ความคิดเห็นที่ 1 ก็เข้าใจนะค่ะ คุณ KLOM พอดีมีลูกอายุประมาณ 4 ขวบ อยู่อนุบาล 1 แต่ก่อนก็คิดนะ ว่าจะให้เข้าอ. ที่เดียวเพราะเข้าเนอสฯ แล้วเหมือนเป็นการฝากเลี้ยง แต่ท่าทางสมัยนี้จะคิดผิดแล้วค่ะ แล้วจากคำถามข้อ 1. การที่น้องไม่เป็นอะไรนะค่ะ เข้าไปเรียนตอ. แล้ว ครูเค้าจะสอนเองค่ะ สามารถกินข้าวทำอะไรได้เอง แต่อยู่บ้านพยายามจะให้เค้าช่วยตัวเองแต่ยากค่ะน้องจะวิ่งซน แล้วคุณย่าจะชอบบ่นเด๋วไม่สบาย ก็ต้องเลยตามเลย ถือซะว่าไปทำที่รร.แล้ว 2. พอดีน้องทานเก่ง ค่ะ แต่ถ้าเป็นคุณแม่ป้อนนะ จอดทุกทีไม่ทาน คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องปกตินะ  ให้ทานนมแทนก็ได้ค่ะ เพราะเด็กช่วงนี้เป็นช่วงที่เริ่มรู้รสชาติอาหารแล้ว เค้าจะชอบเลือกค่ะ 3. เรื่องผ้าอ้อมสำเร็จรูป ไม่ต้องเป็นกังวลค่ะ เพราะเด็กช่วงนี้จะยังใส่อยู่พอถึงประมาณ 3 ปี ให้เลิกใส่ได้ค่ะ นิน้องก็เลิกตอน 3 ปี ช่วงนี้ใส่ไปก่อนได้เลยค่ะ ส่วนเรื่องหลอกเด็ก นิ บางครั้งก็มีเหมือนกันค่ะ เพราะน้องจะดื้อมากค่ะ ถ้ามีปัญหาอะไร คุยกันได้ค่ะ fairyming@hotmail.com พอดีมีลูกสาวค่ะ จากคุณ : mm (fairyming) - [ 24 ก.ย. 51 08:22:00 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เห็นด้วยกับคุณ mm (fairyming) มากๆเลยคะ เพราะแหม่มเองก็จะใหไปตั้งแต่ ตอ.เหมือนกันคะ จากคุณ : mammajor - [ 24 ก.ย. 51 08:40:42 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อยากให้นึกถึงว่า.. ทุกคนรักเขานะครับ แต่ในกรณีของคุณเนี่ย ผมก็ประสบในแง่ที่รู้สึกว่า สภาพแวดล้อมที่บ้านไม่น่าจะดีต่อลูกเรา.. แต่จุดหนึ่ง ผมเชื่อว่า เวลาที่เราให้กับลูก ต่อไปจากนี้จนเขาโตพอจะคิดอะไรเองได้ น่าจะเป็นสิ่งบ่มเพาะที่สำคัญกว่า ว่าลูกเราจะเป็นไง อย่างไรเสีย พ่อและแม่ น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญสุดครับ จากคุณ : Untrue - [ 24 ก.ย. 51 08:41:05 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อยากแนะนำที่หนึ่งให้ ที่ ร.พ.เซ็นต์หลุยส์ค่ะ คือไม่ใช่เลี้ยงป้อนข้าวอย่างเดียว แต่เขาฝึกให้ทุกอย่าง กินข้าวเอง ถอดเสื้อผ้าใส่เสื้อผ้าเอง นั่งกระโถนนั่งชักโครก คือฝึกให้เด็กทุกอย่าง ตามวัยเขา และการที่เด็กอยู่รวมกลุ่มกัน เขาก็จะมีสังคมเรียนรู้การปรับตัว และช่วยเหลือตัวเองได้แน่นอนค่ะ บาทีพาพวกท่านไปดูสถานที่ก่อนก็ได้ เราเองก็เคยเอาลูกไปฝากเลี้ยงที่นั่นค่ะ ไว้ใจได้ จะย้ายออกมาเตรียมอนุบาลสิ้นเดือนนี้ เราว่า เกือบจะสองขวบแล้วทำอะไรที่ว่าไม่เป็นเลยนี่ ช้าแล้วนะค่ะ เดี๋ยวจะมีปัญหาตอนลูกโตเข้าอนุบาล อย่าคิดว่าเดี๋ยวเด็กเข้าอนุบาลครูก็สอนเอง ครูหนึ่งคนต่อเด็ก เป็นสิบนะค่ะ หากเด็กที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เนี่ย บางที่เขาอยากจะปฎิเสธไม่รับได้นะค่ะ ฟังดูแปลกแต่จริง คือเขาไม่รับเข้าอนุบาลทันที่แต่เขาจะให้น้องไปเตรียมอนุบาลก่อน แล้วมันจะมีปัญหายุ่งยากตามมาอีกเยอะ เราไม่ได้ว่า nursery ดีงั้นงี้ แต่การสอนเด็กให้ช่วยเหลือตัวเองได้ ช่วยเหลือตัวเองเป็น จำเป็นมากๆ การสอนการฝึกจะมาจากคนเลี้ยงใครก็ได้ แต่ไม่ฝึกอะไรเลย เนี่ย มันเข้าข่ายพ่อ แม่รังแกฉันนะค่ะ ไม่มีเวลาให้ลูก ฝึกสอนเขาให้เรียนู้ตามวัยอย่างเหมาะสม คิดเอาเองว่าปล่อยเถอะเดี๋ยวเขาจะต้องเรียนรู้เอาเอง นี่ไม่ดีแน่เลยค่ะ หากเราเป็นคุณเราตัดสินใจเอาไปฝากเลี้ยงที่ดีๆสักที่หนึ่งแล้วละค่ะ ก่อนที่มันจะสายไป เพราะอะไร เพราะว่าหากเขาทำอะไรได้ช้ากว่าเพื่อน มันเป็นการสร้างแรงกดดันให้เด็กโดยไม่รู้ตัว สังคมของเด็กๆ เล็กๆ ละเอียดอ่อนมาก หากเขาถูกปฏิเสธจากกลุ่มเด็กด้วยกันแรกๆ ที่เข้ากันไม่ได้ นี่น่าสงสารเขานะค่ะ เด็กเขาก็จะมีสังคมของเขา มีเด็กอ่อนเด็กเก่ง เด็กเก จากคุณ : รุ่งฟ้าสาง - [ 24 ก.ย. 51 09:22:24 ]

ความคิดเห็นที่ 5 การส่งลูกไปเนอสฯ ก็มีทั้งข้อดีข้อเสียค่ะ ข้อดีก็คือ ลูกจะได้รับการฝึกระเบียบวินัย แบบไม่ต้องถูกบังคับมาก เพราะส่วนหนึ่งที่ทำตามระเบียบวินัยได้มันมาจากพลังกลุ่ม คือเห็นเพื่อนๆส่วนมากทำตัวเองก็จะทำไปด้วย ฉะนั้นเรื่องทานข้าวทานผัก หรือดูแลตัวเอง เด้กจะพยายามทำให้ได้เหมือนเพื่อนๆ(ที่เค้าอยู่เนอสเซอรี่กันมานานแล้ว) ข้อเสียก็คือ ลูกจะป่วยบ่อยโดยเฉพาะในช่วงที่หวัดแพร่ระบาดให้ทำใจไว้เลยค่ะ ไม่ติดมาถือว่าถูกหวยค่ะ อย่างลูกสาวคนโตของเรา เอาไปไว้เตรียมอนุบาลตอนเกือบ2ขวบ จากที่พูดไม่ได้ วิ่งไม่เก่ง ไม่กินผัก ไปโรงเรียนอาทิตย์เดียว พูดได้ วิ่งได้ กินผักได้ ส่วนลูกสาวคนเล็กไปเนอสฯตั้งกะตอนอายุ5เดือนกว่าๆ (เพราะความจำเป็นส่วนครอบครัว) ก็เป็นเด็กที่กินนอนตรงเวลามาก จะหิวและง่วงนอนตามตารางเวลากินนมที่เนอสฯตลอดค่ะ -.- แต่ก็ป่วยบ่อยนะคะ อันนี้เป็นข้อเสียตามที่บอกค่ะ จากคุณ : เบว (db_elle) - [ 24 ก.ย. 51 09:24:57 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คิดว่าทุกคนเมื่อจะนำลูกเข้าเตรียมอนุบาล น่าจะมีเหตุผลส่วนตัวกันทุกคน อย่างเราก็ให้ลูกสาวเข้าเตรียมอนุบาลตั้งแต่อายุ 1.6 ขวบค่ะ สาเหตุเนื่องมาจากอยากให้ลูกมีสังคม และรู้จักปรับตัว เพราะลูกเราอยู่ในบ้านที่เป็นแบบปิด คือไม่ใช่หมู่บ้านน่ะคะ ลักษณะก็จะเป็นอยู่แบบบ้านใครบ้านมัน ไม่ค่อยได้เจอะเจอกับเพื่อนบ้าน ลูกเราเลยมีปัญหาเรื่องกลัวคนแปลกหน้า (ที่ไม่ใช่ภายในครอบครัว) มาก ตอนนั้นเรากับสามี ทำงานทั้งคู่ และอยู่กับคุณปู่ คุณย่า ท่านทั้งสองเลี้ยงดีค่ะ ออกแนวตามใจ แต่ที่บ้านไม่มีการทะเลาะกัน ไม่มีคำหยาบ แต่ด้วยเหตุผลดังว่า เราเลยตัดสินใจให้เข้าเตรียมอนุบาล แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือสถานที่ที่เราจะให้ลูกเราไปเรียนนี่แหละค่ะ สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คุณต้อง survey ดูให้หลายที่หน่อย อย่างของเรา เราเน้นเรื่อง ความปลอดภัยภายในโรงเรียนมากที่สุดค่ะ เพราะลูกเรายังเล็ก ไม่ว่าจะเป็นห้องเรียน ห้องอาหาร ห้องครัว หรือบริเวณโรงเรียน เรื่องที่สองต้องไม่ใหญ่นัก และมีเจ้าหน้าทีเพียงพอ ดูแลลูกเราได้อย่างทั่วถึง เรื่องที่สามต้องไม่อยู่ไกลจากที่ทำงานเราค่ะ เพราะเกิดเหตุอะไร เราจะได้ไปถึงได้อย่างทันท่วงที เราไม่เน้นวิชาการนะคะ ช่วงนี้เราเน้นพวกนี้แหละค่ะ แค่ไม่นาน ไม่น่าจะถึงปีนะคะ ลูกเราพูดเก่ง คุยกับคนอื่นจ้อเลยค่ะ นับว่าเราก็สามารถบรรลุเป้าหมายของเราได้ค่ะ ตอนนี้ลูกเราอายุ 5.8 ขวบแล้ว อยู่ ป.1 ค่ะ ทุกอย่าง ok มาก เป็นกำลังใจให้นะคะ ทุกอย่างมีข้อดีและข้อเสีย คุณคงต้องเลือกเอา โดยการให้น้ำหนัก สิ่งที่คุณคิดว่าสำคัญที่สุด ส่วนเรื่องที่เรากังวลที่สุดในปัญหาของคุณ ก็คือเรื่องการทำให้เด็กหยุดการกระทำที่เราไม่ต้องการ โดยการให้ข้อมูลที่ผิดๆ หรือที่คุณเรียกว่าหลอกเด็กนั่นแหละคะ เห็นจะเป็นข้อนี้ ที่จะมีผลต่อเนื่องไปถึงตอนโตได้ ต้องสอนให้เด็กรู้จัก เหตุและผลค่ะ แต่เข้าใจท่านผู้ใหญ่นะคะ อายุมากแล้ว คงจะเหนื่อย คุณคงต้องค่อยๆ สอนลูกเอง เพิ่มเติมในเรื่องนี้ค่ะ โดยการอธิบายให้ลูกฟัง แต่งเรื่องเองผ่านนิทานก็ได้นะคะ เด็กจะได้ไม่เบื่อ เราทำบ่อยค่ะ เวลาจะสอนลูกจะสอนผ่านนิทาน ที่เราแต่งเอง ลูกจะเห็นภาพ และซึมซับค่ะ ขออภัยที่เขียนยาวหน่อยนะคะ เข้าใจความรู้สึกเลยค่ะ เหมือนเราเมื่อประมาณ 4 ปีก่อนค่ะ อ้อ ลืมบอกไปเข้าเตรียมอนุบาล ไม่ราบรื่นนักหรอกค่ะ ของลูกสาวเข้าที่แรกอยู่ได้ไม่ถึงเดือนเลยค่ะ เราก็ต้องรีบย้ายลูกเราออก ไปอยู่ที่ที่สอง ถึงอยู่ได้นานค่ะ จากคุณ : Nemesis - [ 24 ก.ย. 51 09:41:00 A:192.168.12.138 X:58.64.105.62 TicketID:187932 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ดูเหมือนจะเลี้ยงแบบโบราณไปหน่อย เหมือนที่แม่เราเลี้ยงหลานเลย เรื่องพูดจาหยาบคายนี่ก้อเหมือนกัน แม่เราชอบพูดกู-มรึง กับลูกกับหลาน แล้วชอบบอกว่าหลานพูดไม่เพราะ เราก้อบอกว่า ก้อนี่แหละ หลานมันติดใครมาหล่ะ อยากให้พูดเพราะๆ ก้อพูดเพราะๆกับหลานสิ ไม่ใช่ตัวเองพูด กุ-มรึง คำหยาบต่างๆนานา แล้วจะให้เด็กในบ้านมันพูดเพราะๆ ดีที่มี่พีที่อยู๋บ้านอีกคนคอยสอน ว่าแบบนี้เด็กดีไม่พูดนะ พูดไม่เพราะนะลูก เวลาอาม่าพูด ต้องบอกอาม่านะลูกว่าอาม่าพูดไม่เพราะ โชคดีหลานเชื่อที่สอน ไม่งั้นมันคงกรู-มรึง ไปจนโตแหละ จากคุณ : janistar - [ 24 ก.ย. 51 09:59:23 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าด้วยเหตุผลที่พิมพ์มาทั้งหมด การไปโรงเรียนน่าจะดีกับลูกของคุณมากกว่านะคะ ไม่ใช่ผู้ใหญ่เลี้ยงไม่ดีนะคะ แต่ด้วยความรู้ความเข้าใจที่เขามี ก็เลี้ยงกันไปแบบบ้านๆ ไม่รู้วิธีการกระตุ้นพัฒนาการ หรือทฤษฏีการเลี้ยงดูเด็กที่ถูกต้อง ผลเสียก็จะตกอยู่กับลูกของเราเอง พาไปโรงเรียนไปเข้ากลุ่มกับเพื่อนๆ มีคุณครูคอยดูแล ขัดเกลานิสัยให้น่าจะดีกว่านะคะ ช่วงนี้อยู่บ้านก็ต้องพยายามฝึกนิสัยไปพลางๆ ก่อน เรื่องของตารางเวลา และพฤติกรรม เวลาไปเข้า รร เด็กจะได้ไม่รู้สึกทุกข์มากนัก และการฝึกนี้ทุกคนในบ้านต้องพร้อมใจกันฝึกให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันนะคะ ไม่ใช่พ่อแม่ฝึก แต่ผู้ใหญ่ไปทำอีกอย่าง สุดท้ายก็คงไม่ได้อะไร ลูกเราปีหน้าก็คงอายุไล่เลี่ยกับลูกคุณ หลังจากชั่งใจระหว่างเข้าเนอสกับโรงเรียน สุดท้ายก็พาไปสมัครเข้าเรียนชั้นเด็กเล็กที่โรงเรียนเลย เขาจะได้ปรับตัวให้คุ้นกับสภาพแวดล้อม และมีสถานที่เรียนแบบยิงยาวไปเลยทีเดียว เรียกว่าพ่อแม่ก็เหนื่อยทีเดียวด้วยค่ะ จากคุณ : veryveron - [ 24 ก.ย. 51 10:21:58 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เข้าใจหัวอกคุณจริง ๆ ค่ะ แนะนำว่าให้เข้าโรงเรียนชั้น ตอ.เลยค่ะ เกือบ 2 ขวบเค้าก็รับแล้วนะคะ แล้วพอไปโรงเรียนได้สักพักเค้าจะเริ่มปรับตัวได้ค่ะ ลูกเราไปตอน 2 ขวบเต็ม ๆ ตอนนี้กินข้าวเอง ใส่รองเท้าเอง เลิกแพมเพิร์สแล้วค่ะ ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนแม่เราเลี้ยงเค้าก็พูดแบบนี้ล่ะค่ะ ว่า เก็บซักไม่ไหว ให้กินข้าวเองเค้าก็ตามเช็ดไม่ไหว เหนื่อย อยากจะหัดอะไรสอนอะไรก็มาสอนเอาเอง เราก็ทำงานกะเหมือนกันค่ะ เวลาไม่แน่นอน สามีเรากะแม่เราก็เหมือนคุณแหละค่ะ เอาใจช่วยค่ะ อ้อ ถ้าเข้าโรงเรียนเราว่าค่าใช้จ่ายถูกกว่าเนอสเซอรี่นะคะ 1 เทอมมี 4.5 เดือน ค่าเทอมหารออกมาแล้วเดือนนึงถูกกว่าเนอสนะคะเราว่า มาอีกรอบลืมไปค่ะ แต่ต้องทำใจหน่อยนะคะ น้องอาจจะไม่สบายบ่อยค่ะ แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 51 10:34:50 จากคุณ : อิจิโงะจัง - [ 24 ก.ย. 51 10:21:58 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เราก้อต้องการให้ลูกเรียนเตรียมอนุบาลก่อนเหมือนกัน น้องแทนไท จะขวบวันที่ 4 ตุลานี้คะ ประมาณเมษาปีหน้าจะให้เข้าเลย ช่วงนี้หาข้อมูลโรงเรียนอยู่คะ จากคุณ : แม่น้องแทนไทคะ (น้องแทนไท) - [ 24 ก.ย. 51 11:04:40 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้ายังเล็กๆ ไม่ถึง 2 ขวบ ก็ไม่เห็นด้วยที่จะไปฝากเค้าเลี้ยง แต่ถ้า 2 ขวบแล้วก็พอไหวนะ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ โรงเรียนที่จะให้ไปอยู่คะ ได้โรงเรียนดี ครูดีก็เหมือนถูกหวย ประสบการณ์ส่วนตัวคือ โรงเรียนแรก ไม่ดี แม่จิตตกไปเลย รู้สึกผิดมากที่เอาลูกไปอยู่ โรงเรียนที่สองดีมาก รู้สึกว่าตัวเองโชคดีจัง ทุกวันนี้สบายใจคะ ลูกป่วยเล็กน้อยก็ไม่เคยให้หยุดเรียน ไม่ต้องลางานไปเลี้ยงลูก ตัดปัญหาเรื่องหัวหน้างานไม่พอใจไปได้เรื่องหนึ่ง ให้ไปโรงเรียนด้วยความสบายใจคะ แม่ก็สบายใจไม่ต้องมีปัญหากับงาน ส่วนโรงเรียน..ถ้าสนใจก็หลังไมค์มานะคะ (อยู่แถว ถ.รัชดาภิเษกคะ) จากคุณ : แม่เฟียต - [ 24 ก.ย. 51 11:47:13 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ ก็ค่อนข้างตรงใจพอสมควร คือเรื่องทั้งหมด ผมไม่ได้ว่าตากับเขาเลี้ยงไม่ได้หรือไม่ดีนะ แต่ว่า สิ่งที่ผมคิดว่าลูกควรจะได้รับมันมากกว่าที่เขาจะให้ได้ ซึ่งผมก็ต้องไปหาที่อื่น แล้วมันยังมีปัญหายิบย่อยอีกหลายอย่างมากกกกกกกก เช่นว่า ตอนนี้กินข้าววันละ 2 มื้อ คือสายกับเย็น เพราะเช้าอัดขนมกับนม สายกินข้าวกว่าจะเสร็จก็เพลเที่ยง แล้วก็นอน ตื่นบ่ายสามบ่ายสี่ เล่นๆๆๆๆๆๆ กินข้าวเย็นกว่าจะเสร็จก็หกโมงทุ่มนึง อาหารก็...ไม่รู้สิครับ ผมว่ามันไม่มีคุณภาพสมกับเงินที่ผมจ่ายเป็นค่ากับข้าวในบ้านเลยอะ เพราะผู้ใหญ่อยากกินอะไรก็ทำกินกัน แต่ลูกผมได้กิน ข้าวไข่ดาว ข้าวไข่เจียว ข้าวไก่ทอด อะไรพวกเนี้ย ทุกวันเลย จะมีก็มื้อเย็นที่ผมอยู่ อาจจะได้กินเกี๊ยวมั่ง วันหยุดก็ทำมะกะโรนีต้มซุปให้กิน ก็ดีมาหน่อย (นี่แค่เรื่องกินยังพิมพ์ซะขนาดนี้นะเนี่ย) ผมทำงานสัปดาห์ละ 6 วัน วันละ 12 ชม. สลับกะกลางวัน/กลางคืนครั้งละ 1 สัปดาห์ ก็เหนื่อยพอตัว ภรรยาผมก็ทำงานโรงพยาบาล เวลาไม่แน่นอนกว่าผมอีก บางทีกะเดียว บางทีควงสอง เช้า บ่าย ดึก แทบไม่ซ้ำวันกันเลย ต้องยอมรับตรงๆว่าไม่มีเวลาให้ลูกเลย ยกเว้นว่าเข้ากลางคืน ถึงได้เจอกัน แต่เราทำงานมาทั้งคืน เราก้อต้องนอนกลางวัน ก็เจอกันไม่นาน ทุกอย่างมันกรอบไปหมด พ่อแม่สำคัญที่สุดก็ถูกครับ แต่ถ้าพ่อแม่ไม่ได้เลี้ยง คนเลี้ยงน่าจะสำคัญไม่แพ้กันนะครับ ผมก็คงให้เข้าเตรียมอนุบาลแหละครับ เนอร์สเซอรี่เราต้องไปรับส่ง ดูจากเวลาคงเลิกคิดได้ ก่อนหน้านี้ซักประมาณขวบนิดๆ คุณยายเขาว่าเขาไม่ไหวแล้ว เลยลองเอาไปส่ง อยู่ได้สัปดาห์เดียว หลานไม่สบาย ก็ไม่ยอมให้ไปอีกเลย ผมก็เลยงงว่านี่ผมต้องรอให้เขาไม่อยากเลี้ยงก่อน ผมถึงจะมีสิทธิตัดสินใจในเรื่องของลูกผมเองรึไงกันนี่ เพราะงั้นปีหน้าผมขอตัดสินใจเองแล้วกัน แต่ก็ต้องเคลียร์กับภรรยา เพราะเขาจะเชื่อพ่อกับแม่เขามากกว่าผม เรื่องอื่นๆเขาจะค่อนข้างฟังผม แต่ถ้าเป็นเรื่องพ่อแม่เขา เขาจะเถียงแทนตลอด บางทีไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าเป็นความจริง นอกจากจะเห็นกับตาได้ฟังกับหู แต่ก็แก้ปัญหาด้วยการเอาปัญหามารุมไว้ที่ตัวเอง จนตัวเองไม่ได้พักผ่อน แล้วก็เครียด เครียดแล้วก็อารมณ์เสียง่าย บางทีลูกไม่ฟังก็โดนหางแถวไปด้วย ผมก็พอเข้าใจ รักพ่อรักแม่ก็โอเค แต่ก็ต้องดูเหตุการณ์ความเป็นจริงด้วยเหมือนกัน ก็ต้องลองดูกันน่ะครับ ว่าลูกสำคัญที่สุดอย่างปากว่ารึเปล่า ขณะที่พิมพ์นี่ก็ยังล้งเล้งกันเลย พักนี้เสียงดังใส่หลานกันบ่อย เพราะมันซนมากจริงๆน่ะแหละ ว่ามันโตแล้วยังไม่รู้เรื่อง ทั้งๆที่แทบไม่เคยสอนมัน เอะอะก็หลอกนู่นหลอกนี่ ไม่ก็เงื้อไม้เงื้อมือทำท่าจะตีมันท่าเดียว ฝ่ายตาก็ตวาดลั่นบ้าน กรูอย่างนั้น มรึงอย่างนี้ เฮ่ออออออออ ใครจะว่าผมอคติมากเกินไปก็ได้ โจมตีฝ่ายเดียวก็ได้ แต่ถ้าคนเคยเจอปัญหาด้วยกันก็จะเข้าใจว่า ถ้าเพียงแต่ยอมรับปรับเปลี่ยนกันซะบ้าง ไม่ยึดถือว่าตัวทำดีมากแล้ว เหนื่อยมากแล้ว ฟังคนที่เด็กกว่าซะหน่อย มันก็ไม่เลยเถิดมาขนาดนี้ เพราะเอาไปฝาก ผมก็เสียเงินเพิ่มอีก ไม่อยากหรอกครับ ป.ล. บ้านอยู่ชายแดนกรุงเทพฯ เกือบปทุมธานีแล้วครับ หาเนอร์สเซอรี่ดีๆยากมากครับ คงได้เตรียมอนุบาลตามโรงเรียนนี่แหละครับ พอช่วยกันได้ เล็งๆไว้ที่ อนุบาลวรรณฤดี ตรงซ.กีบหมู กับ อนุบาลบ้านอัมรินทร์ ตรงสายไหม ใครเคยใช้บริการก็ขอคำแนะนำประกอบการตัดสินใจด้วยครับ ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ หากใครมีความเห็นตรงกันข้ามก็ยินดีนะครับ ผมเองก็อยากทราบเหมือนกันว่า นอกจากที่ผมคิดได้เนี่ย มีวิธีอื่นที่แก้ได้อีกมั้ย ขอบคุณครับผม ป.ล. 2 เชื่อมั้ยว่าบ้านอื่นเขากลุ้มกันเรื่องเด็กติดทีวี บ้านผมเขากลุ้มว่าเด็กไม่ยอมดูทีวี เอาแต่วิ่งเล่นไปตรงนู้นทีตรงนี้ทีไม่อยู่นิ่งซะบ้างเลย เจออย่างนี้อึ้งไปนานครับ แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 51 12:32:01 จากคุณ : klom (klom) - [ 24 ก.ย. 51 12:23:44 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอลอก คคห. 4 และ 9 เลยค่ะ ^^ ถ้าเราคิดว่า เดี๋ยวโตขึ้นก็ทำได้เอง อาจจะช้าเกินไปแล้วก็ได้ค่ะ และยังกดดันเวลาลูกเข้าโรงเรียนด้วยค่ะ ห้องนึงมีเด็ก 20 กว่าคน อย่างมากก็มีครูกับพี่เลี้ยง 2 คน เราจะไปหวังให้เขามาฝึกลูกเราให้ อาจจะลำบากหน่อยค่ะ   บางโรงเรียน แม้ว่าเด็กจะอายุถึงเกณฑ์เรียน แต่ถ้าไม่พร้อมเรื่องช่วยเหลือตัวเองในหลาย ๆ ด้าน เขาก็ให้ไปเรียนเตรียมอนุบาล ซึ่งอาจจะทำให้เสียเวลาไปอีกนะคะ น้องอายุ 1.9 ปีแล้ว แต่ยังใส่แพมเพิร์สตลอดเวลา ถ้าหวังจะให้เขาบังคับการขับถ่ายและบอกเราได้ ก็ลำบากหน่อยค่ะ เพราะใส่แพมเพิร์สเขาก็ไม่รู้สึกเปียกแฉะ นึกอยากจะถ่ายตอนไหนก็ได้ จากคุณ : winnie in love - [ 24 ก.ย. 51 13:09:22 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผ่านมาอ่าน...   จากคุณ : ชายยอดนักทดลอง - [ 24 ก.ย. 51 13:15:58 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เรื่องหลอกตุ๊กแกกินตับ / ให้คนบ้ามาจับตัว / ตำรวจจับ ฯลฯ นี่ แม่เราก้อเป็น จะอธิบายยังไงก้อไม่เข้าใจ เค้าคิดของเค้าอบ่างนั้น ว่าเค้าถูก กุเลี้ยงของกุมาได้ตั้ง 9 คน อะไรแบบนี้ ตอนนี้เราก้อใกล้คลอดแล้ว อีกเดือนกว่าๆ สามีบอกให้แ่เรามาช่วยเลี้ยง เราส่ายหัวอย่างเดียวเลย ยอมเหนื่อยกาย ดีกว่าเหนื่อยใจ จากคุณ : janistar - [ 24 ก.ย. 51 13:54:50 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มาให้กำลังใจ แต่แนะนำโรงเรียนไม่ได้ค่ะ บ้านเราคนละโซนกันเลย จากคุณ : อิจิโงะจัง - [ 24 ก.ย. 51 14:01:08 ]

ความคิดเห็นที่ 17 หากเจ้าของกระทู้ได้ให้ภรรยาเลี้ยงลูกเองก็คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะน้องก็ยังเล็กเกินที่จะให้ไปอยู่เนิส ต้องไปเสี่ยงต่อการติดโรคอีก แต่หากตากับยายเลี้ยงก็คงน่าจะฝากแหละค่ะ เพราะตายายไม่ได้ฝึกอะไร ให้หลานเลยซึ่งท่านก็ได้ออกตัวไว้แล้ว ต้องทำใจ ท่านก็เลี้ยงแบบของท่าน เราเลี้ยงลูกอยู่บ้านเอง จน 2.9 ปีแล้ว ลูกทำได้ทุกอย่าง เหมือนเด็กที่ไป   เตรียมอนุบาลเลย เพราะเรา ทำตัวเหมือนครูอยู่ที่บ้านเลย หาข้อมูลและ ฝึกทุกอย่างให้กับลูก หากเราทุ่มเทให้ลูก  ลูกก็ได้อย่างที่เราต้องการค่ะ หากคุณ จขกท.ไม่มีเวลาให้ลูก แต่อยากให้ลูกเป็นอย่างที่ใจต้องการ ต้อง หันมาเลี้ยงเอง หรือไม่ก็ ต้องฝากเข้าโรงเรียนแหละค่ะ ของแบบนี้ไม่มีใคร ทำได้ดีเท่าเราหรอกค่ะ จากคุณ : จองซังอิน - [ 25 ก.ย. 51 00:07:31 ]