ขอเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ให้พ่อกะแม่ชาวชานเรือนรับฟังค่ะ
เกิดขึ้นกับครอบครัวเราเมื่อวานนี้...เมื่อวานที่บ้านเรามีงานบวชพระ
ซึ่งก็คือ..น้องชาย..เราเอง
เวลาบวชเป็นช่วงเช้า จัดงานที่วัดแห่งหนึ่งย่านถนนนวมินทร์ บังเอิญว่าวันที่น้องชายบวชก็มีอีกงานหนึ่งจัดงานบวชเหมือนกันทำให้คนที่มามากหน้าหลายตาไม่รู้ว่าญาติใครเป็นญาติใคร
ซึ่งทุกท่านก็คงจะทราบว่าประเพณีคนไทย หากบ้านไหนมีงานก็จะมีญาติสนิทมิตรสหายช่วยกันลงมือลงแรง ช่วยกันหลายคนค่ะ และแล้ว..ในขณะที่มีเลี้ยงข้าวเช้าเป็นข้าวต้มเช้า กาแฟ และปาท่องโก๋ กับญาติ ๆ และแขกที่มาช่วยในตอนเช้า
มีผู้ชายใส่เสื้อลายขวางสีเขียว และผู้หญิงใส่เสื้อประมาณผ้าไทยสีแดง แต่งตัวดูดีคู่หนึ่งอายุกลางค่อนปลายคนแล้วค่ะ เข้ามาเจ้ากี้เจ้าการในงานทางบ้านเรา ที่บ้านเราก็ได้แต่เอ๋อ ๆ งง ๆ ว่าเค้าสองคนนี้คือใครคิดว่าเป็นญาติของทางอีกงานนึงแต่ทำไมมาวุ่นวายกับทางเรา ทำเนียน ๆ เข้ามาปะปนคุยกับคนนู้นทีคนนี้ที ให้คนอื่นดูเหมือนเป็นญาติสนิทเราค่ะ (ความจริงอยากเอารูปขึ้นโชว์ เพราะเค้าเนียนจริง ๆ ค่ะ นึกว่าเป็นเจ้าภาพซะเอง ดูรูปที่ถ่ายในงานยังเด่นกว่าพ่อกับแม่เราอีก)
แต่ดันมาพูดใส่หน้าแม่ของเราว่า "ไปงานไหนเค้าก็ให้กินหมดไม่มีใครเค้าหวงหรอกงานบุญ" คำพูดนี้ทำให้ทางบ้านเราเริ่มจับพิรุธและสงสัย ทางเราก็พยายามไม่คิดอะไร คิดว่าเป็นงานบุญ คงไม่มีเรื่องเลวร้ายอะไร อีกอย่างอยู่ในวัด
เค้าแสดงออกประหนึ่งว่าเป็นญาติทางเรา ทำให้อีกงานหนึ่งคิดว่าเป็นแขกที่มางานบ้านเรา แต่อีกนัยหนึ่งเค้าก็ทำเป็นไปเจ้ากี้เจ้าการกับอีกงานหนึ่ง ทำให้ทางเราคิดว่าเป็นญาติทางนู้น
เมื่อถึงเวลาเข้าโบสถ์ เข้าเนียน ๆ เข้านั่งด้านหน้า (หรือกลับคำกันก็ได้) เราเริ่มรู้สึกไม่พอใจ เพราะเค้าเจ้ากี้เจ้าการสั่งพ่อกับแม่เราซึ่งเป็นเจ้าภาพให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ เราเริ่มกระจายบอกญาติ ๆ และแขกที่อยู่ในโบสถ์ว่า 2 คนนี้ไม่ใช่ญาติเรา และไม่มีใครรู้จัก ให้ช่วยกันดูเพราะมีท่าทางไม่น่าไว้ใจหลายอย่าง
ทุกคนเริ่มระวังกันมากขึ้น เพราะ 2 คนนั้นพยายามที่จะนั่งใกล้กับถาดของที่เตรียมจะถวายพระที่มีซองเงินเตรียมไว้ด้วย ผู้ชายพยายามปะกบพ่อเรา ผู้หญิงปะกบแม่เรา ส่วนเรามีหน้าที่ถ่ายรูป แต่ 2 คนนั้นคงไม่รู้ว่าเราเป็นใครก็ยังมาดุเราว่าให้ทำตามที่เค้าบอก พอเรารู้สึกคิดว่า 2 คนนี้จะต้องไม่มาดีแน่ ๆ เราก็เลยถ่ายทั้งภาพและวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งภาพในวิดีโอเห็นได้ว่า..ทั้งคู่มีอาการขยุกขยิก ไม่สบตา อยู่ไม่สุข
พอพระออกมาทีนี้บรรดาญาติ ๆ และแขกจะนำเงินใส่ย่ามพระใหม่ ผู้ชายก็ดึงย่ามไปถือ แล้วอ้าปากย่าม พยายามบอกให้คนอื่น ๆ นำเงินถวายใส่ย่ามพระใหม่แล้วจะได้บุญ เราไม่พอใจเลยพูด ผู้ชายคนนั้นทำท่าหงุดหงิดและพูดใส่เราว่า "ผมบอกให้คุณทำอย่างนี้แล้วคุณไม่ทำก็ตามใจ" เราก็ได้แต่คิดว่าเค้ามีสิทธิ์อะไร
ขณะเดียวกันก็มีพระองค์หนึ่งที่อยู่ในพิธีพูดประมาณว่า "การเอาย่ามมาอ้าปากไว้แล้วบอกให้คนใส่เงิน ทำอย่างนี้ไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นการเรี่ยไร" ผู้ชายคนนั้นถึงยอมวางย่ามลงข้างพระใหม่ ซึ่งพระที่บอกก็คงจะคิดว่าเป็นญาติพระใหม่แน่ๆ เลยมาเตือน ซึ่งอันนี้ถือว่าเป็นโชคดีไป เพราะไม่งั้นย่ามอาจจะติดมือไปกับผู้ชายคนนี้เมื่อไหร่ก็ได้
จากลักษณะท่าทางการแสดงตัวทำให้ทุกคนเริ่มระแวดระวัง ทั้ง 2 คนก็คงเริ่มรู้ตัว และเราเองก็เริ่มทนไม่ไหว เราเลยยอมเสียมารยาทที่จะเข้าไปถามอีกงานหนึ่งว่าเป็นญาติทางเค้าหรือเปล่าเพราะเราเริ่มรู้สึกตะหงิดในพฤติกรรม หากใช่..เราก็จะยอมเสียมารยาทต่อให้เค้าเชิญญาติทางเค้ากลับ ปรากฏว่า..คำตอบที่ได้รับ "ไม่รู้จัก ไม่ใช่ญาติ"
พอเรารู้คำตอบแล้ว และเริ่มมั่นใจ ก็คิดแล้วว่าเป็นไงเป็นกัน เราไม่อยากให้งานที่บ้านเราเสียหายมากไปกว่านี้ และคิดแล้วว่า..หากคนที่เค้าคิดดีมาร่วมงานบุญ ตั้งใจมาทำบุญ ก็คงจะไม่แสดงออกให้คนอื่นรู้สึกสงสัย เราเลยหารือกับพ่อ พ่อเราบอกให้เราอยู่เฉย ๆ เดี๋ยวพ่อจะจัดการเอง หุหุ มาถึงตอนนี้พ่อเราคงกลัวเราจะมีเรื่อง
2 คนนั้นซึ่งยังทำเนียน ๆ จนเสร็จพิธี เข้ามายุ่งกับของ ๆ พระใหม่ พ่อเราเลยถามว่า "ไม่ทราบว่ารู้จักกับพระใหม่หรือเปล่า หรือเป็นแขกมาจากทางไหน" ผู้หญิงคนนั้นชิงตอบแบบรักษาภาพพจน์ว่า "อ๋อ..ไม่ใช่ ไม่รู้จักกับใคร แต่ชอบมางานบวชพระ มาแล้วได้บุญ อย่างน้อยวันนี้ก็สบายใจแล้วว่า..ได้บวชพระทีเดียว 2 รูป ได้บุญเยอะเลย" ทำท่าเหมือนสบายใจเต็มที่ พ่อเราเลยบอกว่า "อ้าว..ถ้าไม่รู้จักแล้วมาทำอย่างนี้ได้ไง" 2 คนนั้นก็ช่วยกันกลบเกลื่อนอีกว่า "ก็อยากได้บุญ อยากช่วย" แต่สังเกตได้ว่าเริ่มหน้าซีดเพราะทุกคนเริ่มมอง ในใจเราก็ได้แต่คิดว่าไม่รู้ว่ามาทำอย่างนี้จะได้บุญหรือได้บาปกันแน่ ทำให้ทุกคนมีความกังวล และต้องคอยระวังแม้กระทั่งการทำพิธีบวชพระในโบสถ์
พอคนในโบสถ์เริ่มสงสัยมาก อีกงานหนึ่งก็คงจะรู้แล้วว่าไม่ใช่แขกหรือญาติทางเรา ก็เริ่มทำเนียนลงมาร่วมงานเลี้ยงซึ่งจัดเป็นโต๊ะจีนข้างนอก และเราก็คิดแล้วว่า..ถ้า 2 คนนี้ยังเนียนนั่งโต๊ะเราก็จะเป็นคนพูดต่อหน้าเอง ปรากฏว่า...พอลงมาข้างล่าง น้าของเราถามว่ามางานไหน ผูหญิงตอบว่า "มางานนู้น" ตอบได้เต็มปากเต็มคำ น้าเราเลยถามต่อ "แล้วนาคที่บวชงานนู้นเป็นอะไรกัน ชื่ออะไร" คงเริ่มจนมุมตอบกลับว่า "นาคที่บวชเป็นหลาน แต่ไม่รู้ว่าชื่ออะไรหรอก รู้จักแต่พ่อกับแม่เค้า" พอน้าเราได้ยินชัดเจนอย่างนี้ก็เลยเชิญเค้าออกจากงานไป
ก่อนกลับคนผู้ชายยังคุยอีกว่า "ผู้หญิงเค้าเป็นคนทรงอยู่แถวเลียบทางด่วนรามอินทรา มางานตามวัด มาทำบุญกันบ่อย ๆ"
ตอนนี้เราก็ยังกังวลอยู่กลัวว่าจะมีของ ๆ ใครหาย ถึงไม่เอาของ ๆ บ้านเรา แต่ถ้าเอาของ ๆ แขกที่มาร่วมงาน ทางบ้านเราก็คงจะไม่มีใครสบายใจ
และไม่มีใครอยากให้เรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นในวัดแท้ ๆ แต่จิตใจคนก็คงจะต่างกัน รูปแบบช่องทางการหากินก็ต่างกัน สุดท้ายเลยอาศัยหากินในวัด
ถึงงานบวชของน้องเราจะผ่านไปแล้ว และผ่านไปเกือบจะดี หากไม่มี 2 คนนี้ ซึ่งเราขอเรียกว่า "มาร..ศาสนา" แต่เราก็ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับใคร จะ..งานบวช..งานแต่ง..หรืองานศพ ก็เป็นช่องทางหากินของพวกมิจฉาชีพได้ หากใครเคยได้อ่านข่าว หรือได้ยินได้ฟังเรื่องราวแบบนี้มาบ้าง ก็ขอให้ระวังตัวทุกครั้งจะเป็นเจ้าภาพหรือเป็นแขกไปร่วมงานก็ต้องระวัง ทางที่ดีก็ควรที่จะกล้าถามให้ชัดเจนไปเลยหากเจอใครที่มีพฤติกรรมไม่ปกติ เพราะสังคมทุกวันนี้น่ากลัวจริง ๆ
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบ เป็นกระทู้ที่ยาวมาก แต่ก็เกี่ยวกับชานเรือนนิด ๆ หน่อย ๆ แต่ขอให้เป็นกระทู้เตือนภัยสังคมอีกหนึ่งกระทู้ที่ทุกคนพึงระวังนะคะ
แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 52 14:24:52
จากคุณ :
ปูม้า&ปลาดาว
- [
10 พ.ค. 52 14:15:43
]