Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
---~~~ แวะมาตั้งกระทู้ ประเด็นเรื่อง เด็ก 2 ภาษาค่ะ (อย่าเพิ่งเบื่อนะคะ) ~~~---  

พอดี มีน้องคนไทยคนหนึ่ง เรียนที่มหาวิทยาลัย Stanford (คุณนัท ระแนงไม้รู้จักเธอด้วยนะคะ)
เขียนบล๊อกไว้เรื่องนี้และให้อ่าน น่าสนใจมาก แต่น้องไม่สะดวกจะให้ลิ้งค์ไปค่ะ
เพราะมีเรื่องส่วนตัวด้วย เลยขอน้องเอาแต่เนื้อหามาลงกระทู้เผยแพร่ได้

รู้สึกว่าโดนค่ะ และีมีประโยชน์ด้วย เลยอยากเอามาให้อ่าน

อย่างน้อยก็คงช่วยให้เป็นแนวทางได้บ้างนะคะ

..................

ช่วงนี้เพื่อนมาถามเรื่อง bilingual และการให้ลูกเรียน รร.สองภาษาบ้าง สามภาษาบ้าง
เพราะว่ากระแสนี้ที่เมืองไทยแรงมากมากๆ
ก็นอกจากนัทก็มีคนมาคุยด้วยเรื่อยๆ คงเพราะว่าพ่อเราเก่งภาษา เลยอยากถามความเห็น
พอดีวันนี้เคโกะมาที่บ้าน ก็เลยได้คุยกันเรื่องนี้

เคโกะเนี่ย ถือว่าเป็น bilingual เพราะว่าเกิดที่แคนาดา ย้ายกลับไปเรียนที่ญี่ปุ่นตอนขวบกว่า
จนสิบขวบย้ายกลับมาแคนาดา เคโกะบอกว่า ตอนนั้นแม่เคโกะก็หาข้อมูลว่า อยู่ที่บ้านจะพูดภาษาอะไรดี
อจ.ESL ที่แม่เคโกะไป consult ด้วย ก็บอกว่า อยู่ที่บ้านให้พูดภาษาญี่ปุ่นกับลูก ให้โรงเรียนทำหน้าที่เกี่ยวกับ english ไปเอง ถ้าแม่เคโกะพูดอังกฤษกับลูก คนที่จะได้ประโยชน์ก็คือแม่เคโกะ (ได้ฝึกภาษา) ส่วนเคโกะจะไม่ได้อะไรเลย แม่เคโกะก็เลยพูดภาษาญี่ปุ่น รวมทั้งจ้างครูญี่ปุ่นมาสอนพิเศษให้ด้วยที่บ้าน เพื่อไม่ให้ลืมภาษาญี่ปุ่น ดังนั้น เคโกะจึงถือว่เป็น bilingual เพราะว่า ใช้ภาษาทั้งสองภาษา ระดับดีมาก (คือ ใช้ภาษาราชการได้ดี และใช้งานภาษาสำหรับทำงานได้)โดยมีภาษาญี่ปุ่น dominate  โดยปกติ bilingual คือจะต้องมีภาษาใดภาษาหนึ่ง dominate อยู่แล้ว แต่คนมักเข้าใจว่า สองภาษาดีพอๆกัน ซึ่งไม่ใช่
ถ้าภาษาใดภาษาหนึ่งดี แต่อีกภาษาใช้ระดับราชการไม่ได้ ถือว่าเป็น  monolingual หรือว่าถ้าพูดได้ทั้งสองภาษา แต่ไม่ดีสักภาษา ก็ถือว่า โชคร้าย

เคโกะเองก็ทำงานเป็นอจ.สอนภาษาอังกฤษให้กับคนต่างชาติ คือสอนให้คนญี่ปุ่นที่ย้ายมาแคนาดา สอนให้คนชาติอื่นๆที่ย้ายมาแคนาดา และสอนให้กับเด็กญี่ปุ่นที่ญี่ปุ่น และเป็นนักแปลด้วย เขาก็จบด้าน ESL มาโดยเฉพาะ เราก็เล่าว่า พ่อแม่ไทยเดี๋ยวนี้มีความต้องการให้เด็กเป็นไบลิงกวล และก็ รร. อนุบาลเหล่านี้ก็เปิดกันให้พรึ่บเลย เรารู้สึกว่ามันไม่ดีต่อตัวเด็กเท่าไร อยากถามว่าเคโกะคิดยังไง เพราะเท่าที่เราดู เรารู้สึกว่าพวกเพื่อนๆและน้องๆที่เก่งๆ คือ เขาก็มา expose กับ สิ่งแวดล้อมภาษาอังกฤษเอาตอนโตๆแล้ว ไม่ได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็กๆ แต่ก็เก่งมากๆ และที่เราเรียนมาก็คือ เด็กจะพัฒนา higher thinking order จากการพูดและการใช้ภาษา ดังนั้น ถ้าตอนวัยเด็กใช้ภาษาไม่ดี สมองจะพัฒนา higher order thinking skills ได้ไม่ดี ( higher order thinking เช่น การเข้าใจอะไรที่เป็นนามธรรม เช่น เลข วิทย์)

เคโกะก็บอกว่าใช่แล้ว เพราะว่า เด็กจะต้องพัฒนาภาษาแม่และเข้าใจให้ได้ระดับดีมากๆก่อน ถึงจะเข้าใจเนื้อหาหรือคอนเสปท์นามธรรมได้ภายหลังเมื่อโต เด้กบางคนภาษาแม่จะเริ่มดีมากได้ตอนเก้าขวบ ดีมากคือดีระดับ academic level) บางคนจะได้ตอนสิบสองขวบ แล้วสมองและการรับรู้เรื่องนามธรรมพวกเลขวิทย์จะเริ่มตอนนี้ ซึ่งถ้าภาษาแม่ไม่ดีสมองจะพัฒนาได้ไม่มาก และเมื่อไม่มาก ก็จะมีปัญหาภายหลัง ซึ่งปัญหาพวกนี้ เป็นปัญหาของคนย้ายถิ่น ซึ่งเคโกะวัยเด็กถือว่าเป็นพวกย้ายถิ่นเหมือนกันและมีกลุ่มเสี่ยง แต่โชคดีที่แม่ของเคโกะมองการณ์ไกล ถึงไม่ให้ทิ้งภาษาแม่คือภาษาญี่ปุ่น แต่เด็กย้ายถิ่นคนอื่นๆ หรือเรียกได้ว่า เด็กที่ต้องอยู่ในสถานการณ์สองภาษาแบบเลี่ยงไม่ได้ มันจะมีปัญหาการพัฒนาhigher order thinking skills จึงทำให้เคโกะสนใจเรื่องนี้เลยมาเรียนและทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญ ด้านภาษา และ bilingual education สำหรับเด็กย้ายถิ่น

เคโกะบอกว่า ถ้าเขามีลูก และต้องการให้เป็นเด็กสองภาษา วิธีเลี้ยงแบบอุดมคติคือ สอนภาษาแม่ให้ดีมากๆ จนเข้าใจและใช้ภาษาได้ถูกต้องแล้ว จึงค่อยส่งให้เรียน รร.ภาษาอังกฤษตอนโตขึ้น
ดังนั้น ยิ่งพัฒนาภาษาแม่ให้เด็กได้เร็วที่สุด ยิ่งดี ไม่อย่างนั้น เด็กๆหลายคนจะเรียนไม่ได้สูงด้วยซ้ำ เพราะว่าไม่สามารถคิดได้ การคิดนั้นมีภาษาเป็นพื้น ถ้าไม่มีภาษาใดภาษาหนึ่งดีเลย จะไม่มีอุปกรณ์ในการช่วยคิดเลย

เคโกะบอกอีกว่า ที่ภาษาเรากับภาษาแฟนดี เพราะเชื่อว่า รร.ที่เรียน ได้สอนภาษาแม่ได้ดีมากๆ และสอนภาษาอังกฤษดีด้วย ซึ่งการเรียนภาษา ถ้าภาษาแม่ดี ภาษาอื่นมักจะดี เพราะการเรียนภาษาไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าภาษาแม่ไม่ดี ภาษาอื่นๆก็เรียนไม่ได้ดี เขาบอกว่า ให้ลองสังเกตว่า คนที่ภาษาอังกฤษไม่เก่ง ภาษาไทยมันก็ไม่เก่ง อันนี้ตรงกับที่พ่อเราเคยบอกเหมือนกัน
เราก็บอกเคโกะว่า เคยคิดว่าถ้ามีลูก จะให้เรียน โรงเรียนไทยนี่แหละ แล้วสอนภาษาอังกฤษเองหรือให้เรียนพิเศษอะไรก็ว่าไป เคโกะบอกว่า วิธีก็คือ ให้เรียน รร.ไทย แล้ว ส อา หรือ หลังเลิกเรียน ให้พาไปเข้า playgroup กับเด็กฝรั่ง ให้เด็กเล่นกันเอง ก็จะได้ภาษา

เราก็นึกถึง Ming ที่เป็นคนจีนที่เรียนด้วยกันที่แสตนฟอร์ด แต่สำเนียงและภาษาอังกฤษเขาดีมาก จนเราถามว่า เธอโตที่เมกาหรอ หรือว่าเรียน รร.อินเตอร์ หมิงบอกว่า เปล่า แต่ว่ามีเพื่อนเป็นฝรั่งตอนช่วงม.ต้น ม.ปลาย ก็เลยได้สำเนียงได้อะไรมาเยอะมาก

หลังจากที่เคโกะฟังเราเล่าเรื่อง รร.ที่ฮิตๆเปิดในไทยตอนนี้ ทั้ง รร.สองภาษา สามภาษา ก็บอกว่าน่าเป็นห่วงมากๆเลย เอาไว้เขาอาจจะเขียนบล็อคแล้วให้เราแปลเป็นภาษาไทย เผื่ออย่างน้อยเด็กๆหลายคนอาจจะไม่ต้องเข้ากลุ่มเสี่ยงกรณีปัญหาเดียวกับเด็กย้ายถิ่น ทั้งๆที่ยังอยู่เมืองไทยด้วยซ้ำ

แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 52 10:41:33

จากคุณ : Second impact
เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 10:34:57




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com