ความคิดเห็นที่ 4 |
หลังจากเจ็ดขวบ อาการนี้จะค่อยๆหายไปเอง ( ถ้าไม่ใช่เพราะการเลี้ยงดูที่ผิด เช่นตามใจหรือเอาใจมากเกินไป )
ช่วงอายุ 1 - 7 ปี เป็นช่วงที่อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ในทางกฎหมายจึงไม่กำหนดบทลงโทษกรณีที่เด็กทำผิด
เด็กเล็ก จะใช้สมองส่วนความรู้สึก (ซีกขวา) มากกว่าสมองส่วนการคิดวิเคราะห์ (ซีกซ้าย) ดังนั้นในวัย 1 -7 ขวบ จะเป็นช่วงที่เหมาะต่อการฝังความรู้สึกดีๆ เข้าไปในจิตใต้สำนึก เช่น ความรัก ความศรัทธา ความมีเมตตา ความห่วงใย ความกล้าหาญ ความพยายาม ความเชื่อมั่นในตัวเอง ฯลฯ เพราะเมื่อเติบโตขึ้นแล้ว การจะปลูกฝังความรู้สึกเช่นนี้ ทำได้ยากมาก ส่วน การคิด การเปรียบเทียบ การจำ การคำนวณ การใช้ภาษา ฯลฯ เป็นเรื่องของสมองซีกซ้าย สามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต
และเมื่อสมองส่วนตรรกะทำงาน เด็กจะเริ่มคุยด้วยเหตุด้วยผลรู้เรื่อง ซึ่งในเด็กหญิงจะทำงานไวกว่าเด็กชาย ประมาณ 1 - 2 ปี ( เด็กหญิงจะพูดรู้เรื่องเร็วกว่าเด็กชาย ) แต่ก็มีจุดอ่อนตรงที่สะพานเส้นประสาท (Corpus callosum) ที่เชื่อมสมองทั้งสองซีก ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึง 4 เท่า ดังนั้นไม่ว่าเติบโตเท่าไหร่ เพศหญิงก็จะมีอารมณ์อ่อนไหว น้อยใจ เสียใจ อิจฉา ฯลฯ ง่ายกว่า เพราะสมองซีกขวาซึ่งทำให้เกิดอารมณ์เหล่านี้จะถูกกระตุ้น จากเส้นประสาทสมองฝั่งซ้าย ( เช่นเวลาฟังเสียงสมองซีกซ้ายจะทำงาน แต่การรับรู้ว่าน้ำเสียงประชด เกิดจากซีกขวา เพศชายจึงไม่ค่อยสะเทือนกับคำพูดประชด เพราะสัญญานประสาทส่งไปซีกขวาน้อยมาก หรือ การเปรียบเทียบเกิดจากสมองซีกซ้าย แต่ความอิจฉาเกิดจากสมองซีกขวา ในขณะที่เพศชายใช้สมองซีกซ้ายเปรียบเทียบ เช่น เพื่อนหล่อกว่า แต่จะไม่เกิดความอิจฉา เพราะสัญญานประสาทส่งผ่านไปสมองขวาน้อย จะยกเว้นในกรณีเพศที่สาม ซึ่งพบว่าสมองมีโครงสร้างคล้ายไปทางเพศหญิง )
^^^จากหนังสือ "ทางลัดสู่อัจฉริยะ"
ถ้ามีลูกสาว พยายามสอนให้ตั้งสติควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้ สอนให้รู้ว่าอารมณ์เหล่านี้เป็นของธรรมดา ทุกคนต้องมี เพียงแต่ใครจะแสดงออกอย่างไรเท่านั้น ให้แกมีสติจับอารมณ์ให้ได้ อย่าไปห้ามหรือกดอารมณ์นั้นไว้ เช่นในทางพุทธบอกว่า ให้มองดูตัวเอง โกรธหนอๆๆๆ อิจฉาหนอๆๆๆๆ แล้วมันจะอยู่ในความควบคุม
จากคุณ |
:
ปัจจตัง
|
เขียนเมื่อ |
:
12 ก.ย. 52 00:31:09
|
|
|
|