|
น้ำเลี้ยงมหัศจรรย์จากเต้าของแม่ (ยาวหน่อยแต่อยากให้อ่านครับ)
|
|
ประโยชน์ที่ได้รับจากการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
น้ำนมแม่ย่อยง่ายและอุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญ เช่น โปรตีน, คาร์โบไฮเดรต, ไขมันและเกลือแร่ ซึ่งช่วยในการเจริญเติบโต และยังมีสารที่เรียกว่า เอนไซม์และฮอร์โมน ซึ่งเป็นตัวช่วยสร้างเซลล์สมองของเด็กทำให้เด็กฉลาด
หัวน้ำนมหรือโคลรอสตรุ้ม ซึ่งมีสีเหลืองใสจนถึงสีเหลืองเข้ม ซึ่งคุณแม่อย่าบีบทิ้ง ต้องให้ลูกได้กินเพราะเป็นน้ำนมที่มีประโยชน์ที่สุด หัวน้ำนมมีสารที่เรียกว่า เบต้าแคโรทีนที่ช่วยในการให้ภูมิต้านทานโรคและเป็นยาระบายอ่อน ๆ ขับขี้เทา ช่วยให้เด็กตัวเหลืองลดลง แม่ ตัวแม่เองจะรูปร่างดีไม่อ้วน เพราะไขมันจะถูกดึงไปใช้ในการสร้างน้ำนม ทั้งยังทำให้มดลูกเข้าอู่เร็ว , ป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่ รวมทั้งเกิดความรักความผูกพันระหว่างแม่-ลูก ตลอดจนสะดวกและปลอดภัย
ข้อควรปฏิบัติในการให้นมลูก
คุณแม่ควรทำความสะอาดหัวนม โดยการใช้สำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดให้สะอาดก่อนและหลังให้นมทุกครั้ง และวิธีการให้นมลูกที่ถูกต้อง คือต้องให้หัวนมแม่อยู่ที่แก้มใกล้มุมปากลูกด้านใดด้านหนึ่ง เพราะเด็กจะหันไปมาจนพบหัวนมและดูดทันที
ควรให้ลูกอมหัวนมจนถึงส่วนคล้ำทั้งหมด เพื่อป้องกันเหงือกลูกที่จะกดลงบนหัวนมแม่ ซึ่งจะทำให้แม่เจ็บและหัวนมเป็นแผลได้
หลังจากให้นมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรอุ้มลูกพาดไหล่หรือจับนอนคว่ำเพื่อให้เรอเป็นการไล่ลมในกระเพาะ
การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นั้นมีประโยชน์อย่างมากทั้งต่อตัวเด็กและแม่เอง ถ้าแม่ทุกคนสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้อย่างถูกต้องแล้วจะช่วยทำให้ลูกนั้นเจริญเติบโตขึ้น มีสุขภาพและพัฒนาการที่สมบูรณ์ ทั้งด้านร่างกายสติปัญญา และจิตใจ และเป็นเยาวชนที่ดีของประเทศชาติได้
เทคนิคการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ 1. ตรวจหัวนมตนเองว่ามีปัญหาต่อการดูดนมหรือไม่ ถ้าไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการแก้ไขก่อนการคลอด 2. เมื่อแรกคลอด นมหยดแรกของลูกควรมาจากเต้านมแม่ ถึงแม้นมแม่จะยังไม่ไหลอย่างเต็มที่ แต่การที่ลูกดูดเต้านมจากแม่เป็นการกระตุ้นให้น้ำนมแม่ไหล 3. ถ้ามีเหตุจําเป็นที่ลูกไม่สามารถดูดนมจากเต้าแม่ได้ ให้แม่บีบนมเก็บใส่ขวดไว้ป้อนลูก อย่าทิ้งนาน 4. ให้ลูกนอนกับแม่ด้วยตลอด เพื่อให้ลูกดูดนมแม่ได้บ่อยที่สุดเท่าที่ลูกต้องการ แต่ที่สําคัญแม่ต้องอุ้มลูกให้ถูกวิธี น้ำนมจะไหลออกมาดี 5. คุณแม่ต้องดื่มน้ำเยอะๆ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และไม่เครียด ถึงแม้จะรู้สึกว่าน้ำนมไหลน้อย นั่นเป็นเพราะร่างกายกําลังปรับตัว 6. ถ้าเต้านมคัดมาก แต่ลูกยังไม่หิว ให้บีบน้ำนมเก็บใส่ภาชนะเอาไว้ แล้วแช่ตู้เย็นเป็นนมแม่สํารองเอาไว้ได้ 7. คุณแม่ที่ต้องกลับไปทํางานประจํา ไม่ต้องวิตกกังวลว่าน้ำนมจะลดหายไป หรือต้องให้ลูกหย่านมแม่ เพราะคุณแม่สามารถปั๊มนมเก็บไว้ได้ในช่วง 3 เดือนแรก เมื่ออยู่ที่ทํางานก็ควรบีบหรือปั๊มนมแม่เก็บเอาไว้อย่างสม่ำเสมอ และให้ลูกดูดนมจากเต้าแม่ในช่วงกลางคืน และวันหยุดได้ ที่สําคัญคุณแม่ต้องศึกษาวิธีการเก็บนมแม่อย่างถูกวิธี 8. ความตั้งใจเป็นสิ่งสําคัญที่จะทําให้คุณแม่ให้นมแม่กับลูกไปนานที่สุดเท่าที่จะทําได้
อย่าเลี่ยงทารกแรกเกิดด้วยนมวัว หรือนมผง ควรเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่ อย่างน้อย 3 เดือน เด็กทารกจะมีภูมิต้านทานโรค และแข็งแรง
เป็นที่ทราบดีว่า น้ำนมแม่เป็นสิ่งที่มีประโยชน์และจำเป็นสำหรับทารกแรกเกิด เพราะ ทารกเป็นวัยที่ยังไม่สามารถสร้างภูมิต้านทานโรคได้เอง และในน้ำนมของแม่ก็มีสารอาหารหลากหลายที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้กับทารก หนึ่งในนั้นคือ โปรไบโอติกส์ (Probiotics)
โปรไบโอติกส์ (Probiotics) คือ จุลินทรีย์สุขภาพ ซึ่งจัดเป็นเชื้อแบคทีเรียที่เป็นมิตรกับร่างกาย และเป็นแบคทีเรียชนิดเดียวกับแบคทีเรียในน้ำนมแม่ เมื่อทารกได้รับจุลินทรีย์โปรไบโอติกส์เข้าสู่กระเพาะอาหารและลำไส้ จุลินทรีย์ชนิดนี้ก็จะเพิ่มจำนวนเป็นทวีคูณในกระเพาะอาหารและลำไส้ของทารก เพื่อช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ซึ่งบทบาทของโปรไบโอติกส์นั้น จะช่วยในการป้องกันโรค สร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียชนิดที่ไม่เป็นมิตรต่อร่างกาย ที่ติดมากับอาหารหรือสิ่งที่ทารกรับประทานเข้าไป เป็นเหตุให้เกิดอาการติดเชื้อและท้องร่วงในทารก ซึ่งโปรไบโอติกส์สามารถป้องกันอาการต่างๆ เหล่านี้ได้ เปรียบเสมือนเป็นเกราะป้องกันไม่ให้เชื้อโรคทะลุผ่านเข้ามาในร่างกายของทารก
นอกจากนี้ โปรไบโอติกส์ ยังช่วยป้องกันอาการที่ร่างกายไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโตส ซึ่งมาจากอาหารประเภทนมได้ และเพิ่มความสามารถในการดูดซึมแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย รวมถึง ช่วยกระตุ้นภูมคุ้มกันที่ยังไม่สมบูรณ์ของทารกด้วย
ปัจจุบัน มี โปรไบโอติกส์ ในรูปแบบของอาหารและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อาทิ โยเกิร์ตและนมเปรี้ยวหลายยี่ห้อในท้องตลาด ดังนั้น ผู้เป็นแม่ควรศึกษาหาข้อมูลของคุณค่าและโภชนาการของน้ำนมแม่ และเลือกรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของ โปรไบโอติกส์ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพและภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับลูกน้อย
ประโยน์จากการให้นมแม่
-ลดการเกิดโรคภูมิแพ้
- อาเจียนลดลง
- ลดท้องร่วง
- ปอดบวม หลอดลมอักเสบลดลง
- เยื่อหุ้มสมองอักเสบลดลง
- ลดอุบัติการณ์เสียชีวิเฉียบพลันที่เรียกว่า Sudden Infant Death Syndrome (SIDS).
- ได้รับภูมิคุ้มกันเร็วขึ้น
- น้ำนมเหลือง( colostrum)จะขับน้ำดีเพื่อลดอาการตัวเหลือง
- สามารถย่อยได้ง่ายและมีสารอาหารครบถ้วน
- มีสัดส่วนอาหารที่เหมาะสม
- พัฒนาการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อปาก
สิ่งที่แม่ได้รับจากการให้นมลูก
- จะช่วยให้คุณแม่เผาผลาญพลังงาน ทำให้น้ำหนักกลับสู่ปกติได้เร็ว การให้นมแก่ลูกจะใช้พลังงานวันละ 200-50กิโลแคลอรี่หากจะเปรียบเทียบกับการออกกำลังกายต้องว่าน้ำไปกลับ 30 รอบหรือขี่จักรยาน 1 ชั่วโมง
- ลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งรังไข่ ลดอาการวัยทอง ลดการเกิดมะเร็งเต้านม
- ป้องกันโรคกระดูกพรุน
- ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานทั้งชนิดที่1 และ 2 จะมีระดับน้ำตาลที่ต่ำลด และต้องการอินซูลินลดลง
- ช่วยเลื่อนการมีประจำเดือน ทำให้การตั้งครรภ์ไม่ถี่เกินไป
- ทำให้มดลูกกลับสู่ภาวะปกติเร็วขึ้น
- ความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูก
- ไม่มีปัญหาเรื่องคัดเต้านม
- ประหยัดเวลาไม่ต้องเตรียมนม
- ประหยัดค่าใช้จ่าย
เทคนิคการบีบ เก็บน้ำนมแม่
ควรล้างมือให้สะอาดก่อนการบีบและการเก็บน้ำนม ทุกครั้ง หามุมสงบนั่งให้สบายผ่อนคลายจะช่วยทำให้การหลั่งน้ำนมดีขึ้น ถ้าเต้านมคัดตึง แม่อาจประคบเต้านมด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นจัด 3-5 นาที นวดเต้านมในลักษณะเป็นวงกลม จากฐานเต้านมเข้าหาหัวนม และคลึงเบา ๆ เพื่อกระตุ้นการหลั่งน้ำนม บีบน้ำนมออกโดยใช้หัวแม่มือวางบนลานหัวนมด้านบน ส่วนนิ้วที่เหลือวางด้านตรงข้ามกดนิ้วเข้าหาทรวงอกก่อน แล้วค่อย ๆ บีบปลายนิ้วเข้าหากัน น้ำนมแม่ละไหลออกมา เก็บใส่ภาชนะสะอาด ที่เตรียมไว้ ทำซ้ำใหม่ กด-บีบ- ปล่อย เป็นจังหวะช้า ๆ เมื่อน้ำนมไหลน้อยจึงเปลี่ยนตำแหน่งที่วางนิ้วไปบริเวณรอบลาน ๆ นมเพื่อให้น้ำนมไหลออกจากกระเปาะน้ำนมทุกอัน ( อาจบีบน้ำนมทิ้งก่อน 2-3 หยด เพื่อชะล้าง รูเปิดของน้ำนม ) ใช้เวลาบีบน้ำนมแต่ละข้าง ประมาณ 10-15 นาที การบีบน้ำนมด้วยมือ หากทำอย่างนุ่มนวลถูกวิธีแล้วแม่จะไม่เจ็บและมีน้ำนมออกดี ต้องทำอย่างน้อย 3 ชั่วโมง
การเก็บรักษาน้ำนมแม่
แบ่งเก็บน้ำนมในปริมาณที่ลูกกินหมดพอดีในแต่ละมื้อ
เมื่อเก็บน้ำนมเสร็จควรปิดภาชนะให้มิดชิดทันที เ
ขียนวันที่ เวลาที่เก็บไว้ จัดเรียงตามลำดับก่อนหลัง
ถ้าคิดว่าจะใช้น้ำนมนั้นหมดภายใน 2-3 วันให้เก็บตู้เย็นช่องธรรมดาชั้นบนสุด
ประมาณ 4 องศา เซลเซียสไม่ควรเก็บที่ประตูตู้เย็น เพราะอุณหภูมิไม่คงที่
ถ้ามีน้ำนมมากให้เก็บสำรอง ไว้ในช่องแช่แข็งของตู้เย็น
ระยะเวลา การเก็บรักษาน้ำนมแม่
วีธีเก็บ ระยะเวลาที่เก็บได้
เก็บที่อุณหภูมิห้อง ( > 25 องศาเซลเซียส) 1 ชั่วโมง
เก็บที่อุณหภูมิห้อง ( < 25 องศาเซลเซียส) 4 ชั่วโมง
เก็บในกระติกน้ำแข็ง 1 วัน
เก็บที่ตู้เย็นช่องธรรมดา 2-3 วัน
เก็บที่ตู้เย็นช่องแช่แข็ง ( แบบประตูเดียว ) 2 สัปดาห์
เก็บที่ตู้เย็นช่องแช่แข็ง ( แบบประตูแยก ) 3 เดือน
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่จะช่วยให้น้ำนมไหลดีขึ้น
เมื่อเริ่มต้นบีบน้ำนม 1-2 นาที ขอให้คุณแม่ใจเย็น ๆ และบีบเป็นจังหวะช้า ๆ
การบีบที่หัวนม ทำให้เจ็บและน้ำนมไม่ไหล เพราะเป็น การบีบท่าให้ตีบ น้ำนมไหลไม่ดี
ฝึกหัดทำสักระยะจะค่อย ๆ เก่งขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ
การป้อนนมแม่ด้วยถ้วย ( Cup Feeding)
ใส่น้ำนมแม่ในถ้วย ประมาณครึ่งถ้วย
ประคองลูกให้อยู่ในท่านั่งตัวตรง หรือครึ่งนั่งครึ่งนอนบนตักของผู้ป้อน ถ้าลูกดิ้นมากอาจต้องห่อตัวลูกวางปากถ้วยที่ริมฝีปากล่างาของลูก เอียงถ้วยให้น้ำนมสัมผัสปลายลิ้นของลูก ลูกจะใช้ลิ้นไล้น้ำนมแม่เข้าปากอย่าเทน้ำนมเข้าปากลูก เพราะลูกจะสำลัก การนำน้ำนมแม่ที่แช่เย็นมาใช้
นมที่เก็บในช่องธรรมดา ให้นำมาวางไว้นอกตู้เย็น หรือแช่น้ำอุ่น เพื่อหายเย็น, ห้ามอุ่นในน้ำร้อนจัดหรือเข้าไมโครเวฟ เพราะภูมิต้านทานในน้ำนมแม่จะสูญเสีย ไป นำนมเก่า ในช่องแช่แข็งมาใช้ก่อนโดนนำมาไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดา 1 คืน ให้ละลายตัว, นมแช่แข็งที่ละลายแล้วไม่ควรนำกลับไปแช่แข็งอีก, นมที่ละลายแล้วยังไม่ได้กิน ให้รีบนำไปแช่ตู้เย็นใหม่สามารถเก็บได้ 4 ชั่วโมง หรือจนถึงมื้อต่อไป นมที่ละลายแล้ววางที่อุณหภูมิ ห้องนานเกิน 1 ชั่วโมง ให้ทิ้ง ไม่เก็บไว้กินต่อ
จากคุณ |
:
khop_non
|
เขียนเมื่อ |
:
10 ส.ค. 52 10:18:53
|
|
|
| |