ความคิดเห็นที่ 1 ความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ ก่อนจะส่งลูกเรียนที่ไหน คงต้องวางแผนบริหารเงินครอบครัวก่อนค่ะ รวมทั้งการบริหารความเสี่ยงในเรื่องรายได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายด้วย แล้วจะได้ตัวเลขว่า มีงบประมาณในการส่งลูกเรียนแต่ละปีประมาณเท่าไร อย่าลืมเผื่อค่าเรียนพิเศษด้วยนะคะ ไม่ใช่เฉพาะค่าเทอมหลัก เช่น ส่งลูกเรียนโรงเรียนไทยๆ ก็ต้องคิดเรื่องเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ เผื่อไว้ด้วย... แหล่งเงินที่ว่า อาจต้องรวมถึงการวางแผนออมเงินด้วย ไม่ใช่คิดแต่รายรับ ที่จะเข้ามา... ถึงตรงนั้น เราก็สามารถประเมินได้ว่า จะส่งลูกให้เรียนโรงเรียนประมาณไหน ถึงจะไม่เสี่ยงเกิดปัญหาแบบที่ จขกท. บอกค่ะ จากคุณ : กุ๊กกลาง เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 20:54:55

ความคิดเห็นที่ 2 ตอนแรกอยากจะมีลูกซัก 4 คน ตอนนี้ลดเหลือ 2 ก็เพราะเหตุผลนี้แหละค่ะ อย่างที่ จขกท ว่าแหละค่ะ ต้องตามกำลังที่เรามี และเราต้องมั่นใจว่าจะส่งเค้าได้ตลอดรอดฝั่งค่ะ จากคุณ : กังหันลู่ลม เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 20:54:58

ความคิดเห็นที่ 3 โรงเรียนนานาชาติของลูก บริษัทเป็นคนรับภาระค่ะ ถ้าอยู่เมกา คงไม่จ่ายให้ลูกเข้าเรียนเอกชน  ต้องไปเข้าโรงเรียนรัฐบาลที่เรียนฟรี เพราะเราต้องเก็บเงินให้ลูกไว้เรียน ชั้นมหาวิทยาลัยด้วย ถึงตอนนั้น อีก 16 ปีข้างหน้า ค่าเรียนสี่ปี ในมหาวิทยาลัยชั้นนำ ของอเมริกา คงจะตกอยู่ที่ 2-3แสนดอลล่าร์ ต่อ 4 ปี เก็บเงินเอาไว้ให้ลูกเรียนขั้นอุดมศึกษา ที่มหาวิทยาลัยดีๆ สำหรับครอบครัวที่เป็นลูกจ้างอย่างครอบครัวดิฉัน เห็นว่าเหมาะสมกับสถานภาพของเรามากกว่า ที่จะไปทุ่มกับ ชั้นอนุบาล ประถม หรือมัธยมต้น เพราะเราต้องเก็บเงินไว้สำหรับตัวเราเอง ไว้ใช้จ่ายยามที่เราเกษียรด้วยค่ะ  ฝรั่งเขาพูดว่า if you have ask you probably can't afford แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 52 21:13:54 จากคุณ : mrs.night owl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 21:12:35

ความคิดเห็นที่ 4 เรื่องการศึกษาเราคงไม่ได้วางแผนการเงินให้ลูกนัก เพราะที่สก็อตเรียนฟรีถึงมหาวิทยาลัย เลยเก็บเงินค่าจิปาถะแทน พวกค่าตั๋วเครื่องบิน ทัศนศึกษา คอม ค่ากิจกรรม เก็บทุกเดือนฝากแบงค์ ส่วนเอกชนที่นี่คงส่งไม่ไหวแพงๆๆๆๆๆๆๆ คงจะหาอะไรที่สามารถส่งไหวจนเขาสามารถดูแลตัวเองได้ค่ะ จากคุณ : GrUmPy_BoY เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 21:27:14

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่มีปัญญาจะออกความเห็นอะคะ เพราะว่า  เอ่อ... เราอะ กำลังทรัยพ์น้อย  เต็มที่มองไว้ เทอมละ ไม่เกินสามหมื่นบาท พอจะไหวคะ แต่ถ้าเกินนั้นเราก็คงจะเครียดๆ เพราะเรารับราชการอะคะ พ่อไอ้แสบก็พนักงานคอมพิวเตอร์ เงินสองหมื่นกว่าๆ เองคะ  แต่ตอนนี้เก็บสะสมไว้ล่วงหน้าให้เค้าเดือนละ พันถึงสามพันคะ แล้วแต่จะเหลือแต่ละเดือนเท่าไร   เอาใจช่วยน๊ะคะ จากคุณ : love-so เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 21:38:03

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าถามเรานะ หากซักวันนึงมันสะดุดหรือไปไม่รอดจริงๆ การย้ายรร.ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรคะ  มันก็เป็นการสอนให้เด็กรู้จักชีวิตทางหนึ่งด้วยเหมือนกัน คนเราล้มแล้วก็ไม่จำเป็นต้องล้มแบบลุกไม่ขึ้น  สอนให้เค้าล้มแล้วลุกขึ้นมายืนได้ดีกว่าค่ะ แม้จะไม่ดีเหมือนแต่ก่อน แต่อย่างน้อยก็ทำให้เค้าเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตอีกทางหนึ่ง เราเห็นหลายคนนะคะ ที่รวยๆมาๆ มีไม่รู้กี่ร้อยล้าน แต่ก็ต้องล้มฟุบลงมา บางคนรับสภาพไม่ไหว เสียสติ วันๆไม่อยากทำอะไรเลยก็มี ประเภทว่า ชั้นจมไม่ลง ยอมรับชีวิตแบบนี้ไม่ได้ แต่บางครอบครัว เค้ารู้จักยืนขึ้นมาค่ะ สอนลูกๆให้รู้จักชีวิตและยอมรับสภาพด้วย แม้จะยืนขึ้นได้ไม่สวยหรู แต่ก็ประคองชีวิตต่อไปได้ มันก็เป็นการสอนให้เด็กรู้จักปรับตัวและสู้ชีวิต  หากเค้าอยากมีวันดีๆ แบบเมื่อก่อนอีก เค้าก็ต้องรู้จักมานะ ซักวันหนึ่งเค้าก็จะคว้าชีวิตดีๆได้อีกครั้ง การต้องเปลี่ยนโรงเรียน เปลี่ยนสังคม มันไม่ได้เลวร้ายอะไรมากมายขนาดนั้นะคะ  หากอยากให้โตขึ้นแบบรู้จักเอาตัวรอดในชีวิตได้ก็อย่าเลี้ยงแบบถนุถนอมเกินไปนัก อย่าไปว้าวุ่นหรือคิดกังวลว่าเค้าจะไม่รู้จักการเอาตัวรอดหรือปรับตัวได้หรือไม่เลยค่ะ ปรับตัวเรื่องการเลี้ยง สภาพความเป็นอยู่แค่นี้มันไม่ตายหรอกค่ะ ชีวิตยังอีกยาวไกล เรื่องจิ๊บๆแค่นี้ยังทนไม่ได้ แล้วอีกหน่อยพอเค้าโตเค้าจะทนได้เปล่าหากอีกหน่อยเค้ามีชีวิตแบบที่ไม่เคยหวังไว้ว่าจะเจอ เราเคยหลายคนที่เคยเรียนรร.ดีๆ แล้วย้ายมารร.สุดแสนจะธรรมดา บางคนเรียนอินเตอร์ปีละหลายแสนมาตลอด แต่ต้องมาย้ายเข้ารร.ไทยธรรมดาตอน ม. 1  เค้าให้เหตุผลว่าเค้าพอจะมีเงิน มีกำลังส่ง ก็อยากส่งลูกให้เรียนดีๆ หากไม่ไหวเค้าก็ถอย ไม่ดันทุรังต่อไป   แรกๆเด็กอาจจะปรับตัวหน่อย แต่ก็ไม่ได้ยากเกินไปค่ะ เราว่าพ่อแม่บางคนอาจจะคิดแทนลูกไปซะทุกเรื่องมากเกินไปค่ะ เด็กบางคนได้เรียนที่รร.ดีๆ แต่ต้องย้ายบ้านตามพ่อแม่ไปในที่ที่ไม่มีโรงเรียนดีๆแบบเก่าให้เรียน แม้ฐานะจะไม่ได้ลดลงก็ตาม  เค้าก็ต้องปรับตัวและรับสภาพกับรร.ใหม่ให้ได้เช่นกัน จากคุณ : ริน-otto เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 22:50:47

ความคิดเห็นที่ 7 ส่วนตัวเองไม่เคยมองถึงระดับนั้นเลยค่ะ มันสูงเกินไป ถึงแม้ว่าจะรวยพอส่งได้เราก็ไม่ส่งค่ะ แบบว่างก อิอิ เชื่อว่าโรงเรียนดีๆ ที่ไม่แพงมากมายก็มีอยู่เยอะแยะ ตัวเองก็จบมาจากโรงเรียน ตจว. ก็สอบเข้า ม.ดีๆได้ เรื่องเก็บเงินทุนลูกเรียน มองไว้สำหรับระดับมหาวิทยาลัยมากกว่า ตอนเด็กๆ นี่เราสอนเอง ดูแล ขัดเกลาได้ อยากให้ลูกมีชีวิตธรรมดา มีความสุข ไม่ต้องอยู่ในสังคมที่หรูหรามากมาย เพราะมันก็เป็นแค่เปลือก แอบแซว จขกท.คิดการล่วงหน้านานมาก เก็บข้อมูล รร.ตั้งแต่ลูกเพิ่ง 3 เดือนเลยทีเดียว จากคุณ : ดีใจได้อมยิ้ม เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 52 01:01:56

ความคิดเห็นที่ 8 ถึงตัวเองจะมีลูกเรียนนานาชาติ แต่คิดแบบนี้ค่ะ อันนี้ตอบที่ จขกท. ถามเกี่ยวกับแผนการเงินที่กลุ้มใจอยู่นะคะ   ถ้าฐานะไม่แน่นอน มองไปข้างหน้ายังต้องมีลุ้น หรือมีเงินนอนไม่หนาพอ คิดว่าไม่น่าส่งลูกเรียนนานาชาติค่ะ  เพราะจะพาให้เครียดไปเปล่าๆ แทนที่จะใช้ชีวิตอย่างสบายๆ มีพอใช้ พอเก็บ พอเหลือที่จะไปเที่ยวกันเวลาลูกปิดเทอม เดี๋ยวนี้โรงเรียนสองภาษา โรงเรียนไทยที่ดีๆแต่ค่าเทอมไม่สูงมากมีไม่น้อยค่ะ การย้ายโรงเรียนกระทันหันถึงแม้เด็กๆจะปรับตัวได้ในที่สุด แต่ทุกคนไม่เหมือนกัน ถ้ายังเล็กๆปัญหาทางด้านจิตใจก็จะไม่มากเท่า ต้องมาย้ายตอนที่ลูกโตแล้วยิ่งในช่วงวัยรุ่น เราไม่รู้ใจเค้าได้เลยค่ะว่าลูกเราในวัยนั้นจะรับได้หรือเปล่า ถ้าได้ก็โชคดีกับทุกคน ถ้าไม่ได้ล่ะ??? ตอนนั้นใครจะรับผิดชอบสภาพจิตใจของลูกเรา   ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับพื้นฐานทางด้านความอบอุ่นการเลี้ยงดูของครอบครัวว่า วางพื้นฐานความคิดของลูกให้ยอมรับความจริง และมีเหตุผลที่จะให้กำลังใจตัวเองหรือมองโลกในแง่บวกได้มากน้อยแค่ไหน *แต่อย่าลืมนะคะว่า เรากำลังสร้างโจทย์ให้ลูก โดยที่ตัวเราเองก็ยังไม่รู้คำตอบด้วยซ้ำ* ถ้าเราไม่แน่ใจในเรื่องการเงินหรือรู้สึกว่าต้องเหนื่อยแน่ๆ เพื่อทำงานหาเงินส่งเสียค่าเทอมให้ลูก อยากให้มองว่าลูกเรียนโรงเรียนที่ค่าเทอมไม่แพงก็สามารถจบออกมาเป็นเจ้าของธุรกิจ หางานทำดีๆ ได้ มีเพื่อนดีๆได้เช่นกัน ไม่อยากให้เสี่ยงกับการปรับตัวของลูก แล้วก็ลุ้นกับความเครียดของครอบครัวค่ะ ***ปล.เพิ่มเติมค่ะ*** กลัวประเด็นจะเปลี่ยน  อันนี้พูดในส่วนที่ จขกท.ถามเกี่ยวกับเรื่องความเครียดทางการเงิน การวางแผนการเงินนะคะ ต้องแยกส่วนที่เกี่ยวกับโรงเรียนนานาชาติ กับโรงเรียนไทย ว่าเรียนที่ไหนดีกว่ากันออกไป เพราะเรียนที่ไหนก็ดีได้เหมือนกัน อาจจะมากกว่าน้อยกว่าในแต่ละส่วนกันไป เดี๋ยวจะมาถกกันว่าเรียนไทยดีกว่านานาชาติ หรือเรียนนานาชติดีกว่าไทย  เกลียดการถกแบบนี้ค่ะ  เพราะทางเลือกอยู่ที่แล้วแต่ความสบายใจและความชอบของแต่ละครอบครัวว่าอยากให้ลูกเรียนแบบไหน ไม่มีใครฟันธงได้หรอกค่ะว่าเรียนแบบไหนแล้วเลิศกว่ากัน คิดกันง่ายๆ พ่อแม่เรียนโรงเรียนไทย ก็สามารถส่งลูกเรียนนานาชาติได้ จะเรียนที่ไหนก็แล้วแต่ความต้องการและกำลังส่งหรือแรงผลักดันที่จะไหวของพ่อแม่ค่ะ หรือถึงแม้คุณจะมีทุนหนาพอที่จะส่งลูกเรียนค่าเทอม เทอมละล้าน แต่ก็อยากให้ลูกเรียนโรงเรียนไทยก็ไม่แปลก!!!แล้วก็ไม่ใช่จะวิเศษไปกว่า พ่อแม่ที่ต้องทำงานตัวเป็นเกลียวเพื่ออยากให้ลูกเรียนนานาชาติเพราะเห็นว่าเป็นตัวเลือกที่เลือกให้ลูกดีที่สุดแล้ว  ลูกใครๆก็รักตามมุมมองของตัวเองว่าแบบไหนที่ดีที่สุดของลูกของเค้า!!! แก้ไขเมื่อ 27 ก.ค. 52 04:01:42 จากคุณ : +:+SoMEonE ExacTlY likE yoU+:+ เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 52 01:45:38

ความคิดเห็นที่ 9 ที่บ้านไม่ได้ซีเรียสเรื่องเงินค่ะ    อยากเรียนอะไรที่ไหนก็ได้    จะเรียนพิเศษอะไรก็ได้     แม้ไม่เกี่ยวกับเรื่องวิชาการเลย  ตัวเราเองได้เรียน ร้อยมาลัย/ทำอาหาร/เรียนวาดรูป/ เรียนเย็บผ้า/เขียนเบญจรงค์/ปั้นขนมปัง /เรียนเปียโน / ว่ายน้ำ / ลีลาศ       น่าแปลกที่ยิ่งเรียนสูงขึ้น  ค่าเทอมกลับไม่ได้แพงอย่างที่หลายๆคนเข้าไจ       บ้านเราชอบของถูกและดี            ลองดูตัวอย่างที่แตกต่างดูบ้างนะคะ   กรุณาอย่าหมั่นไส้ คนโต     ประถม--เซนต์จอห์น   แน่นอนว่าแพงอยู่แล้ว  มีแป๊ะเจี๊ยะด้วย   มัธยม--บดินทร์เดชา    ของรัฐค่าเทอมถูกมากๆ ยุคนั้นปีนึงพันกว่าบาท         กวดวิชาบ้าง  พวกอ.สกล   อ.สมัย มหาลัย-แพทย์ศิริราช   อันนี้ค่าเทอมถูกสุดๆ   เพราะรัฐออกทุน    ระหว่างเรียนเป็นติวเตอร์กวดวิชาหาค่าขนมเองด้วย เรียนจบได้เกียรตินิยม   สอบชิงทุนไปเรียนต่ออเมริกาได้       ระหว่างเรียนก็ทำงานเลี้ยงตัวเอง    แถมซื้อรถเองตั้งแต่ยังเรียนอยู่     สบายกระเป๋าพ่อแม่ไป ปัจจุบัน--ลาออกจากการเป็นอาจารย์แพทย์ที่ฟลอริด้า   แล้วมาเปิดคลินิกส่วนตัว  ซื้อบ้านอยู่ที่ชายทะเลฟลอริด้า คนกลางเหมือนคนโต  ต่างกันตรงมหาลัย-ม.เกษตร บางเขน   แน่นอนว่าของรัฐย่อมถูก      เรียนจบได้เกียรนิยมอันดับ 1 หรียญทอง    ก็ไปเรียนต่ออเมริกาและทำงานส่งตัวเองเรียนเหมือนกัน       ไม่เคยขอเงินพ่อแม่อีก   ปัจจุบัน-- เป็นผู้บริหารธนาคารอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย คนเล็ก  ประถม--อุดมศึกษา   เป็นโรงเรียนเอกชนระดับกลางๆ มัธยม--บดินทรเดชา    โรงเรียนรัฐ  นี่ก็ไม่แพงอีกแล้วสมัยนั้นปีละไม่ถึง2พันบาท        แต่มีค่ากวดวิชา  อ.อุ๊   อ.เจี๋ย  อ.ช่วง-ประกิตเผ่า   มหาวิทยาลัย--  จริงๆแล้วสอบได้ทุนพสวท. แต่สละสิทธิ์      ไปเรียนแพทย์เชียงใหม่     มหาวิทยาลัยที่ค่าหน่วยกิตถูกที่สุดในประเทศไทย      ปีสุดท้ายก่อนเรียนจบค่าเทอมทั้งปีรวมค่าหอ  9,000+ บาท   (ปัจจุบันปีละ13,000 บาท)   เคยสอบได้F วิชาฟิสิกส์ เริ่มทำงานพิเศษพวกออกแบบหาเงินเองตั้งแต่อยู่ปี 4       คนนี้จบป.ตรีไม่ถึง 2 ปีก็ซื้อบ้านเงินสดแล้ว   ปัจจุบัน-- เป็นหมอคลินิกเอกชน  กรุงเทพ นี่ละค่ะที่บอกว่าเรียนสูงๆ ในโรงเรียนดีๆ ไม่จำเป็นต้องจ่ายแพงเสมอไป        ถูกและดีมีเยอะแยะ       ไม่ต้องเรียนแพทย์เอกชนปีละหลายแสนก็เป็นหมอได้       แม้เรียนโรงเรียนไทยไม่ใช่นานาชาติก็เก่งภาษาอังกฤษได้ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ค. 52 22:20:38 แก้ไขเมื่อ 27 ก.ค. 52 02:48:16 จากคุณ : ต้มยำทะเล เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 52 02:39:12

ความคิดเห็นที่ 10 ชอบความเห็น #9 จังเลยค่ะ จากคุณ : Pim_ลภัส เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 52 08:33:25

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่มีข้อมูลมาแชร์ แต่จะบอกว่าจขกท.เป็นคุณแม่ที่มองการณ์ไกลมาก จากคุณ : ++Love Shuffle++ เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 52 08:37:45

ความคิดเห็นที่ 12 ก็กะว่าจะให้ลูกเจริญลอยตามความคิดเห็นที่ 9 ค่ะ แถมญาติพี่น้องจบจากโรงเรียนวัด มหาลัยรัฐ แต่ตอนนี้ 1 ครอบครัวเป็นหมอ อีก 1 ครอบครัวมีบริษัท และ ธุรกิจส่งออกเป็นของตัวเอง อีก 1 ครอบครัว มีลูกเป็นผู้พิพากษา ทั้ง 3 บ้านที่กล่าวมา ลูกเค้าไม่เคยเรียนเอกชนเลยค่ะ มีแต่ให้ลูกเรียนพิเศษเพิ่ม ประเภท ดนตรี กีฬา เราหวังว่าเราจะทำได้อย่างนั้นบ้างจัง จากคุณ : บล๊อกนี้___ไม่มีชื่อ เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 52 08:42:57

ความคิดเห็นที่ 13 ชอบ คห9 ค่ะ จะดีจะเด่นแค่ไหน อยู่ที่ตัวเราจ้า จากคุณ : แม่น้องชากิส เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 52 08:49:51

ความคิดเห็นที่ 14   ชอบ คห. 9 มากมาก ค่ะ จากคุณ : Mama Sammie เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 52 09:11:45

ความคิดเห็นที่ 15 ผมเข้าใจนะที่พ่อแม่จำนวนไม่น้อยยอมทุกอย่างเพื่อให้ลูกได้ the best education เราส่งลูกเรียนตามฐานะการเงินของเราครับ เรามีความเชื่อว่า โรงเรียนไม่ใช่เหตุผลเดียวที่มำให้เด็กเป็นคนดี และประสบความสำเร็จ ครึ่งนึงน่าจะมาจากพ่อแม่ ที่เหลือมาจากการเรียน และการสะสมประสบการณ์ ผมมาถึงจุดนี้ได้ จุดที่คนมักถามว่าจบปริญญาโทยูอะไร ทั้งที่เรียนโรงเรียนวัด และจบในประเทศ และกว่าจะได้ไปเมืองนอกก็ทำงานแล้ว ถือว่าฝีมือและความอุตสาหะล้วนๆ ไม่ได้คิดว่าลูกต้องเรียนโรงเรียนวัด แต่ว่าโรงเรียนดีอาจจะแพง หรือสมเหตุสมผลก็ได้ครับ ผมถูกมองว่าตามใจลูก เพราะผมอยากให้ลูกมีความสุขกับการใช้ชีวิต แต่ต้องมีความรับผิดชอบ ส่วนตัว ผมหวัง (ไม่หวังมากกลัวผิดหวัง) ให้เขามี the best mind เพราะจะทำให้เขาสู้ชีวิตได้ จากคุณ : Double07 เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 52 09:47:48

ความคิดเห็นที่ 16 เราก็กำลังเผชิญกับค่ะเทอมโรงเรียนอนุบาลที่ปีหนึ่งร่วม 100000 บาทอยู่ แต่เรามองว่า ในช่วงแรกของการไปโรงเรียนมีผลต่อการรับรู้ในทางที่ดีของเด็กที่มีต่อการไปโรงเรียน เรายอมรับได้ถ้าลูกเราชอบไปโรงเรียน มีความสุขดี มีสภาพแวดล้อมที่ดี เพราะหลังจากนี้ในช่วงที่เขาจะเข้าประถม เราก็อยากให้เขาได้มีโอกาสสอบเขาในโรงเรียนอื่นที่ดี แล้วค่าเทอมถูกลง โรงเรียนอื่นที่ดี แล้วค่าเทอมถูกลงก็หมายถึงการแข่งขันก็สูง ถ้าได้อาจจะช่วยให้ลูกเรียนในโรงเรียนที่ดีและไม่แพงต่อไปในอนาคตได้ เราก็เลยยอมเสียค่าเรียนที่สูงในตอนที่ลูกยังเล็ก เพื่อให้เขามีความมั่นใจ รักในการเรียน ในตอนนี้ ส่วนว่าถ้าเราส่งไม่ไหว เราก็เตรียมเรื่องนี้ไว้อยู่แล้ว แต่สำหรับตอนนี้เราก็ว่างแผนให้ลูกเรียนจบอนุบาลก่อนแล้วค่อยมาดูว่าจะเป็นยังไง จากคุณ : L'hivre เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 52 11:26:31

ความคิดเห็นที่ 17 ชอบคห.9 ค่ะ อ่านแล้วรู้สึกว่ามีกำลังใจดีจัง ของเราก็เริ่มออมไปเรื่อย ๆ ค่ะ แบบว่าไหวแค่ไหนไปแค่นั้น ไม่ทำอะไรเกินกำลังตัวเอง เรียนที่ไหนมาก็เหมือนกัน ขึ้นอยู่กะความขยันและหมั่นเพียรของตัวเด็กเอง พ่อแม่ได้แต่สนับสนุน เข็นขึ้นไม่ขึ้นก็อีกเรื่องนึงค่ะ จากคุณ : จอมมารพุงโต เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 52 11:52:17

ความคิดเห็นที่ 18 จะบอกว่าจขกทก็เคยคิดเหมือนกับที่เราเคยคิดน่ะค่ะ แต่เรื่องเงินก็เป็นแค่ส่วนเดียวนะคะ ยังมีปัจจัยอีกหลายๆอย่างที่มากกว่านั้น ในการที่จะผลักดันให้เด็กคนนึงประสบความสำเร็จในชีวิต ความเห็นของเรานะคะ (เอาแบบแนวคิดดั้งเดิมก่อนนะคะ เดี๋ยวคนจะเถียงอีกของใหม่ก็มี) ถ้าคุณอยากให้ลูกเป็นแพทย์ ทันตแพทย์ วิศวกร นักคอมพิวเตอร์ ไอที ก็พยายามผลักดันให้ลูกเข้าเรียนสายวิทย์ และเรียนมหาวิทยาลัยของรัฐบาล (ตัวเราและสามี มาแนวนี้ค่ะ เป็นคนไอทีและวิศวกร ทำงานต่างประเทศ แต่ละคนก็เงินเดือนหกหลัก แต่ทั้งคู่เป็นเด็กตจวนะคะ ตัวสามีเป็นเด็กวัดมาก่อนด้วยซ้ำ) ถ้าอยากให้เป็นนักธุรกิจ ก็ส่งเรียนออกแนวอินเตอร์หน่อย จะเรียนเอกภาษาเลยก็ได้ โอกาสก้าวหน้าก็จะสูง คุณคงหมายถึงอย่างนี้ใช่ไหมคะ ที่เรียนระดับปีละเป็นแสนหรือหลายๆแสน? คือมันคนละทางกันน่ะค่ะ นี่ยังไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินเลยนะคะ นอกเหนือจากหลักสูตร EP แล้ว เดี๋ยวนี้ก็มีการพบกันครึ่งทางที่เรียกว่า หลักสูตร MEP mini English program สำหรับพ่อแม่ที่เงินน้อยกว่า แต่อยากให้ลูกได้ภาษาตั้งแต่เล็ก ถ้าสนใจ MEP เราเคยตั้งกระทู้ไว้ ตามลิ้งค์ข้างล่างเลยนะคะ ก็คุยๆกันไว้เยอะกับแม่ๆที่อยากให้ลูกได้ภาษา ตรงนี้ตัดประเด็นแม่ระยองออกไปนะคะ ดูแต่แนวคิดเรื่อง MEP แล้วกันนะคะ แค่ MEP แม่ๆอย่างเรายังคิดหนักเลยค่ะ กลัวลูกเคว้งคว้างกับระบบการศึกษาของไทยเหมือนกัน แต่ก็ยังมีความหวังค่ะ ลองดูนะคะ http://topicstock.pantip.com/family/topicstock/2009/03/N7597786/N7597786.html จากคุณ : แอล (aal990) เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 52 12:57:16

ความคิดเห็นที่ 19 ในความคิดเห็นของตัวเราเอง ส่งตามฐานะและกำลังทรัพย์ของเราเองจะดีกว่า  โรงเรียน 2 ภาษาเทอมละ 4-5 หมื่น ก็มีให้เลือกเยอะ ประมาณตนไว้จะดีกว่า ปล. เราเคยรู้จักกับครอบครัวหนึ่ง(ญาติห่างๆ)  พ่อเป็นเจ้าของโรงงาน  ส่งลูกเรียนหนังสือโรงเรียนดีมากๆ แห่งหนึ่ง ลูกอยู่ประถมให้เงินลูกใช้เงินวันละ 1000 บาท เมื่อ 10 ปีที่แล้วนะคะ พอพ่อล้มละลาย ลูกต้องออกจาก โรงเรียน มาเรียนวัด ลูกสาวรับไม่ได้ เข้ากับ คนอื่นไม่ได้ ดูถูกคนอื่น ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ต่างจากเค้าเลย  สุดท้ายเรียนหนังสือไม่จบ จบแค่ มัธยมต้น และเมื่อไม่นาน เข้าทำงานกับญาติ ซึ่งทางญาติเป็นครอบครัวคนจีนไม่รู้ ภาษาไทย  และไว้วางใจให้ทำบัญชี แต่น้องเค้ากลับยักยอกเงินไปเป็น ล้าน ซึ่งตอนนี้หนีไปอยู่ที่ไหนแล้วไม่รู้ ซึ่งคนที่เดือนร้อนก็คือพ่อและแม่ ต้องคอยส่งเงินให้ใช้เพราะว่าหนีคดีไป ไม่มีงานทำ  คนที่ผิดคงจะเป็นพ่อแม่ ที่เลี้ยงลูกผิดมาตั้งแต่แรก จากคุณ : ลูกกาหยูของแม่นก เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 52 14:28:43

ความคิดเห็นที่ 20 เห็นค่าเทอมแล้วน่ากลัวจังเลย กะจะให้ลูกเจริญรอยตามตัวเองนะนี่ หมายเหตุ: ตอนนี้ยังไม่แต่งงานด้วยซ้ำ กร๊ากกก ประถม รร.แถวบ้าน(บ้านน๊อกบ้านนอก บอกไปคงไม่มีใครรู้จัก) ขี่จักรยานไปเรียน เหมือนเรื่องแฟนฉันเลย มัธยมต้น เข้ารร.ประจำจังหวัด มัธยมปลาย ไปจังหวัดที่ใหญ่ขึ้น(รร.นครสวรรค์) เรียนพิเศษเฉพาะวิชาที่อ่อน เพราะแม่ก็ไม่มีตังค์ให้เรียนมาก อ่านเองเท่านั้นที่ช่วยท่านได้ นิสัยรักการอ่านช่วยได้มากค่ะ ถ้าไปอยู่ที่ที่มีห้องสมุดดีๆ เด็กจะไปได้เองเลยค่ะ มหาวิทยาลัย แพทย์เชียงใหม่ (ค่าหน่วยกิจถูกจริงๆ confirm) ไม่รู้จะใจแข็งพอที่จะให้ลูกเรียนเหมือนตัวเองได้รึเปล่า เพราะสมัยเรานั้นความจำเป็น(ด้านการเงิน)บังคับ แต่ถ้ามาถึงรุ่นลูก ถ้ามีกำลังก็อาจจะส่งให้เรียนรร.ดีๆ แต่หมายความว่าต้องไกลบ้าน เพราะตอนนี้เราก็อยู่จังหวัดเล็กๆ และก็เสียดายโอกาสที่ลูกจะได้อยู่บ้าน ขี่จักรยานไปเรียนเหมือนเรา จากคุณ : ฟ้าหมาดฝน เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 52 23:10:39

ความคิดเห็นที่ 21 ถ้ายิ่งโต ยิ่งถูกลงก็ดีที่สุดสำหรับคนหาเงิน ฮ่าๆ ผมกับภรรยายังคิดว่า ถึงจะมีกินก็ต้องการให้ลูกทั้งสองคนไปทำงานพิเศษเมื่อโตขึ้น ก็กล่อมๆมาตลอด ตอนนี้เพิ่งจะ 9 กับ 11 ขวบเอง เวลาไปตามห้างก็จะบอกนี่ไง ทำงาน ได้เงินเท่านั้นเท่านี้ ทำเฉพาะปิดเทอมก็ได้นะ จากคุณ : Double07 เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 52 12:25:25

ความคิดเห็นที่ 22 คคห. 20  คุณ ฟ้าหมาดฝน ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนร่วมสถาบันค่ะ  แต่...กิ๊ฟหมดแล้วอ่า จากคุณ : ต้มยำทะเล เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 52 22:08:57

ความคิดเห็นที่ 23 ^ ^ ยินดีเช่นกันค่ะ (ว่าแต่ว่า สถาบันไหนล่ะเอ่ย) จากคุณ : ฟ้าหมาดฝน เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 15:01:25

ความคิดเห็นที่ 24   สำหรับตัวผมเองก็ต้องตอบให้ได้ก่อนว่า 1 แสนต่อเทอมนั้นคุ้มอนาคตลูกไหม ถ้าคุ้มแล้วตัวเองส่งไหวก็ทำ ส่วนถ้าลูกรับไม่ได้ถ้าเปลี่ยนโรงเรียน ถ้าอย่างนั้นผมว่าโรงเรียนที่ส่งไปก็ไม่คุ้มแล้วละครับ เพราะลูกรับการเปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย เพราะสมัยนี้คนที่จะมีอนาคตไกล ต้องปรับตัวเก่ง ปรับตัวไวครับ จากคุณ : วิ่งภุูเขา เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 52 03:04:06 A:124.120.99.239 X:

ความคิดเห็นที่ 25 ขอตอบในฐานะลูกได้มั้ยคะ เรามีพี่น้องทั้งหมด 3 คน เป็นคนโตค่ะ อนุบาล ... เอกชน ที่ถูกอยู่นะคะ แต่จำไม่ได้ว่าเท่าไหร ประถม... เรียน โรงเรียนเทศบาลค่ะ (คิดดูสิคะ ว่าค่าเทอมจะเท่าไหร่ อาจแค่ไม่กี่ร้อยเองก็ได้) มัธยมต้น... โรงเรียนรัฐบาล (สตรี) ประจำจังหวัด มัธยมปลาย...โรงเรียนรัฐบาลประจำจังหวัด ในจังหวัดใหญ่ทางภาคเหนือ ปัจจุบัน... ปี 5 คณะเภสัชศาสตร์ มช. น้องเรา เรียนเหมือนเราทุกอย่างค่ะ ยกเว้นมัธยม... สอบเข้าได้ที่โรงเรียนสาธิต ทั้งๆ ที่ไม่เคยเรียนพิเศษ และจบจากโรงเรียนเทศบาล ด้วยซ้ำ ปัจจุบัน คนกลาง... ปี 3 มัณฑนศิลป์ ศิลปากร คนเล็ก... เพิ่งอยู่ปี 1 คณะแพทย์ มช. ถามว่า พ่อแม่มีตังค์ส่งให้เรียนเอกชน หรือนานาชาติแพงๆ ได้มั้ย ? ตอบ... ได้ค่ะ พ่อเราเป็น ผอ.รพ. แห่งหนึ่งในจังหวัด ส่งได้สบายๆ แต่ไม่ทำ เหตุผลคือ 1. อยากให้ลูกเรียนรู้สังคมทุกระดับ ตั้งแต่สังคมคนมีเงิน (เอกชน) จนถึงระดับหาเช้ากินค่ำ (เทศบาล) 2. อยากให้ลูกปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นได้ทุกประเภท (จริงค่ะ พ่อๆ แม่ๆ ทุกท่านในนี้ไม่ต้องกังวลว่าลูกจะปรับตัวไม่ได้นะคะ ถ้าคุณสอนลูกเป็น ไม่ติดให้ลูกรักสบายตั้งแต่เด็ก) 3. ชีวิตวัยเด็ก พ่อกับแม่อยากให้เรียนโรงเรียนใกล้บ้าน เพราะดีกับสุขภาพจิต ไม่ต้องไปแข่งขัน พ่อกับแม่เราเชื่อว่าทุกโรงเรียนมีคุณภาพทัดเทียมกันหมด ขึ้นอยู่กับตัวเด็กว่า พื้นฐานจิตใจเค้าเป็นคนยังไง (ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูเลยค่ะ) 4. ถูกส่งไปเรียนเชียงใหม่ 3 พี่น้อง เพราะไม่อยากให้มาเรียนโรงเรียนดังๆ ในกรุงเทพฯ แต่สุขภาพจิตแย่ รถติด การแข่งขันสูง แต่มาเรียนเชียงใหม่ คุณภาพการศึกษาเท่าๆ กัน แต่ลูกมีสุขภาพจิตดีกว่ากันเยอะ เรากับน้อง ถูกเลี้ยงมาให้สามารถดูแลตนเองได้ ซักผ้า หุงข้าว ทำกับข้าวได้ตั้งแต่ประถม  ซักถุงเท้าเองตั้งแต่ ป.2 (แม่บอกว่า ไปเล่นซนมาจนถุงเท้าดำเขรอะแค่ไหน ถ้าไม่ซัก แม่ก็ไม่ซักให้ ก็ไม่มีใส่ไปโรงเรียน) ซักชั้นในเอง หุงข้าว ทำกับข้าว ที่มากกว่าเมนูไข่ (เช่นผัดกระเพรา) ตำน้ำพริก ทำเมนูต่างๆ ได้ตั้งแต่ ป. 4 เพราะโรงเรียนเทศบาล สอนให้รู้จักการทำอาหาร การเย็บผ้า (ใช้จักรเย็บผ้าได้) ประมาณว่า เป็นวิชาที่เอาไปสร้างรายได้ ประกอบอาชีพได้ในอนาคต (เพราะเด็กที่จบเทศบาลส่วนมาก พ่อแม่ไม่มีเงินส่งลูกเรียนต่อนะค่ะ มักจบมาแล้วก็รับจ้าง ช่วยพ่อแม่ทำงาน) ลูกสาว 3 คน ถูกส่งให้มาเรียนเชียงใหม่ตั้งแต่ ม.1 (เราตามมาตอน ม.4) ทั้งๆ ที่ไม่มีญาติพี่น้อง หรือคนรู้จักซักคนอยู่เชียงใหม่ ต้องดูแลตัวเอง ดูแลน้องๆ รู้จักแบ่งเวลาให้กับการเรียน และกิจกรรม รู้จักการใช้เงิน ฯลฯ โดยที่ไม่มีพ่อกับแม่มาคอยอบรม คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ ตอนนี้ อยากขอบคุณพ่อกับแม่มากๆ ที่ปลูกฝังพื้นฐานการใช้ชีวิตมาได้ มันรู้สึกภูมิใจอยู่ลึกๆ ค่ะ ที่สามารถทำอะไรเป็นได้ตั้งแต่เด็ก ทั้งที่ "บางคน" จบจากโรงเรียนแพงๆ ดังๆ แต่ทำอะไรไม่เป็นเลย จากคุณ : เม็ดยาค่ะ (เม็ดยาค่ะ) เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 52 14:43:38