบคุณHideako1   มดลูกคว่ำหงายก็เป็นท่าของมดลูก โดยดูแกนของปากมดลูก ถ้าตัวมดลูกโน้มมาด้านหน้าก็เป็นคว่ำหน้า ถ้าไปทางด้านหลังก็คว่ำหลัง แต่ไม่มีผลกับการตั้งครรภ์ยากหรือง่ายหรืออาการผิดปกติเช่น ปวดท้องค่ะ มดลูกคว่ำหน้าเป็นลักษณะปกติของมดลูกผู้หญิงส่วนใหญ่ค่ะ  ส่วนมดลูกคว่ำหลังหรือโดยทั่วๆไปเรียกว่ามดลูกคว่ำเป็นลักษณะที่ยอดมดลูกชี้ไปทางด้านหลังทางกระดูกสันหลังค่ะ ซึ่งมดลูกคว่ำไม่มีผลต่ออาการปวดท้องน้อยโดยตรงแต่อาจเกิดร่วมกับความผิดปกติอย่างอื่น เช่น เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ หรือ การอักเสบติดเชื้อในช่องเชิงกรานซึ่งลักษณะที่เกิดร่วมนี้อาจเป็นสาเหตุของการมีบุตรยากหรือปวดท้องได้ค่ะ อาการปวดท้องน้อยเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น จากทางนรีเวช ( อวัยวะในอุ้งเชิงกราน) ลำไส้ ท่อไต( มักมีปวดร้างลงหน้าขา) กล้ามเนื้อและกระดูกหลัง ( ปวดร้างลงขาหรือมีอาการชาขา) หาสาเหตุให้ชัดเจนจะทำการรักษาได้ถูกต้องค่ะ ขอให้เจอสาเหตุของอาการปวดท้องและมีน้องได้โดยเร็วนะคะ แก้ไขเมื่อ 25 ก.ค. 51 12:08:14 จากคุณ : หมูเหมียว - [ 25 ก.ค. 51 12:06:50 ]

ความคิดเห็นที่ 110 เข้ามาอ่านเก็บความรู้อีกทีทั้งๆที่คลอดแล้วเพราะเป็นประโยชน์มากๆค่ะ และสิ่งนึงที่ทำให้รู้และเข้าใจมากขึ้นก็คือ ตอนที่เราปวดท้องจะคลอดนั้น ปวดมานานมากๆแล้ว และเริ่มจะไม่ไหวแล้ว ล้าไปหมด ขาสองข้างเป็นตะคริว หมดแรง และรู้สึกว่าไม่ไหวแล้วจริงๆ เราได้บอกกับพยาบาลทำคลอดว่า เราไม่ไหวแล้ว ขอบล็อกหลัง เค้าตอบเราว่าต้องไหว บล็อกไม่ทันแล้ว อดทนหน่อยจะออกแล้ว (เราก็เห็นเค้าบอกอีกนิดๆ มานานแล้ว) ตอนนั้นเคืองๆ เพราะมันเจ็บมากและหมดแรงแล้ว แต่เค้าบอกว่าเค้ารู้ว่าเราทำได้ และสุดท้ายไม่ได้ใช้ยาใดๆ แค่ใช้ดม laughting gas เท่านั้น จนคลอดออกมา มาเข้าใจตอนนี้เองจากที่อ่านจากคห.69 ที่คุณหมูเหมียวบอกว่าทำให้เพื่อน เลยเก็ททันทีเลย อ๋อแบบนี้นี่เอง เค้าถึงไม่ทำให้ ปล. เราคลอดที่สวีเดนค่ะ เจ็บท้องนานกว่า 27 ชม. การคลอดแบบปกติ ไม่ต้องใช้หมอ คลอดกับพยาบาลสองคน(ทำคลอด) ผู้ช่วยพยาบาลอีกสองคน(รองรับเด็กและทำความสะอาด ตรวจวัดตัวลูก) เท่านั้น ก็ขออนุญาตเล่าสู่กันฟังค่ะ จากคุณ : LoveKittY - [ 26 ก.ค. 51 03:48:01 ]

ความคิดเห็นที่ 111 โหวตแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ได้ความรู้เยอะเลย จากคุณ : kanom_om (kanom_om) - [ 26 ก.ค. 51 13:08:28 ]

ความคิดเห็นที่ 112 จากคุณ : MONROVIA - [ 31 ก.ค. 51 02:01:16 ]

ความคิดเห็นที่ 113 จากคุณ : +:+SoMEonE ExacTlY likE yoU+:+ - [ 31 ก.ค. 51 06:18:53 ]

ความคิดเห็นที่ 114 1  โหวตจ้า จากคุณ : kateking - [ 31 ก.ค. 51 07:46:57 ]

ความคิดเห็นที่ 115 vote! ka จากคุณ : buktuck - [ 31 ก.ค. 51 14:13:14 ]

ความคิดเห็นที่ 116 โหวต ค่ะ โหวต 2 ท้องแล้ว คงไม่มีท้อง 3 แน่นอน อิอิ ขอบคุณสำหรับความรู้มากมาย ที่ได้รับจากกระทู้นี้ค่ะ จากคุณ : ต้นข้าวต้นขิง (townthara) - [ 1 ส.ค. 51 13:01:06 ]

ความคิดเห็นที่ 117 - - - เข้ามาโหวตค่ะ - - - ข้อมูลมีประโยชน์มากมายค่ะ.. ( ไม่รู้ว่าคุณเจ้าของกระทู้จะเข้ามาอ่านอีกหรือเปล่า.. ) .. อยากทราบว่า.. การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีสนามแม่เหล็กเพื่อกระจายความร้อน เช่น.. ไม่โครเวฟ และไดรเป่าผม.. มีผลต่อลูกในท้องหรือเปล่าคะ?? เราติดเป่าผมหลังสระ.. แล้วก็ชอบต้มน้ำด้วยไมโครเวฟเป็นนิสัยเสียด้วย.. .. ใครพอจะทราบข้อมูลในส่วนนี้.. รบกวนเข้ามาแชร์ข้อมูลเพิ่มด้วยนะคะ.. รออ่านอยู่ค่ะ.. จากคุณ : อาเล้ง (King of Alan) - [ 7 ส.ค. 51 01:12:22 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ตอบคุณอาเล้ง เท่าที่เคยมีการศึกษามา คำตอบกว้างๆคือ ยังไม่มีการศึกษาในคนว่าจะมีอันตรายร้ายแรงใดหรือไม่ค่ะ จริงๆแล้วคลื่นไมโครเวฟไม่สามารถจะทะลุทะลวงผ่านผนังตู้และฝาตู้ออกมาได้ และแสงที่เรามองเห็นในตู้ไม่ใช่แสงของคลื่นไมโครเวฟ แต่เป็นแสงของดวงไฟฟ้าที่ติดตั้งไว้ให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในตู้ขณะเครื่องทำงานเท่านั้นเอง อาหารที่ผ่านการปรุงด้วยไมโครเวฟจะมีรังสีตกค้างหรือปะปนมาในอาหารหรือไม่ ไม่มี เพราะรังสีเป็นคลื่นพุ่งผ่านแล้วมอบพลังงานของมันให้กับสิ่งที่มันพุ่งผ่านไป เมื่อพลังงานของมันหมดมันก็สลายตัวไปค่ะ ดังนั้นถ้าเรายืนห่างหน่อยหลังจากกดปุ่มให้มันทำงานแล้ว ปิดประตูให้สนิท เลือกครึ่งที่คุณภาพดี ก็น่าจะปลอดภัยค่ะ ส่วนไดร์เป่าผม ไม่น่ามีปัญหาอะไรค่ะ จากคุณ : หมูเหมียว - [ 7 ส.ค. 51 23:38:27 ]