ความคิดเห็นที่ 1 สำหรับคุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นนะครับ สังเกตุดูครับว่าบริเวณปลายอวัยวะเพศทำความสะอาดดีหรือไม่ เพราะตรงส่วนนี้ถ้าดูแลได้ไม่ดีก็จะเกิดการหมักหมมของเชื้อโรคต ่าง ๆ ทั้งคราบฉี่ คราบเหงื่อครับ ทำให้เกิดการติดเชื้อย้อนขึ้นไปด้านบนได้ครับ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่ได้ให้ลูกขลิบจะเจอปัญหานี้ได้เยอะมา ก ๆ ครับ และส่วนใหญ่ถ้าเป็นแล้วก็จะเป็นซ้ำได้บ่อย ๆ ครับ ไม่เหมือนในเด็กที่ขลิบแล้วจะดูแลสุขอนามัยได้ง่ายกว่าเยอะครับ ต้องพยายามทำความสะอาดให้ดีเป็นกิจวัตรครับ เพราะอวัยวะส่วนนี้มักถูกละเลย ส่วนใหญ่คิดว่าอย่าไปยุ่งกับมัน ทั้งที่เรื่องความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันเชื้อโรคครับ การทำความสะอาดก็คือเอาน้ำสะอาดธรรมดานี่แหละครับ ล้างบริเวณจู๋ให้ดี แล้วค่อย ๆ รูดหนังลงครับ ทำวันละนิดๆ ช้า ๆ ไม่ต้องรีบ ทำบ่อย ๆ มันก็จะค่อย ๆ รูดลงจนหมดได้เองครับ พอรูดลงได้แล้วก็ใช้น้ำล้างและซับให้แห้งครับ และก็สอนให้เค้ารู้จักดูแลแบบนี้เองให้เป็นนิสัยครับผม การดูแลสุขอนามัยของอวัยวะเพศเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กทุกคน แต่ในเด็กผู้ชายที่มีหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศอยู่นั้น การดูแลความสะอาดอาจทำได้อย่างไม่ทั่วถึง ซึ่งถ้าปล่อยให้เกิดการหมักหมมก็จะทำให้เกิดการอักเสบขึ้นไปตามท่อปัสสาวะ บางคนถึงขั้นต้องนอนรักษาในโรงพยาบาลด้วยอาการไตติดเชื้อ ยิ่งธรรมชาติของเด็กผู้ชายที่เล่นซนตามประสา การไม่อาบน้ำ การเล่นสกปรกมอมแมม เป็นเรื่องปกติ ยิ่งทำให้ง่ายต่อการเกิดเรื่อง และความเป็นจริงในสภาพสังคมของเรา ต้องยอมรับว่ามีไม่กี่ครอบครัวที่มีการพูดคุยถึงสุขอนามัยทางเพศ มีคุณพ่อคุณแม่กี่คนที่คอยถามลูกว่าวันนี้ล้างจู๋สะอาดหรือยัง หรือเมื่อลูกโตพอเข้าโรงเรียนแล้วยังมาคอยเช็คว่าลุกอาบน้ำสะอาดไหม มีการรุดหนังหุ้มปลายลงมาล้างไหม ดังนั้นยิ่งเมื่อเด็กโตขึ้น ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ก็ยิ่งทำให้ถูกละเลยไป ด้วยทั้งเด็กรู้สึกเขินที่จะปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ และกิจกรรมต่าง ๆ ของเด็กที่มากขึ้นตามอายุ ทั้งเล่นกีฬา เหงื่อจากการทำงานต่าง ๆ ดังนั้นการขลิบจึงมีข้อดีในการช่วยให้ดูแลสุขอนามัยได้ง่ายขึ้น เนื่องจากกำจัดจุดที่จะสามารถไปหมักหมมของพวกเชื้อโรคได้ ทำให้การอาบน้ำธรรมดาก็เพียงพอที่จะทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศได้ การหมักหมมของขี้เปียกและการที่ไม่ทำความสะอาดให้ดี อาจทำให้เป็นแหล่งที่อยู่ของเชื้อโรคมากมาย และที่สำคัญคือ HPV ไวรัสครับ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิงและมะเ ร็งองคชาติในเพศชาย ฉะนั้นจึงพบว่าผู้ชายที่ขลิบปลายอวัยวะเพศแล้วจะมีอัตราการเกิด โรคนี้ต่ำมาก ๆ เนื่องจากดูแลสุขอนามัยได้ดีขึ้นและข้อดีนี้ก็ยังเผื่อแผ่ไปถึง สุขภาพของผู้หญิงด้วย หลายคนยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าขลิบแล้วเป็นยังไง ผมเลยรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เอาไว้เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ในการหาข้อมูลนะครับ คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่บ้างแหละ ลองเข้าไปชมดูนะครับ ที่ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=thaicirc20&group=7 ส่วนใครมีข้อแนะนำไงก็ฝากไว้ได้นะครับ ปล.ในเวบอาจจะมีภาพไม่เหมาะสมบ้าง  แต่เจตนาเพื่อการศึกษานะครับ จากคุณ : สาลิกาโบยบิน เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 15:17:31

ความคิดเห็นที่ 2 ดิฉันพนันได้ว่า ไม่สามารถออกมามีผลบังคับได้ เพราะมันผิดกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ รวมถึงสิทธิมนุษยชน จากคุณ : mrs.night owl เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 15:25:49

ความคิดเห็นที่ 3 แต่ดิฉันชอบแบบทำสุหนัตแล้วอ่ะค่ะ อุอุอุ ^___^ จากคุณ : (( aloha )) เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 16:11:06

ความคิดเห็นที่ 4 กำลังชั่งใจอยู่เลยครับ ว่าถ้าคลอดออกมาแล้วจะขลิบเลยหรือเปล่า ฝ่ายภรรยาผมเค้ากลัวลูกจะเจ็บ แต่พอมาอ่านดู ๆ แล้ว มีผลดีนะครับเนี่ย จากคุณ : Hell_fire เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 16:34:43

ความคิดเห็นที่ 5 ตอนนี้ลูกชาย 3 ขวบ  ต้อง ทำ(รูด)ให้เขารึยังคะ  แล้วเขาจะเจ็บมั้ยคะ  เราไม่เคยทำ ไม่กล้าค่ะ กลัวเขาเจ็บ จากคุณ : momnut เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 16:58:27

ความคิดเห็นที่ 6 ตั้งใจว่าจะให้แมทขลิบ  แต่หมอที่ร.พ.ไม่ยอมทำให้ เซ็งเลย ตอนนี้เอายาป้ายอยู่ค่ะ  เริ่มเปิดมากกว่าเดิมแล้ว ดีใจๆๆๆ  ไม่นานนี้คงเปิดได้หมดน่ะค่ะ จากคุณ : big black eyes เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 17:40:44

ความคิดเห็นที่ 7 ประเทศอย่างอเมริกาเหรอ ไม่น่าจะมีทางเป็นไปได้ (หมายถึงกฎหมายหรือข้อบังคับอันนี้ไม่น่าจะผ่านได้) จากคุณ : Queen of hearts เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 18:34:45

ความคิดเห็นที่ 8 ยิ่งอ่านแล้วยิ่งกลุ้ม ลูกชายวัย 7 ขวบตอนนี้มียังไม่มีอาการว่าปัสสาวะไม่ออกนะ แต่ไม่แน่ใจในความสะอาดเลย รู้อย่างนี้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต รู้จักบล๊อคของคุณสาลิกาโบยบินก่อนผ่าคลอดตอนนั้นก็ีดี เสียดายเวลาตอนนั้นจัง มัวแต่ดีใจว่าจะได้ลูกชาย ตอนนี้ไม่อยากจับเด็กไปขลิบเลย สงสารจับใจ จากคุณ : ผักบุ้งตาสวย เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 19:38:43

ความคิดเห็นที่ 9 คนยิว และ คนอิสราเอล ซึ่งมีธรรมเนียมว่า เด็ก ช ต้องขลิบ เมื่อมีอายุ ๘ วัน ที่ทำกันมาเป็นพันๆ ปี เดี๋ยวนี้  มีคนเห็นผลเสีย และไม่ให้ลูกขลิบ เป็นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ มีผลวิจัยทางจิตวิทยา แสดงให้เห็นว่า การถูกขลิบ (ในวัยทารก) และการเจ็บปวดทางร่างกายอย่างมาก  มีผลต่อจิตใจเด็กทารก และมีผลกับพัฒนาการทางด้านอารมณ์ของเด็ก ป.ล.นี่ไม่ใช่ความเห็นของเรานะ (เรามีแต่ลูกสาวค่ะ) เพียงแต่เอามาบอกต่อ ถึงมุมหนึ่งในสังคมที่ขลิบกันมาตลอด จากคุณ : ต้นจั่น เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 20:18:41

ความคิดเห็นที่ 10 อย่าพึ่งคิดว่าเป็นการบังคับครับ เพียงแต่ไทยรัฐเค้าใช้คำได้รุนแรงไปหน่อย จริง ๆ คือเหมือนว่าทางกระทรวงสาธารณสุขของอเมริกา กำลังจะรณรงค์ให้มีการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศให้กับเด็กผู้ชายครับ ซึ่งสาเหตุก็มาจากการศึกษาถึงประโยชน์ต่าง ๆ ในการขลิบหนังหุ้มปลาย ทั้งเรื่องการป้องกันการเป็นโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ลดอัตราการติดเชื้อ HIV หรือมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งองคชาติ คือต้องเข้าใจก่อนว่าปัจจุบันนี้ทางอเมริกาเค้าก็พูดไว้กลาง ๆ ว่ามันมีข้อดีและข้อเสียพอ ๆ กัน ซึ่งข้อเสียก้คือเหมือนการผ่าตัดทุกชนิดครับ ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น คือให้ผู้ปกครองพิจารณาเอาเอง ซึ่งจากการที่ประกาศไว้กลาง ๆ นี้ ทำให้หลาย ๆ รัฐ ได้ตัดสวัสดิการเกี่ยวกับการขลิบออกไป ทำให้เมื่อเด้กเกิดมา ถ้าผู้ปกครองอยากให้ขลิบก็ต้องจ่ายเงินเอง และก็เป็นที่รู้กันเกี่ยวกับค่ารักษาทางการแพทย์ในอเมริกาซึ่งแพงมาก ทำให้ประชาชนบางกลุ่มเลือกที่จะไม่ขลิบให้ลูกเพื่อประหยัดเงินไว้ (อันนี้มีผลการศึกษายืนยันว่าประชาชนที่อยู่ในรัฐที่ถูกตัดงบประมาณเรื่องขลิบ จะมีอัตราการขลิบลดลงอย่างมีนัยสำคัญทีเดียวเมื่อเทียบกับรัฐที่ยังมีสวัสดิการตรงนี้ให้) อ้างอิง http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=thaicirc20&date=31-12-2008&group=9&gblog=11 แต่ในระยะหลัง มีงานวิจัยเริ่มออกมามากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องที่การขลิบหนังหุ้มปลายสามารถลดอัตราการติดเชื้อ HIV ลงได้ โดยอธิบายจากการที่หนังหุ้มปลายเป็นส่วนที่บอบบางมาก เมื่อเกิดเพศสัมพันธ์ทำให้มันเป็นแผลถลอกได้ง่ายทั้งเห็นและไม่เห็น รวมถึงบริเวณหนังหุ้มปลายมีเซลล์ที่เรียกว่า langerhann cell ซึ่งจะมีตัวจับกับไวรัสได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อทำการขลิบก็จะลดปัจจัยเสี่ยงลงได้ครับ จากข้อมูลพวกนี้เอง ทำให้ตอนนี้กระทรวงสาธารณสุขของอเมริกาก็เลยมีการประชุมเพื่อที่ออกประกาศสนับสนุนให้มีการขลิบปลายกันมากขึ้น ซึ่งถ้านโยบายนี้ออกมาได้สำเร็จ ก็จะเป็นผลให้รัฐต่าง ๆ ต้องจัดหาสวัสดิการเกี่ยวกับการขลิบให้กับเด็กที่เกิดใหม่ครับ ส่วนใครจะทำหรือไม่ อันนี้ก็แล้วแต่ผู้ปกครอง แต่ถ้าอยากทำก็ฟรี ทำนองนี้แหละครับ ลองไปดูเนื้อข่าวฉบับเต็มนะครับ http://www.nytimes.com/2009/08/24/health/policy/24circumcision.html?_r=1&hp เนื้อข่าวจริง ๆ ค่อนข้างยาวครัย ไทยรัฐเลยพาลสรุปให้สั้นไปหน่อย อ่านทีเห็นภาพมีทหารมาบุกบ้านยึดลูกไปขลิบแล้วส่งคืน ไม่ทำติดคุกเลย  จริง ๆ เค้าก็แคส่งเสริมครับ จากคุณ : สาลิกาโบยบิน เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 20:25:09

ความคิดเห็นที่ 11 ตอบคุณต้นจั่นนะครับ เดี๋ยวนี้ทุกรพ.เค้าไม่มีใครขลิบสดแล้วครับ จากงานวิจัยที่คุณต้นจั่นบอก ทำให้สมัยนี้เวลาขลิบมีการให้ยาระงับปวดมากมาย บางคนดูดนมไปทำไปด้วยซ้ำครับ ส่วนสาเหตุที่ลดลงนี่อย่างที่บอกข้างต้นครับ ว่าส่วนนึงเกี่ยวกับเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่แพงขึ้นอย่างบ้าคลั่งนี่แหละ เรื่องขลิบนี่วงการแพทย์ก็ได้พบข้อดีมากมายนะครับ และหลักฐานทางการแพทย์ก็ยืนยันเยอะด้วย แต่สาเหตุที่ทำให้ไม่ได้รับการส่งเสริมเท่าที่ควรคือเพราะเรื่องเจ็บตัวนี่แหละครับ สำหรับผู้ชายแล้ว เมื่อไหร่ที่ของมีคมมาใกล้ๆ ตรงนั้นนี่ขอบายทุกคนครับ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่นะครับ  ถึงกับศาสนาคริสต์เองตอนปฏิรูปศาสนาในเมื่อหลายร้อยปีก่อน ถึงกับเปลี่ยนกฎเป็นว่าคนที่จะนับถือศาสนาคริสต์ไม่จำเป็นต้องทำการสุหนัต (ขลิบ) ทั้งที่พระเยซูก็ขลิบนะครับ  (ตามพันธสัญญาเดิมที่พระเจ้าให้ไว้ในยิวคือ เด็กผู้ชายที่เกิดมาต้องขลิบใน 8 วัน หรือคนที่จะเข้าศาสนาต้องขลิบทุกคน) ทำให้ศาสนาคริสต์ขยายตัวไปได้รวดเร็วมากขึ้นหลังจากนั้นครับ เพราะคนไม่ต้องขลิบ มะเร็งปากมดลูกที่เกิดจาก HPV virus ในผู้หญิงนี่ มันก็มาจากบริเวณหนังหุ้มปลายนะครับ มีหลักฐานการแพทย์ยืนยันเยอะมากว่าคนที่ไม่ขลิบจะพบ HPV virus เยอะมาก แต่สุดท้าย ก็ด้วยเรื่องเจ็บตัวนี่แหละ เลยกลายเป็นไปพัฒนาวัคซีนขึ้นมาแล้วไล่ให้ผู้หญิงเป็นคนไปฉีดเพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูก  งงไหมครับทั้งที่สาเหตุก็มาจากปลายหัวที่ไม่ยอมดูแลของผู้ชายนั่นแหละ ลำพังสาว ๆ เค้าตกเบ็ด ไม่ทำให้เป็นมะเร็งปากมดลูกหรอกครับ แต่ไล่ผู้หญิงไปฉีดวัคซีนป้องกัน มาจากพวกผู้ชายทั้งนั้นแหละ เอาของซกมกไปใช้กับผู้หญิงเค้า ยอมเจ็บซักนิดเพื่อสุขอนามัยที่ดีกว่า ทั้งเราเองและของคนที่เรารักครับ ส่วนเรื่องการขลิบในเมืองไทย  เพราะส่วนใหญ่คนไทยเราไม่ค่อยพูดถึงเรื่องเพศกันอยู่แล้วครับ สั่งสอนกันมาว่าเป็นเรื่องสกปรก อย่าไปยุ่งกับมัน  ทำให้เยาวชนเราหรือผู้ใหญ่เองต้องหาความรู้กันเองแบบผิด ๆ ตาม internet บางคนไม่อยากขลิบก็พยายามแต่งแต้มสีสันไปมั่ว ๆ ว่าขลิบแล้วบ้า ขลิบแล้วตายด้าน ไปต่างๆนาๆ เมืองไทยในห้องสวนลุม เวปพันทิพก็มีนะครับ ผมเคยเจอ และในวงการหมอเองก็เหมือนกัน  เห็นว่าตัวเองไม่ขลิบและไม่เกิดปัญหา ก็เลยคิดว่าไม่ต้องขลิบให้คนไข้ก็ได้ ทั้งที่ความจริงการดูแลสุขอนามัยของหมอกับชาวบ้านมันต่างกัน หมอรู้ว่าควรระวังยังไงและก็ดูแล  แต่คนไข้ใช้แล้วเก็บ  มันจะเหมือนกันได้ไง ซึ่งไม่เหมือนเมืองนอกนะ เค้าจะดูแลสุขภาพกันแบบป้องกันมาก ๆ เด็กเกิดมาก็ขลิบให้เลย  ไม่งั้นก็มีหมอไปสอนตามโรงเรียนเลย ว่าต้องดูแลยังไง  ต้องรูด ต้องล้าง ต้องเก็บยังไง บ้านเรานอกจากไม่ป้องกันแถมยังไม่พูดถึง ทำเป็นลืมซะงั้น สุดท้ายเลยเกิดปัญหาสังคมแบบปัจจุบันไงครับ จากคุณ : สาลิกาโบยบิน เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 20:30:19

ความคิดเห็นที่ 12 ตั้งใจว่าลูกคลอดแล้วก็จะให้ขลิบเหมือนกันค่ะ..(อันนี้แฟนเราเค้ายืนยันต้องให้ลูกทำค่ะ) คุณหมอที่นี่ก็แนะนำค่ะ.. ประมาณสี่อาทิตย์หลังจากลูกคลอดแล้ว ให้พาไปพบคุณหมอที่เชี่ยวชาญค่ะ .. พอดีคลีนิคของคุณหมออยู่ที่เดียวกับคุณหมอที่เราฝากครรภ์.. ก็เลยได้เห็นปฏิกิริยาของเด็กหลังขลิบแล้วค่ะ.. ช่วงที่คุณหมอพาเข้าไปในห้อง เด็กจะร้องตอนถูกขลิบนะคะ..แต่หลังจากนั้นประมาณ ครึ่งชั่วโมง ก็หยุดร้องแล้วค่ะ.. คุณหมอบอกว่า ทำตั้งแต่ตอนนี้ดีที่สุดค่ะ.. เพราะจะไม่เจ็บมากเมื่อเทียบกับทำตอนโตแล้วค่ะ.. และถ้าทำความสะอาดไม่ถูกวิธี ก็จะยุ่งยากกันไปใหญ่ค่ะ.. จากคุณ : yuki-onna เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 08:07:59

ความคิดเห็นที่ 13 มุมของเรา  ที่เข้ามาแจม คือ จะบอกว่า การขลิบ มีทั้งข้อดี ข้อเสีย ค่ะ และก็มีการศึกษาิวิจัย สนับสนุนทั้งสองฝ่าย ส่วนค่าใช้จ่ายในการขลิบที่อเมริกา และอิสราเอล เท่าที่เราทราบ ไม่แพงค่ะ คือ ครอบครัวทั่วไปจ่ายได้ และเรื่องเจ็บนี่  อย่างไรก็เจ็บอยู่แล้ว เรามีเพื่อนที่มีทั้งให้ลูกขลิบสด และขลิบที่ ร.พ.ค่ะ ที่พระเยซู (ถูก)ขลิบ  ก็ไม่ได้เป็นความเห็นหรือทางเลือกของท่านนะคะ ท่านเกิดมาอย่างเด็กยิว  ครอบครัวท่านก็ให้ "โมเฮล" (พระยิวที่เป็นคนขลิบ)มาทำให้ตาม ธรรมเนียมยิว ก็เท่านั้นเองค่ะ   และที่คริสต์เิริ่มแพร่หลายนี่  น่าจะตั้งแต่ ค.ศ.๑๓๑ มาเรื่อยๆ มั้งคะ ที่จักรวรรดิไบเซนไทม์ (โรมันตะวันออก) ที่มีศูนย์กลางอยู่ที่คอนสแตนติโนเปิ้ล มีคริสจักรที่เข้มแข็ง และโรมันก็มีอำนาจพร้อมกองทัพมากกว่าใครในสมัยนั้น (บังคับคนได้) ไม่ใช่เพราะคน (มีเสรี)เลือกได้ว่า จะขลิบ หรือ ไม่ขลิบ มะเร็งปากมดลูก  สาวพรหมจรรย์ก็เป็นกันได้ค่ะ เราอยู่อเมริกามา ๑๕ ปี  ไม่เคยเจอคนที่เมืองนอก ที่ลูกเกิดมาก็ให้ขลิบเลยสักคนนะคะ มีเพื่อนเราแค่คนเดียวเท่านั้นที่ให้ลูกขลิบ และหมอก็คุยแล้ว คุยอีกด้วยค่ะ ลูกเพื่อนๆ หรือ น.ร.ที่สอน ไม่เคยได้ยินว่า ใครเลือกที่จะขลิบนะคะ (เรารู้จักคนที่ขลิบ เพราะธรรมเนียมทางศาสนาของเขา คือ คนมุสลิม และ ยิวค่ะ) ใน ร.ร.รัฐฯ ที่เราสอนในอเมริกา เมื่อเด็กอยู่ ป.๔ และ ม.๑ - ม.๒ จะมีพยาบาล (ของเขต ร.ร.- ไม่ใช่หมอ) มาเริ่มพูดเรื่องเพศศึกษาให้ในห้องประชุมใหญ่ ให้ผู้ปกครอง และต่อไปก็ไปพูดกับ น.ร.ปีละครั้ง หรือ ๒ ครั้งค่ะ ในเนื้อหาที่สอน ไม่ได้สอนว่า ต้องรูด ต้องล้าง อย่างไรนะคะ (เราไปร่วมฟังมาด้วยหลายครั้ง ทั้งในฐานะครู และผู้ปกครองค่ะ) ว้า...ขออภัยนะคะ ถ้าดูเหมือนว่าจะมาแย้งคุณสาลิกาฯ ไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้นเลยนะคะ คือ เราแค่มาแบ่งปันในเรื่องนี้  ที่เรารับรู้และเคยเห็นมาด้วยตัวเองน่ะค่ะ เรื่องขลิบแล้วบ้า หรือ ขลิบแล้วตายด้าน นี่ก็เป็นเรื่องแต้มสีอย่างที่คุณว่า เพราะความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น  แต่ในสมัยก่อน (ก่อน ๓๐ ปีที่แล้วมีมาก) ที่ิอิสราเอล  มีเด็กถูกขลิบอย่างไม่สะอาด และติดเชื้อจนเสียชีวิตหลายคน เพื่อนเราคนหนึ่ง ก็เล่าให้ฟังว่า สูญเสียน้องชายไปเพราะเรื่องนี้ค่ะ ทั้งๆ ที่ดูว่า เรื่องขลิบ ทำได้ง่ายๆ รวดเร็ว และดูไม่น่าจะอันตราย แต่อย่างไรต้องคำนึงถึงเรื่องความสะอาดค่ะ ถ้าใครจะให้ลูกขลิบ ก็ต้องทำใน ร.พ.กับหมอที่เก่งและมีประสบการณ์เท่านั้นนะคะ หลักๆ คือ ต้องสะอาด  ไม่ขลิบ (คว้านหนังฯ) ออกไปมากเกิน หรือ น้อยเกินไปน่ะค่ะ เราว่า เรื่องขลิบมีทั้งข้อดี และ ข้อเสีย  และน่าจะเป็นทางเลือกของแต่ละคน แต่ละครอบครัว โดยที่มีการให้ข้อมูลอย่างรอบด้าน  เพื่อให้พ่อแม่หรือผู้ที่สนใจด้านนี้เลือกตัดสินใจได้มากกว่าค่ะ จากคุณ : ต้นจั่น เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 14:06:32

ความคิดเห็นที่ 14 ส่วนตัวคิดว่า เหมือน มีไอ้นี่ทำสวามสะอาดยาก ตัดทิ้งง่ายดี นี่โชคดีนะ ถ้ามือไม่มีประโยชนืคงได้ตัดทิ้งกันเยอะเลยแหละ เพราะมันนำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายบ่อยๆ ดิฉันว่าคุณหมอ ให้ข้อมูลดีมากๆ ค่ะ แต่ดิฉันอยากมองต่างมุมอีกนือว่า เเล้วเรามีสิทธิ์ไปตัดสินใจ ในอวัยวะลูกหรือคะ ถ้ามันไม่ได้มีปัญหาใดๆ เขาก็อาบน้ำล้างกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไอ้ที่มีปัญหาเพราะมันไม่ล้างไม่เช็ด หรือเปิดไม่ได้ อันนัเนจะตัดก็เเล้วแต่ แต่ถ้าจู่ๆ จะไปขริบเพราะ เราคิดว่านี่เป็นสิ่งที่เราเชื่อ โดยที่เจ้าตัวเขาไม่มีโอกาสตัดสินใจ ดิฉันทำไม่ลง จากคุณ : mrs.night owl เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 21:56:31

ความคิดเห็นที่ 15 หลายงานวิจัยทางการแพทย์พบข้อดีและประโยชน์ของการขลิบมากมายในการป้องกันการเกิดโรคต่าง ๆ ในเด็ก และการขลิบในเด็กพบว่าสะดวกและง่ายในการดูแลแผลมากกว่าการมาทำในตอนโต เนื่องจากกิจกรรมต่าง ๆ ของเด็กเอง เด็กทารกอาจจะไม่สามารถที่จะเลือกว่าจะขลิบหรือไม่ แต่ก็เช่นเดียวกับการการสร้างภูมิคุ้มกันต่าง ๆ เช่นฉีดวัคซีน ,การเลือกนับถือศาสนา,การเลือกโรงเรียน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จึงเป็นหน้าที่ของผู้ปกครองที่จะทำการตัดสินใจแทนลูก ๆ ของเรา โดยอยู่บนพื้นฐานที่ว่าเรากำลังเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก โดยชั่งน้ำหนักทั้งข้อดีและข้อเสียมาประกอบกัน เพื่อที่ลูกของเราเมื่อเติบโตขึ้นมาจะได้รับในสิ่งที่ดีที่สุด จากคุณ : สาลิกาโบยบิน เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 52 20:31:38