ความคิดเห็นที่ 1 ลองหา second opinion กับคุณหมออีกคนค่ะ แนะนำให้อ่านหนังสือ สร้างสมาธิให้ลูกคุณ ของ ศ. พญ. อุมาพร ตรังคสมบัติ (หรือไปหาหมอท่านนี้ก็ได้นะคะ)  หนังสือดีมากค่ะ  มีที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ จากคุณ : Something, More - [ 4 มิ.ย. 52 10:13:24 ]

ความคิดเห็นที่ 2 หลานเป็นอยู่เหมือนกันครับ เป็นทั้งสมาธิสั้นและซึมเศร้า ทานยา Ritalin สามเวลา เวลายาออกฤทธิ์ก็จะนิ่งได้ แต่บางทีก็นิ่งมากเกินไป แต่เมื่อยาหมดทธิ์แล้วนี่ เต็มที่เหมือนกัน ผลข้างเคียงของยา Ritalin คือ เบื่ออาหารครับ และนอนหลับยาก หมอจะไม่ให้ทานยาหลัง 16.00 น. จากคุณ : paman - [ 4 มิ.ย. 52 10:13:41 A:125.25.46.31 X: TicketID:105585 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณคุณSomething, More และคุณ paman มากค่ะ รบกวนอีกติดสสส์ คุณหมอท่านนี้อยู่ที่ รพ.ไหนค่ะ หลังไมค์ก้อได้ค่ะ เพราะเราตั้งใจอยู่แล้วว่า เราไม่หาหมอคนเดียวแน่ เพราะนี้ก้อลองปรึกษาคุณหมอที่รักษาลูกอยู่ประจำ คุณหมอท่านนี้ก็พูดเหมือนครูค่ะ คือ มันเป็นเรื่องของพฤติกรรม พ่อแม่ และโรงเรียนเป็นหลัก แต่กับจิตแพทย์เมื่อวานบอกเรามันคนละเรื่องเลย เราเลยสงสัย(มาก)เป็นพิเศษอ่ะค่ะ หลานของคุณ paman ทานยาตัวเดียวกันกับที่จิตแพทย์จะสั่งให้ค่ะ แต่จิตแพทย์ท่านนี้บอกว่าไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งแฟนไม่เชื่อค่ะ ที่ยาจะไม่มีผล หรือสารตกค้าง เค้าว่าขนาดสมุนไพรธรรมชาติยังมีเลย นับประสาอะไรกับยาสังเคราะห์ ซึ่งเราก็ไม่อยากไปเถียง แต่อยากหาข้อสรุปให้ลูกมากกว่า ลูกของเราเป็นไฮเปอร์ที่ สดชืนรื่นเริงมาก ประมาณซนมาก (มากๆ) อยู่ไม่นิ่ง เล่นได้ตลอด ไม่ชอบนอนกลางวัน แต่จะวิ่ง จะเล่นได้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ยิ่งเหนื่อยยิ่งคึกอ่ะค่ะ แม่มานเหนื่อยแทนค่ะ ยิ่งตอนนี้ท้องสองด้วยยิ่งทวีความเหนื่อยเท่าตัวค่ะ เศร้าจริงๆ ยังไงต้องขอขอบคุณทุกท่านด้วยนะค่ะ ยังรอผู้มีประสบการณ์ท่านอื่นๆ เข้ามาแชร์ด้วยนะค่ะ รบกวนด้วยค่ะ จากคุณ : มนยูมะ - [ 4 มิ.ย. 52 10:42:57 ]

ความคิดเห็นที่ 4 หลานเป็นไฮเปอร์ แม่เค้าไม่อยากให้กินยา ค่อยๆรักษากับหมอๆบอกว่าประมาณ 7 ขวบน่าจะหาย ตอนนี้พ้น 7 ขวบแล้วอาการปรกติค่ะ แม่เค้าบอกว่าเด็กกินยาแล้วจะมีอาการซึมเศร้าเค้าเลยไม่ อยากให้ทาน แต่ก็เคยเจอแม่บางคนที่บอกว่ายาจำเป็นสำหรับการรักษา ทั้งนี้อาจจะขึ้นอยู่กับ อาการของเด็กแต่ละคน หา secแond opinion ก่อนก็ดีนะคะ จากคุณ : IcyRose - [ 4 มิ.ย. 52 10:45:33 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แล้วเวลาน้องอยู่ในห้องเรียน น้องนั่งนิ่ง.อยู่ในระเบียบ วินัยได้ไม๊คะ??? ในความคิดเห็นเรา..เราว่าถ้าไปโรงเรียนแล้วไม่มีปัญหา แสดงว่าน้องยังควบคุมตัวเองได้  ไม่ต้องกินยาน่ะค่ะ จากคุณ : ริวคิ-mawin-maji-minic - [ 4 มิ.ย. 52 10:48:58 ]

ความคิดเห็นที่ 6 หลานผมหาหมอที่รามาฯคลินิคพิเศษ พญ.ขวัญเรือน ครับ หมอมาตรวจวันเสาร์ ต้องนัดล่วงหน้า Ritalin ก็มีผลข้างเคียงครับ เท่าที่หาข้อมูลมามันก็คือยาบ้า แต่ดัดแปลงโครงสร้างทางเคมี ซึ่งจะมีพิษต่ำ และไม่ติดยา หาซื้อร้านขายยาข้างนอกไม่ได้ หมอจะให้ยาอีกตัวให้กินช่วงก่อนนอน คือ risperidone quicklet 0.5 mg ก่อนนอน หมอแนะนำให้พยายามกำหนดกติกาให้เขา เวลาเขานิ่ง ( จากการทานยา ) แล้วใช้การทำพฤติกรรมบำบัดควบคู่ไปด้วย ผมว่าถ้าจำเป็นก็ต้องใช้ครับ เพราะถ้าเด็กไม่มีสมาธิจะไม่สามารถเรียนรู้ในสิ่งต่างๆได้ดี แล้วก็ถูกลงโทษ เด็กก็จะมีแนวโน้มเสียคนได้ ( หมอบอกเองเลยม)เพราะโดนครูลงโทษบ่อย ใครๆก็ไม่ชอบเพราะซน อยู่ไม่นิ่ง ไม่เรียบร้อย จากคุณ : paman - [ 4 มิ.ย. 52 10:54:02 A:125.25.46.31 X: TicketID:105585 ]

ความคิดเห็นที่ 7 จริงๆหมอที่ไปหา ในช่วงแรกจะยังไม่ให้ทานยา แต่ให้ทำพฤติกรรมบำบัด พ่อแม่ต้องมีเวลาให้อย่างเต็มที่ ฝึกให้เขามีสมาธิ พอดีหลานผมมีพี่น้องหลายคน พ่อแม่ดูแลไม่ทั่วถึง หมอก็เลยต้องใช้ยาช่วยครับ จากคุณ : paman - [ 4 มิ.ย. 52 10:56:18 A:125.25.46.31 X: TicketID:105585 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คุณ IcyRose ค่ะ คุณครูก้อบอกแบบนี้ค่ะว่า ค่อยๆ ฝึกเดี๋ยวก็จะดีขึ้นเอง แต่หมอว่าขึ้นอยู่กับอาการของเด็ก แต่สุดท้ายก้อบอกว่าควรทานยา เอ้อ...เหนื่อยใจ คุณ ริวคิ ค่ะ ที่โรงเรียนคุณครูดีมาก ใส่ใจ และดูแลให้อย่างดี ดูจากลูกแล้วเนี่ย เค้าชอบไปโรงเรียนมาก เค้ามีปัญหาแค่เวลาเรียนชอบยุกยิก ไม่ใส่ใจเท่าที่ควร แต่ครูบอกว่า ก็ต้องคอยดู และคอยดึงกลับมา จะว่าใจลอยก็ว่าได้ บางทีก็วอกแวก ใครทำอะไร ก็ต้องหันไป หันมา ตลอดค่ะ เหนื่อยแทนครูเหมือนกันบางที ของเราแค่ลูกเราคนเดียวยังแสนเหนื่อย แต่ครูต้องเจอกับเด็กตั้งสามสิบกว่าคน ครูยังว่า ศรีทนได้ค่ะ อิอิ ที่สำคัญ ครูไม่สนับสนุนอย่างแรงเรื่องใช้ยาค่ะ เราเลยใจเบาไปครึ่งนึงอ่ะค่ะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ จากคุณ : มนยูมะ - [ 4 มิ.ย. 52 11:32:35 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อย่างน้อยที่สุด ตอนนี้คือได้รู้แล้วว่า ลูกเป็นอะไร สบายใจได้อีกหนึ่งเปราะ เห็นด้วยกับการเริ่มจากพฤติกรรมบำบัดก่อน แต่ควรจะกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน และการบำบัดต้องทำอย่างจริงจัง เมื่อพ้นกำหนดแล้ว ถ้าไม่ดีขึ้น ต้องรับยาจากคุณหมอจริงๆ แล้วค่ะ มุกว่าพ่อแม่ทุกคนก็คงรู้สึกไม่ต่างจากคุณ ถ้าลูกไม่เป็นอะไรจริงๆ ก็ไม่มีใครอยากให้ลูกรับยาหรอกค่ะ แต่ในเมื่อทางเลือกอื่นๆ ไม่มี ก็ต้องทานให้ได้ และทานให้ดีที่สุด ยิ่งรักษาเร็ว ก็ยิ่งมีโอกาสดีขึ้นเร็ว จากคุณ : ตื่นมาตาแป๋วๆ - [ 4 มิ.ย. 52 11:34:30 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณอีกครั้งสำหรับข้อมูลค่ะ คุณ paman มีบ้างค่ะที่ลูกกลับมาบอกว่า วันนี้ครูตี เพราะทำงานช้า หรือบางทีชวนเพื่อนคุย แต่เค้าไม่มีท่าทางที่ไม่อยากไปโรงเรียนอ่ะค่ะ เราเลยว่าลูกเราไม่น่าจะอาการหนักนะค่ะ เพราะเท่าที่คุยกะครู เค้าก็ว่าลูกสาวซนมากจริง แต่เพื่อนเยอะ มนุษยสัมพันธ์ดี ชอบช่วยเหลือครู และเพื่อนๆ แค่ขาดสมาธิในการเรียน อยู่บ้าน เค้าก็เล่นได้ทั้งวัน แต่เล่นคนเดียว บางครั้งพ่อเค้าก็จะเล่นเป็นเพื่อน แต่เล่นได้ไม่นาน เพราะพ่อเค้ารับไม่ไหว น้องไม่ยอมพัก ไม่ยอมหยุด และที่สำคัญ พ่อเค้าให้ตายก็ไม่ยอมใช้ยา อธิบายยากค่ะ ไม่ใช่ว่าไม่ยอมรับนะว่าลูกไม่มีสมาธิ แต่รับเรื่องยาที่ใช้ไม่ได้ ส่วนหมอ เราเข้าใจว่าที่เค้าจะสั่งยาให้เลย เพราะโรงเรียนแถวบ้านแห่งหนึ่ง จะส่งเด็กที่ชอบคุยเล่นในห้องไปหา และขอรับยาเลย หมอเลยคิดว่า เราก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะเท่าที่คุยกะหมอเด็ก และเพื่อนๆ เค้าก็บอกเหมือนคุณ paman ค่ะว่าครั้งแรกไม่น่าจะสั่งยาเลยนะ แต่นี่เค้ายืนยันว่าลูกเราต้องใช้ยารักษา เค้าคุยกับลูกเราไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำอ่ะ เค้าประเมินได้แล้วจริงๆ หรือ แล้วคำถามที่เค้าถาม ลูกเราก็บอกเรา มันค่อนข้างตื้นมาก เช่น ในห้องเรียนมีคนอื่นที่คุยกัน เล่นกันระหว่างเรียนมั๊ยค่ะ ลูกเราตอบว่า มีค่ะ คนนี้ คนนี้ชอบคุยกัน บางทีก็คุยข้ามโต๊ะ ก็มี หนูชอบไปโรงเรียนมั๊ยค่ะ ลูกเรา ชอบค่ะ ชอบมาก ระหว่างโรงเรียนเก่า กับโรงเรียนใหม่ ชอบที่ไหนมากกว่ากัน และทำไม ลูกเรา โรงเรียนใหม่ค่ะ เพราะมีเรียนวิชาที่โรงเรียนเก่าไม่มี อย่างเรื่องศาสนา มาเรียนที่ใหม่ทำให้หนูรู้ว่า ไม่ได้มีแค่ศาสนาพุทธอย่างเดียว ในโลกนี้ และมีวิชาเนตรนารีด้วย หนูชอบ คำถามประมาณเท่านี้นะค่ะ พอดีเราจำได้ไม่หมด แต่รู้สึกจะมีอีกประมาณสอง สามข้อ แต่ถามเรื่องเกี่ยวกับโรงเรียนค่ะ ซึ่งลูกเราตอบแบบนี้จริงๆ เพราะเมื่อวานหลังจากออกจากห้องหมอ ระหว่างกลับบ้าน เราถามเค้า เค้าก็บอกเราแบบนี้อ่ะ ไม่ได้แต่งขึ้นเองนะค่ะ พอแฟนเราได้ฟังก็เลยยิ่งว่า คุยกะเด็กไม่ถึงครึ่งชม. ประเมินลูกเราเสร็จแล้ว เพียงแต่เวลาคุยกันกับหมอ ลูกเราก็จะยุกยิกๆ ไม่ได้นั่งนิ่งๆ ตอบอ่ะค่ะ หรือจะผิดปกติตรงที่เค้าไม่นิ่งๆ เพียงแต่ตอบคำถามได้รู้เรื่องแค่นั้นอ่ะค่ะ แต่พอหมอให้วาดรูประบายสี เค้าออกไปทำนอกห้อง เราอยู่ในห้องกะหมอ เราไม่เห็น แต่พอออกจากห้องหมอ เราก็ไปถามพยาบาลหน้าห้องว่า ตั้งกะออกจากห้องหมอมาเนี่ย น้องนั่งนิ่งๆ บ้างหรือยัง พยาบาลก็บอกว่า น้องก็นั่งวาดรูปดีนี่ค่ะ เพิ่งวิ่งเล่นตอนมีเด็กๆ อีกสองคนเข้ามาเล่นด้วย จากข้อมูลพวกนี้ทำให้เราสับสนมาก ว่า นี่ลูกฉ้านอาการหนักต้องใช้ยาอย่างที่หมอบอกจริงๆ รึนี่ หรือหมอเค้าจะคิดว่า ถ้าไม่อยากได้ยา แล้วมาทำไม ... ปล. ขอไม่บอกนะค่ะว่าชื่อโรงพยาบาลอะไร แต่เอาเป็นว่าโรงพยาบาลใกล้บ้านค่ะ นัดหมอก็ประมาณ สองสัปดาห์ค่ะ กว่าจะได้คิวอ่ะค่ะ ยังไงก็ขอบคุณมากๆ นะค่ะ ทุกความเห็นมีประโยชน์กับตัวเรา และลูกเรามากๆ และพ่อแม่ในห้องนี้น่ารักมากๆ ทุกท่านเลยค่ะ จากคุณ : มนยูมะ - [ 4 มิ.ย. 52 12:05:25 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ครูน่ารักมากๆ ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้ ขอเอาใจช่วยคุณแม่นะคะ จากคุณ : (( aloha )) - [ 4 มิ.ย. 52 12:16:14 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เป็นคุณครูที่ดีและน่ารักมาก ๆ ค่ะ หาได้ยากจริง ๆ ในสมัยนี้ จากคุณ : Purple76 - [ 4 มิ.ย. 52 12:55:07 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อืม ไม่อยากจะใช้คำว่ารักษาหรือบำบัดเลยค่ะ มันคล้ายกันเหลือเกินในความหมาย ขอใช้คำว่า แก้ไข นะคะ มันแก้ไขกันได้นะ อาการแบบนี้ เด็กแต่ละแอ๊คทีฟไม่เท่ากัน อย่างลูกชายคนโต ตอนแรกก็กลัวว่าจะเป็นแบบนั้น เพราะคุณเธอไม่นิ่งเลย ตอนเริ่มเดินได้ก็เดินไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ยิ่งช่วงที่เหนื่อยๆนะ คือจะนอนแต่ไม่ยอมนอน จะยุ่งมาก พูดไม่ฟัง รุงรัง จะเล่นของเล่น อันนู้นก็จะเล่นอันนี้ก็จะเอา ไม่รู้จะเล่นอันไหน คือเล่นพร้อมกันไปเลย พอเค้าได้พัก ได้หลับเค้าก็หายยุ่ง หายรุงรัง พอสัก 2 ขวบครึ่ง อาการเหล่านี้หายไป เค้าเริ่มมีเพื่อน ไปเล่นกับเพื่อน ไปโรงเรียน ชอบมากเพราะมีเพื่อนเยอะ จนทุกวันนี้ อาการรุงรัง หรือไม่นิ่ง หายไปหมดอย่างสิ้นเชิง ให้เค้าทำอะไร เค้าก็จดจ่อทำกับสิ่งนั้นได้ดีทีเดียว อืมๆๆๆ เรื่องนี้มันแก้ไข้ได้ โดยที่ไม่ต้องใช้ยาหรอกนะ ทำกิจกรรมร่วมกับเ้ค้า พาไปเล่นกับเพื่อนๆ มันน่าจะหายได้ ตอนนี้ลูกชายกี่ขวบแล้วคะ ลูกเราถ้าอยู่เมืองไทยก็อนุบาลนะคะ อนุบาลที่นี่เรียนสบายๆ บรรยากาศในห้องเรียนอย่างกะไม่ใช่ห้องเรียนเลยค่ะ ครูก็ดีมากๆๆ จะพูดกับเด็กด้วยเหตุผลมากกว่าดุด่า หรือตีเด็ก บรรยากาศของห้องเรียนเด็กจะชอบมาก เพราะของเล่นที่เป็นอุปกรณ์การเรียนมันน่าเล่นมากกว่าเรียนงัย บางครั้งโรงเรียนก็ช่วยได้กับลูกชายของคุณ จากคุณ : Dylan&Liam (preeya_adam) - [ 4 มิ.ย. 52 13:03:30 ]

ความคิดเห็นที่ 14 การตรวจประเมิณของหลานผมที่หมอทำนะครับ ที่พอจะจำได้ ( รพ.ศูนย์ประจำจังหวัด ในภาคกลาง ) หมอมีของเล่นให้เด็กเล่น จะปล่อยให้เด็กเล่นไปเรื่อยๆ สังเกตุว่าเขาจะไม่เล่นไปทีละอย่าง จะเอาทุกอย่างมาเล่นรวมกัน เดี๋ยวไปเล่นอันโน้น เดี๋ยวไปเล่นอันนี้ หมอชวนคุยก็จะไม่ค่อยสนใจตอบคำถาม เป็นต้น ครั้งแรกหมอไม่ได้ให้ยา แต่สอนวิธีควบคุมเขาให้เขามีสมาธิ เช่นเวลาสอนการบ้าน ต้องสอนเขาคนเดียว แล้วเอามาทำบนโต๊ะกำหนดพื้นที่ทำงาน ไม่ให้ใครมารบกวน ช่วงแรกๆอาจจะยาก แต่ค่อยๆฝึกไป ให้เขาค่อยๆรับรู้ แต่เนื่องจากที่บ้านมีเด็กหลายคน จึงไม่ได้ผล มาพบหมอครั้งต่อมา หมอจึงเริ่มให้ยา ต่อมาครอบครัวผมย้ายเข้ามาอยู่ กทม ก็เลยย้ายการรักษาของหลานมาที่ภาควิชาจิตเวช รพ.รามาฯ ใช้เวลานัดหมอประมาณหนึ่งเดือนจึงจะได้คิว หมอก็จะซักถาม ดูวิธีเลี้ยงดู สังเกตุอาการดุของพ่อแม่ เมื่อลูกทำผิด วันที่ไปพบหมอ ไม่ได้ทาน Ritalin หมอจึงสังเกตุอาการได้ค่อนข้างชัด หมอขอส่งตรวจทางจิตเวช เรื่องอารมณ์ด้วย ค่าตรวจประมาณพันกว่าบาท จะมีนักจิตวิทยามาตรวจในห้อง โดยปล่อยให้เด็กเล่น เด็กขอเอาน้องสาวเข้ามาเล่นด้วย ผลสรุปหมอบอกว่าเด็กค่อนข้างมีปัญหาทางด้านอารมณ์ร่วมด้วยคือก้าวร้าว และมีโรคซึมเศร้าด้วย จึงจ่ายยา amitriptyline มาให้ทานก่อนนอนเพิ่มด้วย ถ้าไม่แน่ใจก็พาไปหาหมอจิตเวชเด็กอีกซักที่ก็จะดีนะครับ สำหรับหลานผม ไปรร.ที่กรุงเทพ ครูบอกว่าเด็กกินยามากไปหรือเปล่า ครูพยายามไม่ให้กินยา แต่หลานก็เคยมาบอกว่าโดนครูตี ซึ่ง ถ้าเป็นแบบนี้ให้ทานยาตามหมอสั่งจะดีกว่า เพราะผู้ประเมิณและรักษาคือหมอ แต่ผู้ให้ความร่วมมือคือครู ครูคนนี้อาจจะเข้าใจ แต่ครูคนอื่นๆหล่ะครับ ถ้าไม่เข้าใจก็จะแก้ปัญหาโดยการลงโทษเด็ก ขึ้นอยู่กับโรคด้วยว่าเด็กเป็นมากหรือน้อย ถ้าเป็นน้อย ก็อาจจะทานยาน้่อยหรือไม่ต้องทานเลยก็ได้ แต่คงต้องมีครู( ทั้งโรงเรียน ) ที่เข้าใจเด็กประเภทนี้ด้วย จากคุณ : paman - [ 4 มิ.ย. 52 13:15:58 A:125.25.46.31 X: TicketID:105585 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จริงๆ ค่ะ ครูสมัยนี้หายากค่ะที่จะดูแลเอาใจใส่ขนาดนี้ ตอนแรกเรายังไม่เชื่อตัวเองเลยว่า ครูจะใส่ใจมากขนาดนี้ ถือว่าน้องโชคดีมากๆ ค่ะ คุณDylan&Liam ค่ะ ของเราเป็นลูกสาวค่ะ หมอบอกว่าส่วนใหญ่จะเป็นในเด็กผู้ชาย ลูกเรานี้ เป็นส่วนน้อยในเด็กผู้หญิงที่จะเจอค่ะ แล้วตอนนี้ก็อายุ 6 ขวบแล้วค่ะ ตอนที่อายุยังน้อย เราก้อรู้สึกได้ว่าเค้าไม่นิ่ง(อย่างแรง) และยิ่งตัวเราเอง และแฟน ก็ไฮเปอร์ทั้งคู่ เลยไม่แปลกใจที่เค้าจะได้รับมรดกชิ้นนี้ และเพราะอายุเท่านี้แหล่ะค่ะ ที่จะทำให้เห็นถึงความแตกต่าง เพราะตอนเล็กๆ ซนมาก ซนน้อยก็คือเด็กอ่ะค่ะ แต่พอถึงช่วงหนึ่งที่ต้องนิ่ง เพื่อเรียนหนังสือ เค้ากลับนิ่งไม่ได้ ยังคงดุ๊กดิ๊กอยู่ไม่สุข เจ้าอารมณ์ ชอบหงุดหงิดถ้าต้องคอย หรือนั่งนิ่งๆ นี่แหล่ะค่ะที่เป็นปัญหาตอนนี้ อยากให้เค้านั่งเฉยๆ บ้าง อย่างน้อยเวลาเรียนหนังสือ เพื่อจะได้ทันเพื่อน และโดยวิธีที่ไม่ต้องใช้ยาอ่ะค่ะ นี่ลองคุยกับแฟน เค้าจะให้ไปลูกเล่นดนตรีไทย เสริมที่โรงเรียนพอดีที่โรงเรียนมี เลยว่าจะลองไปคุยกะครูด้วยค่ะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ จากคุณ : มนยูมะ - [ 4 มิ.ย. 52 13:31:31 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เราแนะนำให้ไปพบจิตแพท์เด็กอีกซักท่านดีไหมคะ  เพื่อจะได้ข้อมูลเพิ่มขึ้นค่ะ และคุณพ่อคุณแม่เองจะได้สบายใจมากขึ้นด้วย โรคสมาธิสั้น เป็นความผิดปกติของสมองส่วนที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการควบคุมตนเองในจดจ่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งค่ะ  และแสดงออกมาให้เห็นทางพฤติกรรม เช่น อยู่ไม่นิ่ง ว่อกแว่กง่าย เหม่อลอย ทำงานไม่เสร็จ หรืองานเสร็จช้า ขี้ลืมเป็นต้นค่ะ เด็กส่วนหนึ่งเค้าเชื่อว่าสมองส่วนนี้พัฒนาสมบูรณ์ช้ากว่าเด็กปกติ ซึ่งจะพบว่าอาการดีขึ้นเมื่ออายุเกิน 7 ขวบไปแล้ว (พบได้ประมาณ 1/3 ค่ะ) ส่วนที่เหลือ ประมาณ 1/3 อาการจะยังคงอยู่ แต่พฤติกรรมซนอยู่ไม่นิ่งจะลดลง แต่อาการว่อกแว่ก เหม่อลอย จะยังคงพบอยู่และเป็นอุปสรรคต่อการเรียนค่ะ และอีก 1/3 จะแย่ลงเนื่องจากมีผลข้างเคียงอื่นเพิ่ม เช่น ปัญหาการเรียนค่ะ การรักษาสมาธิสั้น มีหลายวิธีค่ะ ตั้งแต่พฤติกรรมบำบัดไปจนถึงการรับประทานยา แต่ตามมาตราฐานการรักษาในปัจจุบันแนะนำให้ทำไปทั้งสองอย่างคู่กันค่ะ ยาสมาธิสั้น เป็นอนุพันธ์ของยาบ้าจริงค่ะ แต่ไม่สามารถทำให้เกิดฤทธิ์เสพติด หรือกระตุ้นประสาทรุนแรงเหมือนยาบ้าค่ะ เพราะโครงสร้างทางเคมีต่างกันบางส่วน ผลข้างเคียงของยา Ritalin ที่พบบ่อยคือ ปวดศีรษะ ปวดท้อง ในวันแรกๆของการรับประทานยา แต่เมื่อทานยาต่อเนื่องอาการจะค่อยๆดีขึ้นจนหายไปค่ะ นอกจากนี้ยังพบอาการเบื่ออาหาร ทานอาหารได้น้อยลงค่ะ แต่อาการก็จะหายไปเมื่อหมดฤทธิ์ยาค่ะ เรามีหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับสมาธิสั้นเล่มเล็กๆอยู่ค่ะ ถ้าสนใจหลังไมค์มาก็ได้ค่ะ เราจะส่งไปให้อ่าน จะได้สบายใจขึ้นค่ะ จากคุณ : ป้าจิ๊ป - [ 4 มิ.ย. 52 13:41:51 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ลูกชายก็ซนมาก ๆ เหมือนกันค่ะ มีหลายคนรอบข้างสงสัยว่า สมาธิสั้นหรือเปล่า ก็เลยไปปรึกษาคุณหมอ คุณหมอบอกว่าเด็กวัยนี้วัดยากว่าเป็นหรือไม่ บางทีอาจเป็นแค่เด็กซน ต้องรอ 6 ขวบไปแล้วน่ะค่ะ ถ้าไม่นิ่งก็เข้าข่ายแล้ว ตอนนี้ลูกชาย 4 ขวบค่ะ ซนสุดยอด ไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย แต่เราจะพยายามสร้างสมาธิให้ลูก หาเกมส์ฝึกสมาธิมาให้เค้าเล่น อย่าเกมส์เขาวงกต ลูกชอบมากเลยค่ะ เป็นการฝึกสมาธิได้ส่วนหนึ่ง และฝึกเชาวน์ด้วย แต่พวกระบายสี ศิลปะ ที่เค้ามาช่วยฝึกสมาธิได้ดี อันนี้ เซย์โน ค่ะ เค้าไม่ชอบเลย จากคุณ : MumMix - [ 4 มิ.ย. 52 14:01:10 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เคยพาลูกชายไปพบจิตแพทย์ตอนยังไม่เข้า รร. อะคะ เค้าก็ประเมินอาการเบื้องต้นก่อนคือนัดเข้าคอร์ส "กิจกรรมบำบัด" ครั้งละ 1 ชม. ประมาณเดือน 2 ละครั้ง แต่พอลูกเข้า รร. แล้วเลยเลิกไป คิดว่าลูกคุณคงมีอาการเยอะกว่าลูกเรา คุณหมอถึงแนะนำให้ทานยา คิดเหมือนที่คุณครูว่านั้นแหละคะ ลองปรับพฤติกรรมดูก่อน ที่บ้าน ก็ต้องช่วยด้วย เข้าใจความรู้สึกถึงความเหนื่อยคะ ถ้ายังไม่ดีขึ้น ก็ลองไปหา คุณหมออีกที เหมือนที่คุณป้าจิ๊ปบอกอาจจะมีความเห็นต่างกันไปอีก ให้กำลังใจแทนแล้วกันคะ เพราะของตัวเองก็ยังแก้ไม่ตก ท่องไว้คะ อดทน จากคุณ : โมลลาโย - [ 4 มิ.ย. 52 14:05:43 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ปิง-ปิงก็ใช้ยาอยู่นะคะ แต่ ก็ไม่เห็นมีความแตกต่างเลย กิน กับ ไม่กิน (บางทีลืมกินยา) แต่หมอว่า ยานี้ ออกมากับฉี่นี่คะ ไม่น่าจะอันตราย เพราะก่อนที่ ปิง-ปิง จะรับยา ออย ก็หาข้อมูลในเน็ตแล้ว 80% เค้าว่าไม่อันตราย อาจมีช่างแรก ที่จะเบื่ออาหาร คลื่นไส้ และถ้ามีอาการแบบนี้ เราบอกหมอได้นะคะ  อย่าเคลียดนะ  ใจเย็นๆ ต้องหาข้อมูลแยอะๆด้วย  สู้ๆ จากคุณ : ออย-โอ๊ด - [ 4 มิ.ย. 52 14:07:21 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ใช่ๆๆๆ เคยได้ยินเหมือนกันว่าจะเกิดกับเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง เลยคิดว่าลกคุณมนเป็นผู้ชายน่ะค่ะ คุณโชคดีมากๆๆเลยนะที่ลูกสาวคุณได้คุณครูที่ดี ยังเอาใจใส่ดีมากๆ เด็กแถวบ้านก็มีคนนึง เด็กผู้ชายน่ะ่ค่ะ ทุกคนก็ทักนะว่าลูกเป็นเด็กสมาธิสั้นหรือออทิสติกเนี่ยแหล่ะ ไปหาหมอ หมอบอกว่าเป็น แต่ฝ่ายพ่อกับแม่ไม่เชื่อ บอกว่าลูกปกติดี และก็ไม่ทำอะไรเลย คราวก่อนกลับบ้านไปเจอ เค้าโกรธ โกรธไม่เหมือนเด็กทั่วไปนะ วันนั้นเค้าใส่ชุดสไปเดอร์แมนเค้าก็โกรธเป็นสไปเดอร์แมน ใส่ชุดแบทแมนเค้าก็โรกธเป็นแบทแมน จริงๆๆค่ะ เพราะไปยืนดู เลยแปลกตั้งแต่ตอนนั้น บอกแม่เค้า แม่เค้าก็พูดว่า เค้าก็เป็นแบบนี้แหละเวลาโกรธและก็เฉย คนมาบ้านเยอะๆเค้าจะไม่ชอบเลย จะเข้าไปอยู่คนเดียวในห้อง ไม่เล่นกับใคร เล่นคนเดียวเหมือนตัวเองอยู่ในโลกคนเดียว บางวันเห็นเค้าแต่งชุดสไปเดอร์แมนตั้งแต่เช้า ระแวกบ้านรู้เลยว่าวันนี้เค้าต้องทำไรแปลกๆ ก็แปลกจริงๆ เป็นสไปเดอร์แมนทั้งวัน ทั้งคืน ไปโรงเรียนเค้าก็ไม่อยากไป ครูเล่าให้แม่เค้าฟังว่า เวลาเรียนลูกชายเค้าจะยืนอยู่หลังห้องคนเดียว ทุกวัน ไม่เข้ากิจกรรมใดๆกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนเลย จะเล่นคนเดียวหลังห้อง พ่อกับแม่ก็ยังเฉย ไม่รู้สึกว่ามันแปลก ทั้งที่ครูทักแล้ว และผลการตรวจของหมอก็ระบุถึงสองหนเลย คือไม่ยอมรับใดๆทั้งสิ้น ปัจจุบันเด็กคนนี้ก็น่าจะรุ่นเดียวกับลูกสาวของคุณมนเนี่ยแหล่ะค่ะ เพิ่งเข้าป.1 ตอนนี้เค้าก็คุยรู้เรื่องมาเยอะ แต่พฤติกรรมเป็นยังงัย เดือนตุลากลับบ้านก็คงจะเห็นน่ะค่ะ อันนี้เป็นกรณีที่พ่อแม่ไม่ alert ค่ะ คุณมนน่ะยังเอาใจใส่ลูกและได้ครูดีแบบนี้ ไม่นานก็คงจะดีขึ้นค่ะ ยังงัยเป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : Dylan&Liam (preeya_adam) - [ 4 มิ.ย. 52 14:27:18 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอถามเป็นข้อมูลความรู้หน่อยนะคะ  ว่าเด็กที่เป็นไฮเปอร์หรือสมาธิสั้น  สามารถสังเกตอาการเบื้องต้นได้อย่างไร  และจะเริ่มตั้งแต่อายุเท่าไหร่  เพราะลูกสาวก็ไม่ค่อยจะอยู่นิ่งค่ะ  ตอนนี้อายุ 2.11 เดือนแล้ว  จะได้ตั้งตัวทัน  ขอบคุณนะคะ จากคุณ : ปูม้า&ปลาดาว (ปูม้า&ปลาดาว) - [ 4 มิ.ย. 52 15:13:17 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เห็นด้วยกับการหาคุณหมอเพื่อขอความคิดเห็นอีกท่านหนึ่ง และที่สำคัญน่าจะพาครูไปคุยกับหมอในการตรวจน้องคราวต่อไปด้วย คุยกันตรงๆ โดยไม่ผ่านใครจะทำให้เข้าใจตรงกันได้มากกว่าและมีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาได้ดีกว่าค่ะ คราวนี้ก็จะกลายเป็น 3 ประสานเลย บ้าน โรงเรียน โรงพยาบาล รับรองว่าหายแน่นอน จากคุณ : tiara - [ 4 มิ.ย. 52 15:59:13 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ตอบคุณปูม้า&ปลาดาวค่ะ   ปกติเด็กสองสามขวบจะยังบอกได้ยากค่ะ เพราะธรรมชาติของเด็กวัยนี้ยังไม่นิ่งค่ะ   จะบอกได้ชัดเจนจริงๆ น่าจะซักสี่ถึงห้าขวบไปแล้วค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้้าเรียนอนุบาลไปซักพัก น้องไม่สามารถนิ่งอยู่ในที่ทำกิจกรรมได้สั้นๆค่ะ (เน้นว่าสั้นๆนะคะ เพราะเด็กวัยอนุบาลความมีสมาธิจดจ่อยังไม่ยาวนักค่ะ) จากคุณ : ป้าจิ๊ป - [ 4 มิ.ย. 52 19:32:50 ]

ความคิดเห็นที่ 24 น่าดีใจที่ได้ครูดี คิดว่าเชื่อครูก่อนดีไหม ฝึกกันก่อน ไม่หายค่อยให้ยา เอาใจช่วยให้น้องไม่เป็นอะไรมากค่ะ จากคุณ : Hana* - [ 4 มิ.ย. 52 21:08:24 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อยากให้ปรึกษาคุณหมอจิตแพทย์หลายๆท่านค่ะ อย่าตัดสินกับคำพูดหมอคนเดียวนะ ไม่งั้นชิวิตอาจจะเปลี่ยนเป็นอีกแบบไปเลยก็ได้ เคยไปพบจิตแพทย์ปรึกษาเหมือนกันค่ะ เคยไปรพ.พญาไท อ.หมอวินัดดา คิวยาวเหยียดดด แต่คุ้มนะ อ.ให้คำปรึกษาดีมากค่ะ จากคุณ : สมรุ่ง (สมรุ่ง) - [ 4 มิ.ย. 52 22:10:15 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณทุกท่านมากนะค่ะ ทั้งความเห็น และกำลังใจ ตอนนี้จิตใจดีขึ้นมากมาย ยิ่งเมื่อวานได้คุยกะครูแล้ว ขอบอกว่า ดีใจมากๆ ครูเองก็ไม่ได้ดูดาย เค้าช่วยดูลูกเรามากขึ้น ครูก็บอกว่าเข้ามาเสริชในเนตหาวิธีทำสมาธิ และก็เอาไปใช้ อย่างเมื่อวาน ที่โรงเรียนปกติเค้าจะมีนั่งสมาธิทุกเช้า แต่ครูเค้าเปลี่ยนใหม่ ในเมื่อน้องนั่งไม่ได้ ครูก็ให้ไปเดินนับก้าว (เดินจงกลม) แทน โดยที่ให้เด็กทำเหมือนกันทั้งห้อง ไม่ใช่ลูกเราแค่คนเดียวนะ ผลปรากฏว่า ครูเองยังทึ่งเลยว่า วันนั้นทั้งวัน เด็กทุกคน รวมทั้งลูกเราด้วย เรียนกันได้ดีกว่าทุกวัน และมีสมาธิมากกว่าที่ผ่านมา อย่างเมื่อวานกลับบ้านมา ครูบอกว่า ให้นั่งหลับตานับ 1 -100 ก่อนแล้วค่อยนอน เค้าก็ทำนะ เราถามเค้าว่าครูบอกให้หนูทำหรอ ลูกบอกว่าครูให้ทำทุกคนนั่นแหล่ะ แต่เท่าที่คุยกะครูนะ เค้าก็บอกว่าต้องให้ทำเหมือนกันทุกคน เพราะน้องจะได้ไม่รู้สึกว่าเค้าผิดปกติอยู่คนเดียว อันนี้ขอชื่นชม และขอบคุณคุณครูมากๆ และครูยังช่วยบอกครูคนอื่นๆ ที่สอนในชั้นด้วยว่า น้องเค้าไม่ค่อยมีสมาธิ ให้ครูคนอื่นที่จะเข้ามาสอนเข้าใจ และอย่าตำหนิ เพราะน้องกำลังฝึกควบคุมสมาธิตัวเองอยู่ ที่สำคัญ ครูย้ายที่ และบอกเพื่อนข้างๆ ลูกว่า ถ้าเพื่อนเหม่อ หรือไม่สนใจ ให้คอยสะกิดเค้านะ ซึ่งเพื่อนๆ น้องก็น่ารักมากๆ เราดีใจมากๆ ที่ได้เจอทั้งครู และเพื่อนๆ ร่วมห้องของน้องดี ตอนนี้ทั้งเรา และครู ก็จะปรึกษากันตลอดว่า ถ้ามีวิธีไหน ก็ให้บอกมาเลย เต็มที่ ทั้งที่บ้าน และโรงเรียน เราก็ไปเล่าให้ครูฟังว่า เราเข้ามาในพันธุ๋ทิพย์เนี่ย ดีมากเลย ได้ความรู้เยอะ ถ้าอัฟเดทยังไง จะไปบอกครูอีกที ส่วนอาการครูยืนยันว่า ลูกเราไม่ถึงขั้นต้องใช้ยาจริงๆ เพราะเค้าไม่มีพฤติกรรมก้าวร้าว หรือซึมเศร้า เค้าเป็นเด็กร่าเริง เข้ากับคนง่าย เพื่อนที่มาเล่นด้วย ก็ไม่ได้มาจากโรงเรียนเดียวกัน แต่ลูกเรามีเพื่อนที่เล่นด้วยกันตอนนี้เกือบทุกห้อง รวมไปถึงพี่ ป.2 ยังมาเล่นด้วยกันเลย ซึ่งครูบอกว่า ถ้าต้องใช้ยาน้องเค้าต้องมีภาวะซึมเศร้า ไม่เข้ากับใคร ชอบเล่นคนเดียว แต่ลูกเราไม่เป็น เพียงแต่เวลาเรียนยังคงอยากสนุกอยู่ เลยไม่สนใจซะงั้น เฮ้อ... ตอนนี้เฝ้ารอแต่วัน และเวลาว่าจะช่วยลูกเราได้มากแค่ไหน แค่รู้ว่าเริ่มห่างไกลจากการใช้ยา เรากับสามี ก็ดีใจ จนตอนนี้มีกำลังใจขึ้นเยอะค่ะ ขอบคุณจริงๆ ทุกๆ เม้นท์ และกำลังใจนะค่ะ สู้ตายค่ะ เพื่อลูกสาว และที่กำลังจะระเบิดจากท้องแม่อีกคน .... ปล. ฝากนิดนุง อันนี้เป็นคำที่ครูพูดไว้ ชอบมากๆ เลยขอโพสเพื่อเป็นกำลังใจให้ครูท่านอื่นๆ ที่มีโอกาสได้เข้ามาอ่าน และทุกๆ ท่าน ที่สมัยนี้ข่าวที่เราเจอมีแต่เรื่องครูโหด ครูอนาจาร ครู.... อีกมากมาย "สาเหตุที่ครูไม่ให้ใช้ยาในเด็ก เพราะครูไม่ได้อยากสอนเด็กที่นิ่ง แต่ไม่มีวิญญาณ ถ้าครูไม่เคยเห็นเด็กที่ใช้ยามาก่อน ครูจะไม่สามารถบอกได้เลย เคยเจอมาแล้ว ถึงได้รู้ว่า ไม่ใช่แค่พ่อแม่เด็ก หรือเด็กเท่านั้นที่ทรมาน รร. ถือเป็นบ้านที่สองของน้อง และครู ก็เปรียบเสมือนผู้ปกครองคนหนึ่ง ต้องมาเห็นสภาพน้องนั่งนิ่งๆ ฟังครูสอน แต่พอมองเข้าไปในแววตา เหมือนคนไม่มีวิญญาณ ครูรับไม่ได้จริงๆ ถ้าจะสอนเด็กนิ่งๆ แบบนั้น ไม่ต้องจบครูหรอกค่ะ จบ ม.ปลายก็สอนได้ ถ้าไม่มีวิธีรับมือเด็กซน ปราบเด็กไม่อยู่ ครูก็ไม่เป็นครูหรอกค่ะ เป็นแค่แม่บ้าน ก็มาสอนได้เหมือนกัน" แล้วเราที่เป็นพ่อแม่ จะทนได้หรือถ้าลูกเราต้องเป็นแบบนั้น จากคุณ : มนยูมะ - [ 5 มิ.ย. 52 09:16:11 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ดีใจกับคุณแม่จากใจจริงเลยค่ะ ที่น้องได้พบกับคุณครูที่ดีมาก ๆ และก็เห็นด้วยกับคุณแม่ ที่อยากให้น้องไปเรียนดนตรีไทย ถ้าน้องชอบ และยอมไปเรียนนะ สนับสนุนเต็มที่เลย....^ ^ คุณแม่สู้ ๆ .......^ ^ จากคุณ : ริวคิ-mawin-maji-minic - [ 5 มิ.ย. 52 16:18:52 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เรียนโรงเรียนไหนเหรอค่ะ ครูดีมากๆ เลยค่ะ อ่านคำพูดครูแล้ว ขอคารวะคุณครูท่านนี้ด้วยใจจริงเลยค่ะ จากคุณ : zuling68 - [ 5 มิ.ย. 52 20:30:29 ]