Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ประสบการณ์ผ่าคลอดท้องสอง ที่ 37 วีค กะอีก 5 วัน .....ไม่ได้ตั้งใจไปคลอดจริงๆนะ  

สวัสดีพี่น้องชาวเรือนทุกท่านค่ะ หลังจากฝังตัวในนี้มานานตั้งแต่ท้อง จนคลอดเจ้าเขื่อนไปเรียบร้อย

ได้ความรู้มากมาย ได้ทั้งความอบอุ่น ทั้งเพื่อนๆ พี่ๆ น้อง ในชานเรือน

พุงระเบิดไปเมื่อวันที่ 12/12/2552  
น้องเขื่อน พิกัด น้ำหนัก 2950 ความยาว 52 ซม.  โชคดีที่ไม่ต้องเข้าตู้อบ

เราเป็นว่าที่คุณแม่ ปี 53 กำหนดคลอดอยู่ที่ 4 ม.ค 53 แต่เนื่องจาก เราท้องนี้เป็นท้องที่สอง ท้องแรกเราผ่า

เนื่องจากเจ้าคนโตอยู่เกินกำหนด แล้วไม่กลับตัวอยู่ท่าก้น ท้องสองนี้คุณหมอให้เราผ่าคลอดที่ 38 วีค เราเลยเลือกผ่าวันที่ 24 ธ.ค 52 ไม่ได้ดูฤกษ์อะไรทั้งนั้น เอาความสะดวกเข้าว่า

ดาว ผิดแผนไปเยอะเลย……………

แต่แล้วเหตุการณ์ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ที่วางแผนไว้ เจ้าเขื่อน เลือกวันออกจากพุงเองเลย อนหน้านี้เรามีอาการท้องแข็งประมาณพุงที่ 31 วีค ต้องกินยาอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์  าการก็ดีขึ้นไม่ต้องกินยาต่อ หลังจากนั้นเราก็ไปลันล้า เริงร่า ทั้งไปเที่ยว ไปบ้านที่อุตรดิตถ์ งใช้เวลาเดินทางประมาณ 6-7 ชม.ก็ไม่หวั่น  ไปเที่ยวเมืองกาญ ฯ ไปเที่ยวหัวหิน ไปอัมพวา

จนเมื่อวันพ่อที่ผ่านเรากะว่าขอเที่ยวสั่งลาก่อนไปคลอด   กะว่าไปใกล้ๆบ้าน ไปนอนอัมพวาสัก 2 คืนปรากฏ อาการเริ่มมาเยือน  ท้องแข็งบ้างเล็กน้อย  แต่ก็ยังดั้นด้นไปดูเค๊าจุดพลุจนได้  เช้ามาเท้าบวมจนไม่สามารถเดินไหวเลย  ต้องยกเลิกคืนห้องไป 1 คืน เดินทางกลับบ้าน คุณสามีบอกไม่อยากวัดใจ กลับบ้านเลยดีกว่า


ดาว ปวดเตือนมาแล้ว
จนเมื่อวันที่ 9 เราเริ่มมีอาการปวดท้องเหมือนคนปวดท้องเมนส์ แต่เราคิดว่าปวดพอไหว ทนได้ ชิวๆ เพราะปรกติเราเป็นคนปวดท้องเมนส์มากมายอยู่แล้ว เราปวดอยู่ 2 วัน จนกระทั่งวันศุกร์ที่ 11 ตอนสายๆ ขณะนั่งแชท นั่งเม๊าท์กับบรรดาว่าที่คุณแม่ๆปี 53 เราเริ่มท้องแข็งถี่ขึ้น เราจับเวลาดู บางที 10 นาที บางที 15 นาทีบางที 5 นาที จนเริ่มไม่ได้การณ์แล้ว โทรหาคุณสามีที่ทำงาน ว่าเจ้าเขื่อนไม่ค่อยดิ้น พาไปหาหมอที ความตั้งใจเราคือ เราสงสัยว่าทำไมลูกไม่ดิ้น แต่ปรากฏว่าเหตุการณ์กลับไม่ได้เป็นแบบที่เราคิดไว้ คือหมอตรวจเสร็จ ถ้าไม่มีอะไรก็คงได้กลับบ้าน  U/S ดูการดิ้นของเจ้าตัวเล็ก คงไม่มีอะไร

ดาว งานเข้าอย่างแรง
แต่แล้วงานก็เข้าดังโครม มดลูกเราบีบตัวทุก 5 นาที  โดนตรวจภายในแต่ปากมดลูกยังไม่เปิด  หัวเจ้าตัวเล็กยังลอยอยู่ยังไม่ลงอุ้งเชิงกราน  คุณหมอสั่งยาให้เราทานทุก 10 นาที กินไป 4 ครั้ง มดลูกก็ยังบีบตัวต่อไปทุก 5 นาทีไม่มีความคืบหน้าใดๆ  คุณหมอสั่งฉีดยาให้เรา  บอกว่าน่าจะดีขึ้นหมอขอเลี้ยงให้ครบ 37 วีค คือวันจันทร์ที่จะถึงนี้ เราโดนฉีดยาไป 2 เข็ม ก็เหมือนจะดีขึ้น จาก 5 นาทีเปลี่ยนเป็น 10 -15 นาที แต่แล้ว ช่วงหัวค่ำมันก็กลับมาบีบตัวอีกทุก 5 นาที คราวนี้เราโดนให้ยาทางน้ำเกลือ  40 หยดต่อนาที เรามีอาการใจสั่น ใจเราเต้นแรงมาก ตาลอย ปวดหัว จนไม่สามารถให้น้ำเกลือต่อไปได้


ดาว วันดีเดย์  
หลังจากให้น้ำเกลือต่อไปไม่ได้ คุณหมอตัดสินใจ ผ่าเลยละกันนะครับคุณแม่  ท่าทางคุณลูกใจร้อนจะออกมาให้ได้ เราโดนสั่งดน้ำและอาหารหลังเที่ยงคืน พร้อมผ่าตอนเช้า ปรากฏว่าเช้าคุณหมอที่ทำคลอดอีกเคส เราต้องทนเจ้บไปจนถึง 10 โมงกว่าๆ เราถึงได้ฤกษ์โดนเข็นไปผ่า  ก่อนไปเราคิดตลอดลูกเราตะตัวเล็กไหม ลูกเราต้องอยู่ตู้อบมั๊ย  หรือว่าลูกเรามีอะไรผิดปรกติถึงทำให้อยากออกมาก่อน สารพัดที่จะคิด ช่วงที่นอนอยูในห้องรอคลอด เค๊าไม่ให้ญาติเฝ้าด้วย ทั้งเป็นห่วงเจ้าตัวโต ห่วงเจ้าตัวเล็กในพุง


ดาว เข้าห้องผ่าตัด
10 โมงกว่า เราโดนเข็นไปที่ห้องผ่าตัด   ในห้องผ่าตัด อากาศเย็นทีเดียว  บรรดาคุณพยาบาลในห้องถามชื่อ นามสกุล    เราอีกครั้งถามซ้ำไปซ้ำมา สงสัยทดสอบสติเราม๊างงง ว่าเบลออ๊ะป่าว จนวิสัญญีมาก็ช่วยจับเรานอนตะแคงเพื่อทำการบล๊อกหลัง  อยู่ๆเราก็สั่นขึ้นมา จนต้องหยุดการทำ คุณหมอหันมาถามเราว่ากลัวเหรอ เราบอกว่าไมได้กลัวแต่มันสั่นเอง แอร์เย็นมันหนาว คุณหมอก็เอาผ้ามาห่มให้เรา  แป๊บนึงก็หายแล้วทำการบล็อกต่อไป  คุณหมอขำกันใหญ่

ระหว่างที่ทำการผ่าตัด เรามีสติตลอด ได้ยินเสียงหมอคุยกัน เรื่องเสื้อแดง เสื้อเหลือง ยังนึกในใจเล๊ย มาคุยเรื่องนี้ตอนจะผ่าเนี๊ยะนะ เกิดทะเลาะกันขึ้นมา ซ ว ย เลย ......จนถึงนาทีที่เจ้าตัวเล็กจะออกมา มีพยาบาลขึ้นมากดหน้าอกเรา กดๆ เขย่มๆ จนเราคิดว่าซี่โครงเราจะหักก่อนลูกจะออกมาป่าวนี่  กดจนเราจุกไปหมด จนสักพักคุณหมอบอกว่า คุณแม่น้องจะออกมาแล้วนะครับ แป๊บเดียวเราก็ได้ยินเสียงเจาตัวเล็กร้อง  เรามองหาว่าร้องอยู่ตรงไหน แหงะไป อ้ออยู่บนหัวเราพอดี

ได้ยินเสียงคุณพยาบาลบอก โอ้วท่าทางตัวใหญ่  แบบนี้ได้ยินแล้วค่อยยังชั่วหน่อยอย่างน้อยเราก็ไม่ต้องลุ้นมากว่าลูกเราต้องอยู่ตู้อบหรือเปล่า  พยาบาลบอกไม่มีไขเลย ตัวเกลี้ยงมาก  หลังจากนั่นเราก็เบลอๆ ได้ยินเสียงหมอบอกจะฉีดยานอนหลับแบบอ่อนๆให้เรา หลังจากนั้นเราก็มีความรู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่น ไม่เห็นจะหลับตรงไหนเลย

ดาว นอนราบ 6 ชม.
บนห้องพักฟื้น  ตลอดทางที่ออกจากห้องผ่าตัด จนเข็นมาห้องพักฟื้น เรารูสึกตัวแต่เป็นแบบครึ่งหลับครึ่งตื่น ได้ยินเสียงเจ้าลูกสาวคนโต แต่ตอบเค๊าไม่ได้ มันเหมือนจริงเหมือนฝัน  ได้ยินเสียงพยาบาลบอกให้เรานอนราบไม่หนุนหมอนจนถึง 6 โมงเย็น  แล้วเราก็หลับไป จนมาตื่นประมาณ 5 โมง ตอนนั้นยังมีความรู้สึกตัวลอยๆอยู่ แต่ก็ไม่ได้ปวดแผลมากมายเนื่องจากฤทธิ์ยายังอยู่  พอ 6 โมงไปแล้วเริ่มมีความรูสึกนิดๆ พยาบาลมาฉีดยาแก้ปวดให้เรา บอกเราให้พยายามพลิกซ้าย พลิกขวา หรือ นอนตะแคง ท้องจะได้ไม่อืด เรายังไม่ด้ทำตามซะทีเดียว เราเริ่มพยายามพลิกตัวตอนประมาณ 2 ทุ่ม

พลิกตัวได้ ท้องไม่อืด  อันนี้เรื่องจริงเราพยายามพลิกตัวประมาณ 2 ทุ่ม เพราะตอนนรั้นเริ่มเจ็บแผล มดลูกบีบตัว เจ็บแผลทำหมัน อยากตดตดไม่ออก มันคืออาการท้องอืดนั่นเอง ผสมปนเปไปหมด  ตอนนั้นคุณสามีพยายามจะช่วยเราตะแคง แต่ขอบอกไว้เลย อย่าให้ใครมาช่วยพยุงลุก พยายามลุกด้วยตัวเอง เพราะตัวเราเองจะรู้ว่าจังหวะที่ลุกแล้วเจ็บ มาก หรือเจ็บน้อย แต่มีเทคนิคนิดนึง ตอนลุกให้ตะแคงข้างลุก จะซ้ายหรือขวาแล้วแต่ถนัด ถ้าลุกด้านซ้ายเอาเอาข้อศอกซ้ายยันพื้นไว้แล้วเอามือขวาเหนี่ยวข้างๆเตียง แล้วกลั้นใจลุกขึ้นมานั่ง จะเจ็บแค่จังหวะเดียว พอนั่งได้ก็สบาย   เรานั่งสักพัก พยายามเรอ พยายามตด เพื่อจะได้ลดอาการแน่นท้อง นั่งอยู่ประมาณ ชม. ก็บรรลุเป้าหมาย ตดมาได้นี่อย่างโล่งเลย

ดาว ถอดสายฉี่
วันรุ่งขึ้นวันที่ 13  ประมาณเที่ยงๆ เราก็ได้ถอดสายฉี่ออก  หลังจากถอดสายฉี่ ต้องพยายามฉี่ให้ออกภายใน 4 ชม. มิฉะนั้นจะเกิดอาการตกเลือดได้  อ้อลืมบอกไป เราได้จิบน้ำคร้งแรกพร้อมกับการถอดสายฉี่ออกไป หลังจากอดข้าวอดน้ำมาตั้งแต่เที่ยงคืนวันทื่ 10  อยากกินน้ำมากๆ........ปากแห้งมากมาย หลังจากนั้นเราอัดน้ำเข้าไปเยอะมากเพราะต้องการฉี่ให้ออก  ประมาณ ชม.ที่ 3หลังจากกินน้ำเริ่มปวดฉี่ แต่พอไปนั่งฉี่ต้องขอบอกว่า ต้องบิ๊วอารมณ์สุดๆ ปานประหนึ่งว่าเราเป็นศิลปินเอกที่กำลังแต่งเพลง  กว่าจะฉี่ออกมาได้ ต้องค่อยๆปล่อย ปล่อยแรงก็ไม่ได้เจ็บมดลูกอีก กว่าจะฉี่เสร็จเล่นเอาลุ้นจนเกร็งไปหมด เล่นเอาแหยงการฉี่ครั้งแรกไปเลย

ดาว ก้าวแรก
ลุกเดินครั้งแรก หลังถอดสายฉี่แล้ว คราวนี้มาถึงตอนลุกเดิน ลุกนั่งแล้วรู้จังหวะแล้ว คราวนี้ลุกเดินเรายังจำความรู้สึกครั้งแรกที่ผ่าตอนลุกคนแรกได้ว่ามันสยองขนาดไหน ต้องให้สามีประครองเดินเข้าห้องน้ำ ขาสั่นมากมาย เดินประมาณ 2 เมตร ยังกับ 2 กิโลเมตร  แต่กับคราวนี้ผิดคาดมากมาย  เราลองเอาเท้าเยียบพื้นก่อน อืมมมมม ไม่เท่าไหร่แฮะ พอทนได้แฟนเราจะช่วยประครอง เราบอกว่าอย่าพึ่งขอวัดใจเองก่อน  พอยืนได้ด้วยการเอามือจับพนักเก้าอี้ไว้ก่อน จังหวะแรกที่ยืนได้ขอบอกว่าเจ็บ แต่เจ็บแบบทนได้ พอยืนได้ให้พยายามยืดตัวให้มากที่สุด อย่างอตัวแล้วพยายามเดิน ค่อยๆเดินช้าๆ  มีเทนนิคมาบอกอีกแล้ว ผ้ารัดหน้าท้องหลังผ่าตัดช่วยท่านได้เยอะ ก่อนจะลุกเดินเราใส่ผ้ารัดหน้าท้องพยุงแผลไว้ อย่างน้อยก็ช่วยการกดทับแผลได้เยอะเลยค่ะ หลังจากลุกเดินได้แล้ว ช่วงบ่าย เราก็ขยันเดินมาก เดินไปเดินมากอยู่ในห้องนั่นแร่ะค่ะ ต้องบอกว่าเดินให้ว่อนเลย  แฟนถามว่าทำไมไม่นอนพัก บอกตามตรง เจ็บตรงจะลุกจะนั่งนี่แร่ะ  ขี้เกียจนอน เวลานอนแล้วต้องลุกมาให้นมลูก บ่อยๆ แฟนเลยปรับเตียงให้เป็นกึ่งนั่งกึ่งนอน เวลา ลุกจะได้ง่ายๆ ไม่เจ็บมาก

ดาว น้ำนมไหลแล้ว
นมมาแล้วดีใจสุดๆ   วันที่ 3 หลังจากคลอดลูกแล้วนมเราก็มา ตอนน้ำนมมาบอกตรงๆว่าดีใจสุดๆ เพราะตอนเจ้าคนโต 7 วันหลังผ่าตัด 7 วันน้ำนมถึงมาแล้วแถมมาไม่ถึงเดือนก็ไม่มีแล้ว .....  ขอดีของการคลอด รพ.รัฐก็ดีไปอย่างลูกอยู่กับเราตลอด 24 ชม. เราเลยให้ลูกดูดกระตุ้นทุก 3-4 ชม ลูกตื่นเมื่อไหร่ เราให้ดูดนมกระตุ้นทันที  จนมาประสบความสำเร็จในวันที่ 3 หลังคลอดลูก ก่อนหน้านี้ เรากินน้ำขิง กินน้ำอุ่นจัดๆ กินน้ำเยอะมาก  หวังเต็มที่ว่ายังไงๆก็ขอให้มีน้ำนม  เจ้าตัวเล็กก็ให้ความร่วมมือในการดูดดีมาก เราให้กินนมเราทางขวา เต้านมท้างซ้ายนมก็ไหลหยดเปื้อนเสื้อทีเดียว  นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่น่าพอใจ  

ดาว วันกลับบ้าน
กว่าคุณหมอจะมาตรวจ กว่าจะจัดการเคลียร์ค่าใช้จ่าย  ค่อนข้างช้าเหมือนกัน ก็ต้องเข้าใจว่า รพ.รัฐบาลค่อนข้างงานเยอะ  กว่าเราได้ออกจาก ร.พ บ่าย 3 นั่งรอรถเข็นอยู่นานบ้าน จนเราทนรอไม่ไหว บอกพยาบาลว่าเราไม่รอแล้ว เราขอเดินไปเองดีดว่า ดีว่าแฟนเราเอารถมาจอดหน้าตึก ลงลิฟต์ไป ก็เจอรถพอดี เราก็เดินฉับๆๆ จนพยาบาลแซวว่า ตกลงเราผ่าคลอด หรือ คลอดเองนี่ ไม่เหมืนคนผ่าตัดเลย ........แต่ใจเราน่ะไปถึงบ้านแล้ว เพราะว่าคิดถึงเจ้าลูกสาวคนโต
เพราะว่า 4 โมง รถ รร.จะมาถึงบ้าน เราสัญญากับเขาไว้แล้ว ว่าถ้ากลับจาก รร.จะเห็นเราที่บ้าน เราไม่อยากผิดสัญญากับลูก กลัวลูกคิดมากพอมีน้องไม่สนใจเขา

จากคุณ : สะใภ้เขื่อนดิน
เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 52 15:30:57




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com