Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    อันตรายของรถหัดเดิน

    โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน :D

    ตอนแรกๆที่มีลูกคนโตพี่จัสตินก็คิดจะซื้อรถหัดเดินมาให้ใช้

    แต่ทว่าคุณหมอของน้องห้ามและให้บทความมาอ่าน

    แพทเลยเสริชหาอ่านอีกระลอก ก็เลยพบว่ามันไม่มี ปย แต่กลับมีโทษมากกว่า

    ก็เลยอยากจะเอาบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้มาให้อ่านกันค่ะ

    จากลิงค์นี้นะคะ http://www.oknation.net/blog/print.php?id=317201

    จาก ปสก ตรง ตอนแพทสิบเดือนคุณพ่อให้ใช้ที่รถเดินค่ะ แล้วทีนี้ดูไม่ทัน แพทก็เดินไปชนประตูหลังบ้านที่เป็นมุ้งลวด ประตูเปิดออกเพราะมันแค่ผลักก็ออกแล้ว แพทก็เลยตกบันไดไปสิบสามขั้น คุณพ่อตกใจแทบสิ้นสติเพราะคิดว่าถ้าไม่รอดคงพิการแน่ๆ เดชะบุญไม่เป็นอะไรเลย บันไดสูงชันมากๆค่ะ แม้แต่ผู้ใหญ่เดินไม่ดีตกไปก็เจ็บหนักได้ ทุกวันนี้ก็ยังงงว่าเป็นไปได้ไง แต่ miracle ไม่ได้เกิดกันได้บ่อยนะคะ เด็กที่ต้องบาดเจ็บและตายก็มีเยอะค่ะ

    รถหัดเดิน...เมื่อไหร่จะเลิกใช้ ?

    บทความโดย ...  ประจวบ ผลิตผลการพิมพ์

     
    ในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น แคนาดา  ออสเตรเลีย  และสหรัฐอเมริกา (ในหลายๆรัฐ)

    ล้วนแต่เห็นโทษภัยของ “รถหัดเดิน-สำหรับเด็ก” จนทางการห้ามขาย
    ส่วนประชาชนก็พากันเลิกซื้อเลิกใช้กันอย่างถาวร ถึง10กว่าปีแล้ว

    จะไม่เลิกใช้กันได้อย่างไรล่ะครับ บ้านเมืองเขาต่างก็มีข้อมูล และมีสถิติที่ชัดเจน

    เช่น สหรัฐอเมริกา ขนาดเมื่อ 20ปีก่อน เด็กในประเทศของเขาได้รับบาดเจ็บจากรถหัดเดิน ถึง 2หมื่น4พัน...ถัดจากนั้นอีกแค่ 7ปี  ตัวเลขนั้นก็เพิ่มขึ้นเป็น 2หมื่น9พันคน !

    แม้แต่ในเมืองไทยเราเองก็เคยมีการวิจัยพบว่า เด็กๆ 1ใน 3 เคยได้รับบาดเจ็บจากการใช้รถหัดเดินมาแล้ว  

    1 )  เนื่องจากสภาพของรถหัดเดินโดยมากแล้วจะมีฐานที่ไม่กว้าง โครงสร้างก็เปราะบาง

    จึงมักจะเกิดเหตุพลิกคว่ำอยู่เสมอ โดยเฉพาะเมื่อเด็กไถไปโดยเร็วแล้วไปเจอพื้นต่างระดับ ไปสะดุดกับสิ่งของบนพื้น

    หรือแม้แต่ไถไปชนโครมกับเสาหรือกำแพง จนได้รับบาดเจ็บ ไม่ว่าจะที่แขนขาหรือใบหน้า ต้นคอ หรือที่ศีรษะ

    แต่อุบัติเหตุลักษณะนี้ จะเป็นเรื่องหนักหน่วงขึ้นมาทันทีที่รถหัดเดินร่วงลงมาจากที่สูง

    ไม่ว่าจะเป็นชั้นบนของบ้าน หรือบ้านที่มีใต้ถุน ซึ่งโดยมากก็มักจะไม่มีประตูกั้นช่วงหน้าบันได หรืออาจจะอุตส่าห์ทำไว้

    แต่ดันลืมเสียบกลอน ! ...จึงต้องพึงสังวรไว้ว่า มีเด็กที่ต้องพิการ หรือเสียชีวิตในกรณีนี้...ไม่น้อยเลย...

    2 ) นอกจากเด็กน้อยจะไถรถไปวิ่งชนกับ “ของแข็ง”อย่างที่ว่าแล้ว
    ยังมีโอกาสวิ่งไปชน “ของร้อน”อีกด้วย

    ... นั่นก็คือ การวิ่งชนโต๊ะที่วางกาน้ำร้อน หม้อหุงข้าว หรือสายไฟเตารีด !
    ( กรณีโดนน้ำร้อนลวก เพียงแค่ 30วินาทีผิวหนังจะไหม้ และอาจเสียหายอย่างถาวร จนหมออาจต้องนำเนื้อเยื่อมาปลูกใหม่
    หากบาดแผลนั้นกินบริเวณกว้าง  และการโดนของร้อนนั้น อาจทำให้ช็อคได้ เนื่องจากร่างกายสูญเสียน้ำ และเกลือแร่อย่างฉับพลัน )

    3 )  สิ่งที่อาจจะนึกไม่ถึง แต่ได้เกิดขึ้นแล้ว  ก็คือ  รถหัดเดินเป็นอีกสาเหตุให้เด็ก...

    “จมน้ำตาย”!  

    ดังเช่น จากรายงาน ทั้งในไทยและต่างประเทศ ที่เกิดกรณี เด็กไถรถหัดเดิน จนหล่นตูมลงไปในสระน้ำ ในบ่อน้ำ ฯลฯ...

     หรือไถรถไปชนจนหน้าคว่ำลงไปในอ่างน้ำ  ถังน้ำ หรือแม้แต่ส้วมชักโครก    

    ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นอุบัติเหตุที่ไม่ร้ายแรง
    แต่..ไม่ใช่ครับ! เพราะนั่นจะนำมาสู่ภาวะสมองตาย เพราะขาดอากาศหายใจ

    และเป็นเรื่องที่ยากจะเยียวยา ที่แพทย์เองก็ต้องหนักใจ


    แม้จะอันตราย  แต่เหตุใด “รถหัดเดิน ”
    จึงยังคงเป็นที่นิยมของชาวไทยแลนด์แดนสไมล์อย่างเราๆ  ?

    ( คุณจะพบว่าพวกฝรั่งอาจเป็นงง เมื่อเห็นรถหัดเดินยังวางขายกัน
    เกร่อทั้งในห้าง และตามตลาดสด)

    1...  เหตุเพราะ  ความเชื่อ...  เชื่อว่าช่วยให้เด็กเดินได้เร็วขึ้น
    ซึ่งเป็นความเชื่อที่ไม่มีเหตุผลรองรับ  แต่ก็ยังยึดมั่นในความเชื่อนั้นไว้
    ซึ่งอาจจะเกิดจากให้ข้อมูลด้านเดียว หรือการให้ข้อมูลที่ผิดๆจาก ผู้ผลิต  ผู้ขาย  

    ในขณะที่ข้อมูลด้านอันตราย และสถิติตัวเลข  เด็กตาย
    เด็กบาดเจ็บ จากผลิตภัณฑ์นี้ กลับไม่ค่อยได้รับการเผยแพร่
    เช่นเดียวกับงานวิจัยทั้งไทยและเทศที่ออกมาตรงกันว่า
    รถหัดเดินนั้น ไม่ได้ช่วยให้เด็กเล็กเดินเป็นเร็วเลย ซ้ำยังกลับทำให้เด็กเดินช้ากว่าปกติซะอีก

    ดังเช่นงานวิจัยของประเทศสิงคโปร์ ที่ระบุว่า เด็กที่ใช้รถหัดเดินเป็นประจำนั้น เกือบ 11 %  จะมีพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวช้ากว่าปกติ

    ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ที่ให้ลูกใช้รถหัดเดินเป็นประจำ จะสังเกตได้เลยว่า
    ... ยามที่ลูกไถรถเขาจะเอนตัวไปข้างหน้า ปลายเท้าจะจิกลงพื้น และเกร็งขามากกว่าปกติ

    แม้ว่าจะช่วยให้รถไถไปได้    แต่ผลเสียก็คือ...นั่นเป็นการฝึกเดินที่ผิดลักษณะ เกิดการทรงตัวที่ไม่ดี
    และจะสร้างปัญหาให้ในยามที่เขาต้องหัดเดินด้วยตนเอง

    2 ...  พ่อแม่เห็นว่า เป็นการช่วยให้เด็กเล็กเพลิดเพลินสนุกสนาน  กับการไถรถไปอย่างอิสระเสรี

    ในขณะที่พ่อแม่เองก็ได้ผ่อนภาระกับการที่ต้องอุ้มกระเตงๆอยู่ตลอดเวลา
    ดังนั้น เด็กอายุแค่ 5-6 เดือน ก็โดนจับหย่อนลงไปในเก้าอี้หัดเดินซะแล้ว !

    ตราบใดที่ยังมีคนเชื่อว่า มันเป็นสิ่งดีมีประโยชน์  ตราบนั้นก็ยังมีคนผลิต  คนขาย  และคนซื้อ ...

    ตราบใดที่ข้อมูลทางด้านอันตรายยังคงเป็นเหมือน การโยนเศษหินลงไปในมหาสมุทร  นั่นย่อมไม่ก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมใดๆที่พอจะมีผลในวงกว้าง ...

    และตราบนั้น ...  เด็กเล็กก็ยังคงโดนจับหย่อนก้นลงไปใน “รถหัดเดิน”
    อย่างไม่มีวันเปลี่ยนแปลง !!! .....

    ผลงานวิจัยเกี่ยวกับรถหัดเดิน

    www.csip.org

    ด้วยรักและห่วงใย

    แพท ^^

    จากคุณ : Baby I love you - [ 16 เม.ย. 52 10:27:42 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com