Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
น้ำใจจากชาวต่างชาติหรือน้ำใจจากคนไทยสำคัญเท่ากัน  

ฉันนั่งคิดอยู่นานว่าจะโพสเรื่องราวนี้ลงพันทิปดีหรือไม่ แล้วก็ตัดสินใจได้ คุณจึงได้อ่านเรื่องราวดีๆ แล้วในตอนนี้คะ

เมื่อวานฉันทำงานอยู่ที่ร้าน มีฝรั่งคนหนึ่งเข้ามาถามฉันว่าคุณพอจะพูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อยไหม ฉันพยักหน้าคิดว่าเขาจะมาซื้อยา (ฉันทำงานอยู่ร้านขายยา) เขาส่งกระดาษให้ฉันใบหนึ่งเป็นสำเนาจากหนังสือพิมพ์ PHUKET GAZETTE หนังสือพิมพ์ฉบับนี้เป็นหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ มีข่าวผู้หญิงตาบอดคนหนึ่งโดยขโมยกระเป๋า ในนั้นมีกระเป๋าเงิน กับโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง เธอนั่งคุยกับเพื่อนคนตาบอดอีกคนหนึ่งอยู่หน้าร้านนวด (เธอเป็นหมอนวดตาบอด) เวลาประมาณหนึ่งทุ่มเศษ มีมอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าร้านแล้วมีคนลงจากรถมาฉกกระเป๋าถือเธอไป เธอบอกว่าเธอวางกระเป๋าไว้บนตักแล้วกอดไว้นะคะ มันมาฉกไปจากมือเลยคะ แล้วคนตาบอดที่ไหนจะจำทะเบียนรถได้ล่ะคะ แต่ก็ยังดีที่มีคนตาดีพาเธอไปแจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน  วันรุ่งขึ้นก็มีนักข่าวหนังสือพิมพ์มานวดที่ร้านเธอคะ แล้วบังเอิญได้ยินเข้าจึงได้เอาเรื่องนี้ไปเขียนข่าว ฝรั่งคนที่มาหาฉันเขาอ่านข่าวเจอจึงมาตามหาหมอนวดคนนี้คะ ฉันอ่านสำเนาข่าวในมือจบก็ถามเขาว่าคุณมาตามหาผู้หญิงคนนี้ทำไม  เขาบอกว่าจะมาซื้อโทรศัพท์ให้เธอใช้ค่ะ ฉันจึงตัดสินใจพาเขาไปตามหาเธอด้วยตัวเองคะ หันไปบอกเจ้าของร้านว่าเดี๋ยวมานะคะ :)

เนื่องจากว่าในซอยข้างร้านฉันมีร้านนวดคนตาบอดอยู่ถึง 4 ร้านคะ แล้วแทบทุกร้านเป็นลูกค้าร้านยาที่ดิฉันทำงานอยู่คะ แต่ดิฉันไม่เคยไปนวดเลยคะ เพราะไม่เคยเมื่อย  แล้วในหนังสือพิมพ์ก็ลงชื่อ-นามสกุล หมอนวดไว้แต่ไม่มีชื่อเล่นคะ ดิฉันจะปล่อยให้เขาไปตามหาเองได้อย่างไรคะ ดิฉันพาเขาเดินไปถึงร้านแรกถามหาชื่อตามข่าวก็ไม่มีคะ ไปร้านที่ 2 ที่อยู่ในซอยอีกด้านหนึ่งจึงจะเจอ เธออยู่ที่ร้านนี้คะ ฉันนึกในใจว่านี่ถ้าฉันไม่พาเขามาฉันจะอธิบายเขาเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างไร  ฉันแค่พอพูดได้แต่ไม่เก่งเลยค่ะ ในที่สุดเราก็เจอคนที่ตามหาคะ ฉันบอกเธอถึงจุดประสงค์ของฝรั่งคนนี้คะ เธอดีใจมาก รีบขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะออกไปเลือกซื้อโทรศัพท์กันคะ

ฉันก็แนะนำร้านขายโทรศัพท์ใกล้ๆ ร้านฉัน ระหว่าที่รอเราก็เลยได้คุยกัน แนะนำตัวกันคร่าวๆ เขาชื่อคริส เป็นอเมริกันค่ะ มาทำงานอยู่แถวสนามบิน (ภูเก็ต)  โอโห.. คุณค่ะ ดิฉันอยู่ในตัวเมืองค่ะ สนามบินกับที่นี่มันไกลกันตั้งสามสิบกว่ากิโลเมตรคะ อุตส่าห์มา พอดีหมอนวดแต่ตัวเสร็จก็ชวนกันไปร้านขายโทรศัพท์คะ

แต่ร้านโทรศัพท์ต้องเดินผ่านร้านฉันค่ะ คริสเห็นว่าเจ้าของร้านมายืนรอฉันอยู่หน้าร้าน จึงบอกให้ฉันกลับไปทำงานคะ (จริงๆ เจ้าของร้านเป็นพี่สาวฉันเอง เธออุ้มลูกออกมาเดินเล่นรับลมค่ะ ไม่ได้มายืนรอ) ฉันก็พาเขาไปส่งถึงร้านโทรศัพท์ เจ้าของร้านโทรศัพท์ก็พอพูดภาษาอังกฤษได้ ฉันเลยขอตัวกลับ คุณคริสกับหมอนวดก็ขอบคุณฉันใหญ่

ฉันกลับมาที่ร้านก็เล่าให้พี่สาวกับพี่เขยฟังค่ะ ทั้งคู่ก็บอกว่าดีจังเลยเนอะ ชื่นใจจังค่ะ พี่สาวฉันก็เตือนให้ฉันระวังตัวเหมือนกัน เพราะฉันก็ใช้มอเตอร์ไซค์ในการเดินทางกลับบ้านค่ำๆ มืดๆ

ฉันนึกถึงเรื่องเก่าๆ เรื่องหนึ่ง มันผ่านมานานเป็นปีๆ แล้ว เรื่องนี้เกิดขึ้นทางเดียวกับทางกลับบ้านฉันคะ มีพนักงานโรงแรมแห่งหนึ่งเลิกงานดึกค่ะ ประมาณ 5 ทุ่ม เธอนั่งรถโรงแรมมาลงที่จุดจอดรถในเมือง แล้วขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้านคนเดียว คืนหนึ่งเธอโดนฉกกระเป๋าและสร้อยทองค่ะ โจรขี่มอเตอร์ไซค์เหมือนกันมาประกบเธอแล้วถีบรถเธอล้มคะ เธอเองเจ็บตัวพอสมควร กำลังงงๆ โจรก็มาฉกกระเป๋าไปเลยคะ  แถมโจรอีกคนตาดีเห็นสร้อยทองเธอคะ กระชากไปอีก 1 เส้น แล้วหนีไป

ฉันทราบข่าวนี้จากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ยังรู้สึกเสียวๆ เพราะจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากหมู่บ้านดิฉันประมาณ 500 เมตร  ผ่านไปไม่ถึง 1 สัปดาห์ มีผู้หญิงคนหนึ่งมาซื้อยาแก้แผลอักเสบที่ร้านคะ ฉันเห็นใบหน้าและแขนเธอมีแผลถลอกเต็มไปหมดฉันจึงถามเธอว่ารถ (มอเตอร์ไซค์) ล้มมาเหรอ เธอจึงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง  เธอคือคนที่ถูกขโมยกระเป๋าและสร้อยทองไปนั่นเอง เธอบอกฉันว่าสร้อยทองเส้นเล็กนิดเดียวห้อยพระไว้ใส่ไว้ในเสื้อ โจรยังอุตส่าห์เห็น ฉันฟังเธอเล่าจนจบแล้วเดินอ้อมเคาน์เตอร์มากอดเธอไว้  ตอนแรกเธอทำหน้าตกใจนิดๆ แล้วอยู่ๆ เธอก็ร้องไห้ค่ะ บอกว่าตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่มีใครปลอบใจเธอเลยค่ะ เธอก็มัวแต่โกรธไอ้โจรสองคนนั่นอยู่ มัวแต่ติดตามเรื่องแจ้งความเรื่องคดี มีแต่ความโกรธแค้น..

ฉันบอกเธอว่าหายโกรธเถอะค่ะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อน เธอร้องจนพอใจก็ขอบคุณฉัน บอกว่าเธออโหสิกรรมให้โจรได้แล้ว :) ฉันจัดยาให้เธอตามต้องการแล้วก็มีอุปกรณ์ตกแต่งแผลนิดหน่อย รวมแล้วร้อยกว่าบาท ฉันจึงบอกเธอว่าไม่คิดเงิน เธอขอบคุณฉันแล้วเล่าให้ฟังอีกว่าเธอไปหาหมอที่โรงพยาบาลแล้ว (ใช้ประกันสังคม) เค้าทำแผลให้ ให้ยามากิน แต่เธอไม่มีเวลาไปล้างแผลทุกวัน เค้าเลยให้อุปกรณ์ทำแผลมา พอแผลใกล้หายยาก็หมด เลยมาซื้อเพิ่มอีกนิดหน่อย เพื่อนๆ เธอที่โรงแรมก็ผลัดกันช่วยมาทำแผลให้ ฉันเดินไปส่งเธอหน้าร้าน เธอเดินไปที่มอเตอร์ไซค์ฉันเห็นรอยถลอกที่รถเธอเล็กน้อย ฉันใช้มือลูบเบาๆ รู้สึกเหมือนอยากจะทำแผลให้มันด้วย ฉันบอกลาเธอให้เธอขับรถดีๆ เธอขอบคุณฉันอีกแล้วจากไป ฉันยังยืนอยู่ตรงนั้นน้ำตาค่อยๆ ไหล เมื่อกี้ฉันไม่ได้ร้องไห้กับเธอแต่ตอนนี้ฉันกลับเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก

ทำไมคนเราถึงใจร้ายกันนักน่ะ แค่คิดถึงคนอื่นเพิ่มอีกสักนิด คุณก็คงจะไม่ทำเรื่องร้ายๆ ลงไป ฉันอยากฝากเรื่องราว 2 เรื่องนี้ไว้ให้คุณอ่าน แค่คิดถึงคนอื่นสักนิด ก็จะมีแต่เรื่องดีๆ เกิดขึ้นในสังคมเราค่ะ :)

# ขออนุญาตโพสกระทู้ไว้ในห้องนี้นะคะ เพราะฉันกับพี่สาวชอบมาอ่านเรื่องราวเด็กๆ ในห้องนี้เป็นประจำ

จากคุณ : S H E A + + W o o
เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 52 12:24:25




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com