Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    เราต้องกตัญญู ต่อคนที่แค่ได้ชื่อว่า เป็นพ่อเป็นแม่ จริงหรือ

    ด้วยความที่ช่วงนี้ มีข่าวเกี่ยวกับ พ่อ แม่ ลูก หลายข่าวมากๆ ทำให้มุกเกิดคำถามเหมือนหัวข้อกระทู้ เกิดความสงสัยเกี่ยวกับ คำว่า กตัญญู ใจจริงนะอยากจะถามว่า การที่เราจะถือ หรือ เรียกได้ว่า เราสมควรเป็น พ่อ เป็น แม่ ของคนๆ หนึ่งนั้น จนมีสิทธิ์ที่จะได้รับการกตัญญูกลับจากลูกได้ มันควรจะเริ่มนับได้จากตรงจุดไหน

    ก่อนหน้านี้ เคยคิดมาตลอดว่า การเป็นพ่อเป็นแม่นั่น นับได้เมื่อลูกถือกำเนิดตั้งแต่อยู่ในท้อง ถ้าไม่มีพ่อ หรือไม่มีแม่ ก็ไม่มีลูก เพราะฉะนั้น จากจุดที่เริ่มให้ชีวิตตรงนี้ มันก็เป็นบุญคุณที่ทดแทนได้ไม่หมดไม่สิ้นแล้ว

    แต่.............ถ้ามองในอีกมุม ชีวิตนั้นๆ เค้าได้เลือก หรือร้องขอที่จะมาเกิดหรือเปล่า ถ้าแค่ให้ชีวิตเกิดมาเป็นมนุษย์ ต้องนับว่าควรกตัญญูต่อการตัดสินใจให้มีชีวิตเลยหรือเปล่า

    เคสที่ 1:
    แม่ให้กำเนิดลูก 3 คน แต่มักจะปล่อยภาระการเลี้ยงดูให้พ่อเป็นผู้จัดการทุกอย่าง ส่วนตัวเอง มักจะเริงร่ากับชีวิตส่วนตัวซะมากกว่าที่จะใส่ใจว่า วันนี้ลูกได้กินอะไรหรือยัง อาบน้ำหรือยัง ทำการบ้านหรือยัง มีปัญหาอะไรมั้ย เจ็บป่วยมั้ย  

    พอลูกได้ครบเดือน ก็รีบไปหาซื้อยาลดความอ้วนมากิน ด้วยกลัวว่าปล่อยไว้นานหุ่นจะเสีย โดยที่ให้ลูกหย่านมเร็วๆ ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องน้ำนมเลย

    ผ่านมาจนลูกคนเล็กได้ 6 ขวบ ก็หาเรื่องหย่ากับพ่อเด็กๆ จะได้มีอิสระ วันที่ไปหย่า รีบบอกเจ้าหน้าที่ๆ อำเภอ ให้บันทึกลงไปเลยว่า ตนเองจะไม่รับผิดชอบเด็กทั้ง 3 คนเด็ดขาด ตกเย็นผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงนับจากตอนที่หย่าขาดกัน กลับเข้าบ้านมาเรียกร้อง ขอค่าอุ้มท้องลูก 3 คน พอสามีไม่ให้ ก็อาละวาดพังข้าวของ โดยที่แทบจะไม่ได้มองหน้าเด็ก 3 คนที่นั่งดูการกระทำของคนที่ขึ้นชื่อว่า เป็นแม่ ด้วยซ้ำไป

    กำลังเดาเคสนี้เล่นๆ ว่า ถ้าผ่านไปอีกสักสิบกว่าปี ตอนเจ้าคนโต กับคนที่สอง เริ่มมีงานทำ แม่จะกลับมาทวงบุญคุณมั้ยว่า ให้กำเนิดเจ้ามา ต้องเลี้ยงดูแม่นะ หรืออย่างน้อยๆ แม่ก็เคยเลี้ยงดู (ถึงจะแค่ดู มากกว่าเลี้ยงก็เหอะ) จนเจ้า 10 ขวบ ตอนนี้ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องกตัญญูแม่กลับบ้างแล้ว แล้ว.........เด็กมันจะคิดอย่างไร


    เคสที่ 2:
    แม่อยู่กับพ่อซึ่งมีย่าและน้องสาวพ่อ คอยวุ่นวาย คอยจัดการ คอยบงการชีวิตคู่ให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ กดขี่แม่สารพัด พ่อก็อ่อนแอ เชื่อแม่ตัวเองทุกอย่าง ย่าให้ทำอะไร น้องเป่าหูอย่างไร เชื่อหมด สุดท้ายแม่ทนไม่ไหว ต้องหนีกลับบ้าน โดยที่จะขอเอาลูกสองคนกลับไปอยู่ด้วย

    สุดท้ายก็กลับบ้านได้จริงๆ นะ แต่ต้องออกมาตัวคนเดียว ไม่ได้ลูกมาเลี้ยงดูสักคนอย่างที่ตั้งใจไว้ เพราะทางบ้านสามีกีดกันทุกอย่าง ไม่พอ ยังคอยสั่งสอนเด็กสองคน ให้โตมากับความรู้สึกว่า แม่ทิ้งพ่อ แม่นิสัยไม่ดี และอื่นๆ อีกมากมาย

    วันนึง เด็กสองคนโตขึ้น คนนึงเป็นหมอฟัน คนนึงเป็นทนายความ อาชีพ การงาน เป็นที่นับหน้าถือตาของคนทั่วไป แต่.............ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะ หาเวลาสักนาทีเพื่อที่จะ มาหาแม่ หรือไม่เคยเลยสักครั้ง ที่จะเจียดแม้แต่เศษสตางค์ให้คนที่เรียกว่า แม่

    เมื่อถูกถามว่า ทำไมถึงปล่อยให้แม่ลำบากหละ (ตอนนี้แม่ต้องอาศัย ทำงานบ้านให้ญาติพี่น้อง ในวัย 60 ปลายๆ ทำขนมตามเทศกาลขาย หาเสื้อผ้ามาขาย เลี้ยงตัวเองไปวันๆ ) คำตอบที่ได้คือ ...........ไม่พร้อม..........จริงๆ ก็คือ ทำใจไม่ได้ที่.........จะรัก..........แม่ที่ไม่ได้เลี้ยงดูมา

    อย่างนี้หละ ผิดไหม


    เคสที่ 3:
    พ่อเป็นคนรักสบาย หยิบโหย่ง แม่เป็นคนขยัน อดทน ลูก 4 คนเป็นเด็กดี รักดี พ่อเป็นคนเริ่มกิจการเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว แต่ในเวลาเดียวกัน แม่ก็เป็นคนที่ทำงานนอกบ้านตลอดเวลา เพื่อหาเลี้ยงครอบครัวเช่นกัน ในช่วงที่ลำบาก เด็ก 4 คนไม่เคยอยู่เฉย ทำงานพิเศษหาเลี้ยงตัวเองด้วยเช่นกัน เรียกว่า มีช่วงที่ลำบากกันหมด

    วันนึง เมื่อเด็กๆ เรียนจบ พ่อบอก ให้มาทำกิจการของพ่อต่อ เพราะพ่อจะวางมือแล้ว (ในวัย 40 ปลายๆ) ทั้งๆ ที่เป็นกิจการที่ไม่มีใครชอบทำ และอยากทำ แต่ก็ทนการกดดันจากพ่อไม่ได้ ก็โอเค เวียนๆ กันมาทำ

    พอถึงจุดที่ลูกเริ่มมาดูแลกิจการ พ่อก็เริ่มกลับไปเสเพลเหมือนกัน ทั้งเข้าสังคม ไปเที่ยว ซื้อข้าวของ รวมไปถึงเลี้ยงเมียน้อย สารพัดที่จะถลุงเงิน และทำร้ายจิตใจคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียและลูก

    ทุกครั้งที่ทะเลาะกันระหว่างพ่อกับลูก คำว่า ต้องกตัญญู ให้ชีวิตมา เลี้ยงดูมา ให้เงินใช้ ให้การศึกษา (ทั้งๆ ที่ก็เรียนฟรีเนอะ - อยู่อเมริกา) มักจะถูกหยิบมาใช้เสมอ ไม่ก็ สมัยก่อนพ่อลำบากมาก เพื่อเลี้ยงดูทุกคนให้อยู่รอด (แต่ก็ไม่เคยคิดว่า ตอนนั้น แม่ก็ลำบาก ลูกก็ลำบาก ไม่ได้มีใครสบายๆ สักคน) ไหนจะสร้างหนี้บัตรเครดิตเอาไว้ ถึงเวลาเอาสลิปโยนใส่หน้าลูก บอกไปหาเงินมาจ่ายซะ มันถึงเวลาที่ต้องเลี้ยงดูพ่อบ้างแล้ว

    เช่นนี้หละ ต้องกตัญญูใช่ไหม




    มุกเคยคุยกับพ่อแม่เรื่องนี้ เพราะบางทีมุกก็สงสัยว่า ทำไมพ่อแม่ไม่ค่อยยอมรับเงินจากมุก หรือไม่เวลาพาไปหาหมอ พาไปเที่ยว ก็มักจะไม่ค่อยยอมรับ จนหลายๆ ทีต้องมีดุบ้าง พอมาหลังๆ ก็ดีขึ้น เริ่มยอมให้ลูกทำอะไรๆ ให้บ้าง

    พ่อบอกว่า ไม่รู้สิ พ่อกับแม่อาจจะคิดไม่เหมือนพ่อแม่คนอื่นก้ได้ พ่อคิดว่า การที่ให้มุกกับน้องเกิดมา มันเป็นเรื่องของธรรมชาติที่มนุษย์เราต้องสืบสายเลือดต่อ มันเหมือนเป็นหลักฐานของการมีชีวิตอยู่ และการที่พ่อกับแม่เลี้ยงดูมุกกับน้องให้สบาย ให้มีกินมีใช้ ให้มีการศึกษาที่ดี มันก็ไม่ใช่เรื่องของการลงทุน ที่เมื่อวันนึง มุกกับน้องจะเป็นสินค้าที่สามารถขายได้ในอนาคต หรือเป็นเครื่องจักรทำเงินกลับมาเมื่อยามเค้าแก่เฒ่า

    เค้าบอก มันเป็นหน้าที่ของคนที่เป็นพ่อเป็นแม่อยู่แล้ว ที่ต้องทำทุกอย่างให้กับลูก มันเป็นความรับผิดชอบต่อการให้ชีวิตๆ นึงได้ถือกำเนินมา แล้วมันก็ไม่ผิด ถ้าสมมติว่า พ่อหรือแม่คนใด บกพร่องต่อหน้าที่ในการเป็นพ่อเป็นแม่ แล้วลูกจะเลือกที่จะไม่ขอตอบแทนความเป็นพ่อเป็นแม่นั้น

    พ่อมุกบอก มันดูหน้าด้านนะ ถ้าเราเป็นคนทิ้งเค้าเอง ตัดสินใจเองที่จะไม่เลี้ยงดูเค้าอย่างที่ควรจะเลี้ยง แล้วพอวันนึงที่เราลำบาก กลับไปขอให้เค้ามาเลี้ยงดู แต่ก็นั่นแหละค่ะ พ่อมุกเป็นแบบพวกสุดโต่งทางความคิด แต่ทุกวันนี้ก็ยังดี ที่เค้าก็มีความสุขกับการได้ถูก มุกและน้อง เลี้ยงดูนะ (ถึงแม้จะไม่ค่อยยอมพึ่งพาเท่าไหร่ก็เหอะ)

    แล้วคุณพ่อ คุณแม่ห้องนี้ คิดเห็นอย่างไรคะ

    จากคุณ : ตื่นมาตาแป๋วๆ - [ 19 มิ.ย. 52 13:42:44 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com