ความคิดเห็นที่ 1 เดี๋ยว..ก็อปกระทู้ล่างมาไว้เลยนะคะ http://www.pantip.com/cafe/family/topic/N7983568/N7983568.html คือไปตอบข้างล่างไว้เยอะ ขอตอบตรงนี้เพื่อเก็บไว้อ้างอิง.. เผื่อมีคนมาถามซ้ำอีก จะได้เอามาให้อ่าน ตอบมากไป เขาจะมองเป็นอวดรู้ แต่พี่ขอตอบและเล่าตามประสบการณ์นะคะ เอาเรื่องเป้าหมายที่คุณแม่อยากให้ลูกเป็นหมอก่อน.. ลูกพี่ไม่ได้เรียนหมอ แต่พี่จะตอบในฐานะที่มีพี่ชายเป็นหมอ(จบเตรียมอุดม) หลานสาวเป็นหมอเกียรตินิยมอับดับหนึ่งศิริราชค่ะ(จบสตรีวิทย์) และแนวโน้มจะได้หลานเขยเป็นหมออีกด้วย แฮ่ะๆ เกิดและโตมากับทั้ง 2 คนเขามีคุณสมบัติความเป็นแพทย์มาแต่เด็กเหมือนกันดังนี้ค่ะ 1. เป็นคนเรียนเก่ง สมองดี มีไหวพริบปฎิภาณ เวลาเราพูดคุยอะไรกับเขา เราจะรู้สึกว่าเขาตอบอะไรง่ายๆแต่ชัดเจน 2. เป็นหนอนหนังสือ อ่านหนังสือทุกอย่าง แม้แต่การ์ตูนหรือถุงกล้วยแขก 3.ไม่เคยเรียนพิเศษ ไม่ได้เรียนหนัก แต่อ่านหนังสือทำการบ้านสม่ำเสมอ 4. เป็นคนเก่งคำณวนเด่นชัด โจทย์ที่ยากแสนยาก เขาสามารถวิเคราะห์ได้อย่างรวดเร็ว(แสดงถึงความมีปฎิภาณไหวพริบดี) 5. เป็นคนไม่เครียด สบายๆ พ่อแม่ไม่เคยต้องเคี่ยวเข็ญเรื่องเรียน มีความสุขกับการทำการบ้าน 6. มีจิตวิญานในการเป็นแพทย์ เช่นชอบอธิบายเกี่ยวกับเรื่องร่างกาย ใครเจ็บป่วยจะชอบเข้าไปดู(แม้เป็นเด็ก) ไม่กลัวเลือด ไม่กลัวศพ 7. พ่อแม่ไม่เคยกดดันให้เป็นหมอ ให้เป็นในสิ่งที่ลูกอยากเป็น แต่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ลูกจขกท.มีคุณสมบัติเหล่านี้บ้างไหมค่ะ ลองสังเกตดูนะคะ.. เรื่อง ร.ร สาธิต พี่ก็มีประสบการณ์บ้างค่ะ เพราะตอนลูกจะต่อ ม.1 เราก็ซอกซอนหา ร.ร อยู่พักใหญ๋ ข้อสอบเข้าจะเป็นแนวทดสอบความถนัด ปฎิภาณ ไหวพริบล้วนๆ จำนวนรับจำกัด เขามีโควต้าเยอะมาก กลุ่ม ร.ร สาธิตจะมี 2 กลุ่มนะ คือสาธิตมหาลัย กับสาธิตราชภัฎ ดังนั้น คุณภาพ ร.ร ก้อขึ้นอยุ่สถาบันอย่างชัดเจน 1. สาธิตจุฬา แนะนำว่าสอบแล้วไม่ต้องหวังค่ะ ((มันเต็มตลอดอยู๋ล่วงหน้า)) 2. สาธิต มศว,ปทุมวัน,เกษตร-สอบได้ถือว่าเก่งจริงค่ะ 3.สาธิตรามคำแหง,สาธิตสวนสุนันทา,สาธิตวัดพระธาตุ-กลุ่มนี้...ลูกพี่สอบได้นะ((สอบไม่พร้อมกัน) แต่สละสิทธิ์ ถ้าเทียบความเก่ง 1,2 เทียบได้กับ ร.ร ท๊อบเท็นของรัฐบาลค่ะ(สวนกุหลาบ,สตรีวิทย์ ,สามเสน) แต่พี่ว่าสอบเข้ายากกว่าเยอะค่ะ มันมีแรงต้านมากกว่า 555 สาธิต ข้อ3 เฉยๆค่ะ จากคุณ : ลูกชิ้นปลาเด้ง - [ 19 มิ.ย. 52 20:03:40 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผลักดันเด็กแต่เล็กเพื่อ เติมเต็มความอยากของพ่อแม่... ไม่ได้หมายความว่าเด็กจะอยากเข้าเรียนแพทย์ตอนเมือ่เขาโต ที่ตัดสินใจเองได้นะคะ อย่าผลักดัน ให้เด็กมี "ความสมัครใจ" เอง เด็กจะมีแววออกเองเมือ่ตอนเด็ก ว่าจะมีอนาคตอาชีพเป็นอะไร... ถ้าเขาไม่มีความสมัครใจ ไม่กระตือรือล้นเอง ตอนโต... พ่อแม่ผลักดันไปก็ รังแต่จะสร้างปัญหากดดันทางสุขภาพจิตให้กับเด็ก เด็กต้องมีความเต็มใจ ขยัน ตั้งใจ อดทนเองมาตั้งแต่เด็ก ลุกคนโตของดิฉันไม่ใช่เด็กเก่งอัจฉริยะอะไร... แต่ด้วยเขาเป็นเด็กที่ฝึกฝนตัวเองมาตั้งแต่อายุไม่กี่ขวบ ขยันอ่านหนังสือ จินตนาการอ่านหนังสือ (กลับหัว) แต่งเรือ่งจากทำเป็นอ่านได้.... พอเข้ารร. กลัวการไปรร. สายมากๆ ใช้สมาธิในการเรียน ไม่คุยเหลา่ะแหละในห้องเรียน ... ไม่ใช่เด็กบ้าเรียนอะไร... แต่ มีความรับผิดชอบในการ ทำการบ้าน รายงาน... และ ยังมีเวลาไปร่าเริงกับเพื่อนๆ ด้วยดิฉันไม่กดดันเขาว่าต้อง บ้าเรียน (ถึงกดดันก็ไม่ได้ผล เพราะเขาจะต่อต้าน) ผลของความตั้งใจมาตลอด มีผลดีกับเขาเมือ่เรียนจบไฮสคูลเป็นเด็กเกียตรินิยมในกลุ่มของเด็กเรียนดีเด่นมาตั้งแต่เด็กอนุบาลมาจนถึงไฮสคูล กำลังจะเข้ามหาลัย วัดดวงกันอีกสี่ปีหน้าว่าจะเรียนต่อสาขาที่เขาวางแผนอนาคตไว้เอง ... จะไปรอดหรือไม่ อย่ากดดัน แต่คอยอยู่เคียงข้าง เป็นเพื่อนให้ความอบอุ่นกับเขา แก้ไขมีตกหล่น แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 52 23:52:51 จากคุณ : JidNince - [ 19 มิ.ย. 52 23:50:43 ]