ความคิดเห็นที่ 1 คนเรามองความสุขจากสิ่งต่างๆ ต่างกันครับ เขาอาจมองเราแค่เปลือก คิดว่าเราเป็นเช่นนั้น เราก็อาจมองเห็นเขาแค่เปลือก เพราะเขาอาจพูดๆ ไปคะนองปากเฉยๆ ใจจริงๆ ของพวกเขาเหล่านั้นอาจไม่ได้คิดเช่นนั้นก็ได้ ในสิ่งที่เราพูดไป นั่นคือพูดเพราะแสดงความเป็นเรา มันดีกว่าพูดบางอย่างไปเพื่อสร้างภาพ หรือบางที ที่เหมือนถูกต่อต้าน ไม่ใช่ว่าเขารังเกียจสิ่งที่คุณตอบไปหรอกครับ เขาอาจกลัวคุณรังเกียจ สิ่งที่เขาพูดมาก่อนก็ได้ มีโอกาสกลับไป ก็ลองทำตัวปกติพูดคุยกันเรื่องอื่นไปที่ไม่ใช่แนวเดิม จบงานก็กลับบ้านเรา เท่านั้นอย่าไปเก็บมารกสมองเลย จากคุณ : Untrue - [ 27 เม.ย. 52 09:42:47 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ช่างเถอะค่ะ ต่อให้ไม่มีสามีฝรั่ง สามีเป็นคนไทยเหมือนกัน บางทีบรราดาเมียๆก็ยังคุยกันไม่ถูกคอก็มีถมไปนะคะ คนเราก็มีหลายประเภทค่ะ เราว่าสมัยนี้ยังดีนะคะ ที่สังคมเปิดกว้างกับการมีสามีต่างชาติมั่งแล้ว สมัยก่อนรุ่นย่าทวดเราสิ พ.ศ.อะไรไม่รู้ แต่เก่ามากกกกกก (เค้าเรียกย่าทวดรึเปล่านะ เป็นยายของแม่ของพ่อเราน่ะค่ะ) เค้าก็แต่งงานกับต่างชาติ  มีลูกแต่เสียตั้งแต่เล็กๆ  เราว่าสมัยก่อนคนไม่เปิดกว้างเท่าสมัยนี้หรอกค่ะ  เรารู้จักหลายคนนะคะที่มีสามีฝรั่ง แต่ตัวเองก็ทำงานดีๆ มีสังคมดีๆ จบการศึกษาดีๆมาค่ะ  ก็ไม่เห็นใครจะว่าอะไรเค้าเลยค่ะ อยู่ที่การวางตัวของเราแล้วกันค่ะ ไม่ต้องไปคิดมากหรอกค่ะ จากคุณ : ริน-otto - [ 27 เม.ย. 52 09:47:02 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เป็นตัวของตัวเองดีที่สุดแล้วครับ แต่ต้องยอมรับว่าส่วนใหญ่ โดยเฉพาะสังคมเมืองไทยคนเขาคิดอย่างนี้จริงๆ คุณต้องเข้มแข็งและยึดมั่นความหลักการณ์แนวทางปฏิบัติของคุณเพื่อเป็นตัวอย่างให้ดีกับลูกของคุณเพราะในอนาคตพอเขาโต  เขาอาจต้องรับรู้หรือเผชิญกับความคิดของคนกลุ่มเหล่านั้น คุณอย่าพยายามปรับตัวให้เข้ากับเขาเลย งานก็คืองาน เป็นแค่ส่วนหนึ่งแต่ครอบครัวต้องมาก่อน พยายามหลีกเลี่ยงและคุยกับสามีคุณให้เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อลูกอย่างเดียวรับรองสามีคุณน่าจะไม่มีปัญหาครับ เป็นกำลังใจให้ จากคุณ : BobShotGun - [ 27 เม.ย. 52 10:00:41 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เจอกันก็ทักทายคุยกันผ่านๆๆไปเถอะค่ะ อย่าไปคิดอะไรมากเลย จากคุณ : kizz_j - [ 27 เม.ย. 52 10:01:18 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ทำใจสบายๆ ครับ ไม่ต้องกังวลหรอก วางตัวกลางๆ เวลาที่เราไม่อยากคุยก็ยืนยิ้มพอ :) จากคุณ : Epinephrine - [ 27 เม.ย. 52 10:04:31 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คิดว่าไม่จำเป็นต้องไปปารืตี้บ้านเจ้านาย ถ้าคุณและสามีไม่อยากไป เรื่องที่เขาคุย บางทีต้งยอมรับข้อเท็จจริงที่ว่า พวกเขาไม่ได้ทำงานนอกบ้าน ฉะนั้นเขาก็ต้องคุยกันเรื่องงที่เขาพบเจอในชีวิตประจำวันน่ะค่ะ เรื่องปลูกบ้าน เรื่องไปเที่ยว เพราะชีวิตเขามันวนเวียนอยู่แต่ตรงนั้น จากคุณ : mrs.night owl - [ 27 เม.ย. 52 10:17:34 ]

ความคิดเห็นที่ 7 บอกได้คำเดียวค่ะว่าต้องทำใจ เราเข้าใจจขกท.นะ เพราะก็เจอสถานการณ์ใกล้เคียงกัน เพียงแต่มันเป็นความลำบากใจในรูปแบบอื่นมากกว่า แล้วก็เจอบ่อยด้วย...ที่ชอบมองด้วยสายตาสงสัยว่า เราเป็นผู้หญิงแบบนั้นหรือเปล่า เพียงแค่เพราะ "เดินกับฝรั่ง"... เราก็สามีต่างชาติเหมือนกัน แล้วเราตัวเล็กหน้าเด็ก ทำให้ดูเด็กยิ่งกว่าเด็กมหาวิทยาลัย มีอยู่วันนึงเราไปเที่ยวตจว.กัน เราพาสามีไปนวดแผนโบราณ คือแบบ เราไปด้วย แต่เราไม่นวด เพราะเราท้องอยู่ก็พยายามจะไม่นวด พี่คนนวด ตอนแรกเราก็คิดว่าก็เป็นหมอนวดเฉยๆ คงไม่ได้ทำงานแบบนั้น ไปๆมาๆ พี่แกก็ชวนเราคุย (เข้าไปนอนรอที่ข้างเตียงนวดเลยค่ะ) แกบอก แกมีแฟนเป็นคนเยอรมัน..คุยนั่นโน่นนี่ ประมาณว่า แกก็มีออกไปนอนกับแขกต่างชาติบ้าง โดยจากบทสนทนา เราจับใจความได้ว่า อยากมีสามีต่างชาติ เพื่อความสบายนี่แหละ คือ แกก็คิดไปแล้วแหละค่ะ ว่าเราเป็นเหมือนแก เราก็เฉยๆนะ เพราะเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่มีสามีต่างชาติที่จะโดนเหมาเอาแบบนี้ แต่ตอนท้ายเราก็เปรยให้แกฟัง  ว่า เราเรียนจบโทแล้ว (เน้นให้แกฟังด้วยว่าจบโทแล้วค่ะ) แต่งงานแล้ว แล้วก็ไม่ใช่เด็กแล้ว(นะวุ้ย) ก็ยอมรับว่าอายุเราอาจจะยังดูน้อย(ไม่ถึงสามสิบ) แต่ว่า เราก็มีงานมีการทำดีแล้ว ถึงมาแต่งงาน พอแกได้ฟัง แกก็แสดงอาการว่า "อ้าวเหรอ" หลังจากนั้น แกก็ไม่คุยกับเราอีกเลย... กรณีของจขกท. เราว่าถ้าเป็นเรา เราก็คงจะเลี่ยงๆ  คุยได้ แต่ให้คบลึกซึ้งคงไม่เอาเหมือนกันค่ะ เราไม่ชอบคนที่ชอบคิดว่า แต่งกับฝรั่งจะได้สบาย.. ไม่ชอบจริงๆค่ะ ขนาดเวลามีใครมาพูดใส่เรา ว่าเราแต่งงานกับฝรั่ง เพื่อหวังสบาย เรายังไม่ชอบเลย ที่ไม่ทำงานตอนนี้เพราะท้องหรอกเว้ย...ตกงานมาแหมบๆ แล้วมาท้องเนี่ย ไปสมัครงานที่ไหนใครเค้าจะรับวะ (อารมณ์เริ่มขึ้นๆๆ) บางที มีคนมาพูดกับเราว่า แต่งงานกับฝรั่ง ต้องดูดเอาเงินมาให้ได้มากที่สุด เรายังรู้สึกเหมือนโดนดูถูกเลย... นี่อะไร กรณีจขกท. คนนั้นเค้าใช้คำพูดว่า "จับ"สามีได้ เราฟังแล้วเราก็ไม่ชอบเหมือนกันค่ะ สารภาพว่าเกลียดมากกับความคิดเหล่านี้ค่ะ ถ้าเป็นเรา ก็อาจจะมีไปปาร์ตี้กับเค้าบ้าง ไม่ไปบ้าง คือ ไปให้พอไม่น่าเกลียด แต่ก็ไม่จำเป็นต้องไปทุกครั้ง แล้วเวลาไปก็คุยบ้าง แต่ก็คงไม่เฮฮามาก แบบสงวนท่าทีเอาไว้หน่อย รักษาระยะห่างดีกว่าค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 52 10:20:33 จากคุณ : elin - [ 27 เม.ย. 52 10:19:26 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าไปให้อึดอัดใจเลยคะ จากคุณ : ลูกกาหยูของแม่นก - [ 27 เม.ย. 52 10:22:34 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เราก็เคยเป็นเหมือนกันค่ะ สามีเราเป็นคนญี่ปุ่นค่ะ บางทีก็เราต้องไปสังสรรค์กับเจ้านายหรือลูกค้าของเค้าบ้าง เจอมาเยอะค่ะ ทั้งที่สาวๆ ที่เคยทำอาชีพนั้นแล้วมาเป็นเมียน้อย และเมียแต่ง ก็ยอมรับเลยว่า ถ้าพูดถึงผู้หญิงที่ทำอาชีพพวกนี้จะไม่ชอบเลยอ่ะ แรกๆ ก็จะแอนตี้เลยค่ะ ไม่อยากมอง ไม่อยากคุยด้วย แต่หลังๆ ก็เริ่มเห็นว่า หลายๆ คนเค้าก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เพียงแค่เค้าทำอาชีพนั้นๆ เฉยๆ ที่ทำให้เราไม่ชอบ ตอนนี้ก็จะดูรายบุคคลมากกว่า บางคนก็นิสัยดีค่ะ คุยได้ก็คุยกันไป แต่บางคนไม่ไหวเลยจริงๆ เคยเจอแบบชวนคุยเรื่องลีลาบนเตียงเลยล่ะคะ แบบนี้ก็ขอเงียบๆ ยิ้มๆ อย่างเดียว ถ้าขอตัวได้ก็จะเลี่ยงออกมาเลย เราก็ถือว่าเป็นงานของเรา เพราะงานสังสรรค์แบบนี้เค้าก็ไม่ใช่ว่าจะเชิญครอบครัวไปด้วยทุกครั้ง แต่ถ้าเค้าเชิญเราก็ต้องไป ซึ่งก็ถือว่าช่วยสนับสนุนการงานของคุณสามีละกันนะคะ แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 52 10:53:11 จากคุณ : momochan - [ 27 เม.ย. 52 10:37:20 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คนเราต่างจิตต่างใจ ต่างที่มา ต่างชาติกำเนิด จะให้คิดเหมือนกันหรือมีคห. ตรงกันทั้งหมดมันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ หากคุณยังจำเป็นต้องไปสังสรรค์ประมาณนี้อีก ถ้ารังเกียจก็ไม่ต้องไปพูดคุยหรือเข้าไปรวมกล่มกับพวกเค้าก็ได้ ถ้าเค้าทักมาก็ทักตามมารยาท ไม่มีใครว่าหรอกค่ะ หรือหากพวกเค้าคุยกันในเรื่องที่คุณไม่ชอบก็เดินเลี่ยงไปทางอื่นก็ได้ เรื่องที่คนอื่นมองภรรยาชาวต่างชาติในแง่ลบ อันนี้บอกได้คำเดียวว่าต้องทำใจ และอย่าไปสนใจให้มาก คนที่ไม่รู้จักเรา เค้าก็ไม่รู้หรอก แต่เขาจะคิดอะไรก็ช่าง อย่าไปสนใจเลย เราเป็นยังไงเรารู้แก่ใจดี จริงไหม จากคุณ : เ จ้ า ช า ย เ อ เ ด รี ย ล - [ 27 เม.ย. 52 10:48:33 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อารมณ์เดียวกันเลยคะ ไม่ชอบให้ใครมามองว่า เราแต่งงานกับต่างชาติ เราต้องดูดเงินมาให้มากที่สุด เพราะเราก็เรียนมาสูง เจอสามีเพราะทำงานที่เดียวกัน เราเลยไม่ชอบให้ใครมาคิดอย่างนี้ เกลียดมากๆ ได้ยินได้ฟังบางทียังนึกสงสารฝรั่งที่ไปแต่งงานกะยายคนนั้น เฮ้อ ...ลำบากใจเหมือนกันคะ วิธีแก้ ก็คือทำตัวให้สวยผ่อง แต่งตัวดี กริยางาม คนพวกนั้นจะได้ไม่ต้องมาดูถูก หาว่าเราทำงานอย่างว่าหนะคะ จากคุณ : ม่ามี๊ของวิลคับ (ม่ามี๊ของวิลคับ) - [ 27 เม.ย. 52 11:11:33 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ชอบที่คุณแม่คุณพูดจังเลย " แต่เมื่อเรามาอยู่ในสังคมตรงนี้แล้ว ก็ต้องทำใจให้มีเมตตา อย่าถือตัว อย่าหัวสูง คุยไปเถอะ ยิ่งถ้าเป็นเจ้านาย เป็นเพื่อนของสามีแล้ว ผูกมิตรกับภรรยาเหล่านั้นไว้ดีกว่า  " ตอนแรกเราก็คิดแบบ จขกท.  แต่อ่านที่คุณแม่พูดแล้ว อืมมมมมม เราถือตัวไปรึปล่าว   อันนี้ ใช้ได้กับทุกกรณีเลย ทั้งกับลูกค้าเราที่เป็นเมียฝรั่ง กะพวกแม่ค้าที่เราต้องซื้อขายกับพวกเค้าทุกวัน บางคำพูด เราก็รับไม่ได้  แต่ต้องทนฟัง แล้วก็รีบๆจบการสนทนา เรื่องของเรื่องคือเรากลัวคนอื่นจะคิดว่าเราเป็นเหมือนพวกเค้า แต่การที่เราแสดงท่าทางรังเกียจพวกเค้ากลับยิ่งทำให้โดนนินทาหนักกว่าเดิมอีก จากคุณ : Usangi76 - [ 27 เม.ย. 52 11:19:26 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อารมณ์นี้เลยค่ะ เพราะในหมู่บ้านนี้ มีผู้หญิงที่เคยทำงานบาร์ได้สามีฝรั่งเยอะ เราก็มีสามีฝรั่งแต่เราก็มีการศึกษาดี แต่บอกตรงๆ ไม่ค่อยอยากคุยกับผู้หญิงพวกนี้เลยค่ะ เพราะว่าอย่าง จขกท ว่าคือมันทำให้ผู้ชายฝรั่งส่วนใหญ่มองผู้หญิงไทยว่าเห็นแก่เงินน่ะค่ะ จากคุณ : mama_son - [ 27 เม.ย. 52 11:27:20 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ฟังดูคุณถือตัวพอสมควรนะ  หากคุณพยายามเข้าใจว่าคนเรามีความต่างกันไม่ว่าจะเป็นอาชีพ ฐานะ ชาติตระกูล หรือการศึกษาคุณก็เหนือกว่าพวกเธอเหล่านั้น อย่าไปใส่ใจมากเลยคำพูดที่เขาพูดออกมาอาจจะฟังไม่สบอารมณ์คุณก็เขาไม่ได้ด่าคุณสักหน่อย จะคิดอะไรมากมาย ยังไงก็คนไทยเหมือนกัน จากคุณ : ต่างแดน (srekan) - [ 27 เม.ย. 52 11:40:28 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอโทษนะที่เราจะพูดตรงๆ เราว่าจขกท.อคติกับ บรรดาเมียๆและเมีย ของเจ้านายแฟนจขกท. เพราะรู้ว่าเขาเคยทำงานแบบว่ามาก่อน ส่วนตัวเราว่าผู้หญิงคุยกันเรื่องสวยๆงามๆก็เป็นธรรมดาพอเรามีอคติ ได้ยินเขาพูดอะไรก็ไม่ชอบ ส่วนตัวเราก็มีเพื่อนและคนรู้จักที่มี สามีต่างชาติ ก็มีทั้งดีและไม่ดีบางคนก็ใช้เงินฟุ่มเฟื่อยไม่ทำงาน แต่บางคนก็ทำงานใช้จ่ายอย่างรู้คุณค่าของเงิน เรารู้จักคนหนึ่งที่จบป.โท แต่นิสัยก็ไม่ได้ดีกว่า ผู้หญิงอย่างว่าก็มี .. จากคุณ : น้ำตาล/หวาน/เปรี้ยว - [ 27 เม.ย. 52 11:51:04 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ที่จริง เรื่องของเรื่องคือ เราไม่ได้กลัวว่าคนอื่นจะหาว่าเราเป็นเหมือนเค้าน่ะสิคะ แต่ปกติเราเชื่อว่า ไม่มีใครแสดงอาการรังเกียจพวกเค้าหรอก แต่บางที มันลำบากใจที่จะคุยเรื่องที่พวกเค้าเรียกว่า "จับผู้ชาย" นี่สิคะ คือเอาง่ายๆ ไม่ได้รังเกียจตัวเค้าหรอกค่ะ แต่รังเกียจความคิดแบบนี้.. ถ้าคุยอย่างอื่น เรื่องทั่วๆไป ยังรับได้ ยังคุยได้ค่ะ.. ไม่เคยมานั่งมองหรอกว่าคนนี้เค้าเป็นแบบนี้ แล้วเราจะไม่คุยกับเค้า ต่อให้เค้าไม่ได้เป็นผู้หญิงบาร์ แต่ว่าเค้ามีความคิดแบบที่ว่านี่ เราก็ไม่ชอบค่ะ... นี่แหละ คือประเด็นล่ะ... จากคุณ : elin - [ 27 เม.ย. 52 11:53:07 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าุคุณไม่ถือตัว และคิดดูถูก ผู้หญิงที่เคยทำงานบาร์หรือมีอาชีพอย่างว่ามาก่อน คุณก็อาจจะคบกับเค้าได้ บางทีถ้าคุณมองข้ามอดีตของเค้าได้ ลองเปิดใจ คบเค้าดู พวกเค้าอาจจะมีอะไรมากกว่าสิ่งที่คุณเห็นภายนอกก็ได้ ถ้าเค้าถามคำถามทำนองนี้ แทนที่คุณจะไปตอบแรงๆ กัดเค้ากลับไปแบบนั้น (ซึ่งไม่เห็นจะได้อะไร นอกจากสร้างศัตรูเพิ่ม) คุณน่าจะตอบไปธรรมดา เหมือนกับคุณคุยกับเพื่อนทั่วไปๆ อาจจะว่าไม่เห็นต้องจับ ต้องมัดเลยใครอยากจะอยู่กับเรา เค้าก็จะอยู่กับเราวันยังค่ำ ถ้าเค้าไม่อยากอยู่ ให้จับ ให้มัดยังไง เค้าก็จะหาทางไปให้ได้ ถ้าคุณลองเปิดใจ ให้โอกาสตัวเองได้รู้จัก คนเหล่านี้มากกว่าสิ่งที่เห็นผิวเผิน คุณอาจจะรู้ได้พบคนดีๆ มีน้ำใจ และเป็นเพื่อนที่ดีของคุณก็ได้ อย่าให้เอาอดีตของเค้า มาตัดสินทุกๆ อย่่างเลย การที่คุณมีโอกาสในชีวิตดีกว่า มีการศึกษาดีกว่า ไม่ได้ทำให้คุณมีสิทธิไปดูถูก หรือกดเค้าให้ต่ำกว่าคุณนะคะ จากคุณ : MidNite - [ 27 เม.ย. 52 12:18:40 ]

ความคิดเห็นที่ 18 บางที คนเราก็เลือกเกิดไม่ได้ค่ะ คุณต้องคิดว่าคุณทำกรรมมาดี ได้เกิดในครอบครัวดี มีโอกาสในชีวิตที่ดีกว่า อย่างน้อยก็ได้เลือกสามีที่ดีเเละถูกใจ ผู้หญิงเหล่านั้น ไม่ได้มีทางเลือกในชีวิตมากนักหรอกค่ะ เลือกสามีก็ต้องรวยเข้าไว้ ไม่ได้เลือกหน้าตาหรือนิสัยอะไรเลย เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเค้าคือเงิน คนมีเเล้วกับคนไม่เคยมีย่อมคิดไม่เหมือนกัน ถ้าทำใจยอมรับที่จะคุยกันไม่ได้จริงๆ ก็อย่าไปเจอค่ะ เเต่ถ้าลดความรังเกียจได้ ก็จะดีกว่า เลือกคบเป็นคนๆ ไป เเบบความเห็นข้างบน คนไหนดีก็คุยดีด้วย คนไหนที่พูดจาไม่ไหวจริงๆ ก็ห่างๆ ค่ะ ลองคุยดูสิคะ ว่าก่อนเค้าจะมาทำอาชีพอย่างว่า ครอบครัวเค้าเป็นอย่างไร ทำไมต้องมาทำอาชีพนี้ เเล้วคุณอาจจะรังเกียจพวกเค้าน้อยลงก็ได้ อย่างคนที่มีลูกติด อย่างน้อยเค้าก็มีดี ที่ไม่ทอดทิ้งลูกนะคะ มีเเม่อีกหลายๆ คน ที่ทิ้งลูกเพื่อไปหาชีวิตที่สบายกว่า จากคุณ : Let Me Know - [ 27 เม.ย. 52 12:23:51 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ทำงานอยู่แหล่งที่มีแต่นักท่องเที่ยว เป็นร้านอินเตอร์เน็ต ผู้หญิงที่มาจับผู้ชายฝรั่งเดี๋ยวนี้ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ไม่มีทางเลือกเพราะจนแล้วน่ะค่ะ แต่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยทั้งนั้น โกหกฝรั่งหลอกเอาเงินกันมาเป็นแสนๆ บางคนก็หลอกปล่อยให้ท้องแล้วแต่งเยอะมากมาย  จะบอกว่าที่การศึกษาอย่างเดียวก็ไม่ถูกมันอยู่ที่คนมากกว่าอ่ะค่ะ เราก็เฉยๆน่ะคุยด้วยปกติตามที่สมควร ไม่ใช่เรื่องที่จะไปว่าเค้ามีแต่ผลเสียค่ะ แล้วมากลุ้มใจทีหลัง ไม่ชอบก็เลี่ยงๆซะ มีเพื่อนที่ทำงานแอร์ก็แต่งงานกับฝรั่งเยอรมันเค้าก็เจอมีแต่คนมองเค้าว่าจับฝรั่งเพราะแฟนเค้าอายุน้อยกว่าเยอะเลย จากคุณ : Peony - [ 27 เม.ย. 52 12:28:26 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เคยเจอเหมือนกันค่ะ แต่ขำ ๆ และไม่อยากคุยด้วยค่ะ ทำอาชีพอะไรมาก่อนไม่ว่า ค่ะ แต่ปัจจุบันน่าจะน่ารักขึ้นหน่อย ไปทานอาหารที่ร้าน  บ่นว่ามะม่วงหินมพานทอด เผ็ดทานไม่ได้   แต่ที่บ้าน นั่งทานส้มตำปูปลาร้า เผ็ดสุด ๆ ได้ เลยแปลกใจเล็กน้อยค่ะ ว่า คนเดียวกันหรือเปล่า  นึกถึงทีไรอดขำไม่ได้ทุกทีค่ะ จากคุณ : แหนมป้าย่น - [ 27 เม.ย. 52 13:01:10 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ประสบการณ์เรามั่งนะ เราไม่ได้แต่งงานกับต่างชาติค่ะ เพียงแต่ทำงานอยู่สิงคโปร์ (ด้านไอที) ตอนมาใหม่ๆ มีอยู่วันนึง เราเข้าไปทำผมกับร้านคนไทยในตลาดไทยคนเดียว คนทำผมทักเราว่า ทำผมให้สวยๆ น้องจะได้หาเงินได้เยอะๆ เรางี้อึ้งและงงไปพักใหญ่ ก่อนจะแปลออกมาได้ว่าเค้าหมายความว่าอย่างไร หลังจากนั้นเราก็หลีกเลี่ยงกับร้านคนไทยค่ะ แต่ไม่ได้ไปต่อล้อต่อเถียงด้วยค่ะ ไม่มีประโยชน์อันใด อีกวันนึงเดินเข้าร้านคนไทยอีกร้านนึงเพื่อไปซื้อของที่มาจากไทย เจ้าของร้านพูดทำนองว่าน้อง job เข้า job ออกเหรอ ตอนหลังเราก็มานึกขึ้นได้ว่าเค้าหมายถึงพวกอย่างว่า ก็แสตมป์พาสปอร์ตเข้าๆออกๆที่นี่ค่ะ ที่นี่มีเยอะค่ะ ก็ไม่ได้เข้าร้านนั้นอีกเลยเหมือนกันค่ะ จะบอกว่าภาพพจน์ผู้หญิงไทยทำงานตปท (เคสเราที่สิงคโปร์) ดูไม่ดีเลยค่ะ สำหรับที่นี่ เพราะมองเป็นพวกเดียวกันไปหมด ตอนแรกๆเราเฮิร์ทมากนะคะ ถึงกับคิดมากไปพักใหญ่ ตอนนี้อยู่ไปนานๆ ก็ไม่อยากคิดแล้วค่ะ เพราะคนพวกนี้เค้ามากกว่าเรา เราเลยต้องหลบ แบบว่าไม่มีพวกอ่ะ (ถ้าคุณเป็นผู้หญิงเดินเข้าตลาดไทยคนเดียว คิดว่าเกิน 50% คนมองว่า คุณเป็นอย่างว่าค่ะ ยกเว้นแต่ว่าเดินมากับสามี) เราชินแล้วค่ะต่อสายตา ของคนไทยด้วยกันเอง ยิ่งตอนนี้เราต้องบินกลับเมืองไทยทุกเดือนเพื่อไปดูลูกด้วย แหม มันเป็นอย่างที่เค้าว่าจริงๆค่ะ ว่า job เข้า job ออก 555 ขำๆค่ะ จากคุณ : แอล (aal990) - [ 27 เม.ย. 52 13:02:45 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อ่านแ้ล้วเหมือน จขกท จะอคติกับพวกคุณเธอพอสมควรนะคะ ก็คุยได้เท่าที่คุยสิคะแต่ไม่ใช่แสดงท่าทีรังเกียจอย่างนั้นเลือกคุยเฉพาะกับคนใหนที่คุยได้ งานเลี้ยงถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงถ้าไม่อยากไปเจอพวกเขา อย่าไปใส่ใจอะไรมากมายเลยกับคำพูดของพวกเขา และการเป็นภรรยาชาวต่างชาติโดนมองในแง่ลบอยู่แล้วข้อนี้คุณต้องทำใจ! ทำใจ! เท่านั้นค่ะ จากคุณ : LoveParadise - [ 27 เม.ย. 52 13:21:10 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คนที่ไม่มีฐานะดีๆ การศึกษาสูงๆ และอาจต้องใช้ชีวิตแบบปากกัดตีนถีบมาตั้งแต่เด็กๆ เราเข้าใจจิตใจพวกเขานะ...บางครั้งเขาต้องทำทุกอย่างเพื่อที่ตัว เองและครอบครัวอยู่รอด....อย่างที่ภาคอีสานมีหมู่บ้านฝรั่งไงคะ...สาวอีสานไทยแต่งงานกับต่างชาติ...พ่อแม่จะได้สบายไปด้วย...อย่างน้อยคนพวกนี้ เราว่า เขาอดทนนะ อดทนที่จะอยู่กับคนที่พูกกันต่างภาษา ต้องเรียนรู้อย่างหนัก อดทนกับการดูถูกเหยียดหยามทั้งคนไทยด้วยกันแล้วคนต่างชาติ อดทนดูแลปรนนิบัติสามี ต้องอยู่ต่างบ้านต่างเมือง... ปล.เราว่าคนเหล่านี้ถ้ารู้จักกันจริงๆเขาน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีนะคะ จากคุณ : แม่ต้นน้ำ (แม่ต้นหอม) - [ 27 เม.ย. 52 13:29:31 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณ คุณพ่อคุณแม่ทุกท่านในทีนี้ ที่มีน้ำใจมาตอบและแนะนำนะคะ ขอบคุณหลายๆท่าน ที่เข้าใจและร่วมแบ่งปันข้อมูล ยอมรับว่าเป็นคนถือตัว และดูถูกผู้หญิงเหล่านั้น เพราะถึงแม้ว่า กิริยามารยาทและ การแต่งตัวของเราจะต่างจากคนเหล่านั้น เราก็ไม่อยากให้คนอื่นทึกทักเหมารวมว่า เรามาจากแหล่งเดียวกับผู้หญิงเหล่านั้น เพราะเวลาไปงานเลี้ยงข้างนอกสถานที่ มันเป็นกลุ่มเป็นก้อน ก็อาจจะกลืนๆรวมๆกันไป เราอายค่ะ(เพื่อนๆเราเองแซวว่า แกนี่ยิ่งแต่งงานยิ่งดำนะเนี่ย ตัวก็เล็กๆอยู่ คนอาจเข้าใจผิดได้ง่ายๆ เราก็บอกแหม  ฉันมันแม่นักกิจกรรมนะ พาลูกตีเทนนิส ว่ายน้ำ แต่ละอย่าง กลางแจ้งทั้งนั้น) เราทราบค่ะว่า การศึกษาสูงไม่ใช่สิ่งที่วัดว่า ใครดีใครเลว กว่าคนที่การศึกษาน้อยกว่า อยู่ที่จิตสำนึกและการกระทำของเราต่างหาก เรายังคิดเลยว่า ไม่น่าหาเรื่องแต่งกับสามีต่างชาติเลย เพราะทำให้เราต้องทนเจอกับสถานการณ์ที่น่าอึดอัดหลายอย่างและบ่อยครั้ง เพราะถ้าเราแต่งกับแฟนเก่าผู้ชายไทยแสนดี เราก็คงมีความสุขมากกว่านี้แล้ว (แฟนเสียจากอุบัติเหตุก่อนแต่งงานค่ะ กำลังแพลนไปต่อโทที่อังกฤษกัน เราก็เลยเคว้ง) อย่างเวลาเราไปซื้อของเซ็นทรัลชิดลม ซึ่งอยู่ตรงข้ามโรงเรียนเรา เดินมาตั้งแต่เป็นเด็กนักเรียน เวลาเราไปคนเดียว หรือนัดทานข้าวกับเพื่อน พนักงานดูแลบริการดีมาก แต่พอไปกับสามี มองเราแปลก บริการสามีเราดีคนเดียว เซ็งมาก ทั้งๆที่ก็ เราคนเดียวกันทั้งสองสถานการณ์เนี่ยแหละ ขอบคุณมากเลยค่ะ ที่ได้ให้บ่น ให้ระบาย หลายคนในนี้ ก็ดูท่าจะเข้าใจความรู้สึกของเรานะคะ ขอบคุณมากค่ะในน้ำใจที่น่ารัก ส่วนอีกหลายคนที่บอกว่า เรามีอคติ ขอยอมรับตรงๆ ว่ามีมากค่ะ จะพยายามปล่อยวางค่ะ สำเร็จเมื่อไหร่ ใจเราคงจะเย็น สบาย และเบาบางจากอคติลงได้ จากคุณ : นักแปล - [ 27 เม.ย. 52 13:34:40 ]

ความคิดเห็นที่ 25 แฮะๆ อยากตอบ สายไปหน่อย ไม่ว่ากันนะคะ เจ้าของกระทู้ มีความคิดคล้ายเราในอดีต แต่ตอนนี้นะคะ เราคิดว่า ทุกสิ่งเป็นสิ่งสมมุติ อคติทั้งหลาย เราสร้างมันขึ้นมาเอง แทนที่จะไปโกรธเค้า ทำไมไม่สงสารเค้าละคะ คนเราเลือกเกิดได้ที่ไหน โอกาสก็มีไม่เท่ากัน หากสิ่งไหนเราไม่ชอบ ก็ให้เว้นระยะห่างไว้ ทำใจให้เป็นกลาง นิ่งๆค่ะ ยิ้มๆไว้ ใจจะสงบค่ะ ใครคิดอย่างไร หรือเข้าใจเราผิด หรือโกรธเกลียดเรา เค้ากำลังเผาผลาญใจเค้าเองค่ะ เค้าทุกข์เอง หากเราไม่เอามาใส่ใจ เราก็จะไม่เดือดร้อน วุ่นวายใจ สบายดีออกค่ะ  "ทำตนให้เหมือนไผ่ลู่ลม ยิ่งสูง ยิ่งโน้มตามลม หากคอยแต่จะต้านลม รังแต่จะหักสักวัน" เราไม่สามารถเปลี่ยนหรือบังคับคนรอบข้างให้คิดอย่างใจเราต้องการได้ ที่เราทำได้และได้ผลดีที่สุด คือเปลี่ยนหรือบังคับใจเราเอง ใจร่มๆนะคะ :-) จากคุณ : แก้มป่องแป่ง - [ 27 เม.ย. 52 15:43:29 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เราว่าอย่าไปคิดมากเลยค่ะ ไม่ว่าอาชีพใหนก็คนเหมือนๆ กัน เราอยากบอก จขกท ว่า ไม่ว่าคนเราทำอาชีพอะไร ถ้าไร้อคติแล้วเค้าก็คนเหมือนกัน คนที่เป็นโส ที่นิสัยดีก็เยอะค่ะ เพียงแต่เค้าเลือกเกิดไม่ได้ เลือกอาชีพก็ลำบากไม่ว่าจะเป็นด้วยการศึกษาหรือหนี้สิน พวกเค้าจะภูมิใจมากที่ได้สามีมีฐานะ เพราะหนึ่งเค้าสามารถปลดหนี้ให้ครอบครัวได้ สอง เค้าสร้างบ้านให้พ่อแม่อยู่ได้อ่ะค่ะ ด้วยสังคม การพูดคะนองปากมันก็มีบ้าง เพื่อนร่วมงานเรา เป็นฝรั่ง มีแฟนเป็นผู้หญิงอย่างว่า เค้ามาที่ทำงานทีไรแทบทุกคนมองเค้าแบบดูถูก เค้าเลยไม่อยากมา พอแต่งงานเวลามา ทุกคนก็ยกมือไหว้เพราะเป็นเมียเจ้านาย แถมพูดกะพี่เค้าอีก แต่พี่เค้าไม่ถือ เค้าพูดดี และเจียมตัวแม้เป็นเมียเจ้านายแล้ว เราเองก็คุยกะพี่เค้าแบบไร้อคติ ไม่ใช่เพราะเป็นเมียเพื่อนเรา แต่เรามองว่าจริงๆ แล้วพี่เค้านิสัย ok ส่วนเรื่องความสวยงามและช๊อบปิ้งนั้น ไม่ต้องห่วงสาวๆ ต้องพูดกันอยู่แล้วค่ะ ถ้า จขกท ต้องไปเจอพวกเค้าก็ไม่ต้องพูดเยอะก็ได้ บางทีการฟังก็เป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่ง แต่ถ้าไม่สบายใจจริงๆ ก็ไม่ต้องไปก็ได้ เราเองก็มีสามีเป็นคนต่างชาติ แต่เป็นคนจีน อยู่ที่ Perth ค่ะ หลายๆ ครั้ง ก็เจอสายตาดูถูกจากคนไทยด้วยกันเวลาไปสถานทูต (คนเดียว) แล้วเจอคนมีฐานะ ประมาณว่ายิ้มให้แล้วโดนยิ้มแบบเยียดๆ ตอบมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเค้าดูถูก แต่เราก็พยายามคิดว่าไม่เป็นไรเพราะเค้าไม่รู้จักเรา เพราะเราไม่สามารถบอกทุกคนได้ว่า ชั้นเรียนจบโทมาน่ะ เจอกันกะสามีตอนเรียน ชั้นมีงานทำที่ดี มีเงินเดือนเยอะมาก อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ (แต่ตอนนี้ลางานมาเลี้ยงลูก รายได้ = 0 บาทครับ ดังนั้นตอนนี้จนจริงๆๆ 55555) ลองเปิดใจให้กว้างน่ะค่ะ มันทำให้เราสบายใจดีค่ะ จากคุณ : Kennymommy - [ 27 เม.ย. 52 15:57:16 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คนไม่ว่าชาติไหนก็เหมือนกันแหละค่ะ เพื่อนของโอ๋คนนึง เคยมีแฟนแล้วแฟนเค้าคนนี้รวยมากๆ แต่เพื่อนโอ๋ก็ฐานะทางบ้านดีมากๆนะคะ แต่เพื่อนจะเป็นคนติดดินมากๆ ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไปเข้ากลุ่มกับเพื่อนๆของแฟน ก็เจอแฟนของเพื่อนแฟน เค้าก็คุยกันเรื่องฟุ้งเฟ้อนี่แหละ อวดรวยกัน เพื่อนทนไม่ได้ รำคาญ เลยของเลิกกะแฟนเลย เหตุผลคือ ทนความฟุ้งเฟ้อไม่ไหว แล้วก็รับไม่ได้มากๆ นี่คนไทยทั้งหมดนะเนี่ย จากคุณ : Orayanee - [ 27 เม.ย. 52 16:41:46 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เห็นด้วยกับ คห ข้างบนว่าอ่านแล้วรู้สึกได้เลยว่าน้องดูถูกคน แต่ก็โอค่ะ ที่ออกมาเฉลยว่าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ  ..พี่ก็เข้าใจนะ เพราะแต่ละคนก็มีหัวเป็นของตัวเอง คงห้ามความคิดใครไม่ได้ค่ะ ถ้าเรามาคุยกันเล่น ๆ  ...ความจริงนี่น้องได้เปรียบนะที่รู้กำพืดของเขามาก่อน (ใครบอกล่ะคะ..หรือเขาเล่าเอง) ..ก็น่าจะน้องยิ้มให้เฉย ๆ ให้อภัยพวกเขาค่ะ การที่น้องอธิบายกับพวกเขาไปแบบนี้ เหมือนกับดูถูกเขาประกาศว่าคนละคลาสกันโดยเปิดเผย เขาเรียกว่ายกตนข่มท่านค่ะ ..ไม่ดีนะ ให้เขาเกลียดเราเปล่า ๆ เพราะเขาอาจจะนิสัยดีก็ได้ (ไม่งั้นฝรั่งผัวเขาคงทิ้งไปนานแล้ว) ..อันนี้น้องเสียผลประโยชน์ภายหน้าไปเต็ม ๆ ค่ะ แต่ก็ไม่แน่ที่คนเหล่านี้คิดว่า น้องเป็นพวกขี้อิจฉา เห็นใครดีกว่าไม่ได้ ไม่มีปัญญาทำได้อย่างพวกเขา  ..ง่าย ๆ ก็คือมองเห็นแต่คนอื่นทำไม่ดี ทำไม่ถูก แต่ไม่เคยก้มมองตัวเองซะที (มันจะย้อนเข้าตัวแบบนี้ค่ะ) แหม ถ้าเดินกับฝรั่งแล้วคนอื่นดูถูกนี่หรือกลายเป็นประชาชนชั้นสองสามนี่  ..แสดงว่าเขาคนนั้นโคตรบรมโง่เลยที่ตัดสินคนจากภายนอก (เพราะหารู้ไม่ว่า คนที่เป็นคำพูด "สุดท้าย" น่ะคือตัวเมีย ไม่ใช่ตัวผัวแน่ ..คนขายของนี่ต้องไปเรียนจิตวิทยาในการขายอีกเยอะค่ะ) อันนี้ ถ้าคนขายเขาทำเป็นไม่สนใจ  น้องก็ไม่ต้องไปสนใจสิ เพราะ...เราเป็นลูกค้า และเรารู้ตัวเราดีอยู่แล้วว่าเราเป็นใคร ? ไม่บริการให้ดี ก็เดินเชิดออกร้านไปเลย ร้านอื่นมีให้เลือกเยอะแยะ หากเดินไปตามถนน ใครเขาอยากพูดอะไรก็ให้พูดไป (คิดว่าปากเขาจะได้ไม่เหม็น)  แค่ไม่เก็บมาใส่ใจเรื่องมันก็จบ จากคุณ : NATTI นัทตี้ - [ 27 เม.ย. 52 18:09:25 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คุณ จขกท. ปล่อยวางเถอะค่ะ คนเราความคิดพื้นฐานและความต้องการหลายๆอย่างต่างกันมองกันคนละมุม ถ้าคุณไม่ชอบเขาเพราะเขาเคยทำงานอะไรมาก่อนหรือในหลายๆเรื่องที่เขาพูด คุณก็ไม่ต้องฟังแค่นั้นเองค่ะ ในงานปาร์ตี้มีคนอื่นๆให้พูดคุยได้อีกตั้งมากมาย คุณจะไปสนใจรักษามิตรภาพกับเขาเหล่านั้นที่คุณไม่ชอบอยู่ทำไม แล้วขอให้หยุดคิดนิดนึงนะคะว่าคุณคิดมากไปรึเปล่าว่าถ้าใครๆจะพากันเหมารวมคุณว่าเป็นอย่างพวกเขาไปหมด คนมางานเลี้ยงอ่ะเขาไม่มีเวลามานั่งคิดนั่งสนใจเรื่องคนอื่นมากมายหรอกค่ะ ดิฉันว่าคุณคิดมากและมีอคติไปเอง แล้วถึงใครจะคิดจริงคุณก็ไปห้ามความคิดเขาไม่ได้เหมือนกับที่ใครๆก็มาหยุดให้คุณดูถูกคนไม่ได้เพียงเพราะเขาสนทนากันในเรื่องที่คุณคิดว่าไม่เขาท่า หรือมีอาชีพเก่าแบบที่ไม่ได้เป็นที่ยอมรับในสังคมว่าเป็นอาชีพที่น่ายกย่องจากคนที่คิดว่าตัวเองดีและมีเกียรติกว่า ทำใจให้กว้างๆค่ะแบบที่คุณแม่คุณว่ามานั้นถูกต้องที่สุดเลยค่ะ ดิฉันชื่นชมคุณแม่คุณมากเลยนะคะที่แกแนะให้คุณมองในมุมนั้น คุณน่ะยังดีถึงแต่งงานกับต่างชาติแต่ก็ยังอยู่ในเมืองไทยและยังมีสังคมของตัวเอง สามารถมีเพื่อนมีกลุ่มในแบบที่คุณพอใจได้ไม่ยากนัก ถ้าคุณต้องมาใช้ชีวิตต่างบ้านต่างเมืองต้องสร้างสังคมหรือหาเพื่อนคนไทยใหม่ๆ บางครั้งมันยากและอาจจะต้องใช้เวลาพอดูที่คุณจะได้เพื่อนที่ถูกใจซักคน ดิฉันตอนมาอยู่ที่เยอรมนีใหม่ๆเคยหงุดหงิดเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของหญิงไทยที่แต่งงานมาอยู่ที่นี่ในสายตาชาวต่างชาติ(บางคน)บ่อยๆค่ะ มาเดี๋ยวนี้เรื่องพวกนี้ไม่สามารถสะเทือนดิฉันได้อีกแล้ว เพราะดิฉันคิดว่าต่างชาติที่เขาดูถูกเขาไม่รู้จริง หรือเขาอาจจะโชคร้ายมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับหญิงไทยก็ได้ เราเองก็ไปห้ามความคิดเขาไม่ได้แต่เรารู้ตัวเราเองว่าคิดดีทำดีและประพฤติตัวดีก็พอแล้วค่ะ จากคุณ : ลูกปัดสีรุ้ง - [ 27 เม.ย. 52 18:29:37 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เข้าใจความรู้สึกของเจ้าของกระทู้เพราะตัวเองก็เคยเจอแบบนี้บ่อยๆ ไม่ได้เกี่ยวกับหน้าที่การงาน แต่อยากจะไปปาร์ตี้เองเพราะอยากสังคมกับคนไทยคนอื่นบ้าง แรกๆ ก็อึดอัดรำคาญใจเหมือนกัน แต่หลังๆ พอลดอีโก้ของตัวเองลงแล้วถึงได้รู้ว่าการคุยกับคนเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เราได้รู้ถึงสิ่งที่ไม่เคยรู้ รู้จักสังคมอีกด้านหนึ่งที่เราไม่เคยสัมผัส ถ้าเราจะเลือกเอาแต่สิ่งดีๆ คนเหล่านี้บางคนเป็นคนสู้ชีวิต บางคนมีน้ำใจมาก และบางเรื่องที่เขาเล่า เราก็ได้อีกมุมมองหนึ่งที่เราคาดไม่ถึง และบางครั้งก็เป็นมุมมองที่ดีเสียด้วยสิ จริงๆ แล้วภรรยาชาวต่างชาติที่มีการศึกษาและฐานะดีบางคน น่ารังเกียจกว่าด้วยซ้ำ ต้องแบ่งแยกชนชั้นกันเอง จบระดับไหนอยู่อีกเกรดหนึ่ง ถึงจะจบระดับเดียวกันก็ขอแบ่งแยกมหาวิทยาลัยที่จบ งานที่เคยทำมาก่อน บ้านอยู่แถวไหน ฯลฯ เรารังเกียจคนแบบนี้มากกว่าอีกนะ พาลไม่อยากคุยด้วยเลย จขกท.ลดอัตตาของตัวเองลงสักนิดก็ดีค่ะ เปิดใจอีกหน่อย จะเห็นอะไรที่หลากหลายขึ้น ตอนนี้ถ้ายังทำใจไม่ได้ก็ยังไม่ต้องไปปาร์ตี้กับเขา คงไม่มีผลเกี่ยวกับหน้าที่การงานของสามีหรอก จากคุณ : sweetpee - [ 27 เม.ย. 52 18:32:16 ]

ความคิดเห็นที่ 31 แม่ๆพ่อๆที่นี่ ใจกว้างทุกคนเลยค่ะ ขอบคุณมากที่เปิดมุมมองใหม่ๆให้ดิฉัน ไม่อยากจะบอกว่า กลุ่มเพื่อนคนไทยของดิฉันก็รังเกียจผู้หญิงเหล่านั้นเหมือนกัน  พอดิฉันปรับทุกข์ด้วย ก็ผสมโรงกันใหญ่ แต่เพื่อนของดิฉันก็นิสัยดี น่ารักกันทุกคนช่วยเหลือแบ่งปันกันดี เป็นกลุ่มเพื่อนสมัยเรียน แต่มุมมองของพวกเรา ต่อสาวๆเหล่านั้น คงแคบไปจริงๆค่ะ ส่วนเรื่องกำพืดของบรรดาภรรยาเจ้านายและเพื่อนร่วมงานสามีนั้น ดิฉันทราบมาจากสามีค่ะ ซึ่งสามีบอกว่า เจ้านายและเพื่อนๆก็บอกตรงๆมาว่า เจอพวกภรรยาจากที่ไหน ที่ดิฉันกังวลว่า คนอื่นจะเหมารวมว่าดิฉันมาจากแหล่งเดียวกับภรรยาเหล่านั้น จะเป็นตอนออกไปเที่ยวข้างนอกกันค่ะ เช่นไปทานอาหาร ไปโบว์ลลิ่ง ไปต่างจังหวัด ส่วนงานเลี้ยงนั้น ส่วนใหญ่จัดที่บ้านหรือไม่ก็คอนโด ก็ยังเป็นที่เฉพาะตัว ขอบคุณทุกคนจริงๆค่ะ ที่ร่วมแบ่งปันและให้คำแนะนำ จะนำไปปรับปรุงทัศนคติของตนเองเท่าที่จะทำได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ จากคุณ : นักแปล - [ 27 เม.ย. 52 20:14:53 ]

ความคิดเห็นที่ 32 อ้อ ลืมไปนิดนึงค่ะ เดี๋ยวจะหาว่า แหมทั้งบริษัทเนี่ย มีสามีดิฉันคนเดียวเหรอที่ได้ภรรยามาจากคนละภูมิหลังจากคนอื่นๆ เมื่อก่อนนี้ มีภรรยาเจ้านายอันดับสองและเพื่อนร่วมงานสามีอีกสามคนค่ะ ที่เราพูดคุยกันดี เป็นดีไซน์เนอร์คนนึง เป็นทนายความคนนนึง และอีกคนนึงออกจากงานที่โรงเรียนนานาชาติ มาเป็นแม่บ้าน แต่ตอนนี้สามคู่นั้น ย้ายกลับไปอังกฤษและอเมริกาแล้วค่ะ เหลือเราคนเดียว ก็เลยเป็นเหตุให้เรามากลุ้มใจนิดหน่อยจากสถานการณ์ที่มันเป็นอยู่ ขอบคุณค่า จากคุณ : นักแปล - [ 27 เม.ย. 52 20:22:20 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ถ้าไม่ชอบคุยในเรื่องที่พวกเขาคุยกันก็นั่งฟังเฉยๆก็ได้นี่คะ ทำตัวเฉยๆ ไม่ต้องกังวลกับภาพลักษณ์ที่คนจะมองหรอกค่ะ เพราะคุณรู้ตัวคุณดีว่าคุณเป็นใครมาจากไหน เราก็เคยเจอสถานการณ์ที่คุณว่ามา แต่เราก็ทำอย่างที่เราแนะนำคุณนี่แหล่ะค่ะ บางคนที่ทำงานแบบนั้นมาน้ำใจงามๆก็มีนะคะ จากคุณ : A'dam - [ 27 เม.ย. 52 20:23:09 A:62.163.93.85 X: TicketID:194566 ]

ความคิดเห็นที่ 34 (เข้ามาเป็นรอบที่สาม) อย่าคิดมากเลยค่ะ จขกท. ที่จริงเราก็ไม่ทราบนะว่า จขกท. เป็นคนดูถูกคนมาแต่กำเนิดหรือเปล่า แต่เท่าที่เราเข้าใจ เราเข้าใจ(ในหัวอกคนที่มีสามีต่างชาติ) ว่า มันเป็นเหมือนเป็นปมในใจ เพราะว่าโดนมองแบบนี้มาเยอะ ใครไม่เคยสัมผัสจะไม่ทราบจริงๆค่ะ ตอนแรกๆเราเดินกับสามี  แล้วมีแต่คนมองด้วยสายตาประมาณนั้น ครั้งแรกๆเลยก็ไม่เท่าไร แต่หลายครั้งเข้ามันอึดอัดจริงๆค่ะ ถามว่าอายไหม ไม่อาย แต่ฉุนๆ ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้แต่งตัวโป๊ ไม่แต่งหน้า แต่พอโดนบ่อยเข้าหน่อยก็ทำใจได้ เรื่องของแกจะมองยังไงก็เรื่องของแก..(แต่ถ้ามีโอกาส ก็อยากจะบอกเหมือนกันว่าชั้นไม่ใช่อย่างที่พวกเธอเข้าใจ) แต่บางคนที่รับไม่ได้ ทำใจไม่ได้ ที่จะโดนมองแบบนี้ มันก็เป็นเหมือนเป็นปมในใจน่ะค่ะ ว่าเราต้องมาโดนมองไม่ดี โดนดูถูกเพราะผู้หญิงแบบนั้น ก็เลยเลือกที่จะอยู่ห่างๆเอาไว้ดีกว่า อันนี้เราก็เข้าใจอีกอ่ะแหละ เพราะต้องโดนมาเยอะจริงๆถึงจะมีอคติแบบนี้ เราเอง พอพ้นช่วงรำคาญมาได้ ก็เฉยๆค่ะ ที่จริงคุยได้กับทุกคน ทุกระดับนะ  เราแตกต่างจากจขกท.อย่างหนึ่งตรงที่ ภรรยาของเพื่อนสามีส่วนมาก แม้จะเป็นคนอีสานก็จริง แต่ก็ไม่ได้ทำงานแบบนั้น หน้าที่การงานก็ดี บางคนปากกัดตีนถีบมา เลี้ยงตัวเองมาตลอด แต่ก็ไม่ได้มีอาชีพอย่างว่า  และคุยอย่างมีมารยาท ที่แบบว่า  ไม่พูดจาอะไรให้ตัวเองโดนดูถูกเลย โดยเฉพาะเรื่องเงินๆทองๆ เรื่องความสบาย และเรื่องจับผู้ชาย ไม่เคยได้ยินเลย...เราเลยไม่ค่อยมีปัญหาแบบจขกท. แต่เราจะไม่ชอบมากๆ ถ้าใครเข้ามาแนะนำเราว่า ให้เรากอบโกยเงินทองจากสามีให้ได้มากที่สุด เพราะมันแสดงให้เห็นว่า เค้ากำลังดูถูกเรา... เลือกที่จะเลี่ยง ไม่คุยเรื่องจับผู้ชาย ไม่คุยเรื่องความสบาย ไม่ต้องมาอวดว่าฉันสบายกว่าเธอ แต่ถ้าจำเป็น ก็คุยเรื่องทั่วๆไปก็แค่นั้นเองค่ะ... จากคุณ : elin - [ 27 เม.ย. 52 20:23:54 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณคุณ elin ค่ะ รู้สึกถูกอัธยาศัยกับคุณจังเลย เข้าใจดิฉันได้ในหลายๆประเด็น ขอบคุณค่ะ (ขอบคุณคุณแม่ท่านอื่นๆด้วยเช่นกันนะคะ) เราก็ไม่รู้นะคะ ว่าตัวเองเป็นคนดูถูกคนมาแต่กำเนิดหรือเปล่า แต่คิดว่า พอได้เข้าไปเรียนที่ธรรมศาสตร์ เราติดดิน ลุย สบายๆมากขึ้นเยอะ เพื่อนใหม่ที่มหาวิทยาลัย เคยบอกว่า ตอนยังไม่รู้จักดูภายนอก คุณหนูมากมาย แต่พอได้คบเรา กลับตลก ร่าเริงและถึงไหนถึงกัน หนักเอาเบาสู้ ไม่เอาเปรียบใคร วันที่ไปรับน้อง โดนแกล้งเยอะ ยังจำได้ แต่สุดท้ายเราก็ได้ใจเพื่อนๆพี่ๆนะคะ นี่ไม่่ได้พูดเอง แต่เป็นสิ่งที่เพื่อนๆและพี่ๆพูดรอบกองไฟค่ะ ยังจำได้ค่ะ เป็นความทรงจำที่ดี แล้วสมัยเรียนก็จะมีเด็กโครงการช้างเผือกอยู่ที่โต๊ะด้วย เราก็คบกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน และที่ยังไม่เคยกล่าวอ้างกับใครก็คือ เราได้ให้เพื่อนช้างเผือกหลายคน ยืมเงิน เพราะว่าเงินจากทางบ้านยังไม่มาและทางโครงการยังไม่ตกเบิกให้อะไรเหล่านี้ แล้วเค้าเดือดร้อน แต่เราไม่เคยปริปากบอกใคร รู้กันแค่คนยืมและคนให้ยืม  พอเงินมา ทุกคนก็มาคืนค่ะ เพื่อนไม่มีเราก็ช่วยเหลือ ไม่เคยนำมาคิดอะไรมากมาย ทุกวันนี้ เราก็ยังนึกถึงเสมอว่า เราเรียนระดับปริญญาตรีมาด้วย ส่วนหนึ่งก็จากภาษีของประชาชนนะ ก็พยายามที่จะทำอะไรตอบแทนกลับไปให้สังคมด้วยเช่นกันค่ะ เราได้รู้จักผู้หญิงอีสานที่ได้แฟนต่างชาติเหมือนกันค่ะ เป็นแม่บ้านที่บริษัทเราเอง เวลาบังเอิญเจอกัน เค้าจะเรียกแทนตัวเองว่า คุณ และเรียกดิฉันด้วยชื่อเฉยๆ (ก่อนหน้านี้ เธอเรียกดิฉันว่าคุณ และแทนตัวเธอเองว่าหนู) ขำมาก เธอเปลี่ยนไปเลย มาเป็นตีสนิทกับดิฉันสุดๆด้วยถือว่า มีการเชิญตัวเธอเองและแฟนมาทานข้าวบ้านดิฉันด้วย เปรียบว่าเรานั้นเหมือนกันแล้ว ด้วยการมีสามีต่างชาติเหมือนกัน  แต่สำหรับเรา มันยังไม่ใช่น่ะ ขอบคุณคุณ elin อีกครั้ง (และท่านอื่นๆที่มาช่วยให้คำแนะนำด้วยค่ะ) วันนี้คุณแม่มาเยี่ยมหลานๆ เราก็เลยสบายไป ไม่ต้องเล่านิทานหนึ่งคืน หนีมาเล่นเน็ตดีกว่า จากคุณ : นักแปล - [ 27 เม.ย. 52 23:07:37 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ฉัน(เมียฝรั่ง อังกฤษ)กับชีวิตที่  เลือก "ได้"และเลือก "ไม่ได้" ชีวิตที่ฉันเลือกไม่ได้ - ที่มีคุณพ่อ คุณ แม่เป็นคนอิสานและฉันเป็นอิสานโดยกำเนิด - ที่ครอบครัว พี่ น้อง และอีกคนทั้งหมู่บ้านกินข้าวเหนียว ส้มตำ ปลาร้า - ครอบครัวฉันมีฐานะค่อนข้าง ปากกัด ตนถีบตั้งแต่เด็ก - เดินกับสามีแถวย่านดัง ที่มีแต่อย่างว่าแล้วคนมองเหมือนกันหมด เพราะที่ทำงาน สนญ. อยู่แถวสุรวงค์ - ที่จะเปลี่ยนความคิดของคนทุกคนให้มองเราต่างจากเมืยฝรั่งคนอื่น(จากภายนอก) - ที่คนจะเหมาว่าเมียฝรั่งทุกคนจะเป็นอย่างไรเพราะฉันรู้ตัวเองว่าฉันเป็นอย่างไร -ที่ฉันจะอยู่กับคนอีกสังคมหนึ่งที่บ้านนอกของฉัน -ที่จะได้ยินคนพูดถึงคนที่มีสามีฝรั่งว่าอย่างไร(ความคิดใครความคิดมันห้ามเขาไม่ได้) ชีวิตที่ฉันเลือกได้ - ฉันเลือกที่จะเป็นคนดีของคุณ พ่อ คุณ แม่ คว้าปริญญามาให้ท่านได้ - ที่จะเดินออกไปจากหมู่บ้านอิสานเพื่อทำงานร่ำเรียนด้วยรายได้ตัวเอง - ที่จะช่วยเหลือครอบครัวตัวเองและญาติจากเงินทุกเดือนทุกเดือนของฉัน - ฉันรู้ว่าที่ฉันแต่งงานกับสามีเพราะเรารักกันและเราสองคนก็อยากมีลูกด้วยกันและกำลังมีในครรภ์ตอนนี้ -ที่ฉันจะเป็นภรรยาที่ดีของสามีฝรั่ง ไม่นอกใจ ไม่หวังเงิน ช่วยสามีประหยัด -ที่ฉันจะย้ายมาอยู่ภูมิลำเนาหลังจากเบื่อการทำงานที่ กทม มานานมาอยู่อีสานใกล้ครอบครัวฉัน -ฉันจะไม่ดูถูกคนจนหรือด้อยกว่าต่างอาชีพ ต่างหน้าที่การงาน ต่างความคิด คห 23 ที่ยกตัวอย่าง "....อย่างที่ภาคอีสานมีหมู่บ้านฝรั่งไงคะ...สาวอีสานไทยแต่งงานกับต่างชาติ...พ่อแม่จะได้สบายไปด้วย..." ดิฉันสาวอีสานและลูกอีสานก็เห็นคนไทยในเกือบทุกภาคแต่งงานกับฝรั่งทั้งน้านแต่แค่อีสานมากกว่าภาคอื่นหน่อย (ส่วนมากเมียฝรั่งกะเมียฝรั่งทั้งนั้นแหละที่ดูถูกกันเอง) คห 28. เห็นด้วยกับพี่ นัตตี้ทั้งหมดค่ะ ส่วน จขกท พูดมา อันนี้ก็เคยเจอประสบการณ์แบบนี้มาเหมือนกันกับภรรยาของเพื่อนสามี หรือแฟนของเพื่อนฝรั่งเพียงแต่ไม่ใส่ใจมากกับคนอื่นแล้วแต่ใครจะคิดจะพูดแบบใหน เราทำตัวแบบใหนให้ดีก็พอแล้ว ก็ไม่เคยตัดสินเขาว่าเขาจะเป็นคนดีหรือไม่ดี เพราะยังไงก็ใช้คำว่าเมียฝรั่งเหมือนกัน และก็ยังต้องเป็นตลอดไปแก้ไขที่จะไม่เป็นเมียฝรั่งไม่ได้   แก้ได้คือเราต้องทำใจที่จะเจอคนอื่นพูดถึงเมียฝรั่งอย่างไรบ้าง เพราะใหนๆ เราก็แต่งงานกับฝรั่งแล้วนี่                                         God Bless จากคุณ : Rosecottage - [ 28 เม.ย. 52 08:17:54 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คุณจขกท.คิดว่าตัวเองดีกว่าเค้าตรงไหนคะ ถามจริงๆ คุณค่าความเป็นมนุษย์ มีเท่ากันไหม เป็นประชาชนคนไทยเหมือนกันไหม เป็นเพศเดียวกันไหม ถ้าคุณค่าความเป็นคน วัดกันที่จิตใจ  ไม่ใช่ที่การศึกษา ฐานะทางครอบครัว หรือมาตรฐานอื่นๆที่คุณตั้งขึ้นมาเพื่อวัดเอง  แบบที่วัดแล้วคุณลอยไปอยู่เหนือเส้น แต่คนอื่นอยู่ใต้เส้น ละก้อ คราวนี้คุณอาจจะทำใจยอมรับว่า คุณด้อยกว่าพวกเขาก็ได้ เขาอาจจะไม่เคยคิดร้าย ไม่อคติ ไม่ได้ดูถูกอะไรคุณ คุณต่างหากเป็นฝ่ายคิดร้าย อคติ และไปดูถูกเค้า  รีเปล่า เชื่อไหมว่าเขาว่าเมืองไทยนี่แหละ เป็นประเทศที่ discriminate มากที่สุดประเทศนึงแล้ว  ยังไม่รู้จักกันก็ดูถูกกันที่กำพืด สีผิว อาชีพได้แล้ว ตัวเราเองก็จบตรีจุฬา โทจากอเมริกา มหาลัยท้อปเทน สาขาที่เกือบจะยากที่สุด  บ้านก็ฐานะดี ตระกูลเก่าแก่มีหน้ามีตาพอสมควร พ่อแม่การศึกษาสูง รูปร่างหน้าตาก็ถือว่าโอเลย เรียกว่าประกวดนางสาวไทยได้เลย (เคยมีคนชวนหลายทีแล้ว)    แต่เราก็ยังคิดว่าตัวเองเป็นเพื่อนกับคนพวกนั้นได้ ไม่ว่าจะสาวบาร์ คุณโส หรือรากหญ้าแค่ไหน และไม่เคยคิดว่าตัวเองวิเศษกว่าเขาตรงไหน เราเชื่อว่าคนทุกคน ไม่ว่าพื้นเพจะมาจากไหน  มันมีเรื่องที่คุยกันได้อยู่ดี  และมันเป็นเรื่อง challenge ด้วยกับการที่ คนๆนึงจะเข้ากับคนทุกพื้นเพได้ เรื่องแบบนี้คงไม่บังอาจไปแนะนำให้จขกท.ทำอะไรหรอกค่ะ  เพราะมันต้องแก้กันที่ทัศนคติ  ซึ่งเป็ฯเรื่องที่แก้ยากมากกก จากคุณ : Queen of hearts - [ 28 เม.ย. 52 14:24:38 ]

ความคิดเห็นที่ 38 Queen of hearts คะ เราคิดว่า ไม่ว่าฐานะยากจน ปากกัดตีนถีบแค่ไหน ชีวิตยังมีทางไปค่ะ มาทำอาชีพโสเภณีหรือสาวบาร์นั้น คิดสั้นไปหรือเปล่า ถ้ามันเป็นอาชีพที่ดีงามจริงละก็ สาวๆทุกคนที่ยากจนก็คงแห่กันมาทำหมด   แต่นี่ไม่ใช่ เราเห็นว่า มีทางอีกมากมาย ที่ทำงานด้านอื่น ประหยัด อดออม ก็ไม่อดตาย เคยเห็นร้านส้มตำรถเข็นไหมคะ มีหลายเจ้าทำอร่ิอยมาก ขายดิบขายดี จนตั้งตัวได้ทั้งครอบครัว ด้วยหยาดเหงื่อแและแรงกาย มีอยู่ครอบครัวนึง ที่บ้านดิฉันชอบไปทานบ่อยๆ อร่อยค่ะ ครอบครัวส้มตำนี้ มาจากขอนแก่น มีสามศรีพี่น้อง ขายตั้งแต่เป็นรถเข็น จนตอนนี้ผ่านมาแค่หกปีเองค่ะ เธอสร้างเป็นร้านแล้ว และก็ปลูกบ้านให้พ่อแม่ที่ต่างจังหวัด จ่ายหนี้สินซื้อกระบะ ให้พ่อแม่ไว้ใช้ น่านับถือจริงๆค่ะ เธอทั้งสามเลือกที่จะทำงานหนัก พวกเธอบอกเราเองว่า ไม่เอาหรอก ไอ้เรื่องไปขายตัวนั้น พวกหนูขอสู้แบบนี้ก่อนดีกว่า ทั้งๆที่คนในหมู่บ้านเธอมากมายเลือกที่จะเดินไปทางนั้น เพราะเห็นว่า สบาย ได้เงินง่าย โชคดีอาจได้ฝรั่งมาเลี้ยงดู ดิฉันไม่ได้พูดเอง นี่คือ สิ่งที่มาจากปากน้องสามศรีพี่น้อง สมัยเรียน ดิฉันไปออกค่ายกับเพื่อนคณะรัฐศาสตร์และสังคมสงเคราะห์ ได้ประสบผ่านเรื่องราวเหล่านี้มาคร่าวๆ จากชาวบ้าน ก็พอได้รับรู้มาว่า เดี๋ยวนี้ เรื่องที่จะหลอกคนมาค้ากามนั้นน้อย กว่ามาทั้งที่สมัครใจค่ะ ก็ไม่ทราบว่าจริงเท็จแค่ไหน ตอนนี้ดิฉันรับอุปการะเด็กหญิงอยู่สองคนผ่านทางมูลนิธิศุภนิมิตร และมูลนิธิสงเคราะห์เด็กยากจน โดยหวังในใจว่า เด็กหญิงสองคนนี้ อย่างน้อยยังได้อยู่ในระบบการศึกษา และมีวิชาไว้ทำมาหาเลี้ยงตัวและครอบครัวต่อไปในทางที่ดี ที่คุณว่าเรามาแรงๆ ไม่โกรธหรอกค่ะ เพราะเรารู้จักกันเพียงน้อยนิดผ่านตัวอักษร (เกือบได้เป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยเดียวกันแล้วค่ะ เราสอบเทียบแล้วติด นิติจุฬาตอน มสี่ค่ะ แต่ไม่ได้ไป รู้สึกคิดถึงเพื่อนๆ อยากเรียน ม ปลายต่ออีก พอ ม ห้า ติดศิลปศาสตร์ อังกฤษ ธรรมศาสตร์ ในขณะที่เพื่อนในห้อง ติดอักษรกับนิเทศจุฬากันเยอะ ก็เลยออกจากโรงเรียนเข้าสู่มหาวิทยาลัยกันเกือบครึ่งห้อง) ไม่ได้คบกันรู้จักกันด้านอื่นๆด้วย เราคิดแต่ว่า ถ้าเราได้รู้จักกันจริง เราอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันก็ได้ เพราะเรานับถือในน้ำใจของคุณ ส่วนตัวเราเอง ก็อย่างที่บอก ยังมีอคติอยู่ ซึ่งก็คงต้องค่อยๆคิด ปรับ เปลี่ยนไป จากคุณ : นักแปล - [ 28 เม.ย. 52 15:38:54 ]

ความคิดเห็นที่ 39 คนส่วนมาก ไม่ว่าจะ ให้คำแนะนำใคร  พูด คิด ทำอะไร ส่วนมาก จากประสบการณ์ในอดีตของตนเองค่ะ  เมียฝรั่งเหล่านั้น ไม่เคยได้มีโอกาส ได้รับการศึกษาดีๆ หรือ มีพื้นเพกำเนิดมาจากครอบครัว ดีๆ แบบคุณ จขกท ไม่เคยเดินเซ็นทรัลชิดลม ไม่เคยได้มีโอกาส เรียน รร ตรงข้าม เซ็นทรัลชิดลม  งานที่ทำอย่างมากก็พอปากกัด ทีนถีบต่อไปได้เรื่อย น้อยคนนะคะ ที่จะได้มีโอกาสดีๆแบบ จขกท จขกท เองก็ดูเป็นคนใจดีนะคะ ดังนั้น ได้โปรด ให้อภัยและ สงสารในความด้อยโอกาสของเค้า จากที่คุณเล่ามาเรามองว่าเค้าก็แค่พยายามแนะนำ จาก ประสบการณ์เค้าเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องที่คุยเรื่อง ทำศัลกรรมนู่นนี่กัน จริงๆไม่ต้องเป็นพวกนี้ เค้าก็คุยกันค่ะ ดูในห้องแป้งสิคะ มีถามเรื่อง ทำนม ทำนู่นนี่บ่อยๆ เรื่องธรรมดาค่ะ ฟังเป็นความรู้รอบตัวก็ดีนะ อย่าคิดมาก จากคุณ : cardiogenic - [ 28 เม.ย. 52 17:14:39 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เรียนคุณนักแปล โอเค เข้าใจประเด็นค่ะ ที่คุณไม่ชอบใจ ไม่ใช่เพราะพื้นเพชาติกำเนิดหรือการศึกษา แต่เป็นทางเลือกในชีวิต ที่คุณรู้สึกว่า มักง่าย ใช่ไหมคะ  เราเข้าใจความรู้สึกนี้ค่ะ  และส่วนนึงก็เห็นด้วยกับคุณนะ  ยังไงก็ขอโทษที่ตีความคุณผิดไปแต่แรก ที่เราบอกว่าเป็นเรื่องของทัศนคติ มันแก้ยาก  แต่ยังไงอ่านมาถึงตรงนี้ เราคิดว่าคุณแก้ได้ค่ะ  เพราะคุณไม่ใช่คนที่มีทัศนคติที่ดูถูกคนอย่างที่เราเข้าใจผิดแต่แรก ถามว่าแล้วทำไมต้องแก้  ก็เพื่อความสบายใจของตัวคุณเองไง  เพราะเชื่อว่ายังไงๆ คุณก็คงเลี่ยงที่จะเจอคนเหล่านั้นไม่พ้น  เราไม่เห็นด้วยกับการเลี่ยงไม่เจอค่ะ  เพราะนั่นเป็นการหนีปัญหา สำหรับเราเราคิดว่าเจอปัญหาต้องเผชิญและแก้ไขค่ะ ไม่ใช่หนี พยายามลองมองดูเค้าด้วยใจเมตตา คุณอยู่เหนือกว่าเค้า มีทางเลือกในชีวิตมากกว่าเค้า เค้าทำอะไรไม่ถูกไม่ควร พูดอะไรไม่ถูกหู  ก็คิดซะว่าสงสารเค้า  เค้าเกิดมามีสติปัญญารับรู้แค่นั้น ถ้าเป็นไปได้ก็พยายามชวนคุยเรื่องอื่น เรื่องที่ผู้หญิงทั่วๆไปสนใจกันหมด ก็เรื่องดารา เรื่องละคร  เรื่องเสื้อผ้า ฯลฯ     คนพวกนี้ เชื่อไหม หลายๆคนเอาเข้าจริงๆ เป็นเพื่อนที่ดีได้นะ  มีน้ำใจ ซื่อด้วย พยายามตัดอคติ และมองโลก มองคนในแง่บวกค่ะ  ค่อยๆฝึกๆไป เรื่องพวกนี้ ไม่ใช่เพื่อตัวใคร เพื่อตัวเราเองทั้งนั้น  คนที่คิดอะไรบวก  เป็นคนที่มีความสุขในชีวิตค่ะ จากคุณ : Queen of hearts - [ 28 เม.ย. 52 18:32:08 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ชีวิตที่เลือกได้ กับชีวิตที่เลือกไม่ได้ ในคห.คุณRosecottage อ่านดูเราก็เข้าใจนะคะ ว่าชีวิตและพื้นเพของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อันที่จริงบอกตรงๆว่า เราเองไม่เคยสนใจนะ ว่าใครจะแต่งงานกับใคร เพื่อความสบายหรืออะไร ตราบใดที่เจ้าตัวเค้าไม่ออกมาพูด แบบเก็บอาการไม่อยู่..(จริงๆนะ) แล้วเราก็เชื่อว่า คำว่าเมียฝรั่ง.. คนที่แต่งงานกับฝรั่งเค้าทำใจกันแล้วล่ะค่ะ เพื่อนเรายังเคยแซวเลย ว่า แกอยู่บ้าน ไม่แต่งตัวแล้วเหมือนเมียฝรั่งเลย.. (นึกในใจ อ้าว ก็สามีชั้นก็ฝรั่ง ถ้าชั้นไม่ใช่เมียฝรั่งแล้วชั้นเมียใครล่ะวะ) เพียงแต่ กรณีจขกท. อย่าว่าแต่เรื่องผู้หญิงบาร์เลยค่ะ เอาแค่คนระดับเดียวกันนี่ก็ได้ค่ะ มาพูดอะไรในเรื่องที่เราไม่ชอบ และเป็นเหมือนปมในใจ.. ก็ไม่มีใครชอบจริงไหมคะ เหมือนเด็กที่โตมากับแม่ แล้วโดนเพื่อนๆล้อว่าไม่มีพ่อ... แรกๆคงไม่เท่าไร แต่พอนานๆเข้ามันก็อึดอัด เชื่อว่าคนที่เด็กแบบนี้ก็ไม่อยากให้ใครมาพูดในสิ่งที่เค้าไม่ชอบเหมือนกัน เรายังคงเชื่อว่ากรณีจขกท. ไม่ใช่ว่าเพราะอคติค่ะ แต่บังเอิญ คนที่มาพูดในสิ่งที่เค้าไม่ชอบ เป็นผู้หญิง(ท่าทาง)แบบนั้น ก็เลยเหมาเอาว่า ไม่ชอบผู้หญิงแบบนั้น เหมือนกับที่ฝรั่งมาเมืองไทย โดนคนไทยหลอก(พวกหลอกขายของอะไรพวกนี้) เค้าก็เหมาเอาเหมือนกันว่า คนไทยชอบหลอกลวง ไม่ใช่สยามเมืองยิ้ม ในขณะที่ใครมาเจอคนดีๆ ก็กลับไปพูดว่า คนไทยใจดี จิตวิทยาเหมือนกันค่ะ อิอิ แต่เห็นด้วยค่ะ กับคุณ  Queen of Heart ที่ว่า "ถ้าเป็นไปได้ก็พยายามชวนคุยเรื่องอื่น เรื่องที่ผู้หญิงทั่วๆไปสนใจกันหมด ก็เรื่องดารา เรื่องละคร  เรื่องเสื้อผ้า ฯลฯ     คนพวกนี้ เชื่อไหม หลายๆคนเอาเข้าจริงๆ เป็นเพื่อนที่ดีได้นะ  มีน้ำใจ ซื่อด้วย" เพราะส่วนตัวแล้ว ต่อให้เป็นผู้หญิงทำงานบาร์ เราก็คบได้ค่ะ ตราบใดที่คุยกันถูกคอ และยังพูดเข้าหู... จากคุณ : elin - [ 29 เม.ย. 52 20:31:40 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณค่า จากคุณ : นักแปล - [ วันแรงงาน 15:27:04 ]

ความคิดเห็นที่ 43 Don't judge the book by its cover. คนจะงาม งามที่ใจ ใช่ใบหน้า คนจะสวย สวยจรรยา ใช่ตาหวาน คนจะแก่ แก่ความรู้ ใช่อยู่นาน คนจะรวย รวยศิลทาน ใช่บ้านโต แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 52 07:08:34 จากคุณ : ฑีรฒ - [ 2 พ.ค. 52 07:04:18 ]