Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ว่าด้วยเรื่อง"เมียน้อย"ในชีวิตจริงของครอบครัวหนึ่ง และยุทธการปราบ "เมียน้อย" ลองอ่านดูนะครับอาจได้ประโยชน์บ้างครับ

    ว่าด้วยเรื่องเมียน้อย

    ประสบการณ์จริงที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ในทุกครอบครัว
    กับการมาถึงของบุคคลที่สามที่มีอิทธิพลมากพอจะพลิกสถานการณ์
    ของครอบครัวให้ล้มคว่ำลงได้

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
    ในครอบครัวที่มีความ "ห่างเหิน"
    และ "ความตึงเครียด" เป็นบรรยากาศหลักของบ้าน

         
    ครอบครัวที่ทีมงานมีโอกาสได้พูดคุยในครั้งนี้
    เป็นครอบครัวของคุณประสงค์ - คุณพิมลวรรณ (ขอสงวนนามสกุล)
    เจ้าของธุรกิจค้าปลีกทางภาคตะวันออก

    ซึ่งในวันที่เอ่ยปากเล่าถึงประสบการณ์ในอดีตนี้
    เป็นวันที่พายุพัดผ่านครอบครัวของคุณประสงค์ไปแล้วเรียบร้อย
    และสมาชิกในบ้านกำลังอยู่ระหว่างการก่อร่างสร้างครอบครัวขึ้นมาใหม่
    ซึ่งอาจมีบางส่วนต้องปะผุใจ ทำสีใหม่กันบ้าง
         
    ต้นตอของพายุที่คุณประสงค์เอ่ยปากยอมรับว่า
    เป็นความผิดของเขาเองก็คือ
    “การปล่อยให้มีผู้หญิงอีกคนเข้ามาในชีวิต”

    โดยผู้หญิงคนนั้นคือพี่เลี้ยงของลูกที่ทำหน้าที่ทุกอย่าง
    ตั้งแต่ป้อนข้าวป้อนน้ำให้กับลูก ๆ กวาดบ้านถูบ้าน ซักผ้า
    ขณะที่ภรรยาต้องออกไปทำงานนอกบ้าน
         
    “ในช่วงเศรษฐกิจดี กิจการก็รุ่งเรือง มีลูกค้ามากมาย
    ช่วงนั้นเป็นช่วงที่บ้านเราใช้เงินมือเติบมาก
    ไปทานข้าวนอกบ้านกันประจำ
    เปลี่ยนรถใหม่

    ลูก ๆ อยากได้อะไรซื้อให้ ไม่เคยขัดใจ ครอบครัวก็ดูจะมีความสุข
    แต่พอเศรษฐกิจตกต่ำ เราต้องปลดลูกจ้างออก
    กิจการก็ทำเองคนเดียวเท่าที่ไหว รายได้มันก็ลดลง”
         
    ส่วนภรรยาที่ทำงานนอกบ้านอยู่แล้ว
    ก็บังเอิญต้องแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปศึกษาต่อ
    ซึ่งนอกจากจะดึงรายได้ของครอบครัวไปบางส่วน
    ยังดึงเวลาที่เคยมีให้กับครอบครัวไปด้วย

    ผลที่ตามมาคือ
    ความห่างเหินของสามีภรรยา และ
    ความตึงเครียดของบ้านเรื่องเงินไม่พอใช้

    กลายเป็นความไม่เข้าใจที่สามารถปะทุขึ้นได้เรื่อย ๆ
    ทันทีที่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจุดประเด็น
         
    “ความที่เราสองคนสามีภรรยาเป็นคนมีการศึกษาดีกันทั้งคู่
    ที่ผ่านมา
    เราก็เลยเอาแต่เรียน เอาแต่ทำงาน
    ทักษะเรื่องการดูแลกัน ดูแลครอบครัว ดูแลลูกเลยไม่มี

    หรือเรียกว่าไม่ค่อยจะเข้าใจความรู้สึกของคนอื่น
    เมื่อเจอปัญหา ต่างคนก็ต่างเก่ง ต่างคนต่างไม่ยอมกัน
    มันก็เลยทะเลาะกันบ่อยขึ้น ๆ

    จนตอนหลัง ๆ ต้องนอนแยกห้อง”
         
    ผลที่ตามมาหลังจากนั้นคือ
    เสาเรือใหญ่ของบ้านยอมรับว่า เขาเองก็ต้องการที่พึ่งทางใจ
    นั่นจึงทำให้บุคคลที่เคยเป็นแค่พี่เลี้ยงลูกในบ้าน
    เข้ามามีบทบาทแทรกกลางระหว่างคนสองคนได้
         
    “ความใกล้ชิดเป็นส่วนหนึ่ง
    เพราะกิจการของเราอยู่ที่บ้าน บางทีเราเหนื่อย ๆ มา
    พี่เลี้ยงเด็กคนนี้เขาก็เอาน้ำเย็นมาให้ หรือมาคอยดูแล”

    ซึ่งเขาเองยอมรับว่า
    เคยนำไปเปรียบเทียบ
    กับภรรยาที่ไม่ค่อยได้ดูแลเขาเท่าที่ควรเช่นกัน
         
    วันที่พายุแตะพื้น
         
    ครอบครัวที่อยู่ในบรรยากาศตึงเครียดครอบครัวนี้มาถึงจุดแตกหัก
    เมื่อวันหนึ่ง คุณพิมลวรรณกลับมาบ้านก่อนเวลาปกติ
         
    “วันนั้นมีเหตุต้องกลับบ้านเร็วกว่าปกติ
    แต่พอกลับมา ก็พบว่าบ้านเงียบ
    เดินขึ้นมาชั้นสองก็ได้ยินเสียงกุกกัก ๆ อยู่ในห้อง
    แล้วก็เสียงคนคุยกันหงุงหงิง

    ตอนนั้นมือเย็นมาก
    พยายามตั้งสติ
    มือก็ควานหากุญแจห้อง หาให้ถูกดอก จะได้ไขทีเดียวไม่พลาด
    ซึ่งหาไปมือก็สั่นไป

    พอไขประตูเข้าไป ภาพที่พบก็เป็นอย่างที่คิดไว้
    ซึ่งสำหรับผู้หญิงทุกคน มันเป็นช่วงเวลาที่สติแตกมาก ๆ”
         
    “ยอมรับว่าเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายมาก
    มันทั้งโกรธ ทั้งเกลียด ทั้งขยะแขยงสามี
    มีอะไรใกล้มือเราทุ่มใส่เขาไปก่อน โวยวาย เสียงดัง


    นาทีนั้น
    อะไรก็เอาไม่อยู่แล้ว
    ส่วนพี่เลี้ยงลูกคนนั้น เราไล่เขาออกไปในแทบจะวินาทีนั้นเลย”

    ---------------------------------------------------------------------------
    ด้านลูก ๆ ทั้งสามคน
    เมื่อพบกับความแตกสลายของครอบครัว
    สิ่งที่เด็กได้รับจึงหนีไม่พ้นความเจ็บปวด
         
    “ตอนนั้น
    การเป็นพ่อไม่ได้มีค่าอะไรอีกเลยในสายตาลูก
    จากที่ลูกเคยรักเรา เล่นกับเรา

    วันหนึ่งเขากลับบอกว่า เขาเกลียดพ่อ
    คำ ๆ นี้ทำให้หัวใจคนเป็นพ่อเจ็บปวดมาก
    นาทีนั้นเราเลยได้คิด ว่าเราอยากได้โอกาสจากลูก

    อีกสักครั้งก็ยังดี

    อยากให้เขามองเราเป็นพ่อเหมือนเดิม
    ไม่ใช่มองด้วยสายตาเจ็บปวดแบบนี้”
         
    นานนับเดือน
    กว่าที่บรรยากาศในบ้านจะคลายความตึงเครียดลง
    แต่ก็ยังไม่วายที่จะมีชนวนปะทุความขัดแย้งเป็นระยะ ๆ
    เหตุจากบาดแผลฝังใจของภรรยาที่ยากจะลบเลือน
         
    “ตอนนั้น ความรู้สึกเกลียดชัง หรือแค้น มันยังมีอยู่
    มันเลยทำให้เราคอยแต่จะประชดประชัน
    และเล่นเกมการเมืองกับสามี

    พยายามทำให้ลูกเข้าข้างเรา เห็นใจเรา
    เหมือนแย่งลูกกัน ว่าลูกจะอยู่ฝ่ายใคร พ่อหรือแม่

    ต่างคนต่างพยายามชี้จุดไม่ดีของกันและกันให้ลูกเห็น
    ซึ่งจริง ๆ แล้วมันไม่มีประโยชน์เลย”

    ---------------------------------------------------------------------------      
    แต่เมื่อเวลาผ่านไป
    สองสามีภรรยาได้มีเวลาย้อนมองความผิดพลาดของตนเอง
    ตลอดจนบาดแผลในใจที่ลูก ๆ ได้รับ

    จึงทำให้คนสองคน
    เริ่มได้สติกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง
         
    ---------------------------------------------------------------------------

    ละครไม่ “สอนใจ” เสมอไป
         
    แม้ชีวิตในละคร
    จะเต็มไปด้วยฉากทะเลาะเบาะแว้ง หรือมีเนื้อหารุนแรง

    แต่ฉากสุดท้ายของละคร
    พระเอกนางเอกมักจะลงเอยอย่างมีความสุข

    แต่ในชีวิตจริง ไม่เสมอไปที่จะเป็นเช่นนั้น
         
    “ตัวละครจะกรี๊ดกร๊าดแค่ไหนก็ได้ จะร้ายเพียงใดก็ได้
    แต่เราต้องไม่นำมาใช้ในชีวิตจริง

    เพราะเมื่อไรที่เราเอ่ยคำหยาบ
    คำประชดประชัน หรือทำพฤติกรรมโวยวาย
    เลียนแบบในละคร
    ชีวิตครอบครัวเราพร้อมจะพังลงได้ในทันที”
    คุณพิมลวรรณยอมรับ
         
    “มันไม่เหมือนในละคร
    ที่ผู้หญิงเล่นตัวได้ มีผู้ชายมาง้อ

    ในชีวิตจริง
    เราก็ผิดเองที่ไม่ค่อยได้มีเวลาดูแลสามี
    มันต้องเข้าใจกัน  ทั้งสองฝ่าย

    ไม่ใช่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาเข้าใจ หรือมาอดทนอยู่ฝ่ายเดียว
    เราเองก็บกพร่องในหน้าที่หลาย ๆ อย่าง ที่ไม่ได้ดูแลสามีเท่าที่ควร”
         
    “ตอนที่เกิดเรื่อง
    เราใช้อารมณ์กันทั้งสองฝ่าย
    และพร้อมจะแตกหัก

    แต่ก็มีผู้ใหญ่หลายคนให้สติ
    ให้คำแนะนำในการใช้ชีวิตคู่ เช่น
    ความในอย่านำออก ความนอกอย่านำเข้า
    ไม่ต้องเอาเรื่องของคนในบ้านไปเล่าให้คนข้างนอกฟัง


    เพราะเขาก็เล่าต่อกันไปสนุกปาก
    แต่คนของเราเวลาไปเจอคนอื่นจะทำหน้าอย่างไร
    จะมีหน้ามีตาในสังคมได้ไหม

    แล้วก็อย่าพูดจาทำร้ายจิตใจกัน
    คำหยาบ
    คำประชดประชันต้องเลิก

    และหันมาคุยกันจริง ๆ จัง ๆ
    พยายามทิ้งความเกลียดชัง ทิ้งความขยะแขยงออกไป

    ข้อสุดท้ายคือ
    ถ้าไม่ถึงที่สุดจริง ๆ อย่าท้าเลิก”
         

    ด้านคุณประสงค์สามีเอง
    ก็ออกมายอมรับความผิดพลาดด้วยเช่นกัน

    “สิ่งที่อยากได้กลับคืนมาคือโอกาสจากลูก ๆ และภรรยา
    อยากทำครอบครัวให้ดีเหมือนเดิม

    ความผิดพลาดมันอาจเกิดขึ้นได้
    แต่หลังจากนั้นคนที่ทำผิดพลาดส่วนมาก
    อยากขอโอกาสในการแก้ตัวใหม่


    เพราะเราอยากได้ กำลังใจ
    อยากให้คนในครอบครัวกลับมาอยู่ร่วมกัน
    รักกันเหมือนเดิม อีกครั้งหนึ่ง”

    จากคุณ : Learn and Live - [ 1 มิ.ย. 52 17:04:11 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com