ความคิดเห็นที่ 1 เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยค่ะ นี่ก็ทั้งชม ทั้งยอ ส่วนลูกชายตัวดี ก็ค่อนข้างบ้ายอด้วยสิคะ 555 จากคุณ : กังหันลู่ลม เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 22:04:55

ความคิดเห็นที่ 2 เห็นด้วยกับหมอไปป์ค่ะ  นอกจากคำชมแล้ว ภาษากายก็สำคัญมาก ตัวพี่เองมีปมในวัยเด็ก ไม่ว่าทำอะไร พ่อแม่ก็ไม่ค่อยชมเลยค่ะ กอด หอมแก้มนี่ไม่มีเลย-*- ไม่ใช่ว่าท่านไม่รักนะคะ เพียงแต่คงเขินในการแสดงออกน่ะค่ะ พอมีลูกก็พยายามชื่นชมเขามากๆ มีอย่างหนึ่ง ไม่รู้ว่าพี่คิดถูกหรือเปล่า? คือคำชมนั้นต้องพอเหมาะพอีด้วยค่ะ เช่น ถ้าเขาตั้งใจกวาดบ้านจนสะอาด เราก็อาจจะชมเขาว่า "หนูช่วยแม่ได้เยอะเลย บ้านดูสะอาดขึ้นมาก" ประมาณนี้ค่ะ ... ถ้าเราชมเขาจนเลิศลอย เช่น "เยี่ยมมาก ...หนูเหมือนนางฟ้าน้อยๆของแม่เลย" จะทำให้เขากดดันหรือเปล่าคะ? ว่าต้องทำตัวให้ดีตลอดเวลา เหมือนเป็นการคาดหวังน่ะค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆนะคะ จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 22:27:20

ความคิดเห็นที่ 3 ชอบชมลูกเหมือนกัน....^ ^ เค้าจะได้มีกำลังใจในการทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป......^ ^ ( ลูกก็บ้ายอ ( เหมือนแม่ ) ).....ยิ่งชม ยิ่งกระตือ รือร้น.......^ ^ จากคุณ : ริวคิ-mawin-maji-minic เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 00:16:59

ความคิดเห็นที่ 4 ชมลูกเหมือนกันค่ะ เวลาเขาทำดี ส่วนเรื่องกอดเรื่องหอมก็ทำเป็นประจำ ถ้าเวลาเขาเกเร บางครั้งแค่บอกว่า  ถ้ายังเกเร วันนี้จะไปกอดเลย เท่านั้นลูกก็เงียบได้แล้วค่ะ  ( แต่ไม่ได้ผลเวลาลูกง่วงนอนค่ะ) จากคุณ : p-annipe เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 03:51:55

ความคิดเห็นที่ 5 มีประโยชน์มากเลยค่ะ ชอบชมลูกเหมือนกัน ตอนนี้ลูกจะรู้เลยว่าถ้าเค้าทำอะไรสำเร็จ เค้าจะวิ่งมาหา แล้วบอกให้แม่กับพ่อปรบมือให้ทุกครั้ง เพราะเราปรบมือให้เค้ามาตลอด แต่เพื่อนแย้งมาว่า ต้องเปลี่ยนวิธีชมบ้าง เพราะ เวลาเค้าไปโรงเรียน แล้วทำดี ต้องคอยให้ครูปรบมือให้ ถ้าครูไม่ได้ใส่ใจเค้าจะไม่ทำอีก ตอนนี้ก็เลยมีทั้งปรบมือ พูดชม กอด หอม ลูกชอบค่ะ ลูกจะรู้เลยว่า ทำดีได้คำชมจากแม่ ทำไม่ดี ไป Time out จากคุณ : calendura (calendura) เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 05:28:20

ความคิดเห็นที่ 6 ชมลูกทุกวันเลยค่ะ ^ ^ ชมจนคิดเองว่าแม่มันเว่อร์จริงๆ จากคุณ : ลูกไหม เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 08:26:17

ความคิดเห็นที่ 7   เห็นด้วยค่ะ ชมให้พอเหมาะพอควร เสริมสร้างความมั่นใจในตัวเองให้กับเด็กด้วย ที่สำคัญเราต้องพูดความจริง ดีเราก็ชม ไม่ถูกเราก็ต้องบอกกล่าวกัน จากคุณ : LeMonMeLon เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 08:38:14 A:125.24.37.235 X: TicketID:216726

ความคิดเห็นที่ 8 บางครั้งชมลูก ลูกจะทำหน้างง ๆ ค่ะ แบบไม่คิดว่าแม่จะชม (สงสัยจะชมเว่อร์ไปหน่อย) จากคุณ : คนสวยเมืองนนท์ เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 08:55:32

ความคิดเห็นที่ 9 ชมเสมอคะ หมอไปป์ แต่ก็ไม่ได้ชมจนกลายเป็นเทวดา นางฟ้า นางสวรรค์ ชมด้วยภาษาที่เรียบง่าย และ กอดเขา พร้อมกับยิ้มชื่นชม เหมือนที่หมอหนึ่งพูดเลยคะ ผิดก็ว่าไปตามผิด ไม่เข้าข้างลูกจนลูกเราผิดไม่เป็น จากคุณ : Mimi Mice เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 10:01:43

ความคิดเห็นที่ 10 เราก็ชมลูกค่ะ ยิ่งวัยเด็กเล็ก ๆ จะยิ่งช่วยผลักดันให้เค้ามีพัฒนาการดีด้วยค่ะ จากคุณ : rainflower เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 10:29:23

ความคิดเห็นที่ 11 เห็นด้วยครับ ทำดีต้องชื่นชม ทำผิดก็ต้องดุ จนลูกชายเรียนรู้ และปฏิบัติตาม พร้อมทั้งนำมาใช้กับผู้ใหญ่ อันนี้เป็นบทสนทนาระหว่างคุณลูกชายกับคุณพ่อ .................................... น้องทัณฑ์จะสอนให้ ทำได้ไหม ทำได้เหรอ ดี ปาป๊าเก่งมาก ................................... จากคุณ : ปวยพ้ง เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 10:53:00

ความคิดเห็นที่ 12   เห็นด้วยค่ะ และเห็นด้วยกับคุณ หมูเหมียว (ความเห็น 2) ว่า การชมก็ต้องมีหลักการและไม่เวอร์เกินไป และในทางกลับกันก็ต้องมีการตำหนิหากทำผิด เท่าที่ประมวลมาเอง หลักการมีคร่าว ๆ คือ 1. เวลาชม จะมีสามท่อนที่คุณต้องเติมคำ คือ “แม่รู้สึก........ เวลาที่หนู........ เพราะว่า........” เพื่อให้ลูกเข้าใจว่าเขาทำดีอะไร ถูก เช่น แม่ภูมิใจ ที่หนูแบ่งขนมให้น้อง เพราะแสดงว่าหนูมีความเสียสละ ไม่ถูก เช่น โอ้โฮ เก่งที่สุด หรือ ว้าว หนูเด็กดี จริง ๆ (ซึ่งยอมรับเลยว่าเวลาจะชม คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องนั่งคิดประโยคเหมือนกันนะคะ ว่าจะพูดว่าอะไร) 2. ชมในสิ่งที่เขา *ทำ* หรือ *พยายามทำ* ไม่ใช่ชมเฉพาะผลงานปลายทาง เช่น ลูกวิ่งแข่งชนะเลิศ ถูก เช่น ดูก็รู้ว่ากว่าจะได้เหรียญหนูคงต้องซ้อมมาหนักและตั้งใจจริง ไม่ถูก เช่น แม่ดีใจจริง ๆ ที่หนูได้เหรียญทอง การชมเฉพาะผลงานปลายทาง ทำให้เด็กให้ความสำคัญกับผลงานปลายทางอย่างเดียว ในงานอื่น ๆ ต่อไปหากเด็กคาดคะเนว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ เขาจะไม่กล้าเริ่มทำเลย เพราะกลัวว่าจะไม่สำเร็จ เดี๋ยวแม่ไม่ชอบ แต่หากเราชมที่ความพยายาม เขาก็จะให้ความสำคัญกับความพยายาม พยายามดีที่สุดแล้ว ผลงานปลายทางเป็นอีกเรื่องหนึ่ง 3. ชมแบบระบุสิ่งที่เขา *ทำ* และพยายามเลี่ยงคำชมที่พูดว่า เขาเป็นคนแบบนั้นแบบนี้ หรือแบบเก่งไปหมดทุกเรื่อง เช่น ถ้าเก็บของเล่นเรียบร้อย ก็ชมว่า เก็บเป็นระเบียบเรียบร้อย บ้านน่าอยู่ ไม่ใช่ชมว่า เขาเป็นเด็กอัจฉริยะ การชมแบบมากไปจะทำให้เขาไม่เชื่อในคำชม เช่น หากชมว่าอัจฉริยะ ลูกอาจนึกในใจว่าแค่นี้อัจฉริยะแล้วเหรอ หรืออาจมีผลทำให้เขาอึดอัดเพราะแบกรับคำชมแสนดีนั้นไม่ไหว เช่น ในใจคิดว่า แม่คิดว่าหนูอัจฉริยะ แต่จริง ๆ หนูไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอก หนูยังแอบแกล้งน้องอยู่บ่อย ๆ เลย แม่ไม่เห็นเหรอ เดี๋ยวหนูจะแสดงให้ดู 4. เวลาจะตำหนิ ให้มุ่งเน้นไปที่กิจกรรม โดยไม่พูดว่าเขา *เป็น* คนแบบนั้นแบบนี้ เช่น ลูกทำน้ำหก เราให้เอาผ้าไปเช็ด ลูกเช็ดไม่หมดเพราะจะรีบไปเล่น ถูก เช่น พื้นยังเปียกอยู่ เช็ดให้แห้งก่อนนะคะ ไม่ถูก เช่น หนูไม่ได้เรื่องเลย การตำหนิแบบว่าว่าเขาเป็นแบบนั้นแบบนี้ จะทำให้เด็กรู้สึกว่า เราเคยทำอะไรดี ๆ ตั้งหลายอย่าง พอน้ำหกแค่เช็ดไม่สะอาดนิดเดียว เรากลายเป็นคนไม่ได้เรื่องเลยเหรอ จริง ๆ แล้วการชม/ตำหนิ ที่ดี ก็ไม่ง่ายนะคะเนี่ย จากคุณ : ฟ้าฝน เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 10:57:16 A:202.21.149.104 X: TicketID:110721

ความคิดเห็นที่ 13 ทำดี ทำได้....ชมทันที ทำผิด ถ้าไม่ร้องไห้งอแงแก้ตัวก็สอนทันทีค่ะ แต่ถ้ายังมีบทโศกลูกชายจะพูดว่า ฉันรู้สึกเศร้า...กำลังร้องไห้อยู่(อิงลิชเวอร์ชั่น) แม่เชนก็ตอบว่า ....รู้จ้ะ กำลังโกรธเชนเหมือนกันที่ทำผิด หยุดร้องไห้แล้วถึงเริ่มสอนค่ะ  กับอีกเวลาที่เทศน์ได้ยาวๆ คือตอนขับพาไปข้างนอก ถึงเค้าไม่อยากฟังก็ต้องฟังค่ะ เท่าที่สังเกตเด็กวัยหัดเดิน ประเภทอยากรู้อยากลองจะชอบลูกยุ บ้ายอ   คำหวาน  เช่น  ลองดูซิ  เชนทำได้แน่นอน    งานหลักที่เห็นพ่อแม่ทำต้องปล่อยให้ทำไม่งั้นมีงอแง เค้ารู้สึกว่างานนี้ท้าทายมากๆ  เช่น  ปิดเปิดไฟ  ประตูโรงรถ  ปิดเปิดประตูบ้าน หรือรถขึ้นเอง เทน้ำใส่แก้ว เก็บจานลงซิงค์ฯลฯ จนบางทีดูเหมือนบอสซี่ เจ้ากี้เจ้าการจัง   ต้องคิดใหม่ยอมเสียเวลาให้ลูกทำค่ะ  เพราะงานเล็กๆของเราก็จริงแต่มันคืองานที่ยิ่งใหญ่ของลูก จากคุณ : one&only เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 11:23:14

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณค่ะ จริง ๆ น๊ะค๊ะ...ลูก..ต้องการการชมเชยจากเรา..ถ้าเขาทำอะไรได้..นอกเหนือจากที่เขาเคยทำ.. จากคุณ : วรรณ wan_wan เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 11:51:23

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณจ๊ะ   คุณหมอไปป์ จากคุณ : kateking เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 12:10:07

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณค่ะ ใช่เลย ตอนเด็กๆเวลาตั้งใจทำอะไรก็อยากให้พ่อแม่ชมนี่แหละ  ยิ้มแก้มปริตอนถูกชมทุกที จากคุณ : bodiamond1 เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 14:19:15

ความคิดเห็นที่ 17 ดีจังคะ กะลังคิด แบบเดียวกับ น้องหนึ่งเลย ว่า บางที แม่ก็ชอบ จะชม ลูกเค้ามากๆ จะกดดันให้เค้าต้องเป็นเด็กดีตลอดหรือเปล่า บางทีเราก็คุยกะลูก เวลาเค้าดื้อ ไม่ยอมทำอะไร เราก็บอกว่า ไม่เป็นเด็กดี เด๋วนางฟ้า ไม่มาหอมแก้ม เค้าก็จะสวนเลยว่า ไม่อยากเป็นเด็กดีแล้ว ไม่อยากเป็นเด็กดีอีกแล้ว สำหรับเราเองก็ยอมรับอยู่ว่า เค้าคงไม่สามารถเป็นเด็กดีได้ตลอดเวลาหรอกนะ  อันนี้ทำใจได้ แต่ในทางกลับกัน เราก็ไม่อยากให้คำชมของเรากลายเป็นสิ่งกดดันให้เค้าต้องทำดีน่ารักตลอด หรือคาดหวังจากคำชมของคนรอบข้างมาก จนกลายเป็นการกดดันให้ต้องเป็นเด็กดี ตลอดเวลา จากคุณ : วีทีอาร์ เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 14:26:25

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณครับที่มาร่วมแชร์ความคิดเห็น ได้เห็นประเด็นที่ผมก็ไม่เคยนึกมาก่อน เรื่องชมลูกมากๆ จะกดดันให้เค้าต้องเป็นเด็กดีตลอดหรือเปล่า น่าสนใจครับ อย่างที่บอกไว้คือ เราไม่จำเป็นต้องชมกันทุกเรื่อง ทุกครั้ง ที่เด็กทำได้ ประเด็นผมในเรื่องชม จุดมุ่งหมายอย่างนึง คือให้พฤติกรรมเชิงบวกให้ดำเนินต่อไป เช่น แม่ชมเวลาเด็กช่วยล้างจาน ทำให้เค้ามีแรงจูงใจอยากจะทำต่อไปมากขึ้น เพราะได้แรงเสริม แต่การชมบ้าง ไม่ชมบ้าง แรงจูงใจในการทำต่อไปจะยิ่งมาก เพราะเค้าก็จะลุ้นว่าเมื่อไหร่จะได้แรงเสริมนะ เลยทำไปเรื่อยๆ เหมือนตกปลาน่ะครับ ไม่รู้ว่าวันไหน จะได้ปลาหรือไม่ได้ แต่จะถ้าวันไหนตกได้สักตัว ก็จะอยากลุ้น ตกปลาใหม่ไปเรื่อยๆ แต่ถ้าตกปลาไม่ได้สักตัวติดกันนานๆ ก็จะหมดแรงจูงใจ เหมือนกับไม่ได้คำชมนานๆก็จะเบื่อที่จะทำดีต่อ   การชม เราจะชมในสิ่งที่เค้าทำไปแล้วและตรงตามจริง และไม่ได้ชมกันทุกเรื่อง ไม่ได้บอกล่วงหน้าว่าถ้าลูกทำดีแม่จะชมนะ เป็นการบอกเค้าทางอ้อมว่า เค้ามีสิทธิ์เลือกนะ ว่าจะทำดีแล้วได้คำชมหรือทำไม่ดีแล้วถูกดุ  ซึ่งธรรมชาติของเด็กก็เป็นไปได้ที่มีช่วงหลุดบ้าง ไม่ได้เป็นเด็กดีตลอดเวลา ทั้งที่รู้ว่าจะโดนดุก็ยังทำ  ตามความเห็นผมเด็กอาจจะคาดหวังอยู่บ้างจริง แต่คงไม่ถึงกับกดดันจนเสียศูนย์ จุดประสงค์สำคัญที่ผมตั้งกระทู้นี้ แค่ไม่อยากให้เราละเลยคำชมลูกบ้างเท่านั้นเองครับ จากคุณ : tpipe เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 18:42:56

ความคิดเห็นที่ 19 ตัวลูกชายเอง เวลาที่เราชมเค้า หรือว่ามีท่าทางตื่นเต้นกับสิ่งที่เค้าทำด้วย เค้าจะรู้สึก ดีใจมีความสุขมากๆ เลยซึ่งเราสังเกตุได้จาก สีหน้าและแววตาของเค้า..... จากคุณ : tete' my little star เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 52 08:21:15

ความคิดเห็นที่ 20 เพิ่งชมไปเมื่อเช้านี้เอง เล่นของเล่นเก็บใส่กล่องเรียบร้อย วันนี้ไม่แกล้งน้องด้วย จากคุณ : ลานศิลป์ เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 52 09:00:56

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณนะค่ะ... จากคุณ : แม่ลูกหนุน เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 52 15:09:31

ความคิดเห็นที่ 22 ไม่มีวันไหนที่ไม่ชมลูกเลยค่ะ ^^ ชอบกระทู้นี้จังเลยค่ะ  เพราะตัวเองก็ชอบชมลูกค่ะ  ทั้งชม ทั้งเชียร์ เวลาลูกทำตัวน่ารัก มีความคิดสร้างสรร มีน้ำใจ หรือแม้แค่อยากยิบของเล็กๆน้อยๆมาให้ แม่ปลื้มค่ะ ทั้งชมทั้งกอดเลยค่ะ แต่ถ้าลูกทำผิดก็เตือน สอน บอกค่ะ  ไม่ให้ลูกเหลิงแน่นอน  แต่ให้เค้ามั่นใจ กล้าทำ และภูมิใจในสิ่งที่ทำดีคิดดี ขอบคุณกระทู้ดีๆนะคะ flower จากคุณ : +:+SoMEonE ExacTlY likE yoU+:+ เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 52 16:12:41

ความคิดเห็นที่ 23 #17  พี่นุ่มเป็นเหมือนต้นหอมเลยอ่ะค่ะ พี่หมี  เวลาไมได้ดั่งใจขึ้นมา ชมเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้น ไม่เอาๆอ่ะ "หนูไม่อยากเป็นเด็กดี หนูไม่ใช่เด็กดี" รบกวนถามหมอไปป์นิ้ดหนึ่ง การลงโทษเด็กแบบ time out ในโรงเรียนนี่สมควรไหมคะ ? มีน้องที่ทำงาน ไปรับลูกสาววัยสามขวบที่โรงเรียน แล้วพบว่าลูกของเธอกำลังถูกทำโทษให้นั่งเก้าอี้หันเข้าข้างฝา  ในขณะที่คุณครูกับเพื่อนๆกำลังกินของว่าง คุณครูให้เหตุผลว่า น้องจะหยิบขนมโดยไม่ล้างมือน่ะค่ะ คุณแม่เขาไม่พอใจบอกว่าลูกสาวกลัวและผวาจะกลับบ้านท่าเดียว  .... วันรุ่งขึ้นก็ร้องไห้ไม่ยอมมาโรงเรียนอีก จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 52 17:21:13

ความคิดเห็นที่ 24 จำได้ว่าตั้งแต่โตมาแม่จะมีคำพูดว่า พี่ฟอมคนเก่ง... พี่ไปป์คนเก่ง... พอรู้ว่าลูกชายโตขึ้นอยากเป็นหมอ...แม่ก็จะเรียกว่า หมอไปป์ บ่อยๆ จนได้เป็นหมอจริงๆ อยากถามว่า เรียกว่า คนดี คนเก่ง บ่อยๆ นี่ถือว่าเป็นคำชมใช่รึปล่าว สำหรับพี่ก็อยากจะเป็นคนดี คนเก่ง อยากที่แม่เรียกจริงๆ และพยายามทำให้ได้ ส่วนไปป์ เป็นหมอเพราะแม่เรียก หมอไปป์ มาตั้งแต่เด็กๆ ด้วยมีส่วนไม๊? ปล. ซื้อของขวัญมาฝากหลานด้วย ฝากแม่เด็กด้วยจะยิ่งดีมาก จากคุณ : ประมุขขวัญ เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 52 21:08:35

ความคิดเห็นที่ 25 เห็นคุณประมุขขวัญพูดถึง ก็เลยอยากจะกล่าวถึงสักนิด เคยอ่านพบในหนังสือคู่มือเลี้ยงลููกหลายเล่ม โดยเฉพาะของคุณ Dorothy Einon กล่าวไ้ว้อย่างน่าสนใจ เกี่ยวกับการ Label การเรียกลูกด้วยคำที่ใช้แทนความเป็นตัวตนของลูก สามารถช่วย หรือ ทำลาย ลูกได้ ตัวอย่างคำที่ ผู้ใหญ่ หรือ พ่อแม่ของเด็ก ใช้เรียกเด็ก เช่น คนดีของแม่ ว่าไงคนเก่ง ที่รักของแม่ เจ้าหญิงของแม่ คนสวยของแม่ พ่อตัวดี จอมซน จอมแก่น ตัวแสบ ลิงน้อย หมูอ้วน คำเหล่านี้ ที่ผู้ใหญ่เรียกเด็กตามอารมณ์โดยอาจไม่ได้มีเจตนามุ่งหมายอะไร แต่เหมือนเป็นการบอกถึงตัวตนของเด็ก ในวัยเด็กเล็กที่ยังมีอายุแรกเกิดถึงอนุบาล ช่วงที่กำลังพัฒนาความเป็นตนเอง (self awareness) ฉันคือใคร? (self concept) เด็กจะเรียนรู้ และ ซึมซับในจิตใ้ต้สำนึก ว่า ผมหรือหนู เป็นคนดี เป็นคนเก่ง เป็นที่รัก หรือเป็นตัวแสบ จอมซน ฯลฯ จากคุณ : briarrose เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 52 22:23:41

ความคิดเห็นที่ 26 #23  จริงๆแล้วการ time out ที่โรงเรียน ครูสามารถทำได้ เช่น เด็กป่วนเพื่อนขณะเพื่อนกำลังเรียนอยู่ ครูอาจให้เด็กไปยืนเงียบๆที่หลังห้อง เพื่อให้ควบคุมตัวเอง เป็นpunishment อย่างหนึ่ง แต่คงไม่ได้ใช้กับทุกกรณีขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย - ตัวเด็กเอง เช่นพื้นอารมณ์เดิม จะมีผลต่อการปรับตัวกับกฎระเบียบ หรือไม่เคยถูกฝึกแบบ time out ที่บ้านมาก่อน ก็อาจจะไม่เหมาะ - สถานการณ์ที่เลือกใช้ time out เรื่องไม่ล้างมือก่อนกินข้าว อาจจะไม่จำเป็นต้องtime out ก็ได้ แค่เตือน ถ้ายังไม่ทำตามก็จูงเด็กไปล้างมือเลย สำหรับ เด็ก 3ขวบเรื่องกินขนมเป็นเรื่องที่อ่อนไหวมาก เป็นสิ่งในไม่กี่อย่างที่เด็กชอบ แถมไม่ได้กินอยู่คนเดียว คงได้ sense of rejection ไปเต็มๆ ยิ่งท่าทีครูถ้าดูโกรธ เด็กจะยิ่ง truama มากขึ้น แต่คงไม่ตัดสินนะครับ วิเคราะห์ตามข้อมูลที่มีอยู่ แต่สถานการณ์จริงๆอาจมีอะไรมากกว่านั้น ที่คุณครูจำเป็นต้องใช้วิธีนี้ # 24 ถ้าต่อด้วยคนดี คนเก่งทุกครั้ง มันจะกลายเป็นการยอไปมากกว่าการชมนะ เพราะยังไม่ทำอะไรเลยก็เก่งแล้ว แต่อย่างน้อยมันก็เป็นคำที่น่าฟังกว่าคำด่า ตำหนิเป็นไหนๆ แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 52 22:43:05 จากคุณ : tpipe เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 52 22:41:33

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณมากค่ะ ^ ^ จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 52 07:35:11

ความคิดเห็นที่ 28 เข้ามาเก็บข้อมูล ลูกเมียยังไม่มีกะเค้าหรอกครับ ฮ่าๆ มีลูกจะได้ไปใช้กะลูกบ้าง อิอิ ขอบคุณมากๆ ครับ ^_______^ จากคุณ : tle เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 52 11:38:18

ความคิดเห็นที่ 29 ชมค่ะ ชมบ่อยๆ เวลาที่เค้าเอารูปที่วาดเสร็จแล้วมาอวด เอาการบ้านที่ทำได้เรียบร้อย สะอาด เขียนสวย มาให้ดู เราก็จะชมเค้าพร้อมๆกับกอด หอมแก้มซ้าย-ขวา แค่นี้เจ้าตัวแสบก็ยิ้มแก้มแตกแล้ว ลูกดีใจ แม่ก็อิ่มใจ สุขทั้งคู่ จากคุณ : maeguitar เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 52 13:53:00

ความคิดเห็นที่ 30 ขอแบ่งปันเรื่อง time outนะคะ ตอนเราเป็นครูประจำชั้น (ที่อเมริกา) ในหมู่ครูก็มีการคุยกันหลากหลายความเห็นในเรื่องนี้ ในส่วนห้องเรา  เราเอามาปรับใช้ค่ะ  เพราะที่ห้องมีเด็กที่มีปัญหาทางอารมณ์และพฤติกรรมจัดๆ อยู่ ๒ คน  เราก็เลยชวนเด็ก (ป.๒) ทั้งห้องคุยกัน  ว่า ถ้าจะมีมุมหนึ่งในห้อง เอาไว้เป็น ที่ส่วนตัว (ที่เป็นของส่วนรวมของทั้งห้อง) น่าจะเป็นห้องอย่างไรดี  ธีมอะไร จะได้ช่วยกันแต่งห้อง ปีนั้น (เมื่อ ๑๕ ปีที่แล้ว) เด็กๆ เพิ่งหัดเรียนเรื่องส่งอีเมล์และใช้เน็ทฯ และตามข่าวเรื่อง หมาลากเลื่อน (ที่อลาสก้า)  เด็กๆ โหวตกัน ให้ห้อง (time out?)เป็นห้องอลาสก้า แล้วก็หาตุ๊กตาหมา  หนังสือ  แปะรูปที่ฝา  ทำห้องนั้นจนดูเหมือนอลาสก้า และถ้ามีใครที่กำลังจะ (อาละวาด)ทำพฤติกรรมที่ (ตัวเอง) รู้ว่าไม่ดี  ก็จะขอตัว "ไปอลาสก้า"  แต่เราไม่อยากให้ห้องนี้ออกมาในเชิงลบ  เลยเพิ่มออฟชั่นเข้าไป คือ บางทีครูเหนื่อย  และอยากอยู่นิ่งๆ มีเวลาให้ตัวเอง  ก็จะ "ไป vacation ที่อลาสก้า"ค่ะ คือ ไม่ใช่ เป็น time out ที่ลงโทษ  แต่เป็นห้องพักใจ  เด็กที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ใหม่ๆ เราก็ส่งให้เขาไปอลาสก้านะคะ  เพียง ๒ - ๓ ครั้ง  เขาก็จะเดินไปเอง  เพื่อที่จะ ได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง  และพิจารณาถึงสิ่งที่เขาทำลงไปค่ะ มีกฎง่ายๆ ว่า จะมีคนไปไม่เกิน ๒ คน ในเวลาเดียวกันค่ะ  และ ห้ามคุยกันในนั้น (จะได้คิด  จะได้ทบทวน) ของเด็กปีหลังๆ ก็จะมี "ไปออสเตรเลีย" (จิงโจ้  โคอาล่า) "ไปเม็กซิโก" "ไปกาลาปาโก้ส" "ไปดาวเสาร์" เคยคิดเอามาใช้ที่บ้าน  ลูกๆ บอก "ไปตลาดนัด" ๕ ๕ ๕ เห็นด้วยกับเรื่องการชมอย่างพอดีๆ มีเหตุผล ตรงจุด จริงใจ และเด็กๆ รู้สึกร่วมด้วยว่า น่าชม อย่างที่หมอไปป์ หมอหนึ่ง  และหลายๆ ท่านบอกมาค่ะ จากคุณ : ต้นจั่น เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 13:12:21