Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เล่ามั่งดิ คลอดธรรมชาติกับลูก 2 คนที่แตกต่าง  

ดิฉันมีลูก 2 คนแล้ว คนโตอนาคิน 2 ขวบ 2 เดือน
คนเล็ก อลิชา 9 อาทิตย์  เป็นแม่บ้านเต็มตัว

คนโตนี่จำได้แม่นเลยว่า เที่ยงคืนของวันก่อนคลอดนี่ นอนอยู่แล้วได้ยินเสียงดัง ปั๊วะ! เลยรีบวิ่งไปห้องน้ำ
มีน้ำขุ่นๆ บ่นเมือกเลือดนิดหน่อยไหล จ๊อกก ออกมาเลย
ก็ไม่รู้ว่าคืออะไร ทำไงดี ..โทรหามิดไวพ์ก่อนดีกว่า มิดไวพ์ก็บอกว่า เนี่ยละใกล้แล้ว
ถ้ามีเลือดออกหรือเกิดปวดท้องถี่ๆ ให้โทรหาใหม่แล้วรีบไปโรงพยาบาล พร้อมย้ำว่า ปวดถี่ๆ ค่อยไปนะ
ด้วยความตื่นเต้นกับลูกคนแรก ดิฉันกับสามีหอบผ้าไปนอนห้องรับแขกเลย มันใกล้โรงรถดี มีไรปุบปับลูกไหลจะได้วิ่งขึ้นรถทันที

เจ็บท้องแรกเริ่มตอนประมาณ ตี 5 ครึ่ง
แล้วก็เจ็บทุก 5 นาทีเลย อาการเจ็บท้องเนี่ยนะ.. เป็นอะไรที่ทรมานมาก
เคยอ่านเจอคุณแม่บางท่านบอกว่า
เจ็บท้องคลอดนี่เจ็บจริงแต่เป็นเจ็บที่พอทนได้ แต่สำหรับดิฉัน เจ็บท้องแรกนี่ทนแทบไม่ได้เลยจะตายเสียให้ได้  
คนจะเป็นแม่คนนี่ต้องทรมานอะไรขนาดนี้

อย่างที่ทราบว่าบางประเทศไม่ได้ทำคลอดกับหมอ แต่ทำกับมิดไวพ์ (midwife) เป็นผู้ดูแลตั้งแต่ฝากครรภ์ยันคลอดออกมาเลย
ที่อื่นดิฉันไม่ทราบว่าอย่างไร แต่ที่นี่ ถ้าคอนแทคชั่นยังไม่มาแบบถี่ๆ และไม่มีอะไรผิดปกติ เช่น เลือดออกหรืออะไร อย่าไปโรงพยาบาลให้เสียเวลา
เพราะถ้าไม่มีห้องทำคลอดว่าง เราจะต้องกลับมาเจ็บท้องที่บ้านต่อ

เช้าวันนั้น ตื่นกันทั้งบ้าน ทุกคนไม่รู้จะช่วยยังไง ดิฉันก็เจ็บทีก็ร้องที โอยยยย โอยยย ปวดไปที่กระดูกหลังเลย
จนเวลาประมาณ 10 โมง (ยังรอจน 10 โมงเช้าอะคิดดู) เลยเคลื่อนขบวนไปโรงพยาบาลกัน
ไปถึงโชคดีมากมีห้องคลอดว่าง ได้ห้องเบอร์ 7 (ไม่ต้องถามว่างวดนั้นแทงหวยเลขอะไร)
พอเข้าห้องคลอดไปก็ไปนอนรอมิดไวพ์มา ไม่นานชีก็มา ตรวจมดลูกแล้วก็บอกว่า "เปิดแล้วประมาณ 5 ซม.ต้องรอให้เปิดอีก 5 ซม. นะจ้ะ"
...แล้วชีก็หายไป ทิ้งดิฉันนอนโอดโอยกับสามีที่ช่วยอะไรไม่ได้สักอย่าง
มิดไวพ์เดินเข้าเดินออก กรอกเอกสารบ้าง ดูปากมดลูกบาง คุณกับสามีดิฉันบ้าง คอฟฟี่ไหม ชาไหม ดื่มน้ำไหม พยายามให้กำลังใจ
อดทนหน่อยเดี๋ยวจะได้เป็นคุณแม่แล้ว เอาเครื่องช่วยไหม ไหวไหม
......ถามทำไม ต้องเอาอยู่แล้ว เจ็บขนาดนี้
เจ๊แกก็เข็น ถังแก๊ซมาเลย เป็นแก๊ซให้สูด
เวลาคอนแทคชั่นมาก็สูดทันที มีหน้ากากต่อกับท่อติดกับถังมาพร้อมเลย
พอคอนแทคชั่นมา ดิฉันก็สูดเลย ปื้ด.......ปื้ดดด
คำถามแรกคือ มันต่างกันตรงไหนเนี๊ย แล้วก็ปาไอ้หน้ากากทิ้งเลย
สามีบอกว่า ลองดูอีก ลองดู เธอสูดมันไม่เป็นหรือป่าว แต่ ณ นาทีนั้นมันเป็นอะไรที่ไม่เวิร์คเลยไอ้หน้ากากแก๊ซเนี่ย
แล้วมิดไวพ์ก็บอกว่า ลองเดินดูไหม ดิฉันก็บอกว่าไม่เอา ไม่ไหว

เจ๊บอกว่าต้องให้เดินหรือเคลื่อนไหว เพราะว่า นอนเฉยๆ เด็กจะเคลื่อนตัวไปปากมดลูกช้า กลายเป็นเราเจ็บท้องนานขึ้นไปอีก
ถ้าเดินหรือขยับตัว เบบี้จะเปลี่ยนทิศทาง อาจจะผลุบออกมาง่ายขึ้นเพราะมีการเคลื่อนไหวกระตุ้น

แต่อารมณ์นั้น เดินไม่ไหวจริงๆ เจ๊ก็เลยบอกว่างั้นนอนคว่ำชันเข่า นอนโก่งโค้ง ส่ายก้นดู
เชื่อไหม ดิฉันทำแล้วก็รู้สึกดีขึ้นนิดนึง ใครเห็นท่านั้นต้องขำแน่ เพราะขนาดสามียังขำเลย
แต่ว่าอะไรที่ช่วยให้เรารู้สึกดีได้ ดิฉันก็ทำหมด เพราะปวดมากๆ
ทุกคอนแทคชั่น ดิฉันจะร้องโอดโอยลั่นโรงพยาบาลเลย
ในใจนึกตลอดว่า เขาคงจะใจดี ฉีดบล๊อคหลังให้เรา จะได้ไม่ทรมาน
พอเที่ยงมิดไวพ์ก็มาตรวจอีก บอกว่าเห็นหัวเด็กแล้วนะปากมดลูกเปิดเยอะแล้ว ลองเบ่งไหม
ดิฉันก็พยายามเบ่ง 1 2 3 เบ่ง เท้าก็ถีบสามีข้างนึง ถีบมิดไวพ์ข้างนึง

เบ่งตั้งแต่เที่ยง
ระหว่างนั้นมิดไวพ์ก็ช่วยฉีกปากแผล ช่วยให้กำลังใจ เธอต้องทำได้ พยายามหน่อย จะได้เห็นลูกแล้วนะ ช่วยเบ่งอีกต่างหาก
จนบ่ายสองครึ่ง ไม่มีใครมาถามเลยว่าอยากบล๊อคหลังไหม อะไรไหม
มันยาวนานมาก ตอนนั้นดิฉันเริ่มหมดแรงเบ่ง พลังงานไม่มี anergy ของอาทิตย์นี้ใช้หมดไปกับการเบ่งหมดแล้ว
เริ่มรู้สึกว่าทรมานมาก ๆ (จริงๆ ก็ว่าทรมานมาตั้งแต่ตี 5 แล้วละ) ก็บอกกับสามีว่า หมดแรง กำลังจะตายแล้ว ฉันจะตายแล้ว
มิดไวพ์เห็นท่าไม่ดี เลยวิ่งไปตามหมอใหญ่มา ระหว่างนั้นก็เบ่งต่อ
พอคุณหมอเปิดประตูเข้ามา ก็ดิฉันเบ่งหัวลูกออกมาได้ แล้วเบ่งสุดชีวิต พรวดออกมาทีเดียว
...ร้องกรี๊ดทีเดียว เอาจนเสียงแหบ เจ็บคอ เพื่อนที่นั่งหน้าห้องมันพูดออกมาเลยว่า ชาตินี้กรูไม่อยากมีลูกแล้ว เพราะร้องออกมาน่ากลัวมาก

แปลกที่พอคลอดปั๊บ ความเจ็บท้องกับปวดหลังหายไปหมด
มิดไวพ์ให้สามีตัดสายสะดือลูกแล้วอุ้มลูกมาวางที่หน้าอก ให้ลูกดูดนม
อารมณ์นั้นยัง งงๆ กับความรู้สึกที่เราจะมีชีวิตใหม่มาเป็นส่วนนึงของเรา
ร้องไห้ตอนนั้นไม่ได้ร้องเพราะเห็นลูก แต่ร้องเพราะตกใจที่เบ่งลูกออกมาเมื่อครู่มากกว่า
จากนั้นก็เบ่งรก พรวดออกมาง่ายๆ ไม่เจ็บปวด เพราะไม่มีอาการปวดท้องแล้ว
แล้วมิดไวพ์ก็สาละวนกับการเช็คลูก ฉีดไวตามินเค แล้วก็หันมาเย็บแผลให้
มิดไวพ์ถามว่าจะนอนโรงพยาบาลหรือกลับบ้าน
ดิฉันบอกว่าขอกลับบ้าน พออยู่โรงพยาบาลครบ 4 ชั่วโมงเพื่อเช็คอาการและแผล
ดิฉันก็กลับบ้านทันที เดินไปขึ้นรถด้วย แผลบวมมาก เป็นการเดินที่ช้าที่สุด ดีที่แผลยังชาอยู่ไม่เจ็บเท่าไร

ดิฉันให้กำเนิดเด็กผู้ชาย จ้ำม้ำ ในเวลา 2.39 น. หนัก 3.59 กก.
เป็นลูกชายคนแรก หลังคลอดดิฉันมีแม่สามีมาช่วยดูแล เพราะไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักอย่าง
แม่สามีให้ทำอะไรก็ทำตาม ดื่มน้ำร้อนตลอดเวลา อบตงอบตัว กินสมุนไพรอะไรไม่รู้เรียกน้ำนม
สุดท้าย นมก็ไม่ค่อยมี ทั้งปั้มทั้งดูดแล้วก็นมหายไปในเดือนที่ 4

คลอดครั้งนี้ดิฉันบอบช้ำมาก แผลกว่าจะหายดี ก็เกือบเดือน น้ำคาวปลากว่าจะหมดก็ประมาณเดือนนึง
โทรมมาก เครียดมาก แต่เราก็ผ่านกันมาได้ ตอนนี้ลูกชายดื้อมากเลย อยากจะยัดกลับใส่ท้องคืน

การคลอดครั้งที่สองดิฉันคลอดในน้ำ ไม่รู้จะมีคนอยากอ่านอยู่ไหมเนี่ย ถ้ามีจะมาเล่าอีก

จากคุณ : เพลงz
เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 52 18:43:49




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com