Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
แปลหนังสือเกี่ยวกับการถนัดซ้ายมาให้อ่านกันค่ะ  

เห็นกระทู้ถามเรื่องการที่ลูกถนัดซ้ายควรจะบังคับให้ถนัดขวาหรือเปล่ามา 2-3 กระทู้แล้ว  เราเลยเอาหนงัสือที่มีมานั่งแปลแบบย่อๆให้อ่านกันในส่วนที่เกี่ยวกับการถนัดซ้ายค่ะ  แล้วก็มีอีกส่วนที่แปลย่อๆมาจาก wikipedia ด้วย

แปลไม่เก่งสำนวนไม่ดีคงไม่ว่ากันนะคะ ไม่ใช่นักแปลอาชีพค่ะ

-----------------------------------

แปลแบบย่อและข้ามๆจากหนังสือ An Introduction of Psycholinguistics เขียนโดย Danny D. Sternberg

ถ้าคุณเป็นคนถนัดซ้าย  คุณคงจะเคยรู้สึกว่าถูกแบ่งแยกจากคนอื่นๆมาแล้วอย่างน้อยก็สักครั้งในชีวิต โต๊ะเรียนในโรงเรียนล้วนได้รับการออกแบบมาสำหรับคนถนัดขวา กรรไกรจะใช้งานได้ดีกว่าถ้าตัดด้วยมือขวา  ในบางวัฒนธรรมคุณถึงกับถูกห้ามมิให้สัมผัสอาหารด้วยมือซ้าย   บางความเชื่อเชื่อว่าพวกปีศาจถนัดซ้าย  คำบางคำเช่น sinister (ชั่วร้าย โชคไม่ดี) และ  gauche (งุ่มง่าม) มาจากรากศัพท์ sinestra ที่หมายถึง "ซ้าย"   คำว่า Dexterity (ถนัดขวา) มีรากมาจากศัพท์ภาษาละตินแปลว่าถูกต้อง (right)   การที่เราทำบางสิ่งอย่างถูกต้อง (right) ในบางครั้งก็หมายถึงว่าเราทำการกระทำนั้นด้วยมือขวา

ธรรมชาติเองก็ดูจะลำเอียงกับคนถนัดซ้ายเหมือนกัน   คนถนัดซ้ายมีแนวโน้มว่าจะประสบกับความบกพร่องด้านต่างๆทางการใช้ภาษาและทางการเรียนมากกว่าคนที่ถนัดขวา  

เป็นที่น่าสนใจว่ามีอัตราส่วนของผู้ที่ถนัดซ้ายตามธรรมชาติที่เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง  และดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนี้ทั่วโลก  ในสหรัฐอเมริกามีการประมาณไว้ว่า 10% ของประชากรเป็นชายถนัดซ้ายและ 4% เป็นหญิงถนัดซ้าย   ผลของฮอร์โมนเพศในสมองตั้งแต่มนุษย์เรายังเป็นตัวอ่อนในครรภ์มารดาอาจจะเป็นสาเหตุของปรากฏการณ์นี้

อย่างไรก็ตามผู้ถนัดซ้ายไม่จำเป็นต้องหมดหวังในชีวิต  เพราะว่าในหมู่ผู้ถนัดซ้ายมีอัตราส่วนของศิลปิน นักดนตรี นักเขียน มากกว่าในหมู่ผู้ถนัดขวา  และถ้าคุณใช้มือทั้งสองข้างได้ดีเท่ากัน คุณก็คือคนจำพวกเดียวกับ เลโอนาโด ดาวินซี แม้ว่าคุณจะไม่ชอบคำว่า ambidextrous (คนที่ถนัดสองมือ) ก็ตาม เพราะคำนี้มาจากภาษาละติน แปลตามตัวอักษรได้ว่าคนมีมือขวาสองมือ !!

การถนัดมือข้างใดข้างหนึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงมาจากโครงสร้างและการพัฒนาของสมอง   cerebral cortex (เนื้อสมองสีเทา) มีอยู่ 2 ซีก  สองซีกนี้เชื่อมต่อกันด้วยเนื้อเยื่อที่เรียกว่า corpus callosum   เนื้อเยื่อนี้ไม่ได้มีหน้าที่แค่เชื่อมเนื้อสมองสองซีกเข้าด้วยกันเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวหลักที่ประสานการทำงานระหว่างสมองทั้งสองด้วย

สมองซีกซ้ายควบคุมร่างกายซีกขวา รวมทั้งมือขวา แขนขวา และใบหน้าซีกขวา ในขณะที่สมองซีกขวาควบคุมร่างกายซีกซ้าย   แม้ว่าสมองจะดูเหมือนแบ่งงานกันทำ  แต่ร่างกายของเราไม่สามารถมีสองนายได้ (the body cannot serve two masters)  ข้างหนึ่งมักจะมีอำนาจการควบคุมที่เหนือกว่า   ปรากฏการณ์ที่สมองข้างหนึ่งเป็นหลักเหนืออีกข้างหนึ่งเรียกว่าการมีอำนาจเหนือ (dominance)

สำหรับคนที่ถนัดขวา สมองซีกซ้ายมักจะมีอำนาจเหนือสมองซีกขวา  ผลก็คือคนผู้นั้นชอบที่จะใช้มือขวามากกว่า    แต่ผิดคาดที่เพียงร้อยละ 40 ของผู้ถนัดซ้ายเท่านั้นที่มีสมองซีกขวาที่มีอำนาจเหนือกว่าซีกซ้าย   ส่วนมากของผู้ถนัดซ้ายก็ยังมีสมองซีกซ้ายที่มีอำนาจเหนือกว่า เพียงแต่ว่าการมีอำนาจเหนือกว่านี้ไม่เด่นชัดมากเท่ากับในกรณีของผูถนัดขวา  การที่ผู้ถนัดซ้ายมักขาดการมีอำนาจที่เหนือกว่าอย่างชัดเจนของสมองซีกใดซีกหนึ่งนี่เองที่เชื่อกันว่าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดปัญหาด้านการพูด การอ่าน และการเขียน เช่นการเขียนตัวอักษรกลับข้าง (การบังคับให้คนที่ถนัดซ้ายตามธรรมชาติให้กลายเป็นคนถนัดขวาไม่ได้ช่วยแก้ปัญหานี้เลย แต่จะทำให้ปัญหารุนแรงขึ้น หรือก่อปัญหาอื่นๆต่อไป)

ในบางงานวิจัยเสนอว่ามีความแตกต่างระหว่างสมองของชายและหญิง  ในการทดลองหนึง Marion Diamond จาก University of California at Berkeley แสดงให้เห็นว่าการฉีดฮอร์โมนเพศเข้าไปในลูกหนูทดลองส่งผลต่อการพัฒนาด้านความหนาและขนาดของซีกใดซีกหนึ่งของสมอง  ในขณะที่หนูตัวเมียมักจะมีสมองซีกซ้ายที่หนากว่า (ทำงานด้านประสาทสัมผัสทั่วไป) และหนูตัวผู้มีสมองซีกขวาหนากว่า (เกี่ยวกับเรื่องการมองเห็นและพื้นที่ -- visual/spatial)  การฉีดฮอร์โมนเข้าไปกลับทำให้สมองของหนูเหล่านั้นเจริญหนากว่าในซีกตรงกันข้ามกับเพศเมื่อพวกมันเติบโตสู่วัยรุ่น  การทดลองที่เกี่ยวข้องกันในมนุษย์ (เด็กอายุ 2-8 ปี)ซึ่งมีระดับฮอร์โมนเพศชายสูงกว่าปกติ เนื่องจากสาเหตุความผิดปรกติทางกรรมพันธุ์ของต่อม ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Psychological Sciences ในปี 1992 ว่า เด็กหญิงที่มีภาวะนี้ (ได้สัมผัสกับฮอร์โมนเพศชายในขณะเป็นตัวอ่อนในครรภ์) เมื่อได้รับของเล่น 2 ชุด แบบที่เด็กทั่วๆไปนิยมแตกต่างกันตามเพศ ปรากฏว่าเด็กหญิงกลุ่มนี้ใช้เวลาเล่นกับของเล่นที่เป็นของเล่นเด็กชายนานกว่าในกรณีของเด็กหญิงที่ไม่ได้สัมผัสกับฮอร์โมนดังกล่าว

สมองได้กำหนดโครงสร้างและหน้าที่ให้กับสมองแต่ละซีกของสมอง  ภาษา ตรรกะ การวิเคราะห์ และคณิตศาสตร์ระดับสูง มักจะทำงานที่สมองซีกซ้าย ในขณะที่สมองซีกขวามักทำงานด้านการรู้จำ (recognizing)  อารมณ์  การจำหน้าตา และการสรุปรวบยอดข้อมูลโดยไม่ผ่านการวิเคราะห์  การแบ่งหน้าที่เช่นนี้เรียกด้วยคำศัพท์เฉพาะทางว่าการถนัดไปข้างหนึ่ง (Lateralization)   ประสบการณ์ที่รับเข้ามาของคนเราจะรับเข้าสู่สมองผ่านทางสมองซีกใดซีกหนึ่งแล้วแต่ธรรมชาติของประสบการณ์นั้นๆว่าเกี่ยวข้องกับอะไร

ที่เกี่ยวข้องกับการถนัดไปข้างหนึ่งอย่างมากก็คือความถนัดของหู (earedness) ซึ่งคนที่ถนัดขวาจะมีการถนัดด้านภาษาที่สมองซีกซ้ายทำให้สามารถรับเสียงพูดด้วยหูขวาได้ดีกว่าหูซ้าย  ในการทดลองที่ให้ผู้รับการทดลองฟังเสียงพูดที่ต่างกันในเวลาเดียวกันด้วยหูคนละข้าง เช่น ได้ยินว่า บา ผ่านหูฟังข้างซ้าย และ ดา ผ่านหูฟังข้างขวา  ผู้รับการทดลองมีแนวโน้มที่จะบอกว่าตนได้ยิน "ดา"  ชัดเจนกว่ามาก  เนื่องจากคำว่า ดา ผ่านเข้าหูขวาและส่งข้อมูลตรงต่อไปยังสมองซีกซ้ายซึ่งประมวลผลด้านภาษา  ในขณะที่คำว่า บา จะต้องเดินทางนานกว่ากว่าที่จะไปถึงสมองซีกซ้าย

สถานการณ์นี้ไม่ได้ใช้ได้กับเสียงทุกเสียง เสียงที่ไม่ใช่ภาษาเช่นเสียงดนตรี เสียงสัตว์ร้องจะรับได้ดีที่หูข้างซ้าย เนื่องจากเสียงเหล่านี้ใช้การประมวลผลที่สมองซีกขวา

ขนาดของสมองสองซีกมักไม่เท่ากัน  ซีกซ้ายมักจะใหญ่กว่า และความแตกต่างนี้จะแสดงให้เห็นได้ตั้งแต่ทารกในครรภ์อายุได้ 31 สัปดาห์  

---------------------------------------
แปล (บางส่วนแบบย่อๆ) จาก wikipedia หัวข้อ left handedness

การถนัดมือใดมือหนึ่งเริ่มมาตั้งแต่เป็นตัวอ่อนในครรภ์ โดยมากจะสังเกตการณ์ได้จากการที่ทารกในครรภ์เลียหรือนำมือใดมือหนึ่งมาไว้ที่ปากบ่อยกว่า

ในปี 2007 นักวิจัยค้นพบยีนที่เกี่ยวข้องกับการถนัดซ้าย

คนที่มือขวาใช้การไม่ได้นานๆ มักจะกลายเป็นคนถนัดซ้าย แม้ว่าหลังจากนั้นมือขวาจะรักษาหายและกลับมาใช้งานได้  คำว่าใช้การไม่ได้เป็นเวลานานนี้หมายถึงมากกว่า 8 เดือนขึ้นไป

การสัมผัสกับฮอร์โมนเพศชายในปริมาณที่สูงก่อนคลอดสามารถนำไปสู่การเป็นคนถนัดซ้าย นี่คือทฤษฎี Geschwind ตั้งชื่อตามนักประสาทวิทยาชื่อ Norman Geschwind.  ทฤษฎีนี้เสนอว่าระดับฮอร์โมนเพศชายต่างๆกันในช่วงตั้งครรภ์มีผลต่อพัฒนาการทางสมองของทารก  เทสโตสเตอโรนจะกดการเจริญของสมองซีกซ้ายและทำให้เส้นใยประสาทย้ายไปเจริญที่สมองซีกขวา  สมองซีกขวาซึ่งพัฒนามากกว่าในกรณีนี้จึงย้ายมาทำหน้าที่ประมวลผลด้านภาษาและมีอำนาจเหนือสมองซีกซ้าย  ทารกในครรภ์มีแนวโน้มจะเป็นคนถนัดซ้ายเนื่องจากสมองซีกขวาควบคุมร่างกายซีกซ้าย

-----------------------------

แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 52 16:48:11

จากคุณ : big black eyes
เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 52 16:20:53




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com