Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กระแสเด็กสองภาษามาแรงมาก (เกินไป?) --- ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นค่ะ  

การตื่นตัวเรื่องความสำคัญของภาษาต่างประเทศโดยเฉพาะภาษาอังกฤษมีมากขึ้นทุกทีนะคะ  เริ่มจากหลายปีก่อนที่ ร.ร. นานาชาติและโปรแกรมสองภาษาใน ร.ร. ต่างๆผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด   ตามด้วยตอนนี้มีกระแสให้พ่อแม่ที่แม้จะไม่เก่งภาษาอังกฤษเอาเลยสอนภาษาอังกฤษให้ลูกตั้งแต่ยังเป็นทารกให้ลูกเป็นเด็กที่ไม่เพียงรู้ภาษาอังกฤษ  แต่ยังพูดภาษาอังกฤษได้ควบคู่กับภาษาไทยไปเลย

เราไม่ได้มาวิจารณ์ว่าวิธีการที่แนะนำกันในหนังสือและสื่ออื่นๆใช้ได้จริงหรือไม่จริง  เพราะเราเชื่อไปแล้วว่าถ้าจะทำจริงๆมันก็ทำได้ (แต่ยากเย็นแค่ไหน ได้ผลกี่ %  คุ้มเหนื่อยหรือไม่ก็อีกเรื่อง) ที่จะมาขอแสดงความคิดเห็นก็เพราะสังเกตว่ากระแสนี้มันแรงมาก  และคงแรงขึ้นไปเรื่อยๆ  

อยากเปรียบเทียบกับกระแสนมแม่  เรายอมรับว่านมแม่ดีกว่านมผสม  น้องแมทก็กินนมแม่ ประหยัดและแข็งแรงมากๆ  แต่ความที่เชียร์นมแม่กันมากนี่เอง  ทำให้บางครั้งคนที่ให้นมตัวเองแก่ลูกไม่ได้ (ด้วยเหตุใดๆก็ตาม) ถูกมองหรือมองตัวเองราวกับว่าทำผิดเสียเหลือเกิน

แม่ทุกคนรักลูก และเราเชื่อว่าพยายามที่สุดที่จะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูกเท่าที่จะทำได้   เราอยากจะเน้นที่คำว่า "เท่าที่จะทำได้"    มันน่าจะแปลว่าแต่ละคนทำได้ไม่เท่ากัน แต่ทุกคนก็ทำ 100% ของความสามารถที่มี  

ในฐานะคนที่เรียนมาด้านภาษา อยากขอเล่าสิ่งที่อาจารย์ท่านนึงพูดกับเราและเพื่อนๆสมัยเรียนปี 1 ในมหาลัย

ตอนนั้นอาจารย์ถามว่า รูไหม คณะนี้เค้าเรียนอะไรกัน   ทุกคนตอบว่าเรียนภาษา  

อาจารย์บอกว่า ผิด  ถ้าตอบอย่างนั้นตอบเหมือนคนนอกที่มองเข้ามาเห็นเผินๆว่ามีภาควิชาภาษานั้นภาษานี้เต็มไปหมด   ถ้าจะตอบแบบคนในที่รู้จริงๆว่ามีวิชาอะไรให้เรียนบ้าง ต้องบอกว่าคณะนี้เรียน "ความเป็นมนุษย" หรือมนุษยศาสตร์ต่างหาก

อาจารย์บอกว่าที่เค้าสอนเธอเกี่ยวกับคำศัพท์ grammar ของภาษาที่เธอเลือกเป็นวิชาเอกเป็นเพียงให้เครื่องมือในการเรียนแก่เธอเท่านั้น  เราจะไม่ได้เรียน "ภาษา" ไปจนปี 4 หรอก  เรียนการใช้ภาษาจริงๆไม่กี่วิชาเท่านั้น  จากนั้นก็จะเรียนพวกปรัชญา อารยธรรม มุมมองจากวรรณคดี ฯลฯ ซึ่งเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์ ผ่านทางวรรณกรรมและภาษาที่พวกเธอเลือกเป็นวิชาเอก  พวกเธอจะสามารถคุยกันได้ข้ามวิชาเอกและพบว่าพวกเธอเรียนอะไรเหมือนๆกันหมด ได้ความรู้เหมือนๆกันหมด  ต่างกันแค่ว่าได้ความรู้รนั้นผ่านภาษาอะไรและผ่านวัฒนธรรมจากซีกไหนของโลก

อาจารย์บอกอีกว่า  ถ้าพวกเธอคิดว่าอยากเรียนภาษาเฉยๆ  ไปเรียนตามโรงเรียนสอนภาษาก็ได้ ไม่ต้องมาเรียนในมหาลัยหรอก  และถ้าเธอเรียนโดยเน้นภาษาเฉยๆ ไม่มีความรู้อื่นเลย  เธอก็จะ "กลวง"  คือมีคำ มีไวยากรณ์พอที่จะแต่งประโยคพูดออกมา  แต่ไม่มีเนื้อหาที่จะพูด   ให้นึกถึงคนชาติอะไรก้ได้สักคนที่โง่ ไม่มีความรู้รอบตัว ไม่มีตรรกะในความคิด  แต่พูดภาษาของชาติตัวเองได้คล่อง  คนที่รู้แต่ภาษาก็แบบนั้นแหละ

ขอโยงเข้าเรื่องเด็กสองภาษานะคะ  เราไม่ได้ไม่เห็นด้วยกับการสอนให้เด็กพูดสองภาษา  เราเห็นด้วยและคิดว่าถ้าทำได้ก็ควรทำ  แต่เราขอสะกิดเตือนบางคนที่อาจจะหลงลืมไป (เพราะกระแสแรงเหลือเกิน และรับรองว่าจะแรงขึ้นเรื่อยๆ) ว่าการรู้ภาษาเป็นสิ่งดี แต่ไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต  ถ้าคุณไม่สามารถสอนลูกได้ จะด้วยเหตุใดก็ตาม (ทั้งๆที่คุณอยากสอน) คุณไม่ได้เป็นพ่อแม่ที่แย่หรือไม่มีความอดทน   คุณยังสามารถให้สิ่งดีๆแก่ลูกอีกมากมายค่ะ

ภาษาเป็นแค่กุญแจไปสู่สิ่งอื่น  รู้หลายภาษาก็เท่ากับมีกุญแจหลายดอก เปิดได้หลายประตู  ก้นับว่าโชคดีไป  แต่ก็มีนะคะคนที่มีกุญแจหลายดอกแต่ไม่เปิดประตูสักประตู  หรือมี 10 ดอกแต่เปิดแค่แง้มๆของทุกประตู  แน่นอนว่าก็จะสู้คนมีกุญแจดอกเดียวแต่เปิดออกไปเต็มตัวและก้าวไปเรียนรู้ทุกอย่างอย่างเต็มประสิทธิภาพไม่ได้

ถ้าไม่มีความสามารถหรือไม่มีสิ่งแวดล้อมที่จะสอนให้ลูกเป็นเด็กสองภาษาตั้งแต่ทารกได้จริงๆก็ยังสามารถสนับสนุนเค้าให้เรียนภาษาต่างประเทศได้ในอนาคตนะคะ  และที่สำคัญคือกระตุ้นความคิดและการใฝ่รู้เข้าไปเยอะๆ  (สำคัญกว่าตัวภาษาอีก)  

เราเคยมีเพื่อนชาวอเมริกันเรียนในชั้นเรียนเดียวกัน  หนังสือที่ใช้เรียนเป็นภาษาอังกฤษ  ไอ้หมอนี่อ่านเร็วกว่าคนอื่นในห้อง  ไม่ต้องเปิด dictionary (ก็แหงล่ะ)  แต่จะบอกให้ว่าเพื่อนคนไทยต่างหากที่ติวไอ้หมอนี่เรื่องระบบเสียงภาษาอังกฤษตอนสอบ !!!   (นึกถึงคนไทยเรา อ่านไทยได้ พูดไทยชัด แต่ไม่รู้ทฤษฎีระบบเสียงภาษาไทยน่ะค่ะ)   จากตรงนี้คงพอบอกได้ว่าตัวภาษามันเป็นแค่ส่วนนึงเท่านั้นในชีวิต

ขอให้กำลังใจคุณพ่อคุณแม่ในการสอนภาษาลูกๆนะคะ  ถ้าสอนได้สำเร็จก็ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ  แต่ถ้าคนไหนไม่สำเร็จก็อย่าเครียดนะคะ  นึกถึงหน้าคุณพ่อคุณแม่ของเราเอาไว้ค่ะ  ท่านไม่ได้สอนให้เราเป็นเด็กสองภาษากันมา  แต่ท่านเป็นพ่อแม่ที่ดีของพวกเราใช่ไหมคะ

แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 52 23:14:15

แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 52 22:55:51

จากคุณ : big black eyes
เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 52 22:53:33




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com