ความคิดเห็นที่ 1 บางทีความรักก็ทำให้คนตาบอด(ชั่วคราว)มั้งคะ รู้สึกเห็นใจคุณภรรยาหลายท่านที่มีสามีแบบนั้นนะคะ ได้แต่ภาวนาให้หมดเวรหมดกรรมกันซะที เราเองก็เคยคบกับผู้ชายที่ พอย้อนไปนึกถึงแล้วเห็นว่าไม่มีดีเลยซักอย่าง..มีแต่นำความทุกข์ใจมาให้ แถมไม่คู่ควรกับเราเลยซักนิดไม่รู้ไปคบได้ไง แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นแต่งงานด้วย--คิดถึงทีไรก็อนาถใจตัวเองทุกที แต่คนที่แต่งงานด้วยปัจจุบันดูกันมานานและคิด(หวัง)ว่าคงไม่กลายพันธุ์ไปจากที่รู้จักมากนัก อาจจะหวานน้อยลงไปบ้าง แต่สิ่งสำคัญเป็นหัวใจหลักคือเข้ากันได้ มีความคิดคล้ายกัน มีธรรมเสมอกัน รู้จักผิดชอบชั่วดีและเกรงกลัวต่อบาปเหมือนๆกัน น่าจะช่วยเป็นภูมิคุ้มกันการกลายพันธุ์ได้บ้างค่ะ---รวมทั้งตัวเราเองก็ต้องรักษาสิ่งเดียวกันนี้ให้เสมอต้นเสมอปลายด้วย แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 52 13:31:50 จากคุณ : คุณนายฟู เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 13:30:47

ความคิดเห็นที่ 2 คุณรู้จักผู้ชายที่เป็นสามีคุณดีแล้วเหรอ???       อ่านกระทู้ชานเรือนมานานแล้วค่ะ บ่อยครั้งที่จะเจอผู้หญิงเข้ามาตั้งกระทู้ประมาณว่า สามีกำลังจะทิ้งไป โดยที่คุณ (ผู้หญิง) กำลังท้องอยู่ หรือ เป็นแม่ลูกอ่อนอยู่ อ่านแล้วสงสัยค่ะ ว่าคุณ (ผู้หญิง) ทั้งหลายไม่ได้ศึกษานิสัยใจคอผู้ชายก่อนที่จะให้เค้ากลายมาเป็นสามีเหรอคะ หรือบางคนรู้ทั้งรู้ว่า คุณ (ผู้หญิง) ต้องหาเงินมาปรนเปรอผู้ชาย (ซื้อรถ ซื้อของ ฯลฯ) ก็ยังให้มาเป็นสามี มาเป็นพ่อของลูก แล้วก็มาบ่นว่า เค้าไม่เคยช่วยอะไรเลย ก็ในเมื่อคุณ (ผู้หญิง) เป็นคนให้ผู้ชายตั้งแต่เริ่มต้น แล้วจะมาเรียกร้องอะไรล่ะคะ สงสัยอีกข้อ ผู้ชายส่วนใหญ่ที่คุณ (ผู้หญิง) มาตั้งกระทู้ถามเป็นพวกกลายพันธุ์หลังแต่งงานเหรอคะ ถึงได้ไม่เคยระแคะระคายมาก่อนว่า เค้าจะเป็นคนแบบนี้ ส่วนตัว จขกท คิดว่า นิสัยเรายังไงก็คือนิสัยของเรา ปกปิดให้ตายยังไงก็ไม่น่าจะมิด มันต้องเห็นกันบ้างแหละว่า นี่คือความเห็นแก่ตัว ความปลิ้นปล้อน ฯลฯ หรือ ผู้หญิงอย่างเรา ๆ ชอบทำร้ายตัวเอง ด้วยการปิดหูปิดตา ว่าเค้ารักเรา เค้าเป็นคนดี กันแน่คะ ไม่ได้เหมารวมว่าผู้ชายทุกคนนะคะ แต่ได้มาจากการอ่านกระทู้ชานเรือนนี่แหละค่ะ จากคุณ : ของว่างยามบ่าย     เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 12:54:37   ........................................................................ ถามแบบนี้.. แสดงว่าคุณ จขกท.ยังไม่มีสามี ยังไม่มีประสบการณ์หรือมีสามีแล้ว... แต่ได้สามีที่ดีเลิศทุกประการใช่ไหมคะ เคยได้ยินคำพังเพยว่า "ผงเข้าตาตัวเอง เขี่ยไม่ได้" หรือ"เส้นผมบังภูเขา" หรือ..ปัญหาเกิดกับตัวเองมองไม่เห็น แต่คนอื่นมองเห็นไหมคะ... คนเรา... มีรัก โลถ โกรธ หลง โดยเฉพาะอารมรณ์หลงเนี่ย เกิดกับใคร ก็ห้ามไม่ค่อยอยู่ เพราะเราเป็นคนค่ะ... มีเลือดเนื้อเป็นมนุษย์ เกิดมาใช้กรรม สุดแท้แต่ละคนจะสะสมกันมามากน้อย... ถ้าคุณคิดว่าคุณมองนิสัยคนออก ไม่มีใครปลิ้นปล้อน หลอกลวงคุณได้ ดิฉันขอให้คุณแคล้วคลาดจากปมปัญหาชีวิตทั้งปวงค่ะ.. ถ้ามีผลบุญเหลือ..ก็เผื่อแผ่มายังเพื่อนมนุษย์ให้เขาอยู่เย็นเป็นสุขกันถ้วนหน้าทุกครอบครัวด้วยนะคะ สุขก็จงดีใจที่ได้สุข...รวยก็จงดีใจที่ได้รวย อย่าไปแดกดัน ทับถมคนอื่นเขา....เพื่อยกตัวเองให้เหนือคนอื่นเลยค่ะ จากคุณ : ลูกชิ้นปลาเด้ง เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 13:39:41

ความคิดเห็นที่ 3 นิยามแห่งรัก (หรือใคร่หว่า) ความรัก ทำให้คนตาบอด (บอดตอนก่อนแต่งงาน พอแต่งแล้วตาเลยเลิกบอด) ความรัก ทำให้  รู้ว่าเขาหลอก แต่เต็มใจให้หลอก ความรัก ทำให้ สละได้ทุกสิ่ง ทั้งกายและใจ และเงินของตนที่เก็บสะสมมา ความรัก  ทำให้โลกสดใส และหดหู่ไปพร้อมๆกัน สรุป  ถ้าไม่รักก็ไม่ทุกข์  อ้าว... ถามว่าทำไม๊ ทำไม ยังคาราคาซัง ตอบ  เพราะความผูกพันธ์ ค่ะ  ที่ผู้หญิงไม่ได้เหมือนผู้ชาย เพราะผู้ชาย  มองความรัก ไม่ใช่ความผูกพันธ์ ซักเท่าไหร่ ผู้ชายเลยเป็นฝ่ายถือไพ่เหนือกว่านิดนึง คิดเองแล้วกัน ผู้ชายจะเพศสัมพันธ์กับใครเขาไม่สนใจว่าจะรักหรือเปล่า แต่ผู้หญิง ถ้าฉันไม่รัก ฉันไม่มีทางยอมด้วยหรอกนะจะบอกให้ รักนั้นเป็นทุกข์ จะสุขหรือทุกข์อยู่ที่เรา เลือกเอาเองเลย ปล.ไม่ใช่ทุกคนนะที่เป็นอย่างที่พิมพ์มาเนี่ยจร้า จากคุณ : ผักบุ้งตาสวย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 13:40:38

ความคิดเห็นที่ 4 แบ่งปันความรัก ความสงสาร ความเห็นใจ ให้เพื่อนมนุษย์ จากคุณ : ลูกชิ้นปลาเด้ง เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 13:45:01

ความคิดเห็นที่ 5 ถึง คคห 2 และ 4 ค่ะ ใช่ค่ะ ยังไม่มีสามี และที่ตั้งกระทู้ไม่ได้ต้องการแดกดันใครค่ะ แค่สงสัยจึงถาม งั้นขอถามอีกนะคะ ที่ว่า "ผงเข้าตาตัวเอง เขี่ยไม่ได้ หรือ เส้นผมบังภูเขา หรือ..ปัญหาเกิดกับตัวเองมองไม่เห็น แต่คนอื่นมองเห็นไหมคะ..." ถ้ามีคนเห็นหรือมีคนมาเขี่ยผงให้ จะยอมให้เค้าทำมั้ยคะ หรือว่า จะปล่อยเลยตามเลย ไหน ๆ ผงมันก็อยู่ในตาแล้ว ปล่อย ๆ มันไป ฉันรับมันได้ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 52 13:52:01 จากคุณ : ของว่างยามบ่าย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 13:49:54

ความคิดเห็นที่ 6 มีผู้รู้(ดี)บางคนเคยบอกว่า ชีวิตเป็นเรื่องของการเลือก ชีวิตคือ การลงทุน (เป็นชื่อบทความของ ดร.นิเวศน์ฯ) ที่ปัจจุบันทาง Money Channel นำมาใช้เป็นหัวข้อการเล่าเรื่อง การลงทุนของคนในอาชีพต่างๆ การเลือก (ทั้งผู้ชายเลือกผู้หญิง และผู้หญิงเลือกผู้ชาย) ก็คล้ายกับการเข้าซอย กระมัง ถ้าเข้าซอย "ถูก"ชีวิตย่อมไม่วัน"ตัน" แต่ถ้าเข้า"ซอยผิด"  เป็น"ซอยตัน"  ไม่มีทางไปข้างหน้า วิธีการที่ถูกต้องก็ต้องออกจากซอยนั้น และเลือกซอยใหม่ที่จะพาชีวิต ไปข้างหน้าได้   แต่ข้อสำคัญอยู่ที่ระหว่างเดินเข้าซอยต้องศึกษาสภาพของซอยให้ดี ต้องระวัง !! การมี"ห่วง"ก่อนศึกษาจนรู้ดี การมี"ห่วง"ติดตัว จะทำให้การตัดสินใจบางอย่างยาก ฯลฯ (นักสุขภาพจิต จึงแนะนำว่าหลังจากแต่งงานแล้ว 1-2 ปี อย่าเพิ่งรีบร้อนมีลูก ควรใช้เวลา ปรับตัว ศึกษาอุปนิสัย  ความอดทน ฯลฯ อีกครั้งก่อน) ต้องเปิดเผย  ไม่ปิดบัง  ซ่อนเร้น "อุปนิสัย"ที่แท้จริง ทั้งดีและไม่ดี ทั้งสองคน จะได้รู้ตั้งแต่ช่วงคบกันเป็นแฟนว่า รับได้/ไม่ได้กับอุปนิสัยนี้ เช่น รับ/ไม่รับผิดชอบ  คนดี/คนไม่ดี  ขยัน/ไม่ขยัน ฯลฯ อย่าเลือกแฟนจากที่ "อโคจร" หรือ ชอบ "อบายมุข 6" (การพนัน ยาเสพติด ฯลฯ ) อย่าเลือกแฟนจากคำแนะนำของเพื่อนที่ชอบไปที่ "อโคจร" อย่าเลือกแฟนใหม่  ระหว่างอยู่ในช่วงอกหัก  เสียใจ ฯลฯ สิ่งสำคัญ(มาก) ต้องมีงานทำที่มั่นคงและสามารถเลี้ยงตนเองได้ อย่ามีชีวิตอยู่ด้วยการอาศัยคนอื่นๆ (ยืมจมูกคนอื่นหายใจ) เพราะความเสี่ยงในอนาคตมีสูงมาก  เนื่องจากพระท่านสอนว่า ความไม่แน่นอน คือ สิ่งที่แน่นอน = อย่าประมาท ฯลฯ จากคุณ : Learn and Live เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 13:52:14

ความคิดเห็นที่ 7 ก้อขึ้นอยู่กับแต่ละคนซิคะ..ว่าเขาจะยินดีให้เขี่ยไหม.. หรือเขายินดีที่จะเสพ สุข ทุกข์ ทรมานบนกรรมของตัวเอง เราจะไปมีสิทธิ์บังคับเขาได้ไง.. สอนนะสอนได้ แต่เขาจะซึมหรือเปล่า คิดได้ไหม จิตเขาต้องพืจารณาค่ะ... ถ้าคุณสงสัยได้ ดิฉันก็สงสัยว่าคุณได้ว่า...คิดดูถูกเขาหรือเปล่าเพราะสำนวนมันแรงไปหน่อย... จากคุณ : ลูกชิ้นปลาเด้ง เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 13:54:28

ความคิดเห็นที่ 8 ถึง คคห 7 สำนวนแรงหรือคะ อืม...ไม่ได้ตั้งใจและไม่คิดว่าแรงนะค่ะ อ่านทวนหลายรอบก่อนที่จะกดส่งแล้ว ถ้ามันแรงไปก็จะรับไว้พิจารณาปรับปรุงต่อไปค่ะ จากคุณ : ของว่างยามบ่าย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 13:58:34

ความคิดเห็นที่ 9 โดนอ่านเเล้วโดนค่ะ อยากให้กิ๊ปพี่ชิ้นเเต่หมดเเล้วง่ะ เอาใจไปเเทน จากคุณ : น้ำมนต์เด็กชายขนตางอน..โช๊ะ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 14:02:39

ความคิดเห็นที่ 10 ค่ะ..ถ้าไม่มีอะไร ดิฉันก็ไม่มีอะไร ถ้ามีคนอื่นมาอ่านเจอมากกว่านี้..ต้องมีคนเข้าใจไม่ต่างไปจากที่ดิฉันคิด... โดยเฉพาะ..คนที่เขากำลังมีปัญหา "ผงเข้าตาเขี่ยไม่ได้" "เส้นผมบังภูเขา" "ปัญหาเกิดกับตัวเองมองไม่เห็น แต่คนอื่นมองเห็น"((อาจจะดูโง่ในสายตาคนอื่น)) ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ.. จากคุณ : ลูกชิ้นปลาเด้ง เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 14:02:40

ความคิดเห็นที่ 11 เจ้าของกระทู้ว่ากระทบกระทู้นี่หรือเปล่าค่ะ อิอิ  ถ้าเป็นเรา เราไม่พอใจน่ะเนี่ย เราว่าเค้าน่าสงสารพอแล้วค่ะ  http://www.pantip.com/cafe/family/topic/N8205166/N8205166.html "ยามรักน้ำต้มผักยังว่าหวาน" ถ้าคุณลองได้รักใครสักคน คุณก็จะรู้ว่าไม่ว่าเค้าทำอะไรก็ถูกไปหมด ตอนรักกันใหม่ๆ โลกเป็นสีชุมพู ใครจะเลวจะชั่วยังไงเค้าไม่แสดงออกหรอกค่ะ (ยังไม่ออกลาย) สรุปความรักมันทำให้คนตาบอดค่ะ ปล.เราก็ว่าแรงค่ะ แล้วยิ่งคนที่มีปัญหาชีวิตมาอ่านเจอเค้าก็จะเสียใจหรือเปล่า ไม่รู้น่ะ นานาจิตตัง จากคุณ : อานัจจัง เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 14:08:12

ความคิดเห็นที่ 12 คนมีความสุข   มีสามี ดีๆๆ                ไม่มี เวลา มา บอก                        เรา ก็  จะ พบ  แต่ คน มี ปัญหา               ขอ คนมี สามี ดีๆ โปรด เสีย เวลา มา เล่า บ้าง                เพื่อ เป็น  กำลังใจ                     เรา เชื่อ ว่า คน ประสบ เรื่อง  ดีๆมีมาก กว่า =  97%                        หรือ มาก กว่า                            ไม่ งั้น โลก นี้  คง อยู่ ยาก จากคุณ : พญาทราย (พญาทราย) เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 14:10:36

ความคิดเห็นที่ 13 อ่านตอนแรกๆเรายังคิดแบบเดียวกับพี่ลูกแฮะ ว่าคุณ จขกท ออกจะแรงไปหน่อย บางคนก็หวานอมขมกลืนน่ะค่ะคุณ จขกท ใครๆก็อยากจะได้คู่ชีวิตคู่ทุกข์คู่ยากที่สมบูญร์แบบด้วยกันทั้งนั้น ตอนรักกันใหม่ คนรักทำผิดนิดหน่อย ส่วนมากก็คิดว่า อืมมม ช่างเถอะ แค่นี้เอง ให้อภัยได้ ก็ความรักบังตานั่นแหละค่ะ ไม่งั้นจะมีสุภาษิตคำพังเพยนี้เหรอ " เมื่อรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน พอนานๆน้ำตาลก็ยังขม" อีกหน่อยคุณมีครอบครัว คุณจะเข้าใจ และจะคิดอีกแบบหนึ่งค่ะ ว่าบางทีเราก็ทำอย่างที่ใจเราคิดไม่ได้เหมือนกัน จากคุณ : แม่น้องเบนส์ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 14:11:05

ความคิดเห็นที่ 14 ^ ^ ^ พิมพ์ชื่อพี่ลูกชิ้นตกไปค่ะ แงๆๆๆๆๆ "อ่านตอนแรกๆเรายังคิดแบบเดียวกับพี่ลูกแฮะ ว่าคุณ จขกท ออกจะแรงไปหน่อย" จากคุณ : แม่น้องเบนส์ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 14:12:21

ความคิดเห็นที่ 15 ผมมีข้อสังเกตอยู่อย่าง มานานแล้ว ปัญหาในครอบครัวที่มีคนเขียนมาเล่าในห้องนี้ ส่วนมากมักเป็นผู้หญิงที่เจอปัญหา และส่วนมากเป็นข้อมูลด้านเดียว บางคนตอบกระทู้เรื่องครอบครัว ถ้ามีปัญหา มักแนะนำให้ "เลิกกัน" (คำตอบมีทางเลือกเดียว ? ฟันธง ?) บางคนตอบกระทู้เรื่องครอบครัว ถ้ามีปัญหา มักแนะนำให้ "ปรับตัว" "อดทน" "ให้อภัย"  "ให้โอกาสอีกครั้ง" ฯลฯ (คำตอบ(น่าจะ)มีหลายทางเลือก ไม่ฟันธง  ประนีประนอม ฯลฯ) ก็คง "นานาจิตตัง" กระมังครับ แต่คำแนะนำที่ดี ต้องทำให้คนมีปัญหา มีทางออก  มีความสุขอย่างยั่งยืน เข้ามาห้องนี้สิ่งที่ควรได้ น่าจะเป็นคำแนะนำ ช่วยให้หาทางออกได้บ้าง แต่ไม่น่าใช่คำตอบที่เอาไปใช้ได้เลย ไม่น่าสำเร็จรูปเหมือน "บะหมี่ฯ" ที่ทำได้แน่ๆ คือ เป็นที่ "พักใจ" ในยาม "ว้าเหว่"  "สับสน" "เศร้า" ฯลฯ ซึ่งบางคนก็ทำได้ดีพอสมควร  ขอชมเชย  ยกย่อง ฯลฯ เพราะเรื่องครอบครัวในเรื่องที่คอขาดบาดตาย จำเป็นต้องใช้ข้อมูลครบถ้วน ฯลฯ เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่ดีและมากพอสมควร จากผู้มีอาชีพ "นักจิตวิทยา" กระมังครับ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 52 14:36:08 แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 52 14:35:01 จากคุณ : Learn and Live เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 14:33:17

ความคิดเห็นที่ 16 ไมรู้หรอก ภรรยาผมยังไม่รู้ทุกเรื่องของผมเลย แต่เมื่อเราเข้ากันได้อยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข เอื้ออาทรซึ่งกันและกัน แค่นี้พอ จะรู้ไปเสียทำไมทุกเรื่อง แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 52 14:34:41 จากคุณ : กิฟฟิน เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 14:34:20

ความคิดเห็นที่ 17 เอ่อ จขกท. ขา จขกท. จะว่าป้าโง่ หรือ ไม่ศึกษาให้ดีก่อนแต่งมั้ยจ๊ะ ถ้าป้ามาบ่นว่าผัวป้านอนกรนหนวกหู คือว่า ผัวป้ากรนสนั่นเลยค่ะ (ในชานเรือนก็บ่นเรื่องผัวกรนกันบ่อยค่ะ อิอิอิ) หนูจะมาถามว่า "ทำไมป้าไม่ศึกษาหรือนอนกับเขาก่อนแต่งล่ะ จะได้ไหวตัวทัน" หรือเปล่า คือว่าป้านอนกับเขาหลังแต่งอ่ะจ้ะ ตอน ป้า อายุ 32 แล้ว อิอิอิ ....อ่า... เอ่อ... และในฐานะที่แต่งไปแล้วพบว่าเรื่องหลับเรื่องนอน เป็นปัญหาครอบครัว พอๆ ได้กับนิสัยนั่นแหละค่ะ (หรือไม่มันก็คือนิสัยอย่างหนึ่ง ในความหมายของ จขกท.หรือเปล่า) จึงขอแนะนำ น้อง จขกท. ซึ่งยังไม่แต่งงานทีว่านอกจากฉลาดศึกษานิสัยแล้วหนูต้องลองนอนกับเขาหลายๆ ครั้งนะจ๊ะ เพราะผัวนอนกรนเนี่ย ทำลายสุขภาพเมียมากๆ จะแยกนอนผัวก็ไม่ยอม แบบว่าบางคนก็รักมาก ต้องนอนจับมือกันทุกคืน อิอิอิ แนะนำเล่นๆ นะ อย่าทำจริงล่ะ นี่แค่ยกตัวอย่างนะ หนูนะ          ทำไมหนูไม่คิดอะไรให้ดี ก่อนถามใครๆ แบบนี้หน่อยล่ะ อย่าง คห.12 ว่า นั่นแหละ ครอบครัวดี ไม่มีปัญหาก็มีเยอะ ส่วนคนที่มีปัญหาครอบครัวเขาก็ต้องมาปรึกษาคนอื่น ถ้าหนูไม่มีปัญญาพอที่จะช่วยเขา หนูก็อยู่เฉยๆ เถอะ การซ้ำเติมว่าร้ายเขาลับหลัง ว่า ไม่เลือกเองตั้งแต่แรกนั้น เป็นการทำร้ายจิตใจลูกผู้หญิงเกินไป เรื่องในอดีตเขาแก้ไมได้จ้ะ หนูฉลาด หนูช่วยให้เขาเห็นทางสว่างในอนาคตได้นี่จ๊ะ  คนแบบน้องนี่แหละช่วยเขี่ยผงในตาคนอื่นได้ดี แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 52 14:42:07 จากคุณ : rainfull เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 14:41:12

ความคิดเห็นที่ 18 เราว่า จขกท ยังอ่อนประสบการณ์ชีวิต พูดอะไรก็พูดง่ายค่ะแต่หลักปฏิบัติมันไม่ใช่ จากคุณ : angie's mom (nandy_gal) เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 14:42:13

ความคิดเห็นที่ 19 ลองฟังเพลงนี้หน่อยน้า ชื่อเพลง Love เราใช้ฟังยามรู้สึกว่าตกอยู่ในภาวะใจแคบ Love (by John Lennon) Love is real , real is love Love is feeling , feeling love Love is wanting to be loved Love is touch, touch is love Love is reaching, reaching love Love is asking to be loved Love is you, You and me Love is knowing. we can be Love is free, free is love Love is living, living love Love is needed to be loved จากคุณ : rainfull เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 14:50:00

ความคิดเห็นที่ 20 เพราะผัวนอนกรนเนี่ย ทำลายสุขภาพเมียมากๆ จะแยกนอนผัวก็ไม่ยอม แบบว่าบางคนก็รักมาก ต้องนอนจับมือกันทุกคืน จากคุณ : rainfull   ***************************************** ขอแนะนำให้ป้า เอาสำลีอุดหู แล้วเอาผ้าโพกปิดทั้งหัวเป็นมัมมี่อ่ะค่ะ แล้วเอาปี๊ปคลุมหัวด้วยก่อนจาจับมือกะที่รักน่ะค่ะ  รับรองจะไม่ได้ยิน เสียงกรนเลยค่ะ   ปล.แวะมาป่วน รักดอกจึงหลอกเล่น จากคุณ : ผักบุ้งตาสวย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 14:51:18

ความคิดเห็นที่ 21 ^ ^ ^ ตอนนี้ก็ใช้วิธีนี้ค่ะ  เสียงซอฟท์ลง นิดนึง จากคุณ : rainfull เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 14:54:27

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าจขกท.ยังไม่มีสามี สงสัย จขกท. คงจะต้องหาคำตอบให้ตัวเองดีกว่าค่ะ อย่าถามคนอื่นเลยค่ะ ทุกคนไม่ได้เจอเหมือนกันหรอกค่ะ แต่ละคนมีช่วงชีวิตที่แตกต่างกันไป ชีวิตครอบครัวก็เหมือนกัน อยู่ด้วยกันต่างคนต่างความคิด บางเรื่องคิดตรงกันบ้างไม่ตรงกันบ้าง ก็ต้องประนีนอมประคับประครองกันไป จิตใจมนุษย์นั้นยากแท้หยั่งถึงค่ะ วันนี้วันพรุ่งนั้นแตกต่างกัน ไม่เข้าใจตั้ง จขกท. ตั้งกท.นี้แค่สงสัย รึแค่มาบ่น ถ้าแค่สงสัยต้องพิสูจน์นะคะ.......... จากคุณ : Tanja-nl เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 14:58:52

ความคิดเห็นที่ 23 อืม...อืม  เข้ามาอ่าน ตอนก่อนแต่ง  ทั้งผู้ชายและผู้หญิง  ไม่มีใครปล่อยความเป็นตัวเองทั้งหมดหรอกค่ะ  โดยเฉพาะนิสัยขี้บ่น  (ทั้งของผู้หญิงและผู้ชาย)  ถ้าขืนบ่นซะตั้งแต่ก่อนแต่ง  ก้อไม่ได้แต่งอ่ะซี  555  เอิ๊กกก สามีเราขี้บ่นมากกก  เหมือนมีแม่อยู่อีกคนเลย  แต่เค้าก้อทำให้เราทุกอย่าง  ชอบทำกับข้าวด้วย (อันนี้ก่อนแต่งก็ไม่รู้นะคะ) เราเองก็เพิ่งรู้ว่าเราก็ขี้บ่นมากกกก  โดยเฉพาะหลังจากมีลูกแล้ว  (อันนี้ไม่สามารถทดลองมีก่อนแต่งได้  อุ อุ อุ) ชีวิตคู่คือการศึกษาซึ่งกันและกัน ก่อนแต่งควรศึกษาให้จบขั้นพื้นฐานเสียก่อน (มัธยมศึกษา) หลังแต่งก็ศึกษาต่อปริญญาตรี  (เรียนรู้และปรับตัว) ไม่ค่อยแนะนำให้ต่อปริญญาโท  (เพราะเดี๋ยวรู้ลึกเกินไปจะอยู่กันไม่ได้ 555) จากคุณ : สาวผมสั้น เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 15:02:28

ความคิดเห็นที่ 24 พี่เอื้องบ้านอยู่ไหน เดี๋ยวส่งกิ๊บไปให้ 2 ลัง อิอิ จากคุณ : น้ำมนต์เด็กชายขนตางอน..โช๊ะ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 15:02:31

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณค่ะที่มาตอบกัน ถ้างั้นถามอีกข้อ (จะยังมีคนตอบรึป่าวเนี่ย) เคยคิดมั้ยคะว่า เราแต่งงานเร็วไป ถ้าจะให้ดีน่าจะอีก 1 ปีหรือ 2 ปีแล้วค่อยแต่ง อะไรประมาณเนี้ย จากคุณ : ของว่างยามบ่าย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 15:10:11

ความคิดเห็นที่ 26   อืมนั้นสินะ เราว่าคำตอบคงจะต้องขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลล่ะว่า เค้าเจอเรื่องราวในชีวิตคู่ของเค้าแบบไหน แต่สำหรับเรา เราคิดว่าเราเลือกคนดีที่เรารับได้แล้วค่ะ เพราะคนทุกคนคงไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบที่สุดหรอกค่ะ แม้แต่ตัวเราเอง แต่ส่วนที่ไม่ดีของแต่ละคนก็มีแตกต่างกันไป แล้วแต่ว่าจะรับกันได้มากน้อยแค่ไหน อย่าคาดหวังว่าหลังแต่งงานแล้วเค้าจะเปลี่ยนส่วนที่ไม่ดีของเค้าได้ เพราะถ้าเค้าเป็นมาตั้งแต่ก่อนจะเจอเราแล้ว ก็คงจะเปลี่ยนไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าเปลี่ยนได้ก็คงจะยากมาก ส่วนปัญหาในชีวิตคู่ เราว่าทุกคู่ก็ต้องมีเหมือนกันค่ะ ก็แก้ปัญหากันไปค่ะ ถ้าผ่านพ้นไปได้ ก็คงจะทำให้ทั้งคู่เข้าใจกันมากขึ้น คงจะรักกันเหมือนเดิม หรือมากกว่าเดิมก็ได้ค่ะ จากคุณ : Porty เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 15:11:38

ความคิดเห็นที่ 27 เคยได้ยินคำว่าชีวิตคู่คือการเริ่มต้นไหมคะ นั่นหละค่ะ ใช่เลย คนที่มาจากคนละครอบครัว 2 คน 2 ครอบครัว แค่เรียกพ่อแม่ ยังเรียกไม่เหมือนกันเลย การมาอยู่ร่วมกัน มีปัญหาแน่นอน เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง  ระยะเวลาที่ศึกษากันมา นานเท่าไหร่ ยังไม่ได้ลองแหย่ขาลงมา อย่าเพิ่งรีบตั้งคำถามว่าทำไมค่ะ ของอย่างงี้ไม่ลองไม่รู้ ผู้หญิงเราน้อยคนที่จะเป็นคนริ ไปมีคนอื่นก่อน ส่วนมากที่เปลี่ยนไปจะเป็นนิสัย ก่อน-หลังแต่ง ส่วนสามี ที่เปลี่ยนไป ก็มีประเด็นเกิดจากผู้หญิงเยอะเหมือนกัน แต่มันเป็นธรรมดาของโลกนะคะ มองหลายๆด้าน อย่ามองอะไรเพียงด้านเดียวเลยค่ะ กระทู้นี้ ไม่สร้างสรรค์ แต่อยากให้เจ้าของกระทู้คิดมากกว่านี้ก่อนจะทำอะไร ในการเลือกสามีให้ตัวเองด้วยค่ะ จากคุณ : note2j เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 15:12:14

ความคิดเห็นที่ 29   อย่าว่าแต่สามีเลย แค่เพื่อนคบกันมาจะสิบปี นิสัยมันยังเปลี่ยนจนจะเลิกพูดกันไปได้เลย ทุกอย่างมีเปลี่ยนได้หมดแหละนะ จากคุณ : ฟ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 15:13:18 A:125.24.213.125 X: TicketID:142605

ความคิดเห็นที่ 30 ทุกวันนี้ แค่ไข่ดาว สามียังทอดเองเลยอ่ะ ฮือ ๆๆ บอกว่าใครทอดก็ไม่ถูกใจ จากคุณ : เบียร์โซดา เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 15:29:45

ความคิดเห็นที่ 31 ด้วยความเคารพครับ - เรื่องที่สามีเปลี่ยนไปหรือจะทิ้งไป อันนี้พูดยากครับ ไม่สามารถศึกษานิสัยใจคอกันได้ 100% หรอกครับ ที่จะทิ้งไปอาจจะเพราะภรรยาเปลี่ยนไปก็ได้ - ความรักบดบังหลายๆอย่างได้ครับ อีกฝ่ายจะไม่ดียังไง ตอนที่รักกันใหม่ๆ ไม่เห็นหรอกครับ (จขกท คงเข้าใจดี) - ธรรมเนียมไทย ไม่เหมือนฝรั่งครับ อยู่กันก่อนมันไม่ดีครับ จึงทำให้บางทีไม่ได้ศึกษานิสัยใจคออีกฝ่ายให้ลึกซึ้งครับ นี่ไม่ได้รวมถึงเรื่องบนเตียงนะครับ - "ผู้หญิงอย่างเรา ๆ ชอบทำร้ายตัวเอง ด้วยการปิดหูปิดตา ว่าเค้ารักเรา เค้าเป็นคนดี กันแน่คะ" ผมว่าอันนี้ไม่ถูกครับ และอาจทำให้หลายท่านที่เข้ามาอ่านเห็นว่าแรงและไม่พอใจ ไม่มีใครอยากทำร้ายตัวเองหรอกครับ - ผมว่ากระทู้นี้ก็มีสาระนะครับ หลายท่านเข้ามาอ่านอาจจะคิดอะไรได้หลายอย่างก็ได้ - อยากให้ จขกท ลองคิดถึงเรื่องของตัวเองดีๆนะครับ ความรักความผูกพันมันเป็นยังไง จากคุณ : pinhead เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 15:39:04

ความคิดเห็นที่ 32 ด้วยความเคารพอีกครั้ง ผมว่ากระทู้นี้คงจี้ใจดำหลายคนห้องนี้แน่เลย จากคุณ : pinhead เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 15:40:59

ความคิดเห็นที่ 33 ______________________________________________________ "ผู้ชายส่วนใหญ่ที่คุณ (ผู้หญิง) มาตั้งกระทู้ถามเป็นพวกกลายพันธุ์หลังแต่งงานเหรอคะ ถึงได้ไม่เคยระแคะระคายมาก่อนว่า เค้าจะเป็นคนแบบนี้" _____________________________________________________ ........ก่อนแต่งเราจะรู้ข้อเสียเค้าแค่บางส่วนค่ะ   ในทางกลับกันเค้าก็จะเห็นข้อเสียของเราแค่บางส่วนเหมือนกัน  แต่เราจะมองข้ามมันไป ด้วยเหตุผลที่ว่า -คิดว่าคบๆกันไปเค้าคงแก้ไขได้ -คิดว่าคบๆกันไปตัวเองคงยอมรับได้ โดยทั้งสองเหตุผลมีฮอร์โมนตัวนึงเป็นตัวช่วยค่ะ (นี่ซีเรียสนะคะ เคยอ่านเจอจริงๆ) ตัวที่ทำให้เราใจเต้นเวลามีความรัก ทำให้เราหน้าแดงเวลาคิดถึงเค้า  ตัวที่ทำให้หลายๆคนเวลามีความรักใหม่ๆทำได้ทุกอย่าง แล้วมักจะพูดว่า "ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน" นั่นแหละค่ะ ฮอร์โมนตัวนี้จะส่งผลต่อสมอง  ทำให้เรามีความสุข  และสุขมากพอที่จะทำให้เราไม่สนใจกับนิสัยแย่ๆของอีกฝ่าย ส่วนใหญ่แล้วฮอร์โมนตัวนี้จะอยู่ไม่เกิน 2 ปี อาจจะช้าหรือเร็วกว่านั้น พ้นจากช่วงนี้ไป ก็เป็นเรื่องของความผูกพันธ์  ความเคยชิน  ความดีของอีกฝ่าย  เป็นตัวยึดเหนี่ยวความรักไว้ สังเกตได้จากอาการใจเต้นจะไม่มีแล้วค่ะ _______________________________________________________ "ส่วนตัว จขกท คิดว่า นิสัยเรายังไงก็คือนิสัยของเรา ปกปิดให้ตายยังไงก็ไม่น่าจะมิด" ______________________________________________________ ....................คุณไม่มีทางรู้ข้อเสียทุกอย่างของเค้า  ถ้าไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจริงๆ บางคู่อยู่กันมาเป็น 10 ปี ก็ยังรู้ไม่หมด และถึงรู้หมดแล้ว พอหลังจากมีลูก ชีวิตประจำวันเปลี่ยนไป ต้องรับผิดชอบกับอีกหนึ่งชีวิต(เป็นอย่างน้อย)  เวลาที่มีให้กันก็น้อยลง ก็จะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอีก ถ้าคู่ไหนแต่งไปแล้ว มีลูกแล้ว ไม่ค่อยมีปัญหา แสดงว่าทั้งคู่ปรับตัวเข้าหากันได้ รับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ แต่ถ้าคู่ไหนทะเลาะกันประจำ นั่นคงเป็นเพราะการไม่ยอมปรับตัว ไม่พร้อมที่จะยอมรับความเปลี่ยนแปลง อยากดำเนินชีวิตเหมือนเดิม อยากมีพื้นที่ส่วนตัวเหมือนเดิม   เลยมองแต่มุมของตัวเอง จนกลายเป็นพูดกันคนละภาษา ในฐานะที่มีประสบการณ์ชีวิตคู่แล้ว (ถึงแม้จะเป็นสมาชิกใหม่ Pantip) อยากจะให้คนที่คิดอย่างเจ้าของกระทู้ช่วยเปิดใจ เวลาเห็นกระทู้ปัญหาชีวิตครอบครัว อยากให้เข้าใจว่ามนุษย์เรามีความเห็นแก่ตัวเป็นพื้นฐานค่ะ การใช้ชีวิตอยู่กับใครซักคน จริงๆมันเป็นเรื่องละเอียด ซับซ้อน   เวลาเรามีปัญหา เราก็อยากมีคนพูดคุย ปรึกษา  ถึงแม้จะช่วยแก้ปัญหาให้ไม่ได้  แต่การรับฟัง  แสดงความเห็นอกเห็นใจ บางทีมาเจอคนที่มีปัญหาเหมือนหรือหนักกว่าเรา  มันก็ช่วยทำให้เกิดกำลังใจ ช่วยให้ผ่านพ้นจุดนั้นมาได้ ถ้าทุกคนที่เจอปัญหา  แล้วต้องก้มหน้าก้มตาเผชิญมันคนเดียว ประเทศเราคงเหมือน เกาหลี-ญี่ปุ่น ที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงเป็นอันดับต้นๆอ่ะค่ะ ยิ่งช่วงนี้เศรษฐกิจก็แย่ การเมืองก็น่าปวดหัว มีแต่เรื่องเครียดๆ ถ้ามีโอกาสที่จะเติมความอบอุ่นในใจให้ใครได้ ก็ทำเถอะค่ะ จากคุณ : Lovely-Poohbear~ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 15:49:02

ความคิดเห็นที่ 34 มีแต่พ่อกับแม่เราเท่านั้นแหละคะที่รับนิสัยเราได้ สามีหรือภรรยา เนี่ย ไม่ต้องพูดถึง หุหุ จากคุณ : NaNzi เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 16:07:27

ความคิดเห็นที่ 35 น้อง จขกท เขาไม่ได้แดกดันอะไรหรอกนะ ..เพราะบางครั้งเราเองที่แต่งงานมานานแล้วแท้ ๆ ก็ยังเคยสงสัย แต่พี่สามารถตอบได้ตามความคิด(ส่วนตัว) แบบกำปั้นทุบดินเลยนะว่าของแบบนี้มันอยู่ที่ตัวเองและบวกด้วยโชคชะตาค่ะ คืองี้ ผู้หญิงเนี่ยแปลกไม่ว่าจะมีลักษณะแข็งแบบไหน มีความคิดแค่ไหน แต่ก็มีแต่จุดอ่อนให้เขาเชือดได้ทั้งนั้นเลยใช่ม่ะ   ผู้หญิงนี่มักจะชอบให้คนมาเอาใจ(ใคร ๆ ก็ชอบจริงเปล่า ไม่ว่าทั้งชายและหญิงแหละ แม้แต่สัตว์เองมันยังชอบให้คนเอาใจเลย) ...เติมความช่างฝันไปนิด  บวกความอ่อนแอเข้าไปหน่อย  บลา ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ที่นี่ได้เรื่องเลย จะยกตัวอย่างให้เห็นง่าย ๆ หนึ่งข้อค่ะ เช่นว่าพอมีคนเข้ามาจีบ โอ๊ย..รู้สึกว่าตัวเองมีค่าจัง บางคนนี่ถูกชะตากับมันด้วย ก็ลุกขึ้นแต่งเนื้อแต่งตัวสวย ๆ รอเลยล่ะ (หรือว่าไม่จริง?) ส่วนผู้ชาย โดยธรรมชาติเกิดมาเป็นเพศผู้ล่า(พรหมจรรย์) ก็ย่อมเข้าช่องถูกโดยไม่ต้องสอน (รับรองว่าไม่ใช่ช่องจมูก) จีบไปจีบมาจนฝ่ายสาวตายใจ เชือ่ใจ ..คือที่จริงอ่ะ ฝ่ายสาวรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ความอยากลอง อยากรู้มีมากกว่าเลยหลับตาข้างครึ่งค่ะ เปิดหรี่ไว้ครึ่งเดียว ..อ้อ สมองด้วยนะ (แกล้งโง่ไปงั้นแหละ) (ข้ามไปนะ) พอได้กันแล้ว ..คราวนี้ผู้หญิงก็รีบปิดหูปิดตาตัวเองทันที สมองคิดให้เสร็จสรรพทันทีอีกว่าไอ้คนนี้ต้องเป็น "ผัวฉัน" ในอนาคต ...ใช่มันเลย ไอ้ผู้ชายพอได้แล้วนี่ ..ก็ dominant เลย ทีนี้มันจะเลวแค่ไหนก็ได้ สาวเจ้าต้องยอมให้ตลอด ทำตัวเป็นลิงสามตัว(หรือสี่ตัวนะ) ที่ปิดหู ปิดตา ปิดปาก ทำเป็นมองไม่เห็น คิดเองเออเองว่า นิดหน่อยน่า ในโลกนี้ไม่มีใครเพอร์เฟค ก็อดทน กล้ำกลืน หยวน ๆ ให้มาตลอด ..เพราะเจ้ามีนิยามในใจว่า "รักเขาสุดหัวใจ" จริง ๆ จะว่าไป เรือ่งรักหรือไม่รักนี่ฝ่ายหญิงยึดถือไปเอง (แต่ปัจจุบัน ..ไม่ใช่ทุกคนไปค่ะ)..เพราะบางคนก็มีความเชื่อเก่า ๆ ของไทยเข้ามาเกี่ยวข้องกับทางความคิดและการใช้ชีวิตประจำวันด้วย   ..ว่าเสียตัวไปแล้วนี่ แล้วดันมาคิดต่อไปว่าจะมีใครมาเอาฉันล่ะ ..จึงตั้งใจจะเอาไอ้คนนี้ทำผัวให้ได้ และบวกด้วยความมั่นใจเล็ก ๆ ว่าตัวเองจะต้องชนะใจ ไอ้ "ผัว" ได้ในวันหนึ่ง ..เรียกว่าทั้งจิก ทั้งกัด ทั้งอภัย (ทนอยู่กัน) มีความอดทนเป็นเลิศทั้งคู่ค่ะ แล้วต่อมามีอีกคือ คิดได้ว่าน่าจะปล่อยให้มีลูก ...เพราะผู้หญิงบางคนก็ยังมีความเชื่อเก่า ๆ อยู่ว่าเอาลูกเป็นเครือ่งมือต่อรอง บางคนก็ดันลืมกินยาคุมเอง (ผู้ชายไม่คุม ..เห็นแก่ตัวนะเนี่ย)  บลา ๆ แล้วแต่เหตุผลของแต่ละคนอีก ...แต่ที่แน่ ๆ คือไม่อยากเสียผัวไปให้ใคร แล้วสุดท้ายมันก็ทิ้งไปจริง ๆ  เพราะมันมีเหตุผลให้ตัวมันเองหลาย ๆ ประการ เช่นการทำร้ายด้วยวาจา บอกว่าผู้หญิงคนนี้บ่นมาก จู้จี้ ให้ความสุขมันไม่ได้(หญิงท้อง) หรือร้ายหน่อยก็ทำร้ายทางกายด้วย ..พันธุ์ในย่อหน้าทั้งหลายนี้เรียกว่า หน้าตม. ขนานแท้และดั้งเดิมค่ะ อ้าวลืมไป ..คือกรณีนี้จะมีผู้หญิงหน้าด้านที่ชอบแย่งผัวชาวบ้านเขาเข้ามาเกี่ยวข้องกันด้วย ทำให้ความเป็นหน้า ตม. เห็นได้ง่ายขึ้น เราเรียกคู่นี้ว่า ..หญิงร้ายชายโฉดค่ะ  ..จบไปหนึ่งล่ะนะ ต่อมาอีกประเภท ..ดีมาตลอด สร้างเนื้อสร้างตัวกันมามีลูกมีเต้าด้วยกัน คนภายนอกดูว่าครอบครัวนี้มีความสุข ..ที่ไหนได้ล่ะ พอเริ่มมีเข้าหน่อยก็ดันหาเมียใหม่ใส่ตัวเสียนี่ ..ไอ้แบบนี้เรียกว่าดีแตก ขอแนะว่ายกผัวให้ไปเลยค่ะ เพราะอีกหน่อยอยู่ไป ๆ ผัวก็เสื่อมโทรม จะได้ไม่ต้องมานั่งดูแลมัน ให้คนอื่นเขารับไปดูนะ ..เราใช้การมานานค่ะ โหล่ยโท่ยแล้ว  แบบเอาเงินมาเอาผัวไป กอดทะเบียนไว้ถึงจะเรียกว่าฉลาดที่สุดค่ะ จะว่าไป เรื่องคาว ๆ ของหญิงชายไม่แพ้กันหรอก เพราะไม่ได้อยู่แค่สันดานเท่านั้น แต่อยู่ที่สภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัว ..และตัวแปรอื่น ๆ ด้วยค่ะ ที่นี้มาว่ากันที่แฮปปี้ดีกว่าสองพวกแรก  ...มันก็อยู่ที่กึ๋นและความกล้าของเจ้าหล่อนด้วยค่ะ เช่นว่า สมมติถ้ากล้าลองก่อนแต่ง แล้วก็ต้องกล้าเลิกด้วย คือยกตัวอย่างให้เห็นสักข้อหนึ่ง เช่นถ้าทุกอย่างดีไปหมด แต่เซ็กส์ไม่ได้เรื่อง นกกระจอกไม่กินน้ำ ปรึกษาหมอก็แล้ว ฝังเข็มก็แล้ว  ให้หยุดพักหนึ่งนาทีก็แล้ว ...งัดสารพัดวิธีมาช่วยก็แล้วยังได้เท่าเดิมก็ควรชิ่ง หรืออีกข้อก็ได้ เช่น หน้าตาดี ทุกอย่างดีหมด แต่หน้าที่การงานไม่ได้เรื่อง อนาคตท่าจะไม่รุ่ง ..แล้วก็มีอีกคนเข้ามาให้เปรียบเทียบ ดีกว่า ก็ไม่ควรตัดโอกาสตนเองไปแม้แต่หนึ่งวินาทีค่ะ แล้วที่สำคัญที่สุดคือ ..ต้องมีความมั่นใจในตัวเองอย่างมากว่า "สวยเลือกได้" ค่ะ อ้อ ย้ำอีกที ...นี่เป็นความเห็นส่วนตัวล้วน ๆ ค่ะ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 52 16:57:13 จากคุณ : NATTI นัทตี้ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 16:50:07

ความคิดเห็นที่ 36 เหรียญยังมีสองด้าน ดังนั้น ในทุก ๆ เรื่องก็มีมุม 2 มุมเสมอ กระทู้ต่าง ๆ ที่ post เข้ามา ส่วนมากเราก็เห็นกันข้างเดียว เชื่อว่า ยังคงมีอีกด้านหนึ่ง ที่ทำให้เขามีความสุขจนเขาแต่งงานกัน อยู่ด้วยกัน จนมีลูก จนถึงวันที่เขาเขียนกระทู้ ว่าทุกข์เหลือเกิน.... "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" ฉันใด "เราก็ต้องยอมรับผลของกรรม จากการกระทำ" ฉันนั้นคะ จากคุณ : tuntang เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 17:13:30

ความคิดเห็นที่ 37   บอกตามตรงว่าเราเคยคิดแบบเจ้าของกระทู้เหมือนกันนะ แต่พอได้เห็นประสบการณ์ของคนใกล้ตัว ทำให้เราเข้าใจมากขึ้นว่า แม้คุณจะใช้สมองในการตัดสินใจแต่งงานกับใครซักคนแล้ว แต่คุณเชื่อไหมว่า บางครั้งคนเรามันก็เปลี่ยนไปได้อย่างไม่น่าเชื่อจริง ๆ ตอนที่เรารู้เรื่องแทบไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายคนนั้นจะ นอกใจเมียเขาได้ เพราะเขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบต่อครอบครัวมาก ๆ แต่มีข้อเสียอยู่ก่อนคือ เคยประสบความล้มเหลวในชีวิตครอบครัว แต่ฝ่ายหญิงก็ไม่ได้เอามาเป็นประเด็นที่จะไม่เลือกเขาเป็นคู่ชีวิต แต่ก่อนแต่งกัน ฝ่ายชายก็แสดงความรักต่อเธออย่างจริงใจจนใคร ๆ ยังอดอิจฉาเธอไม่ได้ แต่อยู่มาวันนึงหลังจากเธอคลอดลูกสาวได้แค่ 6 เดือน เขามาบอก "ขอหย่า" เธออึ้งและถามว่าเธอผิดอะไรไม่ดีตรงไหน เขาตอบว่าเธอยังดีไม่มีบกพร่อง แต่เขาเองที่เปลี่ยนไป เขาไม่ได้รักเธอแล้ว เขามีคนอื่น เราไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่เคยทำผิดครั้งนึงแล้ว ยังจะทำผิดอีกเป็นครั้งที่ 2 กรณีที่เรายกตัวอย่างมานี้คิดว่าน่าจะตอบคำถามของ จขกท. ที่คุณถามว่า "อ่านแล้วสงสัยค่ะ ว่าคุณ (ผู้หญิง) ทั้งหลายไม่ได้ศึกษานิสัยใจคอผู้ชายก่อนที่จะให้เค้ากลายมาเป็นสามีเหรอคะ" <= ศึกษาอย่างดีแล้ว และ "ผู้ชายส่วนใหญ่ที่คุณ (ผู้หญิง) มาตั้งกระทู้ถามเป็นพวกกลายพันธุ์หลังแต่งงานเหรอคะ ถึงได้ไม่เคยระแคะระคายมาก่อนว่า เค้าจะเป็นคนแบบนี้" <= บางคนมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ แหละ กลายพันธุ์ชนิดที่เรียกว่าจากเทพบุตร กลายเป็นสุนัขจิ้งจอกไปเลย จากคุณ : ผู้หญิงโชคดีคนหนึ่ง เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 18:25:56 A:58.9.194.62 X: TicketID:138681

ความคิดเห็นที่ 38 อ่านแล้ว ของขึ้น สงสัยเจ้าของกระทู้ท่านนี้ ไม่เคยโดน... "เคยคิดมั้ยคะว่า เราแต่งงานเร็วไป ถ้าจะให้ดีน่าจะอีก 1 ปีหรือ 2 ปีแล้วค่อยแต่ง อะไรประมาณเนี้ย" แล้วใครบอกว่าเวลาจะเปลี่ยนสันดานได้หรือคะ ถามว่าเหตุใดถึงต้องแต่งงาน หากรู้ว่าเค้าเป็นคนยังไง??? แล้วทำไมล่ะ คุณจะไปยุ่งอะไรกับเค้า ครอบครัวใครครอบครัวมันนี่ เข้าใจความหมายว่า ชีวิตคนเราเกิดมาเพื่อเรียนรู้หรือเปล่า หรือคุณเข้าใจแค่ว่า "สมมุติ" เท่านั้น การที่เพื่อนๆ เข้ามาบ่น และระบายในที่นี้ อิชั้นรู้สึกภูมิใจมาก ที่ได้ช่วยรับฟัง หรือแสดงความคิดเห็น เพราะคนเรา หากไม่ลองใช้ชีวิตด้วยกันก่อน จะรู้ได้อย่างไร ว่าอะไรเหมาะสมกับเรา อะไรไม่เหมาะ เอาไว้ให้เจ้าของกระทู้เรียนรู้เองดีกว่า โชคดีค่ะ ขอให้เจอคนที่ดีที่สุด จากคุณ : เจ้าแม่แฟชั่น เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 18:39:17

ความคิดเห็นที่ 39   ขอเล่าตัวอย่างดีๆ บ้างนะคะ เผื่อ จขกท. จะได้รู้ว่าก็มีผู้หญิงบางคนที่โชคดีได้สามีดีชนิดที่ใคร ๆ ก็อิจฉา สามีของเราเองคะ เราคบกัน 5 ปี ศึกษานิสัยใจคอกันอย่างดี ตอนก่อนที่จะตัดสินใจเป็นแฟนกันก็คิดว่าน่าจะเลือกดีแล้วละ ถ้าจะต้องเลิกกันก็ต้องทำใจแต่ตั้งแต่วันที่เราตัดสินใจเป็นแฟนกับเขา เขาไม่เคยทำให้เราเสียใจเลยคะ ยิ่งมีแต่ทำให้เรารู้สึกว่าเราโชคดีมาก ๆ ที่ได้เขาเป็นสามี ตั้งแต่เป็นแฟนกัน เขาไปรับ-ส่งเราที่บ้านและที่ทำงานทุกวัน เรานัดเพื่อนกินข้าวเขาก็ไปส่ง แล้วก็ไปเดินเล่นรอไม่ว่าเราจะกลับดึกขนาดไหนเขาก็รอ เลิกงานเราไปฟิตเนส 3 ชม. เขาก็ไปเดินเล่นห้างรอเรา เขาไม่เคยมีกิ๊ก ไม่เคยนอกใจ เขาไม่ติดเพื่อน ไม่เคยไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วให้เรารอเลย เขาไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ เราไม่เคยทะเลาะกันเลยตลอด 5 ปีที่คบกัน และ อีกอย่างเขาไม่เคยเกินเลยกับเราก่อนที่จะแต่งงานกันด้วย จนเราตัดสินใจแต่งงานกัน เราก็เผื่อใจไว้แล้วว่าต้องอดทน เขาอาจจะเปลี่ยนไปหลังแต่งงานก็ได้ แต่กลับเป็นว่า เขายังเหมือนเดิมทุกอย่าง ไปรับ-ส่งเหมือนเดิม ทำงานบ้านเกือบทุกอย่าง ซักผ้า ล้างจาน รีดผ้า หน้าที่ของเรามีเพียง กวาดถูบ้าน และ จัดการเรื่องอาหารการกินเท่านั้น เขาบอกว่าสงสารเรายืนซักผ้า (ซักเครื่อง) นาน ๆ จะปวดหลัง ยอมร้อนเหงื่อตกนั่งรีดผ้า จนทุกวันนี้มีลูกกันแล้ว ก็เคยแอบคิดเหมือนกันว่าเขาจะเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมรึเปล่า เพราะเรารูปร่างก็เปลี่ยนไปหลังมีลูก และไม่มีเวลาปรนนิบัติเขาเหมือนก่อน แต่เขาก็ยังเหมือนเดิมคะ ดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ เขาเลี้ยงลูกได้ทำเองเป็นทุกอย่าง ตอนกลางคืนเขานอนข้างลูกเพื่อจะได้ดูแลลูกเองเวลาลูกตื่นตอนกลางคืน เพื่อที่เราจะได้นอนพักผ่อน เพราะเขารู้ว่าเราเหนื่อยต้องปั๊มนมทุก ๆ 3 ชม. เราคิดว่าเราโชคดีมาก ๆ คะ ที่ได้เขาเป็นสามี เขาเป็นคนง่าย ๆ เลยไม่ทะเลาะกัน เขามักจะให้เราเป็นคนตัดสินใจเป็นส่วนใหญ่ เขารักครอบครัวคะ ครอบครัวมาก่อนเป็นอันดับแรก ส่วนนึงที่ไม่ค่อยมีใครมาโพสท์เล่าว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนที่ได้เจอสามีดี ๆ คงเพราะกลัวคนอื่นมองว่าโม้รึเปล่า หรือกลัวคนอื่นหมั่นไส้เอาน่ะคะ แต่เราก็เผื่อใจคะว่าทุกอย่างบนโลกไม่มีอะไรแน่นอน เพียงแต่เราต้องอยู่กับปัจจุบันและทำให้ดีที่สุดคะ ขอบคุณสามีที่เป็นสามีที่ดีที่สุดสำหรับเราและลูก จากคุณ : ผู้หญิงโชคดีคนหนึ่ง เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 18:46:38 A:58.9.194.62 X: TicketID:138681

ความคิดเห็นที่ 40 ที่เคยทราบ แบบนี้ก็มีนะคะ 1  ผู้หญิงที่ชอบผู้ชายแบบ แบดบอย  คือจะมีแฟนกี่คนๆ ก็จะเลือกผู้ชายที่ดูเจ้าชู้หน่อยๆ  เข้าสังคมเก่ง  ผู้ชายแบบนี้มีเสน่ห์  แต่ก็อาจจะมีความเสี่ยงสูงเรื่องนอกใจกว่าปกติ  เพราะคนมีเสน่ห์ก็ย่อมมีผู้หญิงอื่นๆ เข้ามาชอบเป็นธรรมดา  ยิ่งเข้าสังคมเก่งก็ยิ่งมีโอกาสเจอผู้หญิงอื่นๆ มาก  เรียกว่ามีโอกาสและปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการนอกใจมาก 2.  ผู้ชายแบบที่ดีพร้อม ทั้งก่อนแต่ง หลังแต่ง ดูเป็น แฟมิลี่แมน รักเมีย รักลูก  สามารถแอบนอกใจได้โดยภรรยาไม่ระแคะระคายเลย  เพื่อนดิฉันโดนมาแล้ว  (เพื่อนดิฉันให้เกียรติสามีมาก ไม่เคยยุ่งเรื่องที่ทำงาน หรือตามเช็คอะไรเลย) สาเหตุและบทสรุปก็ต่างๆ กันไป แล้วแต่ครอบครัว  แต่บอกจริงๆ ว่า เรื่องแบบนี้ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ   แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 52 19:51:37 จากคุณ : กรรมใดใครก่อ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 19:49:37

ความคิดเห็นที่ 41 ไม่ได้มากวนนะคะ ..แต่ขอแนะนำคุณ จขกท. ว่า หาสามีเป็นของตัวเองให้ได้ก่อนค่ะ แล้วคุณจะตอบคำถามทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง จากคุณ : JNOY เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 20:34:46

ความคิดเห็นที่ 42 อ่านดูแล้ว เราว่าเจ้าของกระทู้เขาแค่สงสัยสัยละมั้ง เพราะยังไม่ได้แต่งงานด้วย คงอยากศึกษา ต้องการคำอธิบาย ของคนมีประสบการณ์มากกว่า อย่าคิดมากเลย ทำใจกลางๆไว้ดีกว่า จากคุณ : pnn2 เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 20:41:17

ความคิดเห็นที่ 43 ^ ^ ถ้าจะศึกษาเหตุใด ต้องเอามาเปรียบเทียบกัน จากคุณ : เจ้าแม่แฟชั่น เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 21:02:05

ความคิดเห็นที่ 44 อ่านทู้นี้ แล้วนึกถึงกระทู้ห้องสวนลุม แฟนจับผมแต่งงาน http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L8204505/L8204505.html จากคุณ : K483666 เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 21:03:38

ความคิดเห็นที่ 45 เฮ้อ ปัญหาของใครก็ของใครล่ะค่ะ ความรักทำให้คนตาบอดมันก็เป็นคำโบราณที่ใช้การได้ดีจนมาถึงปัจจุบันแหละ นอกจากนี้โอ๋คิดว่าผู้หญิงเป็นเพศที่ช่างพูดนะ บางทีมีเรื่องกลุ้มใจก็ไม่อยากเก็บ ขอให้ได้บ่นให้ใครฟังสักคนแค่นั้นก็สบายใจแล้ว ไม่ได้จะให้ใครมาแก้ปัญหาให้ แต่ขอให้มีคนฟัง คนรับรู้ปัญหาเท่านั้นเอง คนเราไม่มีใครดีไปหมด ๑๐๐%หรอกค่ะ ตัวของเราเองก็ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอก มันต้องมีสักอย่างแหละ ที่ไม่ถูกใจในกันและกัน แต่ถ้าคิดจะอยู่ร่วมกันก็ต้องปรับเข้าหากัน ตัวเราเองบางทียังไม่ถูกใจตัวเองเลย หุหุ เรื่องใกล้ๆตัวเลยก็ได้ สามีเราเองก็ดีนะ ไม่เคยเกเร ดูแลเราเป็นอย่างดี ทำงานเสร็จกลับบ้าน ไม่เคยเลท งานบ้านก็ช่วยทำทุกอย่าง ไม่ใช่แค่ตอนนี้ที่เราท้อง แต่ทำแบบนี้มา๓ปีกว่าแล้ว จะว่าไป แม่เรารักสามีเราอย่างกับลูกชายแท้ๆของเค้าเลย เพราะเห็นว่าเค้าเป็นคนดีแค่ไหน แต่เชื่อมั๊ย ตัวเราเองบางทียังมีอารมณ์งอน โกรธ ไม่พอใจสามีเลย (คงเพราะอยู่ไกลบ้าน เลยคิดมากมั๊ง) บางทีความดีสารพัดที่เค้าทำ กลับลืมไปซะงั้น รู้แต่ว่าตอนนี้โกรธๆๆๆๆ ไม่พอใจๆๆๆๆๆ ทำไมไม่อย่างนั้น ทำไมไม่ทำอย่างนี้ แย่มาาาาากกกกก เพราะเค้า ทำให้เราต้องจากบ้านมา (ว่าไปโน่น ไม่มีใครบังคับแต่งซะหน่อย อิอิ) มองเข้าไปแต่ด้านร้าย ทั้งๆที่ไม่ได้ร้ายขนาดนั้นซะหน่อย พอหายโกรธก็มานั่งขำตัวเอง แล้วก็สงสารสามี ว่าคนเราหนอ ทำไปได้ขนาดนั้น ถามว่าแต่งไวไปมั๊ย น่าจะรออีกสักหน่อยมั๊ย คิดว่าไม่ไวไป แล้วยังดีใจที่ได้แต่งกับเค้า นับตั้งแต่วันที่รู้จักกัน เป็นเพื่อนกันมาปีกว่า เป็นแฟนกันอีกปีกว่า แต่งงานกันมาจะ๔ปีสิ้นปีนี้ เค้าเหมือนวันแรกที่เราพบเค้าทุกประการ ผิดแต่ว่าน่ารักขึ้น แน่นอน ไม่ใช่หน้าตาหรอก แต่เป็นนิสัยใจคอ ความห่วงใยที่เค้ามีให้ มันมากขึ้นทุกวันๆ ดีใจที่ได้พบ ได้แต่งงานกับเค้า ถึงบางทีจะมีงอนกันมั่ง ก็คิดว่าเป็นรสชาติของชีวิตค่ะ จากคุณ : Orayanee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 21:19:19

ความคิดเห็นที่ 46 จขกท ค่ะ ที่ตั้งกระทู้ขึ้นมา เพราะเห็นว่าห้องนี้เป็นผู้มีประสบการณ์ น่าจะสามารถให้ข้อคิดหรือคำแนะนำได้ในเรื่องการมีชีวิตคู่ เพราะเข้าใจว่า น่าจะมีบางท่านที่สามารถมาบอกหรือแนะนำได้ ว่าได้ดูผู้ชายผิดไปจริง ๆ หรือผู้ชายสามารถเปลี่ยนไปได้ชนิดหน้ามือหลังมือจริง ๆ ขอบคุณค่ะสำหรับ คคห 37 ที่ช่วยยืนยันให้ทราบว่ามีอยู่จริง แต่ดูเหมือนหลาย ๆ ท่านในห้องนี้ไม่ชอบคำถามหรือเสนอแนะให้ป้องกัน (การเลือกคู่ผิด) แต่จะชอบคำถามที่ให้ช่วยแก้ปัญหามากกว่า ไม่ได้ตั้งใจที่จะตั้งกระทู้เพื่อจี้ใจดำให้ใครโมโหหรือของขึ้นหรอกนะคะ แต่เห็นว่าหลายท่านแต่งงานแล้ว อาจจะได้เจอเรื่องที่ไม่คาดคิด (ชนิดรุนแรง) มาบอกหรือสอนกันได้ งั้น ต่อไปไม่ถามแล้วค่ะ ไว้ถ้ามีสามีแล้วมีปัญหา ค่อยมาถามคิดว่าน่าจะได้รับการต้อนรับมากกว่า ขอบคุณค่ะที่อย่างน้อยก็เข้ามาแสดงความคิดเห็น แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 52 22:02:39 จากคุณ : ของว่างยามบ่าย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 22:01:02

ความคิดเห็นที่ 47 พี่คบกับแฟนก่อนแต่งงาน 10 ปีพอดีคะ จะให้รออีก1 หรือ 2 ปี สำหรับพี่ มันไม่ต่างกัน แต่เชื่อไหม จากคนที่เรารู้จักเขาวันแรก กับวันก่อนที่จะเรียกเขาว่าสามี ยังมีหลายๆอย่างเปลี่ยนไปเลย เขาโตขึ้น ความคิดอ่านเปลี่ยนไป อย่าว่าแต่เขาเลย เรายังเปลี่ยน แล้วสังคมทุกวันนี้ มากหน้าหลายตา ผู้หญิงที่รักสบาย อยากได้สามีคนอื่นโดยที่ไม่ต้องทนลำบากกัดก้อนเกลือกินด้วยกันมาก่อน ก็เยอะแยะ สิ่งปลุกเร้ามันเพียบๆๆ ดังนั้นพี่จะบอกว่า คนเราเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ขนาดใจของเราเองบางทีเรายังควบคุมมันไม่ได้ นับประสาอะไรกับใจคนอื่น ที่เราไม่สามารถหยั่งถึงได้เลย จากคุณ : ดอกหญ้าในป่าคอนกรีต เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 22:12:17

ความคิดเห็นที่ 48 ขอเข้ามาอ่าน เเบบเงียบๆ ครับ จากคุณ : พ่อน้องฟ้า (water_front) เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 22:46:31

ความคิดเห็นที่ 49 ครือว่า...ตอนนั้นน่ะกรรมมันตามมาทัน   ปิดหูปิดตาให้มืดมัว แต่ตอนนี้ใช้กรรมหมดแล้วจ้ะ   จากคุณ : iampkd-bee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 22:54:08

ความคิดเห็นที่ 50 ความจริง...หลังแต่งงาน กิจกรรม คู่รักที่เพิ่งรักกัน ที่อยู่กันมาได้สักพักหรือนานมากแล้ว นั่งดูทีวีรายการซูเปอร์โมเดลเดินแฟชั่น ฝ่ายชายบอกฝ่ายหญิง ถ้าน้องใส่ชุดนั้น คงสวยกว่านางแบบอีก ต่างฝ่ายต่างไม่พูดอะไรฝ่ายหญิงคิดอยากได้ชุดมาใส่ ส่วนฝ่ายชายภาวนาอยากได้คนใส่มาสวมแทนที่ฝ่ายหญิง ไปจ่ายตลาดซูเปอร์มาร์เก็ต ฝ่ายชายถือตะกร้าเดินตามฝ่ายหญิง และชี้ชวนให้ดูโน่นดูนี่อย่างไม่รู้เบื่อ ฝ่ายชายนั่งอยู่ที่รถ และแถมยังกำชับว่าให้ซื้อเร็วๆ และอย่าลืมซื้อบุหรี่มาให้ด้วย ไปดูภาพยนตร์ ต่างฝ่ายต่างชวนกันดูหนังเรื่องโน้นเรื่องนี้อยู่ตลอด ไม่ได้ดูด้วยกันนานแล้ว เพศสัมพันธ์ แค่ถูกตัวกันนิดเดียว ก็วูบวาบแล้ว ขนาดแก้ผ้าเดินชนกันก็ยังไม่รู้สึกอะไร ลูก ผมอยากมีลูกกับคุณ น้องอยากมีลูกกับพี่ มันลูกฉันคนเดียวเหรอ หัดดูแลมันบ้างซี่ กินข้าว กินไปดูหน้ากันไปอย่างอร่อยหวานชื่น ก้มหน้าก้มตากินไปให้เสร็จๆ ไปเที่ยวกลางคืน ฝ่ายชายยืนยันให้ฝ่ายหญิงไปด้วย เพราะเพื่อนๆ อยากรู้จัก ฝ่ายชายยืนยันว่า อย่าไปเลย เพราะเพื่อนๆ จะคุยธุระกัน การเงิน ใช้กระปุกหมูน่ารักใบเดียวกัน ฝ่ายชายใจกว้าง (กับคนนอกบ้าน) ส่วนฝ่ายหญิงก็ขยันหาเงิน (จากกระเป๋าตังผัว) แต่งงาน อยากแต่งเร็วๆ เห็นสวรรค์อยู่รำไร นรกมีจริง ! ไปเที่ยวต่างจังหวัด คิดหาทางตลอดเวลา คิดหาทางเหมือนกัน แต่ต่างคนต่างไป ไปทำงานต่างจังหวัด ไม่อยากไปเลย ถึงนายไม่สั่ง ก็จะหาทางไป ฮันนีมูน เราต้องไปทุกปี (นะ) มูนแมนอะไร ไม่รู้จัก (โว้ย) ดนตรี ทำไมชอบเพลงและศิลปินคนเดียวกันเลย คุณชอบมันไปได้ยังไง ไม่เห็นได้เรื่อง กีฬา หาทางเล่นด้วยกัน ถ้าต้องเล่นด้วยกัน ไม่เล่นเสียดีกว่า อาบน้ำ อาบด้วยกันนะ จะได้ผลัดกันถูหลังให้ อย่าเลย เสียเวลา อาบเองสะอาดกว่า ตา มองอะไรก็สวยไปหมด มองอะไรก็มืดมนไปหมด หู ฟังอะไรก็ให้คล้ายเสียงนกไนติงเกล ฟังเสียงมันทีไร แน่นหน้าอกทุกที คอ หมายถึงซอก มีไว้จูบ หมายถึงก้าน มีไว้เตะ จมูก เอาไว้ใช้หอมกัน เอาไว้ใช้พิสูจน์กลิ่นน้ำหอมแปลกปลอม ปาก เอาไว้จูบกัน เอาไว้จวกกัน ที่นอน เอาไว้เล่นกายกรรมด้วยกัน ใช้นอนจริงๆ (ต่างคนต่างนอน) บ้าน คือวิมานของเรา คือวิมานของตู (เวลามันไม่อยู่) ลืมของ กุลีกุจอช่วยหา แค่นี้ทำไมต้องลืม (เรื่องของเมิง) ของโปรด ประเคนให้กันสม่ำเสมอ เคยซื้อให้ ก็ไม่เห็นตื่นเต้น เลยไม่ซื้อแล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าประคุณ ขอให้สมรักด้วยเถิด ถ้าให้มันตายไปวันนี้พรุ่งนี้ จะเอาหัวหมูกี่หัวก็ยอม ชี้นก ขนาดบอกว่าไม้ ยังเชื่อ นกมันก็คือนก แล้วทำไม (วะ) น้ำต้มผัก ยังสามารถบอกว่าหวาน ไม่รู้จะทำกับข้าวอะไรแดกแล้วหรือไง (วะ) ไม่อาบน้ำ ยังบอกว่าหอมตามธรรมชาติ ขนาดอาบแล้ว (+ใส่น้ำหอมด้วย) ยังไม่อยากเข้าใกล้ วันเกิด เตรียมหาของฉลองล่วงหน้าเป็นเดือน ฟ้าให้ข้าเกิด ทำไมต้องให้มันมาเกิดด้วย แก่ แก่แค่ไหนก็จะรักเสมอ (อี/ไอ้) แก่เอ้ย ก่อนนอน กอดกันกลมดิก ไหว้พระสวดมนต์ทำใจ ตื่นนอน อยากเห็นหน้าเธอ ผวาทุกเช้า เมื่อหันมาเจอ เจ็บป่วย เธอเจ็บ ฉันก็เจ็บด้วย แค่นี้ ไม่เห็นเป็นไร ไปเอาพาราฯมากินซะ แล้วอย่าวุ่นวาย วันตาย เราจะตายด้วยกัน แกก่อน ฉันทีหลัง หมอดู ดวงเราสมพงษ์กันใช่ไหม ? ไอ้หมอดูเฮงซวย! อย่าให้เจออีกนะเมิง ชาติก่อน เราคงเป็นเนื้อคู่กันแน่ๆ กูคงทำกรรมมามากแน่ๆ ชาติหน้า ชาติหน้ามีจริงขอให้เป็นเนื้อคู่กันอีก ชาติหน้ามีจริงขออย่าได้เจอกันอีก ปล.ใครแต่งไม่รู้ จากคุณ : อาเดียร์ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 23:07:00

ความคิดเห็นที่ 51 เราว่าจริง ๆ หลาย ๆ log in ที่เข้ามาแสดงอาการไม่ปลื้ม อาจจะไม่ใช่เพราะจขกท.ตั้งกระทู้ถามหรอกคะ แต่น่าจะเป็น ไม่ปลื้มวิธีการสื่อสารของจขกท.มากกว่ามั๊งคะ (เดาเอานะคะ) เรื่องเดียวกัน ความหมายคล้าย หรือ เหมือนกัน จขกท.สามารถทำให้มันดูเบาและเสียดสีน้อยกว่านี้ได้คะ เช่น ถ้าจะถามจขกท.ว่า มีสามีหรือยัง ถ้าพิมพ์ว่า "จขกท.มีสามีหรือยังคะ" ก็จะฟังดูเบา ๆ ไม่หาเรื่องเท่าไหร่คะ แต่ถ้าพิมพ์ว่า "จขกท.หาสามีได้รึยังคะ" ก็อาจจะฟังดูเสียดสีนิดหน่อย แล้วถ้าพิมพ์ว่า "จขกท.ยังหาสามีไม่ได้เหรอคะ" อันนี้ไม่หยาบคาย แต่ฟังดูเสียดสี ถ้าเราเป็นจขกท.อ่านแล้วจะรู้สึกไม่ดีคะ เปลี่ยนคำพูดนิดเดียวก็ทำให้เหตุการณ์เบาลงหรือมาคุได้คะ.....^_^ ด้วยความปรารถนาดีจ๊า....เพราะเราก็เคยใช้คำพูดแบบผิด ๆ จนต้องหลังไมค์ไปขอโทษล็อกอินที่เค้าเข้าใจผิดไปเลยคะ จากคุณ : cutestmei (mangek) เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 23:38:16

ความคิดเห็นที่ 52 ^ ^ #51 อ่านแล้วสับสนครับ จากคุณ : pinhead เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 00:24:15

ความคิดเห็นที่ 53 คำตอบเดียวกับคุณลูกชิ้น และคุณเอื้อง เรื่องบางเรื่องเราก็ไม่รู้ค่ะ  อย่างเรื่องนอนกรน หายใจแรง  ปัญหาใหญ่ที่มารู้หลังแต่งงานแล้ว ทำให้เรานอนไม่หลับ 555 เรื่องสามีไม่ชอบทานปลา ปลาร้า นี่ก็ไม่ไม่รุ้นะเข้าใจเอาเอง(นิสัยส่วนตัว)ว่าเคยอยู่อุบลฯ มาก่อน  เวลามาบ้านเราใกล้ลำแม่ลา ทุกมือมีปลาตลอด  เค้าก็ทานนะแต่เราก็ไม่ได้สังเกตอะไรมาก จนมารู้จากญาติพี่น้องเค้าที่หลังว่าทำไม? อีกหลายเรื่องยิบย่อยที่เราจะรู้ได้เมื่อแต่งงานเท่านั้นค่ะ เพราะฉะนั้นคนที่ไม่มีครอบครัวไม่มีทางมี ปสก.หรอก อย่างบางคนที่เค้าไม่ได้มาบอกเล่าอะไร ปัญหามันจิ๊บๆ หรือปรับแก้กันไป ปัญหามันก็มาจากทั้ง ๒ ฝ่ายแหละ เพียงแต่ผู้หญิงเวลามีปัญหา มีเพื่อน มีคนไว้ใจก็อยากเล่า ปรึกษา ก็เลยเป็นที่มาของข้อสงสัยของกระทู้นี้ จากคุณ : one&only เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 01:02:45

ความคิดเห็นที่ 54   แต่ดูเหมือนหลาย ๆ ท่านในห้องนี้ไม่ชอบคำถามหรือเสนอแนะให้ป้องกัน (การเลือกคู่ผิด) รู้สึกกำลังพูดถึงทฤษฐีล้วนๆคะ ถามจริงๆเหอะ พอจะรู้ไหมว่าใครเค้าก็อยากให้ชีวิตตัวเองพบแต่ความสุข เรื่องที่คารทำมนษย์ที่ไหนเค้าก็รู้กันคะ(ถ้ามีความชั่วความดีในจิตใจพอนะ) ถ้าคุณคิดออกแบบได้แนวทางแก้ไขน่าจะทำหนังสือขายนะคะ  เราจะรอซื้อ จากคุณ : มาทางนี้เลยน้อง เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 03:50:18

ความคิดเห็นที่ 55 เห็นด้วยกับ คุณ cutestmei (mangek)  คห51 ค่ะ เข้ามาอ่าน รู้สึกว่าใส่อารมณ์กันจัง ใจเย็นๆกันนะคะ จากคุณ : Joly_M เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 04:05:03

ความคิดเห็นที่ 56 กระทู้เพื่อ? อยากจะต่อว่า แสดงความเก่งกาจในการใช้วาจาของตัว หรือกดคนอื่นให้ต้อยต่ำ เพราะตัวเองยังไม่เคยเจอกับตัว ขอโทษอ่านเจอแล้วรู้สึกอดไม่ได้ ที่จะต้องแสดงความคิดเห็น จากคุณ : dapumpkin เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 07:55:20

ความคิดเห็นที่ 57 ไม่ได้เข้าข้างใคร แค่อยากบอกว่าบางอย่างไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอกค่ะ จากคุณ : แม่น้องทาน เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 09:00:06

ความคิดเห็นที่ 58 ถ้าดูเนื้อหา กระทู้นี้ก็มีสาระนะ แต่อาจจะมีบางคำจี้ใจดำไปหน่อยมั้ง บางคำอาจดูเหมือนเหน็บแนม ทำให้โดนโมโหขนาดนี้ จริงๆคู่มือการเลือกคู่ก็มีนะคะ (---ขอแนะนำให้อ่านหนังสือเล่มนี้ค่ะ ธรรมะทอรัก ของท่าน ว.วชิรเมธี) ขึ้นอยู่กับว่าตอนที่เราเลือกเราจะให้ใจหรือเหตุผลเป็นฝ่ายชนะ เลือกคู่ให้ได้คนดีมาและเราก็ต้องเป็นคนดีควรคู่กับเขาด้วย ถ้าเกิดความไม่สมดุลครอบครัวก็อยู่เป็นครอบครัวไม่ได้ แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 52 09:15:33 จากคุณ : คุณนายฟู เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 09:14:56

ความคิดเห็นที่ 59 เข้ามาอ่านค่ะ จากคุณ : คนแก่งคอย เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 10:19:45

ความคิดเห็นที่ 60 เข้ามาเพราะชื่อกระทู้ค่ะ เพราะในทันทีก็รู้สึกว่า อย่าว่าแต่สามีเลย บางทีตัวของเราเอง ยังไม่รู้จักตัวเองดีเลยอ่ะ นิสัยใจคอเราเองยังเปลี่ยนได้เลย นับประสาอะไรกับสามี แต่เปลี่ยนแค่ไหน ยังไง ดีขึ้น เลวลง อันนี้ก็แล้วแต่คน เรื่องศึกษานิสัยใจคอของคน เราว่ามันไม่จบสิ้นหรอกนะ โดยเฉพาะชีวิตคู่ มันศึกษาเรียนรู้กันไปตลอดชีวิตแหละค่ะ จริงๆ นะ เรื่องอีกหนึ่ง สำหรับเรา เรารู้สึกว่า รู้งี้แต่งงานแล้ว จะได้มีลูกเร็วๆ 555 หรือบางวันอาจจะคิดว่า รู้งี้ไม่แต่งหรอกเว้ย อยู่คนเดียวดีกว่า มันก็เป็นได้ทั้ง 2 แบบค่ะ 5555 จากคุณ : น้องทะเล เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 11:07:56

ความคิดเห็นที่ 61 "แต่ดูเหมือนหลาย ๆ ท่านในห้องนี้ไม่ชอบคำถามหรือเสนอแนะให้ป้องกัน (การเลือกคู่ผิด) แต่จะชอบคำถามที่ให้ช่วยแก้ปัญหามากกว่า" อยากบอกว่าสำหรับชีวิตจริง มันไม่มีหลักสูตรไหน หรือพฤติกรรมไหนทีทุกคนจะเหมือนกันและสอนกันได้หรอกค่ะ เช่น ถ้าตอนเป็นแฟนกันดูใจกัน พฤติกรรมเป็นแบบนี้ หลังแต่งจะเป็นแบบนี้ มันวัดกันไมไ่ด้หรอกนะค่ะ คนแต่ละคนแตกต่างกันค่ะ ดังนั้นไม่มีคำแนะนำไหนที่จะมาเป็นเกณท์วัดในการป้องกันการเลือกคู่ผิดได้หรอกค่ะ จากคุณ : B4 ชั้น6 เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 11:35:10

ความคิดเห็นที่ 62 จะบอกว่าทุกคนมีปัญหากันคนละแบบ  คนที่มาตั้งกระทู้ในนี้ก็คือคนที่มีปัญหา  ต้องการกำลังใจ  คงไม่มีใครที่มีความสุขแล้วประกาศให้คนอื่นเค้ารู้หรอกว่ามีความสุข  และคงไม่มีใครที่รู้อนาคตของตัวเองหรอก  ถ้ารู้ก็คงบรรลุเป็นอรหันต์แล้วล่ะ ใครได้สามีดีถือว่าโชคดีเหมือนถูกล๊อตเตอรี่  ยังไงก็ขอให้ จขกท โชคดีในเรื่องของความรักนะคะ จากคุณ : ยำหน่อ เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 12:52:47

ความคิดเห็นที่ 63 รู้จักช่วงโปรโมชั่นไหมคะ...ลด แลก แจก แถม พอหมดโปรฯปุ๊บ...จ่ายแพงกว่าอีกเท่าตัว 5555 เคยบ่นๆกับสามีนะ อันนั่นเราไม่ชอบ อันนี้อย่าทำ ทั้งๆที่เป็นเรื่องจุกจิดเล็กน้อย... เคยอ่านหนังสือธรรมะว่า...ทำไมแทนที่เราจะมานั่งนึกรำคาญ เอาเวลามานั่ง บ่นๆๆๆๆ เราเองก็เสียสุขภาพจิต เค้าก็รำคาญ.... ทำไมเราไม่ทำใจยอมรับสิ่ง เล็กๆน้อยๆนั้นให้ได้ ทำไมเมื่อตอนเป็นแฟน..รับได้ทุกอย่าง พอแต่งงานกันแล้ว..เรื่องมากขึ้นมาทันใด (และหวังว่าเค้าจะเอาใจเราอยู่) ถ้าเรายอมรับได้ เสียงบ่นก็ไม่มี อารมณ์เสียไม่เกิด ไม่ต้องทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กน้อย... จากคุณ : แม่ต้นน้ำ (แม่ต้นหอม) เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 15:18:18

ความคิดเห็นที่ 64 ผมว่ากระทู้นี้ดีมีสาระ ถ้าตัดเรื่อง อารมณ์ ออกไป... บางที เราก็กำลังโมโห อยู่กับอะไรที่ไม่มีตัวตน...นะครับ จิตใจคนยากแท้หยั่งถึง... อย่าต่อว่าคนอื่น..ว่าเขาเปลี่ยน ถ้าคุณไม่มั่นใจว่าคุณเองก็เปลี่ยนเหมือนกัน... จากคุณ : BLee เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 16:00:20

ความคิดเห็นที่ 65 เราชอบนะคะ กระทู้นี้ โบราณเค้าถึงว่า มีผัวผิดคิดจนตัวตาย ไงคะ ผู้ชายส่วนนึง ดีแตก  บางส่วนเลวมานานแล้ว แต่ผู้หญิงหวังลมๆแล้งๆ ว่าเค้าจะเปลี่ยน มนุษย์ไม่มีวันเปลี่ยนค่ะ ท่องไว้เลย นิสัยไหนที่ไม่ชอบ คูณไปเลย หลังแต่งแย่อีก10เท่า100เท่า ไม่มีใครอยากได้คนไม่ดีหรอกค่ะ ต่อให้คบเป็นแฟน10ปี ก็รู้จักกันไม่หมดหรอกทุกเรื่องค่ะ เราว่าสำคัญตรงที่ว่า รู้ว่าเค้าไม่ดีแล้ว จะทำอะไรต่อไป - จะยังทนเจ็บ ทนช้ำ แค่ให้ได้ตัวเค้าไว้ - จะทำใจ มองแต่ส่วนดี ใช้ชีวิตแบบปิดตาข้างนึง เห็นมั่งปล่อยมั่ง - จะยืนหยัด อยู่เพื่อตัวเองและลูกอย่างแท้จริง ทิ้งมันซะผู้ชายเลวๆ จากคุณ : lekumi เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 16:14:57

ความคิดเห็นที่ 66 ฝนก็เป็นคนหนึ่งที่เข้ามาตั้งกระทู้เกี่ยวกับสามีค่ะ ตอนนี้ก็ต้องศึกษากันใหม่อีกครั้ง จากกรณีของฝน ทั้งตัวสามีและตัวฝน ต่างก็เปิดเผยตัวตนซึ่งกันและกันค่อนข้างมากค่ะ ก่อนที่จะมาอยู่ด้วยกัน ไม่มีกั๊กคะ มันมากจนทุกวันนี้บางทีทะเลาะกัน เหมือนคันปากยิบๆอยากเอาเรื่องเก่าๆมาพูด ปรับตัวเข้าหากันก็ค่อนข้างมากมันก็ยังเกิดปัญหาขึ้น เพราะบางครั้งเค้าไม่ได้ทำไปเพราะ "สันดาน"ค่ะ แต่เค้าทำผิดไปเพราะสิ่งแวดล้อมมันพาไป กาลเวลามันก็พาไปค่ะ และที่สำคัญมันมีปัจจัยที่ทำให้เราไม่ปฎิบัติกันตัวต่อกันเหมือนเดิม บางครั้งคนที่เข้ามาระบายความในใจในที่นี้ "ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมดหรอกค่ะ" จะมีใครยอมรับบ้างว่า เราก็เปลี่ยนไปนะ เราทำตัวเองทั้งนั้น เรามีส่วนที่ทำให้เค้าเป็นแบบนี้ มีบางส่วนที่ยอมรับความจริง และยัง"อวย"สามีอยู่ บางส่วนก็คิดได้แต่สิ่งเลวๆของสามี มันเป็นเรื่องปกติค่ะ ในเมื่อความโกรธมันบังตา มันครอบงำจนเราหมดความรักความศรัทธาในตัวสามี มันทำให้กระทู้บางกระทู้  สามี<<<<แรงมากในสายตาคนอื่น แล้วถามกลับกัน ภรรยา<<<แรงไม๊  เปลี่ยนไปไม๊คะ คนที่มีลูก ก็อ้างลูก คนที่มีเพื่อนเยอะ มีสังคมก็อ้างสังคม งานเยอะก็อ้างงาน เทคโนโลยีสมัยใหม่ก็พาไปในทางที่ผิดได้ค่ะ สิ่งยั่วยุมันเยอะ บางท่านที่เข้ามาพูดคุยตั้งกระทู้ในนี้ บางคนต้องการหาเพื่อน ใครก็ได้ที่คุยด้วย หากำลังใจ หาคนช่วยคิด หาแรงสนับสนุนความคิดของตัวเอง ฝนเองทุกครั้งที่เกิดปัญหาฝนมักจะมีคำตอบเอาไว้ในใจแล้วเรื่องสามี แต่ขาดแรงจูงใจไปบ้าง หลายท่านมีประสบการณ์กรุณามาช่วยคิด ช่วยปลอบโยน มันทำให้ฝนรู้สึกดี คลายก้อนอะไรซักอย่างที่คอหอยลงไปได้ (เวลามันจุกน่ะค่ะ หลายๆคนอาจจะเคยเป็น) เป็นเรื่องที่ดีค่ะ และเป็นมิตรภาพที่ดีที่เกิดขึ้น ณ ชานเรือน จขกท.อาจจะเจอกระทู้หนักๆมาเยอะนะคะ ฝนอ่านดูช่วงนี้ก็มีกระทู้ทำนองนี้จริงๆ (รวมทั้งของข้าพเจ้าด้วย อิอิ) ยังคิดอยู่เลยว่า เคสที่ว่าผู้ชายมักจะนอกใจภรรยาที่ท้อง หรือภรรยาที่เป็นแม่ลูกอ่อนเพราะอะไร ก็ถ้าหันหน้าคุยกันให้ตลอด อย่าหันหลังคุยกัน มันก็คงจะดีน่ะค่ะ จากคุณ : TaPrO เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 16:37:36

ความคิดเห็นที่ 67 แนะนำให้คุณ จขกท ปรับสำนวนการเขียนให้สุภาพ รัดกุม รอบคอบกว่านี้ค่ะ เพราะเนื้อหาของกระทู้นั้นค่อนข้างกัดกร่อนกินใจคนที่เจอปัญหาอยู่แล้ว การที่เขียนด้วยสำนวนเช่น จขกท บางครั้งอาจเป็นเสมือนการจุดไฟใส่เท้าผู้อื่นได้ค่ะ ด้วยความเคารพ ใช้วาจาสุภาพแต่เหน็บแนมก็เข้าข่ายบั่นทอนจิตใจนะคะ จากคุณ : แดงเร็กเก้บาร์ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 52 15:10:41