ความคิดเห็นที่ 1 ลืมรูป จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 14:40:30

ความคิดเห็นที่ 2 เด็กที่มี Self-esteem หรือการเคารพในตนเองหรือบางทีก็เรียกว่าความภาคภูมิใจในตัวเองนั้นนับว่าสำคัญ... คนๆ หนึ่งรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า มีความสามารถ เป็นคนที่มีความหมาย สามารถทำตัวให้เป็นที่รักของคนอื่น และรู้จักตัวตนของตัวเอง ซึ่งความคิดความรู้สึกต่อตัวเองแบบนี้เมื่อแสดงออกมาเป็นพฤติกรรมก็จะเป็นลักษณะนิสัยที่ดีค่ะ บางทีจะเห็นว่าบางทีเด็กสมัยนี้ มีค่านิยมว่าต้องขาวเท่านั้นถึงจะสวย ต้องรวยถึงจะได้รับการยอมรับจากคนอื่น ต้องตามแฟชั่นให้ทันถึงจะเป็นคนอินเทรนด์  ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเด็กๆ ทุกวันนี้มองไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง การหลงเชื่อตามกระแส โดยขาดการไตร่ตรองคิดทบทวน ไม่เป็นตัวของตัวล้วนมาจาก การมองไม่เห็นคุณค่า (Self Esteem) และการขาดความภูมิใจในตัวเองนั่นเอง อ่านเจอเรื่อง "การสร้าง self-esteem ให้แก่ลูก" ในบล็อคของคุณ MaeNean  http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=myhomesweethome&date=22-01-2009&group=3&gblog=1 ขอนุญาตนำมาเผยแพร่ค่ะ Self-esteem หรือการเคารพในตนเอง คือความรู้สึกที่มีต่อตัวเอง เราในฐานะที่เป็นพ่อแม่ ก็มีหน้าที่ในการช่วยให้ลุกมีความเคารพในตนเอง เด็กที่มีความเคารพในตัวเอง * คิดว่า สามารถประสบความสำเร็จ * คิดว่า ตนเองดูดี * คิดว่า ตนเองเป็นคนที่คนอื่นมีความสุข เมื่ออยู่ใกล้ ๆ * ไม่กลัวที่จะลองทำ สิ่งใหม่ ๆ * เชื่อในตัวเอง และรักตัวเอง * รู้สึกปลอดภัยและกล้าที่จะแสดงความรู้สึกของตนเอง การที่เราปฏิบัติกับลูกมีผลกับตัวลูก ตั้งแต่ตอนเค้ายังเล็ก ๆ ทารก เรียนรู้ว่า ร้องไห้ กับยิ้ม ทำให้พ่อแม่มาใกล้ ๆ เมื่อพ่อแม่ปลอบเค้า หรือยิ้มตอบ ทารกจะรู้สึกดี เค้าจะมีความรู้สึกเชื่อใจและรู้สึกปลอดภัยและมีความสำคัญ สิ่งที่พ่อแม่ ควรพูดหรือไม่ควรพูด กับ ลูก วัย Toddlers ควรชมเชย ตักเตือน ยิ้มและแสดงความรู้สึก กอดเค้าซึ่งจะมีผลกับเค้ามาก ๆ วัยเข้าเรียน ถ้าลูกมีความรู้สึกดี ๆ ต่อตนเอง เค้าจะสามารถเรียนรู้ได้ดีที่โรงเรียนและสามารถเข้ากับเพื่อนได้ เด็ก ๆ มักจะลองทำสิ่งที่ทำให้เค้ารู้สึกว่าเค้าประสบความสำเร็จ อีกทั้งหาแนวร่วมที่เค้าคิดว่าจะช่วยป้องกันเค้าจากความตึงเครียด และผุ้นั้นจะต้องรู้สึกดี ๆ กับเค้าด้วย ถึงแม้ว่าเค้าทำได้ไม่ดีก็ตาม ถ้าพ่อแม่ ตะคอกลูกมาก ๆ และทำให้เค้ารู้สึกแย่หรืออับอาย เด็กจะมี ความเคารพในตัวเองน้อยลง ธรรมชาติของเด็กเค้าไม่เคยคิดเลยว่า เค้าขี้เหร่ โง่ หรือขี้แพ้ หรือ ไม่มีใครรัก จนกระทั่ง ผู้คนที่อยู่รอบข้างทำให้เค้ารู้สึกอย่างนั้น พ่อแม่ต้องห้ามตัวเองจากการพูดในสิ่งที่ทำร้ายจิตใจเด็ก อย่างเช่น "แกเป็นอะไรของแกนักหนา" "แกสมควรที่จะละอายตัวเองนะ" "แกนี่ โง่จริง ๆ เลย" "ทำไมไม่เคยทำอะไรให้มันถูก ๆ ซะทีนะ" "หุบปากไปเลยนะ" และหลีกเลี่ยง คำพูดเกี่ยวกับบุคลิกภายนอก คำพูดเหล่านี้ เจ็บปวด พอ ๆ กับตี หรือ ตบ ลูก ทีเดียว และจะทำให้เค้ารู้สึกแย่ ๆ กับตัวเค้า ไปอีกนานเท่านาน การเฉยเมย หรือไม่ใส่ใจ ลูก ก็เป็นอีกสาเหตุทำให้ ความเคารพในตัวเองของลูกลดลง เช่นเดียวกับการทำให้ลูก รู้สึกเศร้า หรือว้าเหว่ ในทางกลับกัน พยายามทำให้บ้านของคุณเป็นเหมือนกัน "เขตปลอดการขายหน้า" ทำให้บ้านเป็นที่ ๆ ปลอดภัยสำหรับลูกของคุณ ในการแสดงความรู้สึกของเค้า ไม่ว่าเมื่อไรก็ตาม ที่เค้ารู้สึก ขอบคุณเจ้าของบล็อคมานะที่นี้ค่ะ ก่อนจบ อย่าลืมอีกอย่างว่า "ความภูมิใจในตนเอง จะต้องเกิดควบคู่ไปกับความรัก"เด็กที่มีความภูมิใจในตนเอง สามารถทำสิ่งต่างๆได้ประสบความสำเร็จแต่ขาดความรัก ในที่สุดเขาก็จะหมดความภูมิใจในตัวเอง ส่วนเด็กที่ได้รับความรัก แต่ไม่ภูมิใจในตนเอง ทำอะไรไม่ค่อยประสบความสำเร็จก็จะไม่รักตัวเอง ดังนั้น ความภูมิใจและความรักจึงต้องมีอยู่ด้วยกันอย่างสมดุลค่ะ http://rungnapa.ac.th/?name=knowledge&file=readknowledge&id=2 แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 52 05:37:04 จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 14:41:41

ความคิดเห็นที่ 3 Very useful, thanks a lot ka Khun mor. จากคุณ : hunnypot เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 15:05:19

ความคิดเห็นที่ 4 ชอบวิธีสอนลูกของหมอหนึ่งจังค่ะ นุ่มกับแน่นโชคดีจังเลยค่ะ เราก็หวังว่าพอใจจะมีความรู้สึกนี้เหมือนกัน จากคุณ : nongporjaija เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 15:16:37

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณค่ะ สำหรับกระทู้นี้  ช่วยเตือนสติแม่เต่งฯ ได้ดีทีเดียว  เพราะพักนี้มีปัญหาสุขภาพทั้งของตัวเอง และลูก ๆ สติขาดผึงบ่อย ๆ ความอดทนต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ ลดลงอย่างมาก...แย่ทีเดียวค่ะ  ก็ไม่อยากให้ลูก ๆ เจอแม่วีนบ่อยเกินไปนัก จากคุณ : แม่เต่งฯ (แม่สองต้น) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 15:16:44

ความคิดเห็นที่ 6 นุ่มนิ่มน่ารักมากๆ เลยค่ะ น่าชื่นใจแทนพี่หมอหนึ่งจังเลยค่ะ อยากเลี้ยงลูกให้ได้แบบนี้บ้างแต่ไม่รู้จะทำได้มากน้อยแค่ไหน เพราะเพิ่งจะตัวเท่านี้เอง แล้วก็เริ่มเอาแต่ใจแล้วด้วยค่ะ จากคุณ : ninlaning เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 15:17:23

ความคิดเห็นที่ 7 ได้เข้ามารับความรู้ดี ๆ และมีประโยชน์อีกแล้ว ขอบคุณค่ะ คุณหมอหนึ่ง จากคุณ : หมาจุ๊ เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 15:18:57

ความคิดเห็นที่ 8 ดีครับ เด็กๆ ที่พ่อแม่ มีคำตอบดีๆให้ ย่อม มีสติ เข้าใจตามได้ เด็กหลายๆคนไม่โชคดี มีอะไร ถามมา อาจโดนแว๊ตกลับไปว่า คิดอะไรไม่เข้าเรื่อง พ่อแม่กำลังยุ่งหาเงิน ...... คำตอบก็ไม่มี ใช่หรือไม่ใช่ก็ไม่รู้ ดีไม่ดี พาลเอาแต่เปิดทีวีให้ไปหาคำตอบเอาเองจากตู้สี่เหลี่ยม ลุงหมี ไม่อยากชมแค่น้องนุ่ม ว่า มีความสามารถเข้าใจได้ แต่ ต้องบอกว่า หมอหนึ่ง และคุณพ่อเอง คงเป็นตัวอย่างหนึ่งที่ แสดงให้เห็นว่า มีการเอาใจใส่เค้า แล้วเค้าก็จะได้ดี ไปในตัว นะ.... จากคุณ : The Polar Bear เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 15:27:28

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณมากค่ะพี่หมอหนึ่ง ชอบวิธีการสอนลูกของพี่มาก ๆ จะเอาไปใช้กับครอบครัวบ้างนะคะ ขอบคุณมาก ๆ อีกครั้งค่ะ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 52 15:32:47 จากคุณ : Lady Cherry เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 15:31:41

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ที่มีให้ตลอดค่ะ จากคุณ : ผมฟักทอง เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 15:34:06

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณมากเลยจ๊ะน้องหนึ่ง....พี่ก็พยายามจะสอนให้ลูกเป็นแบบนี้เหมือนกัน แต่ยังไม่กล้าคาดหวังซักเท่าไหร่ ^ ^ จากคุณ : ลูกไหม เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 15:36:56

ความคิดเห็นที่ 12 อ่านแล้วได้อะไรดี ๆ กลับไปสอนลูกเยอะเลยค่ะ จากคุณ : แม่ลูกซัน เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 15:37:36

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณค่ะพี่หนึ่ง มีประโยชน์มากเลย แก้มชอบพูดกับลูกเวลาเขาทำอะไรได้ด้วยตัวเอง เช่นใส่เสื้อผ้าเอง เดินไปเข้าห้องน้ำฉี่เอง แก้มจะพูดว่า ม่าม๊า ภูมิใจจังเลยลูก เก่ง มาก เก่งๆ มันทำให้ลูกมั่นใจนะแก้มว่า เขาจะกล้า ทำนั่นทำนี่ ลองนั่นลองนี่ ถึงบางที จะซนมากๆ ถึงมากที่สุด แต่แก้มว่า เด็กซนคู่กับเด็กฉลาด จากคุณ : รุ่งฟ้าสาง เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 15:41:59

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณค่ะ จะเก็บไปไว้ใช้บ้างนะคะ น้องนุ่มนิ่มยอดที่สุดเลยค่ะ จากคุณ : Orayanee เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 16:09:25

ความคิดเห็นที่ 15   ชอบวิธีการสอนลูกของ จขกท เหมือนกันค่ะ น่ารักมาก จากคุณ : LeMonMeLon เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 16:14:14 A:125.24.3.216 X: TicketID:216726

ความคิดเห็นที่ 16 ชอบกระทู้นี้มากมายค่ะพี่หนึ่ง เรื่องความมั่นใจและพอใจในตัวเองนี่ เป็นเรื่องที่มุกเองก็พยายามจะสอนชุณฬี่อยู่บ่อยๆ เพราะตอนนี้เค้าเริ่มมีสังคมมากขึ้นแล้ว หลายๆ ครั้ง ที่เค้าชอบจะเอาเรื่องของเพื่อนๆ มาเล่าให้ฟัง อย่างมีอยู่ครั้ง ที่เพื่อนคนนึงว่าๆ เค้าเป็นคนตัวเตี้ย เค้าก็เอามาเล่า มุกก็ยังไม่ได้ออกความเห็นอะไรหรอก (ถึงแม้ในใจจะสงสารลูกอยู่เหมือนกันที่เค้าตัวเล็กกว่าเพื่อนๆ เกือบทุกคนในห้องเลย) มุกก็แค่ถามว่า แล้วหนูรู้สึกอย่างไรหละ เค้าบอกว่า ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย หนูเลยบอกเพื่อนว่า ไม่ใช่ ชุณฬี่ไม่ได้เตี้ย ชุณฬี่แค่ตัวเล็ก แล้วก็น่ารักมากเท่านั้นเอง 5555 ฟังแล้วก็อดขำความคิดของเค้าไม่ได้จริงๆ อย่างเมื่อตอนต้นปี มีไปดูลูกแสดงพละ ก็เห็นเพื่อนๆ เค้ากระโดดกระต่ายขาเดียวกันได้หมดแล้ว จะมีก็แต่เจ้าแห้งของมุกนี่แหละที่ยังทำไม่ได้ แต่มุกก็ไม่ได้ว่าเค้า ตอนรับกลับ มุกก็ยังชมบอกว่า วันนี้หนูเก่งมาก ถึงจะกระโดดกระต่ายขอเดียวไม่ได้ แต่ตอนครูเปิดเพลงหมอลำซิ่ง หนูเซิ้งได้สวยมากเลย เค้าก็รีบบอก ว่าเพราะเค้าชอบเต้น ชอบเซิ้งมากๆ มุกก็เลยบอกว่า เห็นมั้ย บางอย่างเราก็ทำได้ดีกว่าเพื่อนเรา แต่บางอย่างเพื่อนเราก็ดีกว่า คนเราก็เป็นอย่างนี้ ไม่มีใครเก่งไปทุกๆ อย่าง เพียงแต่เราต้องหาว่า เราชอบอะไร ทำอะไรได้ดี จากคุณ : ตื่นมาตาแป๋วๆ เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 16:27:02

ความคิดเห็นที่ 17 เห็นด้วยอย่างทีุ่สุดค่ะ ทุกๆวันเราก็พยายามให้ลูกได้มีความสุขและรู้ว่ามีแม่ที่รักหนูอยู่ใกล้ๆหนูเสมอ บางอย่างในสิ่งแวดล้อมข้างนอก เราไม่อาจควบคุมได้เลย เราก็หวังว่า ความรักทั้งหมดของแม่นี้ จะมั่นคงอยู่ในใจลูก ให้ลูกมีภูิมิคุ้มกันในตัวเองได้ จากคุณ : briarrose เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 16:34:59

ความคิดเห็นที่ 18 ดีจังเลยค่ะ อั๊ตต้าก็มีเหตุการณ์คล้าย ๆ กัน เล่าไว้ในกระทู้นี้ค่ะ http://www.pantip.com/cafe/family/topic/N8070149/N8070149.html#5 พี่ก็ได้ไม่สอนอะไรเพิ่ม เพราะเขาหันไปถามตี้ต่อว่า ตี้เคยถือพานไหว้ครูไหม ตี้ตอบว่า "ไม่เคย" ต้าก็บอกต่อว่า "แต่ต้าเคยแล้ว ตอน อ. 1" บางทีพี่ก็แอบคิดว่า จะสอนยังไงให้เขาภูมิใจในตัวเองพอดี ๆ เพราะบางทีคำพูดเขาบางคำ หรือคำถามเขาบางำคถามเหมือนไปข่ม น้องหรือเพื่อนว่า ยังไม่เก่งเท่าเขา ทั้ง ๆ ที่เขาก็ไม่ได้เก่งอะไรนักหนา แต่เขาก็จะทราบว่า มีคนที่เก่งกว่าเขาอีก แต่มักพูดเหมือนข่มคนที่เก่งน้อยกว่าเขาค่ะ เราก็พยายามบอกว่า พูดแบบนี้ไม่ค่อยสุภาพเลยลูก เพราะเพื่อนหรือน้องก็จะเสียใจและรู้สึกไม่ดีนะ ต้าลองคิดดูสิ หากมีคนมาพูดว่าต้าเก่งน้อยกว่าเขานะ ต้าจะรู้สึกอย่างไร ส่วนใหญ่เขาจะทำท่าครุ่นคิด แต่ไม่ยอมตอบคำถามค่ะ ส่วนอั๊ตตี้นี่จะยัง เอ๋อ ๆ เวลามาม้าถามอะไร ตี้จะตอบ คิดก่อน หรือ ไม่รู้ครับมาม้า คิดไม่ออก จากคุณ : แม่น้องเอเอ เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 17:12:22

ความคิดเห็นที่ 19 พี่นุ่มน่ารักจัง อ่านแล้วยิ้มตามเลยจ้ะ ฝากจุ๊บ ๆ แสบเล็กของพี่ด้วยนะ จากคุณ : ษิตรา เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 17:30:28

ความคิดเห็นที่ 20 ดีจังเลยอ่ะหนึ่ง ภูมิใจแทนเลยนะเนี่ย หลานเก่งจัง เราก็ลุ้นเจ้าออมเหมือนกัน เพราะเค้าไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเลย .... ที่บ้านโอ๋ซะ เฮ้อ .... จากคุณ : หนูชล เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 17:32:09

ความคิดเห็นที่ 21 จากคุณ : p-annipe เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 18:56:11

ความคิดเห็นที่ 22 เยี่ยมค่า จะเก็บไปเป็นข้อมูลเลี้ยงลูก จากคุณ : sweetpee เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 20:15:41

ความคิดเห็นที่ 23 มาเก็บข้อมูลของพี่หมอด้วยคนค่ะ ขอบคุณค่ะ อ่านแล้วอมยิ้มมากมาย จากคุณ : จอมมารพุงโต เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 20:44:43

ความคิดเห็นที่ 24 แล้วววว ..... ถ้าหนูพยายามทำตามวิธีของคุณหมอหนึ่งในการเลี้ยงดูลูก แต่ มีคนแก่ในบ้านที่ชอบแกล้งดุ แกล้งว่า ให้เด็ก ๆ ร้อง แล้วค่อยโอ๋ หรือบางทีเวลาเด็กซนก็ชอบแกล้งตะคอกดัง ๆ ให้กลัว แต่จริง ๆ เค้าไม่ได้โมโหหรือโกรธนะคะ แต่จะแกล้งทำเพื่อให้เด็กหยุดซน หรือกลัว พอเห็นว่ากลัวก็ชอบใจ หรือเรียกมาโอ๋โอ๋ บ้าง แบบตามประสาคนแก่สมัยก่อนที่ชอบทำกันน่ะค่ะ แล้วผลออกมาจะเป็นยังไงคะ ที่พ่อแม่พยายามสร้าง self-esteem แต่ ปู่ย่าตายาย กลับชอบทำแบบนี้ เด็กจะเป็นแบบไหนล่ะคะ ทีนี้ สงสัยจริง ๆ ค่ะ T_T จากคุณ : Jolyne เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 21:10:10

ความคิดเห็นที่ 25 น่ารักมาก ๆ เลยค่ะ จากคุณ : กังหันลู่ลม เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 21:38:33

ความคิดเห็นที่ 26 น้องนุ่มโตเกินวัยจริงๆ เก่งมากเลยครับ จากคุณ : คอบอล เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 21:53:44

ความคิดเห็นที่ 27 น่ารักจังคะ  รู้สึกได้ถึงความรักและความภูมิใจของคุณแม่ด้วยคะ จากคุณ : คุณเธอ เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 22:18:48

ความคิดเห็นที่ 28 เข้ามาติดตามและเก็บสาระจากคุณหนึ่งค่ะ ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ อีกครั้งนะคะ ^^ และยังคิดถึงกันเสมอค่ะ **แก้ไขพิมพ์ผิดค่ะ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 52 22:36:27 จากคุณ : ktycoons (ktycoons) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 22:34:48

ความคิดเห็นที่ 29 ความรู้เพียบเลย ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ ที่นำมาเล่าสู่กันฟัง เอาไปสามกิ๊ฟเลย จากคุณ : มาม๊ะซามี่ (U-vita29) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 22:37:06

ความคิดเห็นที่ 30 ซึ้งจังเลยค่ะ น้องนุ่มน่ารักจังเลย จากคุณ : แอล (aal990) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 23:05:18

ความคิดเห็นที่ 31 น้องนุ่มอ่อนหวานแต่ไม่อ่อนแอ เก่งจริงๆ :) จากคุณ : Mimi Mice เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 23:32:50

ความคิดเห็นที่ 32 ขอเอาไปใช้บ้างนะคะ  ปกติก้อหลุดอยู่บ่อยๆ  (โดยเฉพาะตอนอดนอน) ต่อไปจะต้องคุมสติตัวเองให้ดี  ลูกจะได้น่ารักเหมือนน้องนุ่ม น้องนิ่ม  อุ อุ อยากมีลูกสาวบ้างจัง  ฮือ  แต่ไม่กล้ามีอีกคนแล้ว    นี่ก้อ 3 หนุ่มแล้วอ่ะ T_T จากคุณ : สาวผมสั้น เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 00:16:14

ความคิดเห็นที่ 33 กระทู้มีประโยชน์อีกแล้ว ไม่เคยผิดหวังจากกระทู้คุณ หมูเหมียวเลยค่ะ น้องน่ารัก ฉลาด ความคิดเกินวัยจริงๆ เป็นเด็กผู้หญิงคิดบวกมากๆค่ะ น่าภูมิใจแทนคุณพ่อคุณแม่จริงๆ ( แอบปลื้มตั้งกะทำซองจดหมายแล้วค่ะ) จากคุณ : Piggy_Jiggy เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 01:40:58

ความคิดเห็นที่ 34   อ่านแล้วหัวใจพองโตด้วยความรู้สึกดี ขอบคุณอีกครั้งกับกระทู้ดีๆค่ะ จากคุณ : อันเน่ เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 01:44:31 A:149.169.60.79 X: TicketID:141551

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณค่ะหมอหนึ่ง ได้ความรู้มากๆ จะเอาไว้ใช้ค่ะชอบ ประโยคนี้มาก บ้านนี้  "เขตปลอดการขายหน้า"  เดี๋ยวต้องพริ้นมาแปะไว้แบบที่เค้าฮิตกันบ้านนี้อยู่แล้วรวย ส่วนตัวเชื่อเรื่อง self-esteem มากๆ ค่ะ  พอๆกับเรื่องการรับรู้ความสามารถของตนเอง( self-efficacy) ในบุคคล เพราะได้วิจัยพิสูจน์มาด้วยตัวเองแล้ว  ตั้งใจว่าจะใช้กับเชนในเรื่องที่เค้าฉายแววออกมา....ว่าน่าจะสามารถทำได้  เช่น  ดนตรี กีฬา ฯลฯ หรือเรื่องอื่นๆ ด้านส่งเสริมพฤติกกรม(มีอยู่ช่วงค่ะที่ตัวเองแปลงร่างเป็น ศ.ดร.แบนดูร่า...) ให้เชื่อมั่นว่าทำได้ แต่ตอนนี้ขอเรื่อง self-esteem  อย่างที่หมอหนึ่งกล่าวถึงเคสน้องนุ่ม  อย่างเดียวก่อน รอผลตอนไป รร. หรือเข้าสังคมกับเด็กอื่นว่า...ได้ไหม...ถ้าได้ค่อยต่อยอด แก้ไขเพิ่มเติม ปล.เข้าไปอ่านในเวปที่ลิงค์มาด้วยค่ะ  ขอก็อปฯ มานะคะ.....เด็กจะเริ่มสะสม ความรู้สึกว่า "ตัวเองทำได้" โดยที่เขาไม่รู้ตัว เช่น การที่เขาสามารถ พลิกตัวนอน คว่ำได้ หลังจากที่ พยายามมาเป็นสิบสิบครั้ง หรือ การที่เขาสามารถ บังคับช้อน ตักอาหารเข้าปาก ได้ด้วย ตนเองทุกครั้งที่กินอาหาร พฤติกรรมเหล่านี้ จะเป็น ตัวสอนให้เขามีความรู้สึกว่า เขาประสบความสำเร็จ และสอนตัวเองว่า "เราทำได้ ถ้าเราพยายาม" จากนั้น เขาจะเริ่มพัฒนา จริงจังเมื่ออายุ 3-4 ปี เขาจะเริ่มรับรู้ ถึงความรู้สึกชนิดต่างๆ สำรวจ ความคิดนั้น และสะสมความคิดจนได้ข้อสรุป ตกผลึก ออกมาเป็นความรู้สึกโดยรวม ต่อตนเอง แต่ในความเป็นจริง เมื่อเด็กพยายามทำสิ่งหนึ่ง แล้วทำไม่ได้ พยายามใหม่ ทำไม่ได้ พยายาม ต่อไป เรื่อยๆ จนทำได้ในที่สุด ....จากบทความตรงนี้ เป็นเหมือนส่วนผสมผสานระหว่างความความภูมิใจกับการรับรู้ความสามารถของคนเองค่ะ อย่างในบางพฤตกรรมที่เกิดในเด็ก  เช่น อยากลองตักข้าวทานเอง  ไม่ทำหกเลอะเทอะ หรือพฤติกรรมดีๆที่ตามมา เกิดจากการเรียนรู้ด้วยตัวแบบที่ดี  เช่น เห็นพ่อแม่พี่ๆ ทำ  พูดสอน  คล้ายกับเรื่องการเสนอ role model ค่ะ   อืม....ทำให้รู้สึกดีใจมากที่อย่างน้อยก็มาถูกทางแล้ว แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 52 02:32:48 แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 52 02:25:17 จากคุณ : one&only เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 02:15:17

ความคิดเห็นที่ 36 พี่นุ่มมองโลกในแง่ดี เพราะมีแม่ที่น่ารักแบบนี้ค่ะ จากคุณ : Second impact เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 02:30:37

ความคิดเห็นที่ 37 น่ารักจังค่ะ  เป็นกระทู้ที่มีประโยชน์มากๆ ตอนเราไปอบรมครู (ระดับอนุบาล - ประถมต้น) ก็เน้นเรื่องและเทคนิคที่จะช่วยให้เด็กๆ รักตัวเองค่ะ ทุกวัน  จะมีออกกำลังกาย (เบาๆ) กันก่อนที่ น.ร.ตัวเล็ก จะนั่งโต๊ะทำงาน (เขียน วาด ฯลฯ) โดยเด็กทุกคน จะนวดตัวเอง  ตั้งแต่หัว - เท้า และจบด้วยประโยคที่ว่า "I love my body. I love myself" พร้อมกับเด็กกอดตัวเองค่ะ ถ้าเด็กๆ รู้จักรักและภูมิใจในตัวเอง  ก็จะกล้าคิด กล้าทำ และกล้ารักคนอื่นๆ ด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 52 16:21:39 จากคุณ : ต้นจั่น เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 02:44:31

ความคิดเห็นที่ 38 ทำให้ประทับใจอีกแล้วน้องนุ่ม ขอบคุณกับเรื่องดีๆค่ะพี่ จากคุณ : catcompany เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 05:31:53

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณทุกๆท่าน สำหรับความคิดเห็นนะคะ ชอบตั้งกระทู้ที่นี่มากๆ เพราะได้รับความคิดเห็นดีๆ ย้อนกลับมาทุกครั้งเลยค่ะ ^ ^ อย่างที่ออกตัวไปหลายครั้งนะคะ ว่าเราไม่ได้เลี้ยงลูกเก่งอะไร ลูกๆ ก็ตามวัย เป็นเด็กดื้อบ้าง ซนบ้าง แต่อยากหยิบประเด็นที่เป็นประโยชน์มาบอกเล่ากัน ซึ่งแม่ๆหลายท่านเลี้ยงลูกเก่งกว่าเรามากมาย แต่อาจจะไม่ได้มาเล่าเท่านั้นเอง การสอนบางอย่างก็คงต้องปรับๆไปตามแต่ละบ้านค่ะ อย่างเรื่องสีผิว บางคนอาจจะคิดว่า เอ๊ะ ทำไมต้องโกหกลูก จริงๆแล้วอยากให้เขามันใจแค่นั้นค่ะ ว่าถึงแม้ว่าเขาจะไม่ขาวเหมือนน้องที่ใครๆชอบชม แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของเขา เป็นจากที่แม่ต่างหาก และแม่ก็ชื่นชมถึงแม้เขาจะไม่ขาว ทำให้เขารู้สึกดีกับัวเองก่อนค่ะ ตอนนี้ถึงแม้โตมา เค้าจะเริ่มรู้แล้วว่า ผิวสีนี้ไม่ได้มาจากการกินน้ำผึ้งของแม่หรอก ^ ^ ก็ไมได้ทำให้เขารู้สึกแย่ค่ะ ชอบความเห็นของคุณครูต้นจั่นมากๆ "ถ้าเด็กๆ รู้จักรักและภูมิใจในตัวเอง  ก็จะกล้าคิด กล้าทำ และกล้ารักคนอื่นๆ ด้วยค่ะ" จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 06:05:05

ความคิดเห็นที่ 40 ที่คิดมาตั้งกระทู้นี้ เนื่องจากวันก่อนได้นั่งดูหนัง "Penelope" ซึ่งเห็นฉายหลายรอบทางเคเบิ้ลแล้วนะคะ แต่ไม่เคยได้นั่งดู คิดว่าเป็นเรื่องรักกุ๊กกิ๊ก แต่ก็สอนใจเรื่องครอบครัวและการเลี้ยงลูกได้ดีทีเดียวค่ะ เรื่องนี้ว่าด้วย Penelope ซึ่งเป็นหญิงสาวที่ต้องคำสาบให้มีจมูกเป็นหมู แม่ของเธอนั้นได้ปกป้องลูกด้วยการปล่อยข่าวว่าลูกสาวตายแล้ว เพราะกลัวเสียชื่อเสียงวงค์ตระกูล และได้พยายามหาผู้ชายที่สูงศักดิ์มาแต่งงานกับลูก ด้วยเชื่อว่าจะช่วยลบคำสาบ แต่ใครๆพอเห็นหน้า Penelope แล้วก็วิ่งหนีทุกที ยกเว้นพระเอกที่ปลอมตัวมาเป็นนักข่าว และตกหลุมรัก Penelope ในแบบที่เธอเป็น (แต่ก็ไม่ได้แต่งงานกับ Penelopeแต่แรก เพราะเขาไม่เชื่อในวิธีถอนคำสาป ) ต่อมาเมื่อ Penelope เบื่อกับการอยู่บ้าน เธอจึงหนีออกไปเผชิญโลกกว้าง และพบว่าผู้คนไม่ได้รังเกียจจมูกหมูของเธออบ่างที่เธอคิด เธอกลายเป็นคนโด่งดังมีชื่อเสียง และต่อมามีเศรษฐีหนุ่มมาขอแต่งงานเพื่อปลดหนี้ แม่ของเธอดีใจว่าจะได้มีคนมาถอนคำสาบให้เสียที แต่พอถึงพิธีเธอกลับวิ่งหนี แม่ของเธอวิ่งตามและบอกให้กลับมา ไม่อยากหายจากคำสาบหรือ? เธอตอบแม่ว่า"I love me the way I am" เท่านั้น ก็เหมือนโลกหมุนไปอีกมิติ จมูกหมูหายไป เธอกลายเป็นสาวน้อยแสนสวย คำสาบหายไปเมื่อเธอพอใจกับตัวเองนั่นเอง แม่ของ Penelope  เลยเพิ่งได้รู้สึกตัวว่าเธอทำร้ายลูกมาตลอด เพราะเพียงแค่เธอยอมรับและรักใน "จมูกหมู" ของลูก และสอนให้ลูกรู้จักรักและพอใจในตัวเอง คำสาบนั้นก็จะหายไปโดยไม่ต้องทำอะไร เรื่องนี้สอนเราได้ดีถึงเรื่อง ภาคภูมิใจแห่งตน (self esteem) ซึ่งต้องเริ่มแต่เล็กๆ  คนที่มี low self esteem ย่อมมีความสุขได้ยาก เพราะต้องเอาความภาคภูมิใจในตัวเองนั้นไปวางไว้บนสายตาคนอื่น  บางคนทำศัลยกรรมหลายๆรอบเพราะรู้สึกว่าตัวเองยังไม่สวยพอ... คนเราทุกคนนั้นก็ล้วนแต่มี "จมูกหมู" อยู่บนหน้ากันทั้งนั้น เพราะเราทุกคนก็เหมือนต้องคำสาป ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะรู้สึกว่า ตัวเองอ้วนไป เตี้ยไป ดำไป ไม่หล่อ ไม่สวย คำสาปของแต่ละคนรุนแรงไม่เท่ากัน ใครให้ความสำคัญมาก ก็ทุกข์มาก ... เมื่อไหร่เราเลิกให้ความสำคัญกับมันแล้ว "จมูกหมู" นั้นก็จะหายไปเองค่ะ ^ ^ สำหรับเด็กๆของเรา อย่างที่ยกคำพูด จากบล็อคของคุณ  MaeNeanมา  "ธรรมชาติของเด็กเค้าไม่เคยคิดเลยว่า เค้าขี้เหร่ โง่ หรือขี้แพ้ หรือ ไม่มีใครรัก จนกระทั่ง ผู้คนที่อยู่รอบข้างทำให้เค้ารู้สึกอย่างนั้น" อย่าทำให้ "จมูกหมู" บนหน้าของลูกโตขึ้นตามวัยเลยนะคะ ^ ^ จากคุณ : หมูเหมียว เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 06:43:36

ความคิดเห็นที่ 41 อ่านคุณต้นจั่นเขียนแล้ว รู้สึกว่า รร. ของลูกก็สอนให้ ลูกรักตนเองและเผื่อแผ่ไปยังคนรอบข้างด้วยค่ะ เพราะทุกเช้าเขาจะท่องประโยคหนึ่งหลังแผ่เมตตาเสมอ ความรักอยู่เหนือตัวฉัน ความรักอยู่ใต้ตัวฉัน ความรักอยู่ในตัวฉัน ความรักอยู่รอบ ๆ ตัวฉัน ฉันรักทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกสิ่งทุกอย่างก็รักชั้น ยิ้มน้อย ๆ ในดวงใจ เมตตาไว้โลกร่มเย็น แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 52 09:23:38 แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 52 07:46:11 จากคุณ : แม่น้องเอเอ เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 07:45:33

ความคิดเห็นที่ 42 ดีจังได้อ่านอะไรดี ๆ แต่เช้า ขอบคุณค่ะพี่หนึ่ง มันอยู่ที่วิธีคิดจริง ๆ นะคะ แต่ทุกสิ่งเกิดจากการการเพาะบ่ม ของพ่อกับแม่และคนรอบข้าง ตอนนี้รี่มีปัญหากลุ้มอกกลุ้มใจเกี่ยวกับน้ำหนักตัวของน้องเทียน ซึ่งตกเกณฑ์ตลอด แรกคลอดก็น้อยกว่าชาวบ้าน (1980 กรัม) ตอนนี้ 4.7 ขวบ หนัก 14 โล แขนขาเรียวงาม ใครเห็นก็จะชอบ พูดใส่หน้าน้องเทียนว่า "ทำไมผอมจัง กินข้าวมั่งป่าว คนอื่นเค้า ตัวโตเบ้อเร่อแล้ว" TT__TT รี่ก็จะคอยบอกลูกว่าถึงหนูจะผอม แต่ถ้าหนูกินอาหารที่มีประโยชน์ หนูก็จะแข็งแรงนะลูก แม่เองก็ผอม แต่แม่กินผัก นอนเยอะ ๆ แม่ก็แข็งแรงเหมือนคนอื่น ๆ ได้" จากคุณ : คนสวยเมืองนนท์ เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 08:28:11

ความคิดเห็นที่ 43 Self-esteem คือความภูมิใจในตนเอง ที่เกิดจาก "ผู้อื่นชื่นชมในตัวเรา" ถ้าเจอคนขาด Self-esteem หนักๆ แก้เฉพาะหน้าโดยหาเรื่องชมเค้า Self-esteem จะเพิ่มขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ(แต่ต้องเป็นเรื่องที่เค้ามีจริงๆนะ ถ้าโกหกแล้วเค้าจับได้จะยิ่งท้อไปกันใหญ่) แต่เจ้าตัวจะรู้สึกดีแค่พักเดียวเดี๋ยวก็กลับมาจ๋อยอีกดังนั้นจึงใช้ได้แค่เฉพาะหน้าเท่านั้น ส่วนวิธีทำให้ Self-esteem ติดตัวถาวร คือให้เจ้าตัวมีความสามารถอะไรก็ได้ที่คนอื่นยอมรับติดตัว หรือหา Skill อะไรมาเพิ่มให้กับตัวเอง พอเจ้าตัวรู้สึก low Self-esteem ก็จะงัด Skill นั้นๆออกมาโชว์ก็จะรู้สึกดีขึ้นมาเอง Self-esteem เป็นความต้องการขั้น 4 จาก 5 ขั้น จากทฤษฎีมาสโลว์ จัดว่าเป็นความต้องการขั้นพื้นฐานที่สูงสุดแล้ว(ขั้น 5 เป็นความต้องการส่วนเกินไม่มีก็ได้แต่จะไม่ค่อยมีความสุขอย่างที่ควรจะเป็น) ซึ่งถ้าคนที่ขาดขั้นนี้ผลคือจะขาดความมั่นใจในตนเอง อาจถึงขั้นรู้สึกว่าตนเองไม่มีคุณค่าได้ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีเอาเสียเลย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเฉพาะกับเด็กๆ คนทุกวัยก็มีความต้องการด้าน Self-esteem ทั้งนั้น ดังนั้นหากคุณรู้สึกขาดศรัทธาในตนเอง(เพราะคนอื่นไม่ยอมรับในตัวคุณ)ลองหากิจกรรมอะไรที่ทำแล้วรู้สึกว่าได้แสดงศักยภาพของตัวเองออกมาดูนะครับ ^-^ ปล.ถ้ากิจกรรมใดๆที่คุณทำเพราะชอบ ไม่ใด้จะโชว์ใคร ทำแล้วไม่เจ๋งก็จะทำ ยินดีด้วย นั่นแปลว่ากิจกรรมนั้นตอบสนองขั้น 5 self actualization ของคุณเข้าให้แล้ว ความต้องการขั้นนี้เป็นขั้นสูงสุดของมนุษย์ ทำลงไปไม่ใช่เพราะขาดอะไร แต่ทำลงไปเพราะ"ชอบ" อันนี้แหละเจ๋งสุดแล้ว ^-^ จากคุณ : Disorder เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 08:55:01

ความคิดเห็นที่ 44 ชอบกระทู้แนวนี้ของพี่หนึ่งมาก คือมันทำให้เราฉุกคิด เก็บมาสำรวจในใจ ว่าเราเคยพลั้งปาก ไม่ระวังคำพูด หรือว่า ทำร้ายความรู้สึกลูกบ้างไหม แก้มจะได้เมมโมรี่ไว้ บางครั้งหากลูกทำผิดนะ แก้มเลือกที่จะตีทีหนึ่งดีกว่า มาแว๊ดๆๆๆใส่ลูก ................... คำพูดเหล่านี้ เจ็บปวด พอ ๆ กับตี หรือ ตบ ลูก ทีเดียว และจะทำให้เค้ารู้สึกแย่ ๆ กับตัวเค้า ไปอีกนานเท่านาน การเฉยเมย หรือไม่ใส่ใจ ลูก ก็เป็นอีกสาเหตุทำให้ ความเคารพในตัวเองของลูกลดลง เช่นเดียวกับการทำให้ลูก รู้สึกเศร้า หรือว้าเหว่ ................... ขอบคุณอีกครั้งค่ะพี่แก้มจะท่องจำไว้ให้ขึ้นใจค่ะ จากคุณ : รุ่งฟ้าสาง เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 09:05:56

ความคิดเห็นที่ 45 ทฤษฎีความต้องการ 5 ขั้นของมาสโลว์ เป็นทฤษฎีที่ผมชอบที่สุดเท่าที่เรียนมา(ผมเรียนจิตวิทยา) 5 ขั้นมีดังนี้ ขั้นที่ 1 Physiological needs ความต้องการพื้นฐานในการดำรงค์ชีวิต เช่น ร้องเพลงหาเงินมากินข้าว ขั้นที่ 2 Safety needs ความต้องการความปลอดภัย เช่น ร้องเพลงเพราะโจรบอกให้ร้องไม่ร้องจะเอามีดแทง ขั้นที่ 3 Love/Belonging needs ความต้องการด้านสังคม(ความรักมิตรสหาย) เช่น ร้องเพลงเพราะเพื่อนร้องกันหมด(เข้าสังคม)/ร้องเพลงจีบสาว ขั้นที่ 4 Self-esteem needs ความต้องการความภาคภูมิใจในตนเอง เช่น ร้องเพลงเพราะร้องได้เพราะมาก เพื่อนๆชื่นชม เราก็ภูมิใจในพลังเสียง ขั้น 5 Self actualization needs จริงๆมีคำแปลแต่ขอแปลว่าความต้องการทำอะไรที่อยากทำ เช่น ร้องเพลงเพราะอยากร้อง ไม่มีเหตุผล อยากทำ จบ อธิบายง่ายๆคือความต้องการขั้นต่ำถ้ายังไม่ถูกตอบสนองจะไม่ก้าวไปขั้นต่อไป(จริงๆมีข้อยกเว้นแต่ขอละไว้เอาแค่ง่ายๆก็พอ) เช่น ถ้าไฟไหม้เสื้อผ้าคุณอยู่คุณคงต้องหาทางดับมัน(ขั้น2)ก่อนที่จะไปปาร์ตี้กับเพื่อน(ขั้น3) **แก้คำผิด** แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 52 09:10:26 จากคุณ : Disorder เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 09:09:00

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ทำให้ได้คิดหลายๆอย่าง ต้อง save เก็บไว้เตือนใจตัวเอง จากคุณ : Mama Muya เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 10:02:37

ความคิดเห็นที่ 47 ชอบกระทู้ของหมอหนึ่งทุกอันเลยค่ะ ได้แง่คิดในการมองโลกที่ดี และเน้นไปที่ความสุขของลูกมากกว่า วัตถุ สังคมสมัยนี้ ต้องยอมรับว่าวัตถุนิยมมาแรงมาก หากพ่อแม่ไม่ได้เป็นตัวอย่างที่ดีแล้ว ก็ยากที่จะหล่อหลอมลูกให้เป็นคนดีได้ น้องปายเชื่อว่าอย่างนั้นค่ะ หวังว่าหมอหนึ่งจะมีเรื่องราวดีๆมาบอกเล่าให้อ่านกันอีกบ่อยๆนะคะ จากคุณ : น้องปาย (น้องปาย) เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 11:13:18

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณพี่หมอหนึ่งสำหรับ แง่คิดดีดี ที่นำมาฝากเสมอๆนะคะ น้องนุ่มน่ารักจริงๆเลยนะคะ จากคุณ : ปุ๊กแม่น้องเบสท์ เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 11:51:21

ความคิดเห็นที่ 49 โหวต ค่ะ พยายามอย่างเต็มที่ให้ลูกมั่นใจค่ะ วันก่อนลูกสาวมาบอกว่าเพื่อนบอกว่าตัวเองไม่สวย บอกว่าหนูไม่สวย เรามองลูกเห็นแววผิดหวังเหมือนกันแล้วบอกว่า หนูว่าเพื่อนหนูสวยมั้ยคะลูก ลูกบอก ไม่สวยอ่ะ ดำ แล้วก็พูดไม่เพราะชอบด่าด้วย เราเลยบอกลูกว่างั้นหนูสวยกว่า เพราะหนูไม่ด่า นี่คะ และบอกลูกค้าถ้าเพื่อนว่าอีกให้บอกไปว่า หนูอ่ะไม่สวยหรอก แต่หนูน่ารัก .... พยายามที่จะไปตะคอกลูกค่ะ แต่บางเวลามันก็มีบ้าง เพราะเหลืออด .. จะบอกว่าลูกตัวเองไม่ดื้อไม่ซนคงไม่ได้ 25 นี้ก็ 6 ขวบแล้วค่ะ จากคุณ : แก้วหนึ่งใบกับเบียร์สองขวด เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 13:37:29

ความคิดเห็นที่ 50 โหวตค่ะ จากคุณ : F-NOK เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 15:20:19

ความคิดเห็นที่ 51 เข้ามาอ่าน เห็นด้วยจ้ะ คนทุกคน โดยเฉพาะ เด็กๆ ควรต้องมีความภูมิใจตัวของตัวเองนะ จากคุณ : วีทีอาร์ เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 16:12:13

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณค่ะพี่หมอหนึ่ง ทุกวันนี้ก็พยายามจะเป็นแม่ที่ดีของลูกค่ะ ก็ได้พี่หนึ่งนี่แหละมาช่วยบอกแนวทาง ขอบคุณมากๆอีกครั้งค่ะ จากคุณ : bodiamond1 เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 16:45:10

ความคิดเห็นที่ 53 อ่านกระทู้นี้แล้วนึกถึงเรื่อง สีผิวของน้องแคทซ์ค่ะ   จากคุณ : kateking เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 17:21:36

ความคิดเห็นที่ 54   ขอชิ่นชมทั้งคุณแม่และคุณลูกจิงๆๆค่ะ จากคุณ : คิดฮอดหลายเด้อ (คิดฮอดหลายเด้อ) เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 17:31:03

ความคิดเห็นที่ 55 อืม พี่นุ่มแม่ดื่มน้ำผึ้ง น้องแน่นแม่ดื่มนม อิอิอิ ตอนน้าเอื้องอยู่ในท้องแม่ แม่ชอบกินเฉาก๊วย -*-   self - esteem สำคัญที่พ่อแม่จริงๆ บ่อยครั้งที่เห็นบางครอบครัวแล้ว รู้เลยว่าพ่อแม่นั่นแหละทำให้จมูกลูกโตขึ้นๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ เช่นลูกไมได้เล่นกีฬา ลูกก็เสียใจพออยู่แล้ว ก็พูดใส่ลูกว่า ก็ไม่ยอมดื่มนมเยอะๆ เอง เห็นมั้ย เตี้ยกว่าเพื่อน เตี้ยแบบนี้ใครจะให้เล่น... ปล. ว้า เคยมองผ่านหนังเรื่องนี้ เพิ่งรู้ว่า Penelope เป็นหนังดีแบบนี้ จากคุณ : rainfull เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 17:53:34

ความคิดเห็นที่ 56 ตอนนี้น้องแน่นกลับมาเรียนที่โรงเรียนเดิมแล้วเหรอคะ  ช่วงนี้ได้มีโอกาสไปส่งลูกชายไปโรงเรียน(ทุกทีแม่ทำงานต่างอำเภอไม่เคยได้ไปส่งลูกเลย) เพิ่งจะเห็นว่าอยู่ห้องเดียวกันค่ะ แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 52 22:24:19 จากคุณ : เอื้ออารี เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:23:06

ความคิดเห็นที่ 57 ชอบพี่นุ่มจังเลย อ่านแล้วอายตัวเองจังเลย จากคุณ : ลานศิลป์ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 52 10:33:35

ความคิดเห็นที่ 58 โหวตค่ะ จากคุณ : kookgee! เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 52 13:55:45

ความคิดเห็นที่ 59 คนละสีผิวจริงๆ ด้วย แต่หน้าเหมือนกันเลยอ่ะ จากคุณ : ยัยลูกหมู เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 52 14:39:51

ความคิดเห็นที่ 60 ชื่นใจแทนคุณหมอหนึ่งจังเลยค่ะ อ่านไปก็อิ่มใจ ขอใช้คำนี้นะคะ เพราะมันเกินกว่าชื่นใจ อยากจะเลี้ยงเจ้าตัวเล็กของเราให้ได้อย่างหมอหนึ่งจังเลย ไม่ขอให้เขาเก่งอะไรมาก แต่ขอให้เขารักตัวเอง ภูมิใจในตัวเอง ให้เป็นเกราะป้องกันสิ่งรอบตัวที่นับวันจะน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ เพราะเราคงไม่สามารถจะเป็นเกราะป้องกันให้เขาได้ ตลอดเวลา หนูนั้งจ๋า แม่สัญญานะ ว่าจะเป็นแม่ที่ดีที่สุด สำหรับหนูนะลูกนะ ..............แม่รักหนูนะจ๊ะ................. จากคุณ : NhooNuii&NhooNunk เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 52 16:36:52

ความคิดเห็นที่ 61 เรื่องคำพูดของพ่อแม่นี่มีผลต่อชีวิตจริงๆเลยค่ะ ตอนเดียร์เด็กๆ  มีเพื่อนผู้ชายคนนึงชอบล้อว่าปากบึน< ปากเจ่อ>  ล้อทุกวัน จนเดียร์รู้สึกเป็นปมด้วยมากๆ    จนวันนึงก็เลยถามแม่ว่า    แม่หนูปากเจ่อเหรอ    เพื่อนล้อทุกวันเลย     แม่บอกว่า  ไม่เลยลุกไม่เจ่อนี่เป็นปกติ   ปากคนเราจะเหมือนกันทุกคนได้ไง ตั้งแต่นั้นมาเพื่อนล้อไม่เคยใส่ใจ  ไม่เคยเก็บมาคิดอีกเลย  เพื่อนล้อก็บอกเพื่อนไปว่า แม่ฉันว่าไม่เจ่อ   แกจะว่าก็ว่าไป    ปากฉันไม่เจ่อ จากวันนั้นถึงวันนี้ยังจำเรื่องราวนี้ได้ดี  เป็นความทรงจำที่ดีมากๆเลยค่ะ   แม่เค้าก็คงไม่อยากซ้ำเติมเราซึ่งจริงๆแล้วมาดูตอนนี้ก็คิดเหมือนเพื่อนว่า  เออ  ปากเรามันเจ่อจริงๆนี่นา   ฮ่าๆๆ จากคุณ : อาเดียร์ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 52 18:17:13

ความคิดเห็นที่ 62 รูปเด็กๆน่ารักกันทุกคนเลยค่ะ จากคุณ : BBA แฟมิลี่ เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 52 14:01:20

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบคุณมากค่ะพี่หมูเหมียว สำหรับเรื่องดีๆ หนูจะเก็บไว้ใช้กับนิวค่ะ ชอบประโยคนี้จังเลยค่ะ "หนูก็เฉยๆ เราไม่จำเป็นต้องเก่งทุกอย่างนี่คะ อย่างหนูเล่นเปียโนได้ เพื่อนๆบางคนก็เล่นไม่ได้ " ตอบพลางหันไปเล่นกับน้องอย่างร่าเริง ... เรื่องราวดีๆแบบนี้หนูอยากขอไปแปะไว้ห้องแป้งจังเลยค่ะพี่หมูเหมียว จะได้เตือนวัยรุ่นสมัยนี้ด้วยค่ะ บางทีจะเห็นว่าบางทีเด็กสมัยนี้ มีค่านิยมว่าต้องขาวเท่านั้นถึงจะสวย ต้องรวยถึงจะได้รับการยอมรับจากคนอื่น ต้องตามแฟชั่นให้ทันถึงจะเป็นคนอินเทรนด์  ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเด็กๆ ทุกวันนี้มองไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง การหลงเชื่อตามกระแส โดยขาดการไตร่ตรองคิดทบทวน ไม่เป็นตัวของตัวล้วนมาจาก การมองไม่เห็นคุณค่า (Self Esteem) และการขาดความภูมิใจในตัวเองนั่นเอง จากคุณ : แม่น้องนิว (vilailuk_j) เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 52 07:12:15

ความคิดเห็นที่ 64 คุณแม่ถ่ายทอดถอยคำได้น่ารัก น่าชัง  ใช้คำสวยงาม เขียนหนังสือดีๆ ได้เลยนะคะ แต่เหนือสิ่งอื่นใดเราเห็นถึงความอ่อนโยน และความรักลูก เลยจ้า  อีกอย่างรู้ได้เลยว่าลูกสาว จขกท โตขึ้นต้องเป็นคนดี... จากคุณ : Yim^wan เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 52 10:35:14

ความคิดเห็นที่ 65   ชอบมากค่ะ ชอบๆๆ จากคุณ : mamyotto เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 00:58:29

ความคิดเห็นที่ 66 มีหลานคนนึงเป็นเด็กที่ขอมาจากสถานสงเคราะห์เราจะสอนให้เค้ารักตัวเอง ภูมิใจในตัวเองหลานรู้ว่าเค้าไม่ใช่หลานจริงๆของเรา พวกเราไม่ได้ปิดแต่จะสอนให้เค้ารู้ว่าเค้าโชคดีที่มีครอบครัวนึงที่รักเค้ามากแค่ไหน  เวลาหลานไปเยี่ยมเพื่อนที่สถานสงเคราะห์เค้าก็จะบอกคนที่้เคยดูเค้าที่นั่นว่าเค้ามีความสุข พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตายายรักเค้าแค่ไหน เค้าบอกว่าแม้ว่าพ่อแม่เค้าไม่ได้เลี้ยงเค้าเลย แต่เค้าโชคดีทีมีครอบครัวใหม่ไม่เอามาเป็นปมด้อยของชีวิต แต่ด้วยความที่จมูกไม่โด่ง ตามีชั้นเดียวมีคนปากไม่ดีแซวเรื่องนี้ หลานเราบอกว่า ถึงจะไม่มีดั้งแต่ปาล์มมี่ก็หายใจได้ ตาชั้นเดียวก็ยังมองเห็น ทำเอาคนแซวหน้าหงายไปเลย จากคุณ : อ้อ (loveTRAVEL1977) เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 23:05:08