ความคิดเห็นที่ 1   ผมเริ่มมีปัญหาเรื่องเงินตั้งแต่ก่อนท้องคนที่ 2 แล้วครับ มันก็ ผ่านมาปีกว่าๆแล้ว ผมคิดมากเรื่องการคลอดลูกคนที่ 2 เนื่องจากภรรยาผมต้องการให้คลอดที่เดียวกับพี่สาวคนโต ซึ่งสำหรับผมตอนนั้นคิดไม่ออกว่าจะเอาเงินมาจากไหน แต่ภรรยาผมก็บอกว่า เค้าจะรับผิดชอบเอง ใช่เค้าสามารถรับผิดชอบได้ แต่บริษัทมันอาจจะอยู่ไม่ได้เพราะขาดสภาพคล่องก็ได้ (เนื่องจากไม่มีเงินช่วยจากภรรยา) หลังคลอดลูก ภรรยาผมลาคลอด 3 เดือนตามกฎหมาย (  ตอนคลอดลูกคนโต แฟนผมไม่ได้ทำงาน เป็นคุณแม่  full time ครับ เพิ่งกลับไปทำงานก่อนท้องคนที่สอง ไม่กี่เดือนเอง)  ปัญหาเรื่องงาน เรื่องเงิน เรื่องคนงาน เรื่องครอบครัว ตอนนี้ผมเป็นคนดูแลลูกๆทั้งสองคนเองครับ มีพี่เลี้ยงช่วยดูแลด้วย ทุกอย่างดูเหมือนน่าจะรับได้  แต่....................................... ผมไม่แน่ใจว่าแฟนผมจะเข้าใจผมแค่ไหน เพราะสายตาที่เรามองกัน มันไม่เหมือนเดิมแล้ว และความคิดที่เรามีต่อกันก็ไม่เหมือนเดิมแล้วเช่นกัน คุณคิดว่าถ้า 1. การอยู่ด้วยกันโดยที่ไม่มีอะไรกัน เป็นเรื่องปกติหรือไม่  ผมทราบว่าเค้าเหนื่อย ผมเองก็เหนื่อยเช่นกัน แต่ผมก็มองว่าเราก็ควรมีเวลาที่จะมีความสุขด้วยกันได้ หลังจากคลอดลูกคนที่สอง ได้ 3 เดือนผมก็ขอมีอะไรกับภรรยา แต่ไม่เป็นผล ผมรับได้ แต่หลังจากนั้น ถ้าเธออยากมีอะไรกับผม เธอก็จะมาจัดการผมครับ (ชอบครับ) แต่ถ้าผมเป็นคนขอ หรือเป็นคนเริ่มก่อน คำตอบคือ ไม่ 100% ตกลงผมเป็นตัวอะไร? 2. ในช่วงที่ผมมีปัญหาธุรกิจ ผมต้องการคนช่วยคิด ผมขอให้ภรรยาผมช่วยคิด แต่สิ่งที่ภรรยาผมตอบกับมาคือการช่วยตัดสินใจว่าจะปรับปรุงยังไง ทำตามแผน A แล้วกัน แต่ที่ผมต้องการไม่ใช่คนตัดสินใจ แต่ต้องการคนช่วยคิด (ช่วยคิดคือ ดูว่ามีข้อมูล แนวทาง หรือวิธีแก้ปัญหา ที่เรามองข้ามไปหรือไม่ แล้วค่อยเอาข้อมูลเหล่านั้นมาดูข้อดี ข้อเสีย และความสามารถของเรา เพื่อที่ใช้ในการตัดสินใจ เพราะผมไม่อยากพลาดอีกแล้ว ) ภรรยาผมก็ไม่เคยเข้าใจอย่างจริงๆ เพราะสุดท้ายเธอจะบอกว่า เอาวิธีนี้ก็แล้วกัน .....จบ   มันทำให้ผมเลิกที่จะปรึกษาปัญหากับภรรยาโดยสิ้นเชิง เพราะดูท่าจะมีทัศนคติที่ไม่เหมือนกัน ( แต่ก่อนภรรยาผมไม่เป็นแบบนี้นะครับ หรือว่าผมไม่รู้ก็ไม่ทราบ) 3. ในช่วงที่ผมโดนโกง......... ตอนที่ผมรู้ ผมร้องไห้ โกรธคนที่โกง คนที่ผมคิดถึงคือภรรยาผม ผมโทรหาเธอและบอกให้ช่วยออกมาหาที่ร้านกาแฟหน่อยผมแย่มากๆ เดี่ยวผมจะออกไปเลย เธอบอกว่าเธอทำงานอยู่ เธอออกไปหาผมไม่ได้หรอก แต่จะหาจังหวะแอบออกไป ได้เมื่อไรไม่รู้  แต่ก่อนหน้านั้น เธอสามารถแอบบริษัทออกไปทำผม ออกไปซื้อของได้ครับ ผมพูดไม่ออก มันแน่นอยู่ในอก หลังจากวันนั้นผมรับไม่ได้ผมต้องการเหตุผลดีๆ ที่ทำให้ผมรู้สึกดีได้ ผมถามภรรยาว่าทำไมถึงไม่ออกมา เธอบอกว่า “ ฉันคิดว่าคุณ จะเข้มแข็งกว่านี้ซะอีก”  ตอนที่ภรรยาผมมีปัญหาคนที่คอยช่วยคิด ช่วยดูแล ก็เป็นผม ส่วนเค้าจะตัดสินใจตามที่ผมวางแผนให้หรือเปล่าก็ไม่เป็นไร (ไม่เคยเป็นไปตามที่วางแผนเลยต้องทำใจครับ) ตอนที่เป็นแฟนกัน เธอป่วยแล้วโทรหาผม ผมออกจากบ้านทันที นั่งรถเมล์  3 ต่อ ระยะทาง 35 km นั่งรถนาน ชั่วโมงครึ่ง เพื่อมาดูแล แต่ตอนที่ผมต้องการภรรยาผม ไม่ว่าตอนไหน เรื่องอะไร “เธอไม่เคยอยู่ตรงนั้น “ คอยให้การปลอบโยน คอยให้กำลังใจ คอยให้ความช่วยเหลือ สิ่งที่เธอให้ได้คือเงิน แต่กำลังใจ ความรู้สึกดีๆ ผมกลับไม่ได้รับจากเธอเลย ณ ตอนนี้ จากคุณ : Dr_cooking (Dr_cooking) เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 14:44:19

ความคิดเห็นที่ 2   ผมจะทำยังไงดีครับ ตอนนี้ผมเห็น แม่ของลูกผม ที่ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม แต่ผมไม่เห็นภรรยาของผมมานานแล้ว เธออาจเป็นอย่างนี้มานานแล้ว แต่ผมไม่ทราบ และไม่ได้เรียกร้องอะไรจากเธอ เพราะผมยังไม่มีปัญหา แต่เมื่อมีปัญหา ผมพบปัญหาใหญ่กว่าตามที่กล่าวมา ผมจะทำยังไงดีครับ ที่จะมอง เธอให้เป็นภรรยาที่แสนดีของผมเหมือนเมื่อก่อน ผมมองไม่เห็นภรรยาของผมเลยจริงๆครับ ไม่ว่าจะคุยกับ มาแล้วเป็น 10 ครั้ง แต่ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะล้มเหลว ได้เท่าที่ให้คือสิ่งที่ผมรู้สึกได้ ส่วนผมตอนนี้ก็เหมือนตายด้านในความรู้สึก ยิ้มได้กับลูกๆ ส่วนกับแฟนผมก็ไม่ค่อยได้คุยกัน ไม่ค่อยมองหน้ากัน  ผมควรทำยังไงดีครับ ที่ผมเขียนมาในนี้เพื่อขอคำแนะนำดีๆ  มุมมองดีๆ  และอยากให้ คุณแม่ที่กำลังมีลูกอยู่ อย่าลืมว่าสามีของคุณก็เป็นมนุษย์ ที่มีหัวใจ มีความรู้สึก มีเจ็บ มีล้มเหลว มีวิตกกังวล และความรู้สึกไม่ดีอีกมากมาย อย่าให้ผู้ชายคนนั้นต้องแก้ปัญหาอยู่คนเดียว ต้องแบกรับอารมณ์ ความคิด ความผิดพลาดอยู่คนเดียว  คุณช่วยดูแลความรู้สึกของสามี ด้วยนะครับ เพื่อส่วนบุญจะส่งมาถึงผมให้ภรรยาผมคิดได้บ้าง จากคุณ : Dr_cooking เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 14:45:01

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่มีความคิดเห็น มีแต่กำลังใจให้ค่ะ ค่อยๆคิด ค่อยๆแก้ปัญหานะคะ ชีวิตคู่ อยู่ด้วยกัน ต้องช่วยกันปรับค่ะ เราเคยพูดกับสามีเราว่า คนดีสำหรับเรา คือคนที่ดีกับเรา คุณจะดีหรือจะเลว กับใครก็แล้วแต่คุณ แต่เข้าบ้านมา อยากให้ ทำตัวดีและเห็นคนในบ้านสำคัญที่สุด ...สำหรับเรา ลูก สามี พ่อแม่ สำคัญที่สุด ทุกวันนี้ วันลาป่วย ลากิจ ก็มีไว้สำหรับ ดูแลคนเหล่านี้แหล่ะ...ตัวเองน่ะช่างมันเถอะ... จากคุณ : แม่ต้นน้ำ (แม่ต้นหอม) เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 15:10:26

ความคิดเห็นที่ 4 ขออนุญาตอวดสามีตัวเองก่อนจะเล่าเรื่องของตัวเองนะคะ สามีไม่ดื่มเหล้า ไม่ดื่มเบียร์ ไม่สูบบุหรี่ ไม่วอกแวกเรื่องผุ้ หญิง ปัจจุบันอายุ 32 ปี อ่อนกว่าดิฉัน 1ปีกว่าๆ  หน้าตาจัดอยู่ในเกณฑ์ดี  มีสาวๆมาจัดให้ถึงที่ด้วยการอ่อยแหก...โชว์ เปิด...ให้ดูในร้าน (เปิดร้านเกมส์กันค่ะ) สาวเจ้าก็เล่นแคมฟอก แต่คุณสามีไม่สนใจของประเภทนี้ค่ะ   แล้วเราก็มีลูกกัน 3 คนแล้ว  ท้อง 3 นี้กำลังท้องได้ 2 เดือนค่ะ ตราบใดที่เค้าเป็นคนดี มีความรับผิดชอบแบบนี้ไปเรื่อยๆ ดิฉันก็ไม่ห่วงที่จะมีลูกกับเค้าตามที่เค้าขอเลย ส่วนเรื่องภรรยาของคุณ  น่าเห็นใจคุณค่ะ แต่ดิฉันคิดว่า คุณเองก็น่าจะเห็นใจภรรยาของคุณเช่นกัน ผู้หญิง เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ต้องรับภาระแทนสามีมากๆ 70% ก็จะบ่น ยืดยาว...และมีอีก 30% ที่เงียบแล้วก็จัดการธุระเหล่านั้นด้วยตัวของเธอเองเพราะไม่รู้จะบ่นสามีไปทำไมให้เครียดกันทั้งสองฝ่าย ภรรยาคุณเป็นคนดีมากนะคะ  แล้วก็เก่งมากด้วย ดิฉันเข้าใจว่า ผู้ชายไม่ต้องการผู้หญิงที่เก่งมากมาย แค่ต้องการภรรยาที่ดี  สามีดิฉันก็บอกดิฉันแบบนั้น แต่เมื่อถึงคราวที่เจอกับวิกฤตแล้วสามีหาทางออกไม่ได้ มีกันแค่ 2 คน ดิฉันก็ต้องลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่อความอยุ่รอดของคนในบ้าน ที่ควรทำ คือให้กำลังใจและคำชมค่ะ  บางครั้งการที่คนเราทำงานหนัก มันก็ทำให้ลืมเรื่องอย่างว่าไปเหมือนกัน  แต่จะกังวลไปใย ตราบใดที่คุณสามีหรือคุณภรรยากลับมานอนที่บ้าน อย่างน้อย ก็ไม่ต้องไปคิดมากว่าเค้าจะมีคนอื่นหรือเค้าจะไม่รักเราซะแล้ว ในเมื่อคุณภรรยาลืมการเอาใจใส่คุณไป จะเป็นไปได้ไหม หากคุณจะเดินเข้าไปเอาใจใส่ภรรยาของคุณแทนเพื่อให้ความสนิทสนมคืนกลับมาดังเดิม ตอนนี้คุณอาจจะยังตั้งตัวไม่ได้ ก็ต้องยอมรับว่าภรรยาของคุณช่วยได้เยอะ สิ่งที่ควรทำคือให้กำลังใจและเอาใจใส่เค้าให้มาก อย่าให้เกิดช่องว่างในใจของคุณสิคะ เมื่อก่อนดิฉันเป็นสาวออฟฟิคแต่ไม่ได้ระดับสูงมากมายแค่ As.Manager เงินเดือน 30K สามีเปิดร้านเกมส์ ดิฉันก็มีความหยิ่งผยองในใจที่ดิฉันอายุแค่นี้ได้เงินมาเท่านี้  แต่หารู้ไม่ว่าร้านของสามีได้เยอะกว่า เวลาพูดคุยกันก็จะพูดตามภาษาระดับคนทำงาน จบปริญญาโท สามีจบตรี เราก็หยิ่งผยองกับเค้า จนกระทั่งวันหนึ่งเค้าถามดิฉันว่า ถ้าเธอจบปริญญาเอก ผมคงโง่เป็นควายในสายตาคุณเลยใช่ไหม มันกระแทกปังเข้ามาในใจ ว่า ดิฉันทำอะไรลงไปทำไมไม่ให้กำลังใจคนที่เรารักเลย เราลืมอะไรไปหรือเปล่า  พอท้อง 2 ดิฉันออกจากงาน  ตอนนี้กลับกัน สามีเอาใจทุกอย่างให้เงินให้  เรามานั่งนึกย้อนไปว่าที่เราตั้งหน้าตั้งตาเย่อหยิ่ง อวดทรนงใส่เค้า มันได้ประโยชน์อะไร  ตอนนี้ฐานะเราเท่ากัน เปิดร้านเกมส์ทั้งคู่ ไม่มีใครฉลาดกว่าใคร บางครั้งดิฉันเองก็ต้องแกล้งโง่เพื่อที่ให้เค้ามีภาวะความเป้นผู้นำ  ดูการตัดสินใจของเค้า ตอนนี้ช่องว่างระหว่างเราเลยไม่มีอีกต่อไปค่ะ เป็นกำลังใจให้คุณทั้งคู่นะคะ จากคุณ : mamapaijing เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 15:14:50

ความคิดเห็นที่ 5 อึม....อ่านแล้วเข้าใจ เห็นใจ นะค่ะ เอาเป็นว่า ให้กำลังใจนะค่ะ..สู้ๆนะค่ะ ลองมองว่า ภรรยา คงมองข้ามคุณไปนิดนึงค่ะ ลองดึงเธอกลับมาดีไหมค่ะ ลองพูดในสิ่งที่คุณต้องการดีไหมค่ะ ********************************************* สำหรับเรา สามีเป็นคนดีมากค่ะ รักลูก รักเมีย รักครอบครัวมากๆ ถ้าไม่ทำงาน เวลาทุกวินาทีก็จะอยู่กับครอบครัวตลอด...เว้นแต่ไปเตะบอล คือ ต้องตกลงกันค่ะ หากใครเริ่มที่จะเปลี่ยนไป หรือมีปัญหา...เราจะต้อง รีบดึงความรู้สึกดีๆ กลับมาให้เร็วที่สุด ไม่งั้นมันอาจจะสายเกินไปได้ค่ะ สู้ๆ..นะค่ะ จากคุณ : kanyapat_prang เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 15:15:22

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่มีความเห็นค่ะ แต่มาเป็นกำลังใจให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีค่ะ สำหรับดิฉัน ก็ถือว่าดีค่ะ รักลูก รักครอบครัว ไม่มีวอกแวกเรื่องหญิง เหล้าไม่กิน เสียอย่างเดียวคือเรื่องบุหรี่ สูบจัดมาก (ออกไปสูบนอกบ้าน) ถ้าวันไหนเป็นวันหยุด จะเห็นสามคนพ่อแม่ลูกจะไปไหนไปกันค่ะ จากคุณ : คนไกลหัวใจเป็นไทย เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 15:34:11

ความคิดเห็นที่ 7 เข้มแข็งไว้ครับเวลาอะไรมันไม่เป็นตามที่เราคาดหวัง สิ่งที่เคยเก็บไว้มันจะค่อยๆออกมา จนบางครั้งเราจะจมอยู่ในความคิดนั้นและทำให้เราเองก้าวไปไหนไม่ได้ ผมว่าสิ่งที่คุณระบายมาทั้งหมดได้เคยบอกเค้าหรือเปล่าว่าคุณรู้สึกยังไง พูดแบบเปิดอกนะครับ ไม่ใช่แบบกำลังขุ่นมัวกันอยู่แล้วเอามาพูดอันนั้นจะยิ่งยาวไปใหญ่ ลองหาบรรยากาศดีๆแล้วคุยกันอย่างจริงจังว่ารู้สึกยังไงบ้าง เพราะจริงๆแล้วผมว่าคุณสองคนก้ยังรักกัน แต่ภาวะหลายอย่างมันกดดันและยิ่งผลักให้ออกห่างกันเรื่อยๆ ลองปรับความเข้าใจกันครับ จากคุณ : ปวยพ้ง เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 15:55:51

ความคิดเห็นที่ 8 อยากให้คุณเข้าใจภรรยาคุณให้มากๆขึ้น เรื่องเหล่านี้จะละเอียดอ่อนมาก ซึ่งที่คุณเล่ามามันเป็นด้านที่คุณมองเห็นเท่านั้น มันคงมีประเด็นที่คุณอาจมองไม่เห็น ที่ผมพอจะมองออกบ้างแต่ก็คงคแค่เดานะครับคือ 1.ความสุขด้วยกันไม่จำเป็นเป็นเป็นเรื่องมีอะไรกันหรือไม่มีครับ ความสุขของครอบครัวคือความอบอุ่น คุณควรจะหาเวลาให้กับครอบครัวให้มากขึ้น มีไปเที่ยวกันทั้งครอบครัวก็ดีนะครับ 2.ภรรยาคุณมีหน้าที่การงานที่ดูจากรายได้ความรับผิดชอบก็คงสูงพอควร ถ้าเขาจะมารับปัญหาคุณเพิ่มเข้าไปเขาอาจเครียดมากทำให้เขาเกิดอาการไม่ยากรับฟังขึ้นมา 3.ทัศนะคติของผู้หญิงก็อยากได้ผู้ชายที่ดูเข้มแข็งและเพิ่งพาได้ แต่คุณเจอปัญหาเขามามากมายและต้องการกำลังใจจากภรรยาตลอด มันอาจทำให้เขารู้สึกว่าคุณไม่เป็นผู้นำลึกๆในใจก็ได้ครับ การมองภาพรวมว่าเป็นคนดีมันไม่พอนะครับ มันต้องมองไปในรายละเอียดครับเพราะเรื่องครอบครัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อนจะบอกว่าชั้นไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่มีเรื่องผู้หญิง แค่นั้นมันไม่พอครับ ต้องดูว่าคุณเอาใจใส่ครอบครัวแค่ไหน คุณดูแลลูกโดยมีพี่เลี้ยง คุณลองคิดดูนะครับว่าคุณได้ดูแลเอาใจใส่ลูกดีพอหรือยัง เพราะไม่ใช่แค่ดูว่าเขากินอาหารครบ มีของเล่น ได้พักผ่อนตรงเวลานะครับ ต้องเอาใจใส่กับลูกเล่นและสอนลูกด้วยครับ เวลาอยู่กับภรรยา คุณมีถามเขาว่าเหนื่อยไหม มีการเอาใจเธอหรือเปล่าครับ หรือว่าพอกลับมาคุณก็อยากให้เธอมาเอาใจคุณมากกว่าครับ ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ จากคุณ : Zam เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 16:01:51

ความคิดเห็นที่ 9   หลักๆ ตอนเช้าผมจะเลี้ยงลูกเองครับ พี่เลี้ยงจะเป็นลูกมือเสียมากกว่า  อาบน้ำ สระผม แปรงฟัน ผมจะทำเองครับ แต่ถ้าติดธุระก็จะให้พี่เลี้ยงทำแทน ส่ง/รับพี่คนโตก็ทำเองครับ ในช่วงเช้า เสร็จก็ประมาณ 9 โมงเช้า แล้วก็สั่งงานลูกน้องต่างๆ ประมาณ 10 โมง ก็จะมาเลี้ยงลูกคนเล็ก ส่วนเรื่องมีอะไรกัน ผมก็ไม่ได้ให้ความสำคัญมากนะครับ ผมมีผู้ช่วยตั้ง 10 คน  แต่ที่ผมแคร์คือ ถ้าผมขอมีอะไรด้วย จะไม่ได้ แต่ถ้าภรรยาผมอยากได้ ก็ต้องได้ (ผมก็เต็มใจ แต่นานๆทีมากกกกกกกกกก)  แล้วผมเป็นตัวอะไรครับ ? ขอบคุณ สำหรับมุมมองดีๆ จริงอย่างที่คุณว่า ผมอาจจมอยู่กับปัญหา และกำลังจะจมปัญหาตาย และก็หวังให้ภรรยาที่มีภาระการงานเยอะแยะ ยื่นมือมาดึงผมขึ้นไป จากปัญหาทางใจ แต่ไม่รู้ว่าจะมีวันนั้นหรือเปล่าครับ ผมจะรอ และเป็นพ่อที่ดี  และถ้าทำได้ ผมจะพยายามทำดีกับเค้าให้มากกว่านี้ แต่อยากบอกทุกคนว่า เงินซี้อความสะบายได้ แต่ซื้อความสุขไม่ได้นะครับ ขอบคุณทุกคำแนะนำมากครับ จากคุณ : Dr_cooking เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 16:19:39

ความคิดเห็นที่ 10   เงินเดือนประมาณภรรยาคุณ เดาว่าอยู่ออฟฟิศคงมีลูกน้องหรือคนที่เธอคอยสั่งได้ เธอหาเงินได้ด้วยตัวเอง ความคิดที่ว่าพึ่งพาสามีจึงไม่มีเท่าไหร่ ที่จริงผู้หญิงทุกคน ไม่ว่าเก่งหรือไม่ ลึกๆก็อยากที่จะรู็สึกว่าผู้ชายของเราเก่งและพึ่งพาได้ เป็นผู้นำครอบครัว ตัดสินใจเองได้เกือบทุกเรื่อง ให้ความสุขทางกายใจอื่นๆได้ โดยที่ผู้ชายไม่ควรแสดงความอ่อนแอหรือเรียกร้องอะไรมากนักจากเธอ ตอบไม่ได้น่ะว่าคุณควรทำยังไง เพราะด้านอื่นๆเราไม่ทราบ ที่จริงอยากให้ภรรยาคุณมาตั้งกระทู็บ้างว่ารู้สึกไงในฐานะภรรยาของคุณ ซึ่งอาจได้อีกแง่มุม ในกรณีนี้คุณรู้กันเองสองคนเรื่องระหว่างคุณเป็นไงมาไง ตอนจีบตอนเริ่มคบกันเป็นยังไง เป็นอย่างนี้นานแล้วหรือมีใครเปลี่ยน และเพราะอะไรบ้าง มันมีหลบายแง่อะค่ะ เรื่อชายหญิงมันละเอียดอ่อนกว่าที่คิดนะคะ จากคุณ : ผ่านมา เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 16:23:13 A:125.24.97.11 X: TicketID:160486

ความคิดเห็นที่ 11   เห็นตัวเองรำไรเลยค่ะ จริงๆวันที่ออกไปหาคุณไม่ได้  ไม่ใช่ไม่อยากไป  แต่คิดว่า  เออ..งานนี่ก็สำคัญ เด่วเราพบกันทีหลัง  แล้วได้คุยกันยาวๆก็ได้   สิ่งที่คุณทุกข์ใช่ว่าเธอจะไม่ทุกข์   สิ่งที่คุณทำดี ใช่ว่าเธอจะไม่รู้   รู้และเข้าใจ แต่เมื่อ  คุณไม่ได้โอ๋  ไม่ได้หวานเหมือนเดิม  จะให้เธอมาหวาน ก็กระไรอยู่  เห็นด้วยค่ะ  กับคุณความเห็นข้างบนทั้งหมด  ลองที่จะพยายามเอาใจดูแลเธอ  แล้วเธอก็จะรู้สึกและปฏิบัติต่อคุณเช่นกัน   การเป็นแม่ที่ดี    ความคิดของผู้หญิง   ก็เหมือนเป็นเมียที่ดี  ซึ่งบางที  คิดไปคิดมา  เหมือนเป็นสิ่งเดียวกัน  เป็นแม่ที่ดีที่สุดเหมือนเป็นเมียที่ดีที่สุด แต่ผู้ชาย  เป็นแม่ที่ดี ต้องมีเซ็กซ์ที่ดีจึงจะเป็นเมียที่ดี      มันต่างกันค่ะ  ฉะนั้น  ไม่มีใครผิด สิ่งที่จะขออนุญาตแนะนำคือ  ฟื้นความสัมพันธ์ของคู่สามีภรรยาอย่างเร็วที่สุดก่อน   เช่น   เลิกให้ลูกน้องกลางบ้าง   นอนแล้วกอดกัน  หอมกันเบาๆ    เมื่อขาดกำลังใจ  ก็นอนจับมือเธอ  เชื่อเถอะ  สิ่งที่อยุ่ในใจคุณจะถ่ายทอดหาเธอได้   อย่าเพิ่งเร่งรัดเซ็กซ์  จนกว่า ใจคุณทั้งสองจะสื่อถึงกัน ไม่ได้รักน้อยลง  เพียงแต่อาจจะหวานน้อยลง  คุณสามารถพาเธอเติมได้ เมื่อหวานแล้ว  มีเซ็กซืได้  ปัญหาการเงินการงาน  ก็ดูเหมือนจะราบรื่นเอง   เอาใจช่วยนะคะ   (ไม่รู้คำแนะนำจะถูกใจมั๊ยเนี่ย) จากคุณ : หญิง (น้องหญิงอนัตตา) เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 16:26:25

ความคิดเห็นที่ 12 ขอพูดในภาพรวมนะ..มุมมองก็คล้ายๆ คห 8 ผมว่า มันก็เป็นทั้ง ญ และ ช ละนะ ไอการ ที่ เข้ากันไม่ได้ดี.. ในบางเวลา เรื่องที่ไม่ต้องการ มันมากไป เรื่องที่ต้องการมันดันน้อยไป..ในบางเคส จะบอกว่าให้เปลี่ยน ไอคนที่เข้ากันดีก็คงดูไม่เข้าที.. เพราะมันใช่ว่าจะแย่ไปหมด ผมก็เคยเป็นนะ บางภาวะที่เราต้องการ แค่ "ความเข้าใจ" "กำลังใจ" เห็นความดีกันบ้าง "ตอบแทนกันตรงนั้นบ้าง" พอไม่ได้ มันก็ น้อยใจ...เสียใจ ผู้ชายก็แอบน้อยใจเป็น แต่... ในเมื่อไม่ได้ ก็กลับไปให้แทนดูสิคุณ คุณออกจะรักภรรยาทำไมจะให้อีกไม่ได้? ในเมื่อเขาไม่เข้าใจเรา ก็ลองไปทำความเข้าใจเขาแทนว่าทำไมเป็นแบบนี้ ลองไปมองเห็นความดีส่วนอื่นๆ ที่เขาทำอยู่ ภูมิใจกับตัวเองที่เขาให้ ความน้อยใจ มันคือจุดแรกที่ควรล้างจากตัวเราเองเสียก่อน เพราะหากเก็บไว้ จากปัญหา 1 มันก็จะไปสอง ก็รังแต่จะยิ่งน้อยใจเสียใจ ไปจนโกรธ.. ปรับมุมมอง รักเขาแบบมีกำลังใจจากตัวเอง ถ้าแค่นี้ก็ท้อ ก็เรียกร้อง แน่แล้วเหรอที่จะพูดว่า รักภรรยามาก หรือที่แท้ ก็ทำดีหวังผลตอบแทน? ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเรียกร้องอะไรบ้างไม่ได้เลย แต่ เรียกร้องแล้วต้องบั่นทอนใจตัวเองหรือ? อย่างที่บอกครับว่าทุกปัญหา บางทีมันก็มีจุดมาจากมุมมองต่างมุม และเราบั่นทอนมันมากขึ้นสั่งสมจนใหญ่ไป ลองค่อยๆ ปรับมองแง่ดีต่อกัน ตราบใดที่ไม่มีบุคคลที่ 3 ค่อยๆ พูดคุยกันไป หวังว่าอะไรๆ มันจะดีได้ขึ้นเอง แต่คิดว่าต้องเริ่มจากตัดจุดด่างเล็กๆ ในใจเราเองก่อนครับ จากคุณ : Untrue เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 16:29:13

ความคิดเห็นที่ 13   ภรรยาคุณเป็นคนเข้มแข็งค่ะ และก็เก่งด้วย ฉะนั้นสิ่งที่เธอคาดหวังจากคุณ คงต้องการเห็นคุณแกร่งและเข้มแข็ง อย่างน้อยก็ต้องพอๆ กับเธอ ความที่เธอเป็นคนแกร่ง จึงไม่ค่อยจำนนต่อความอ่อนแอของคุณ ในขณะที่คุณคาดหวังว่า วันที่คุณอ่อนแอเธอจะเห็นใจบ้าง เท่าที่อ่าน ไม่รู้สึกว่าภรรยาคุณจะมองคุณต่ำต้อยตรงไหน คุณอาจคิดไปเองเพราะเพิ่งล้มเหลวจากธุรกิจ ดิฉันว่าเธอช่วยพยุงคุณมากมายเลยนะ ทั้งเรื่องธุรกิจ เงินทอง ครอบครัว ขาดก็แต่ไม่ได้พยุงจิตใจคุณ เพราะเธอย่อมมองว่าคุณคือสามี เป็นผู้นำครอบครัว ถ้าเป็นดิฉันคงคิดว่า ทำให้มากมายขนาดนี้ ยังต้องมาดูแลจิตใจกันอีกเหรอ คนที่ควรต้องได้รับการดูแลจิตใจน่าจะเป็นเธอมากกว่านะ ส่วนเรื่องคำปรึกษาที่คุณขอจากเธอ อันนี้ขอตำหนิคุณนะคะ ในเมื่อคุณขอความเห็นจากผู้อื่น คุณจะตั้งแง่ว่าความเห็นนั้นจะต้องเป็นไปตามรูปแบบตามอย่างที่คุณต้องการไม่ได้หรอกค่ะ และขอโทษนะคะ สิ่งที่คุณขอความเห็นจากเธอที่ว่าต้องการ "...ข้อมูล แนวทาง หรือวิธีแก้ปัญหา ที่เรามองข้ามไปหรือไม่ แล้วค่อยเอาข้อมูลเหล่านั้นมาดูข้อดี ข้อเสีย และความสามารถของเรา เพื่อที่ใช้ในการตัดสินใจ..." ละเอียดขนาดนั้น เป็นใครก็คงช่วยคิดออกมาเป็นแผนสำเร็จรูปให้แล้วล่ะ แต่คุณก็ดันไม่ต้องการอย่างนั้นอีกเพราะอยากตัดสินใจเอง แหม เอาใจลำบากจัง สรุปก็คือ คุณค่อนข้างพึ่งพาภรรยามากมายหลายเรื่อง ทั้งเรื่องชีวิต เรื่องธุรกิจและจิตใจ ซึ่งเท่าที่อ่านดู ดิฉันว่าภรรยาคุณนี่ super woman แล้วนะคะ ไม่มีบ่นว่าสามี ก้มหน้าก้มตาทำงานและเลี้ยงลูก อาจเบื่อเรื่องเซ็กซ์ไปบ้าง (ถ้าไม่เบื่อก็แปลกแล้ว เหนื่อยขนาดนั้น) เอ่อ... เอาเป็นว่า คุณมีเพชรในมือแล้ว ถนอมไว้ให้ดีๆ แล้วกันนะคะ ขอให้โชคดี จากคุณ : รักลูก เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 16:36:10 A:125.24.202.80 X: TicketID:031966

ความคิดเห็นที่ 14   ผมเองก็มีด้านลบครับ และคิดว่าทุกคนก็คงมีเหมือนกันครับ ส่วนของผมก็มี 1.ชอบความเป็นระเบียบ เวลาใครทำอะไรไม่เรียบร้อย ก็จะบ่นครับ แต่ก็แก้อะไรไม่ได้ซักที เดี่ยวนี้เลยเลิกบ่น ที่บ้านมันรก ( คนเก็บ สู้ คนวางเกะกะไม่ได้ครับ) 2.ผมเป็นคนที่ ถ้าโมโห จะรุนแรง แต่รู้ตัวครับ เวลาโมโหก็เลยจะเงี้ยบ ไม่พูด เพราะพูดแล้วเป็นเรื่องทุกที 3.เอาแต่ใจ ในเรื่องอารมณ์ และความรู้สึก เช่นถึงภรรยาทำให้ แต่ถ้าไม่เต็มใจ ผมก็เสียใจครับ 4.อ่านของคุณผ่านมา ผมน่าจะเป็นผู้ชายที่อ่อนแอนะครับ เพราะผมบอกได้เต็มปากว่า เมื่อผมต้องการ ความรัก การเอาใจใส่ การให้ความสำคัญ ผมจะบอกเธอตลอด แต่เรื่องงานผมจะจริงจังมาก ถ้าไม่โดนโกง ก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอกครับ และก็คงไม่มีปัญหาแบบนี้ (ผมลูกคนเล็ก ภรรยาผม ลูกคนโต ครับ) 5.ถ้าผมไม่ชอบใคร หรือว่าเกลียดใคร เป็นอันว่าเลิกคุย เลิกคบครับ (ส่วนภรรยาผม เป็นกรณียกเว้น แต่คุยกับแบบเปิดอกแล้วก็ไม่รู้เรื่องครับ เหมือนคุยกันคนละภาษา เราต้องการ การดูแลความรู้สึก การเอาใจใส่ เป็นสำคัญอันดับหนึ่ง ไม่ใช้ เงินที่มาแก้ปัญหาธุรกิจของผมครับ (เงินเอาไว้แก้ธุรกิจ ไม่ได้แก้ปัญหาเกี่ยวกับความรู้สึกของผมครับ) ซึ่งผมว่าทุกคนก็เป็นสีเทาเหมือนกันหมด ไม่มีใครขาว ไม่มีใครดำ แต่สิ่งที่ผมสนใจ คือความสัมพันธ์ ความสำคัญ ความมีตัวตน ความรัก การเอาใจใส่ ซึ่งกัีนและกัน อย่างสมดุล และเหมะสม  และผมก็ให้ภรรยาผมอย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้มันก็น้อยลงมากๆแหละครับ เพราะตัวผมก็แย่กับความรู้สึกตัวเอง จนคิดไม่ออกว่าจะเอาสมองส่วนไหนไปสนใจเธอนะครับ  ตอนนี้เหมือนพลังชีวิตมันเหลือน้อยมากๆเลยครับ ยังดีที่มีเจ้าตัวเล็กสองตัว เป็นพลังให้ผมมีกำลังใจที่จะสู้กับปัญหาต่างๆต่อไป ขอบคุณทุกความเห็น และทุกมุมมองครับ ผมจะนำมาคิดและนำไปใช้ให้มากที่สุดครับ จากคุณ : Dr_cooking เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 16:44:01

ความคิดเห็นที่ 15 จากสิ่งที่คุณเล่ามาเป็นสิ่งที่คุณต้องการจากภรรยา ณ ตอนนี้ คือ sex ช่วยแก้ปัญหา ต้องการกำลังใจตอนมีปัญหา เราว่าภรรยาคุณก็ทำหน้าที่ได้ดีแล้ว เรื่องsexถ้าผู้หญิงเหนื่อยมากๆ ไหนจะต้องทำงาน งานบ้าน เลี้ยงลูก เป็นเรา ขอนอนเอาแรงก่อน ซึ่งคุณต้องดูด้วยว่าวันนั้นภรรยาคุณเหนื่อยแค่ไหน เรื่องการแก้ปัญหา เราว่าภรรยาคุณก็ช่วยหาทางแก้ปัญหาในแบบของเค้า ซึ่งอาจจะดูเผด็จการไปหน่อย แต่เค้าก็ช่วยคุณคิดแล้ว คุณแค่ต้องคุยกันมากขึ้นถ้าคุณคิดว่าแบบที่เค้าคิดมันไม่โอเคตรงไหนมากกว่าค่ะ ส่วนเรื่องตอนโดนโกง คุณคิดว่าตอนเป็นแฟนคุณมาหาเค้าได้ ณ ตอนนั้นถ้าคุณทำงานคุณสามารถโดดงานมาดูแลแฟนคุณได้ เพราะคุณรับผิดชอบชีวิตตัวเองคนเดียว แต่ภรรยาคุณรับผิดชอบลูกสอง สามี และกิจการของสามีด้วย การโดดงานเพื่อออกไปหาสามีกลางคันอาจจะดูเป็นภรรยาที่ดี แต่ไม่ใช่พนักงานที่ดี เมื่อกิจการคุณโดนโกงแล้วภรรยาคุณออกมาหาคุณแล้วโดนไล่ออก ลดเงินเดือน คราวนี้ครอบครัวคุณจะทำยังไงค่ะ แม้ว่าภรรยาคุณสามารถหนีงานไปทำผมซื้อของได้ แต่การหนีออกจากที่ทำงานมันไม่ได้สามารถทำได้ทุกวันนะคะ อาจจะเป็นตอนหัวหน้าไม่อยู่ นอกจากนี้ตามที่เราอ่านนะคะ คุณเหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ ไม่ติดการพนัน ไม่เคยยุ่งกับหญิงอื่นๆ แต่ว่าปัจจุบันคุณดูแลภรรยาคุณดีแค่ไหนค่ะ สามีเราช่วยงานบ้าน ช่วยทำกับข้าว ผลัดกันล้างจาน ซื้อขนมมาฝากเสมอ ถามเราเหนื่อยไหม หิวไหม ฯลฯ ค่ะ สำหรับเรา เราเป็นภรรยาที่ไม่ค่อยได้เรื่อง ก่อนหน้านี้เราเป็นคนที่สนใจแต่ตัวเอง ไม่เคยมองดูคนอื่น แต่พอสามีเราดีกับเรามากๆ เราจึงเริ่มหันมาดูแลเค้ามากขึ้นค่ะ เราว่าคุณลองทำดีกับภรรยาคุณก่อนให้เหมือนกับตอนที่เป็นแฟนกัน เพราะภรรยาคุณก็มีภาระมากกมายในการทำงานบ้าน ทำกับข้าว และอื่นมากมาย ไหนจะดูแลลูกอีก ที่สำคัญเธอไม่ได้เป็นแม่บ้านอย่างเดียวต้องออกไปทำงานนอกบ้าน เธอคงจะเหนื่อยเกินไปในการที่จะใส่ใจคุณเหมือนตอนเป็นแฟนกัน ถ้าคุณรักภรรยาคุณเราว่าคุณลองมองในมุมของเธอบ้างค่ะ เราไม่ได้เข้าข้างภรรยาคุณนะคะ แค่อยากให้คุณเข้าใจเธอมากขึ้นแค่นั้นเอง ถ้าเราพิมอะไรที่คุณไม่พอใจก็ต้องขอโทษไว้ล่วงหน้านะคะ แก้ไขเมื่อ 07 ม.ค. 53 16:45:54 จากคุณ : entii เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 16:44:55

ความคิดเห็นที่ 16   ผมไม่ได้เห็น SEX สำคัญครับ   เน้นและย้ำว่า  SEX ไม่สำคัญครับ ซึ่งตอนนี้ก็ไม่มี SEX กันมานานแล้วครับ   "ผมเน้นที่ การให้และรับ " ครับ ภรรยาขอมี SEX กับผม ผมก็ยินดีทุกครั้งครับ แต่ถ้าผมขอ มี SEX กับ ภรรยา คำตอบคือไม่ครับ ( 100%) จนตอนนี้เลิกขอแล้วครับ  ผมแค่อยากจะบอกคุณแม่ทุกคนว่า สามีของคุณไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์เซ็กซ์ ที่อยากจะใ้ช้ ก็ใช้ อยากไม่ใช้ ก็อยู่เฉยๆ ไป จะใช้เมื่อไร จะเรียกเอง "ผมไม่ใช่ อุปกรณ์ในการทำความสุขครับ  มีหัวใจ และเป็น คน " จากคุณ : Dr_cooking เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 16:59:15

ความคิดเห็นที่ 17 ลองหาเวลาไปเที่ยวด้วยกันสองคนบ้างดีไหมคะ  จะได้ปรับความเข้าใจกัน บางครั้งความเครียดและการมุ่งมั่นในการงานมากเกินไป  ก็ทำให้ความหวาน จืดจางไปมากนะคะ   จขกท กับ ภรรยา ควรจะหางานอดิเรกอะไรทำด้วยกัน บ้าง  อย่างเรากับสามี  พอเครียดๆก็มานั่งเล่นเกมส์ด้วยกัน  อย่างน้อยก็มีเรื่องที่คุยกันได้นอกจากเรื่องลูกและงาน  เวลาคุณยิ้มให้ลูก  หอมลูก  ช่วยหอมเลยไปที่ภรรยาด้วยค่ะ  เราเองก็อยากให้สามีทำแบบนี้เหมือนกัน เราไม่รู้ว่า จขกท ขอให้ภรรยาช่วยเหลือเรื่องต่างๆบ่อยแค่ไหน  เราเองก็ลูกคนโต  สามีเป็นลูกคนเดียว  สามีเราปวดหัวตัวร้อนบ่อยๆ พอเป็นแล้วก็ทำเหมือนใกล้ตายทุกที  ถ้าเป็นมากๆหรือนานๆครั้ง  เราก็ดูแลเอาใจใส่  แต่พอเป็นบ่อยมากเข้า  เราเองในฐานะแม่ลูกสาม  เราก็รู้สึกแย่  เหมือนกับว่าเรามีลูกชายอีกคน  แทนที่จะมีที่พึ่ง   ความรู้สึกแบบนี้ อาจเหมือนภรรยาคุณก็ได้ค่ะ     เราขอโทษที่ต้องบอกว่า  คุณเองยังมีความคิดแบบผู้ชายยุคเก่าอยู่บ้าง  ตรงที่ไม่ยอมรับในการตัดสินใจของผู้หญิงในลักษณะผู้นำ  อาจเป็นได้ว่าแม้คุณจะรู้ดีว่าภรรยาทำงานได้เงินเยอะ  เป็นผู้นำ คุณไม่อยากรู้สึกด้อยกว่าภรรยา คุณก็ยังอยากเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายอยู่ดี   ซึ่งจริงๆก็เป็นธรรมดาของผู้ชายทั่วไปน่ะแหละ  ภรรยาคุณเองก็อาจรู้สึกในข้อนี้ด้วยว่า  เธอเป็นผู้นำนอกบ้าน  ในบ้านเธอก็ช่วยเหลือ  แต่คุณยังไม่ยอมรับเธออย่างแท้จริง ความคิดที่ขัดแย้งนี้  (ซึ่งคุณอาจจะพยายามไม่รับรู้) เป็นตัวบั่นทอนความรู้สึกดีๆต่อกันมากทีเดียว   ความเห็นของเราอาจไม่ถูกใจคุณ  แต่เป็นความรู้สึกจริงๆที่เรากับสามีเคยเป็นและพยายามจูนกลับมาให้ตรงกัน  เพราะเราเคยอยู่ในภาวะใกล้เคียงกับคุณค่ะ  พยายามมองทุกอย่างให้เป็นแง่บวก  คุณจะมองเห็นคนอื่นในแง่ใหม่ๆค่ะ จากคุณ : Kiwi&Me เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 17:08:36

ความคิดเห็นที่ 18 คุยเลยค่ะ ก่อนที่มันจะร้าวมากไปกว่านี้ หรือถ้าไม่กล้าคุยหรือยังเริ่มปะติดปะต่อกันไม่ได้ ใช้มุขดิฉันไหมคะ  เคยทะเลาะกันครั้งนึง  แล้วก็ทิ้งช่วงมาเกือบอาทิตย์ ด้วยความหยิ่งและอีโก้สูง สุดท้ายดิฉันก็ได้ความเห็นจากเพื่อนๆในกระทู้ให้เริ่มคุยกับสามี นานเกินไปไม่ใช่เรื่องที่ดี ซึ่งเค้าก็จะคิดว่าเราไม่สนใจเค้าแล้ว ดิฉันไม่กล้า  แต่เปิดกระทู้ที่ดิฉันตั้งไว้ ทิ้งไว้ที่หน้าจอ  ที่อารัมภบทถึงความน้อยใจและความไม่เข้าใจกัน รวมทั้งความคิดเห็นที่เพื่อนๆแสดงออกมา จงใจไม่ย่อไม่พับ แล้วแกล้งหลับ   เช้ามาได้กระดาษคำตอบแผ่นหนึ่งเขียนเอาไว้ว่า  เย็นนี้ไปทานข้าวด้วยกันนะ....ดิฉันยิ้มออกเลยค่ะ นั่นเป็นสัญญาณที่ดีที่เกิดขึ้นแล้วในเช้าวันนั้น จากคุณ : mamapaijing เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 17:09:46

ความคิดเห็นที่ 19 โหย อ่านแล้วโดนใจค่ะ สามีเป็นของเราเป็นคนดีค่ะ เป็นคนทำงาน ไม่กินเหล้า สูบบุหรี่ และเที่ยวค่ะ หญิงใดไม่สนนอกจากภรรยาค่ะ แล้วเมื่อเช้าเพิ่งพูดกับสามีไปหยกๆ (ประมาณที่คุณบอกว่า ตอนนี้ผมไม่เห็นภรรยาผมแล้ว) เราบอกสามีเราว่า ถ้ามีพี่... คนเมื่อ 3 ปีที่แล้วกับคนนี้ พี่...คนเดิมของเราไม่ใช่คนนี้ ไม่ใช่ที่เป็นอยู่อย่างนี้ เหตุผลคือ เค้าได้เลื่อนตำแหน่ง สูงขึ้นๆ เราเท่าเดิม แต่เราพอใจ พฤติกรรม การพูด การแสดงออกทุกอย่างของเค้าเปลี่ยนไปจากเดิมที่เรารู้จัก บางที นั่งกินข้าวกันอยู่ เราแทบไม่ได้พูดอะไรกัน (ปกติเราจะคุยเรื่องบ้าบอ พี่น้อง เหตุบ้านการเมือง เรื่องงาน และอื่นๆ) แต่ตอนนี้เค้ากลับพูดแต่เรื่อง ดูแลลูกน้อง ความสามารถของเค้า ส่วนใหญ่คือ เรื่องของตัวเอง ไม่สนใจเราอีกแล้ว เราก็นอยอะค่ะ แต่ว่า ตอนนี้เราพยายามอดทนอยู่ค่ะ ยังไม่รู้จะทำงัยเหมือนกันค่ะ แต่ดีค่ะ ที่มีคนคล้ายๆ เรา (ลืมค่ะ ตอนนี้เราก็ท้องนะคะ จะ 6 เดือนแล้วค่ะ) ท้องแรก จากคุณ : ลูกองุ่น-ลูกองุ่น เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 17:18:47

ความคิดเห็นที่ 20 ถ้าตอบตามที่กระทู้ตั้งมาก็จะตอบว่า สามีเราเป็นคนดีคะ ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เจ้าชู้ ช่วยเลี้ยงลูกทุกอย่าง อันนี้เราว่าก็น่าจะโอเค แล้วคะ ไอ้เล็ก ๆ น้อย ๆ เราไม่ค่อยคิด เรื่องเงินถ้าเค๊าจะหาได้มากกว่าเรา หรือน้อยกว่าเรา ก็ไม่เป็นไร ดูที่ความตั้งใจดีกว่าคะ เอาละมาเรื่องของ จขกท.บ้าง ภรรยาคุณทั้งเก่ง ทั้งดีคะ เรา cf ด้วยความเป็นผู้หญิงด้วยกัน ในบางช่วงผู้หญิงที่ต้องแบกรับภาระหลาย ๆ อย่าง ก็น่าเห็นใจนะคะ ไม่ใช่ว่าเค๊าไม่ใส่ใจคุณนะคะ แต่เค๊าอาจจะไม่คิดว่าคุณจะน้อยใจ เราว่าอย่าคิดมากเลยนะคะ มันยังมีปัญหาอะไรอีกหลายอย่าง ที่จะผ่านเข้ามาในชีวิตมากกว่านี้ ลองคุยกับภรรยาคุณดูนะคะ เพราะคุณเองก็เป็นคนดีกันทั้งคู่ และยังมีลูกด้วยกันอีกตั้ง 2 คน ลองค่อย ๆ คุยกันดูคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : เซนจัง เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 18:11:21

ความคิดเห็นที่ 21 บางครั้งคุณลืมไปรึเปล่าคะ ว่าการมีตำแหน่งงานที่สูง มันก็มีปัญหามากมายมากดดัน พอกลับบ้านมาต้องคอยมาแก้ปัญหา + ดูแลคุณอีก  ขอโทษค่ะ "จะมีสามีไปทำไม" จากคุณ : MOjiLOve เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 20:14:41

ความคิดเห็นที่ 22 มยกคิดว่าคุณกำลังรู้สึกโดดเดี่ยว ทั้งๆที่มีภรรยาอยู่ข้างกาย มีแต่กายแต่สัมผัสที่ใจไม่ได้ มยกเข้าใจค่ะ คนเราเมื่อท้อต่อให้แกร่งแค่ไหนในใจลึกๆแล้วก็ย่อมต้องการคนปลอบประโลม มันทำให้มีกำลังใจที่จะต่อสู้ คำพูดที่ให้กำลังใจเพียงไม่กี่คำจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นอย่างประหลาด คุณกำลังรู้สึกว่าคุณกับภรรยาห่างกันเหลือเกิน ภรรยาที่คุณเคยมีกำลังเลือนหายไป คุณรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่าลงในสายตาของภรรยาคุณ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แม้กระทั่งความสัมพันธ์ทางกายก็รู้สึกว่า คุณต้องเป็นฝ่ายรองรับภรรยาแต่ในขณะเดียวกันเมื่อคุณต้องการบ้าง ภรรยาก็ไม่ใส่ใจหรือนึกถึงความสำคัญของคุณบ้างเลย มยกอาจจะเข้าใจไม่ถูกก็ได้นะคะ คิดๆเอาตามที่คุณเล่ามาเท่านั้นน่ะค่ะ ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่องมองไปคนละอย่าง ลองเขียนใส่กระดาษวางไว้ ให้เค้าอ่านดีมั๊ยคะ คนเราถ้าไม่ยอมที่จะคุยกัน มันก็ไม่มีวันเข้าใจกัน หรือบางครั้งการคุยกันก็ทำให้มีอารมณ์หงุดหงิดขึ้นมากันอีก  วิธีที่ดีที่สุดก็น่าจะให้เวลาอีกฝ่ายได้รับทราบโดยที่ไม่มีใครอยู่ด้วย ให้เค้าได้อ่านแล้วใช้สมาธิ ได้มีเวลาคิด ถ้าคุยกันบางครั้งยังอธิบายไม่ทันจบอีกคนก็แทรกขึ้นมาก็คุยกันไม่เข้าใจกันซักครั้ง หรือเขียนบอกสั้นๆก็ได้ค่ะ บอกความในใจคุณว่าคุณต้องการอะไร  ชีวิตคู่ก็เป็นเเบบนี้เเหละค่ะ บางครั้งมันก็ไม่มีอะไรเพอร์เฟคไปหมด คิดในแง่ดีนะคะ ยังดีที่ภรรยายังอยู่เคียงข้างให้เราได้พบหน้า ดีกว่าตายจากเราไป ยังดีที่ภรรยามีเราเพียงคนเดียวดีกว่าเค้าไปมีคนอื่น  ยังดีที่ภรรยาเรามุมานะทำงานดูเเลครอบครัวได้ ดีกว่าถ้าเราล้มทั้งคู่ลูกเราจะลำบาก  ยังดีที่เรายังมีคนที่เรารักอยู่บนโลกใบนี้   ค่อยๆปรับนะคะ ขอให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีค่ะ จากคุณ : แม่อยู่ไกล (แม่อยู่ไกล) เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 20:57:51

ความคิดเห็นที่ 23   รบกวน คุณแม่หลายๆคนที่ตอบด้านบน ผมเองก็อยากทราบเหมือนกันว่า ในมุมมองของภรรยา เค้ามองสามีว่าต้องเป็นอย่างไรกันครับ ถ้าในมุมมองผม ทั้ง สามี และภรรยา เป็นคนเหมือนกันครับ มีดี และ ไม่ดี ปนกัน แต่เมื่อเป็น สามี-ภรรยากันแล้ว จะต้องมีสายสัมพันธ์ ที่ให้แล้วรับ อย่างสมดุล และเหมาะสม ทั้งสถานที และ เวลา รักกัน ดูแลกัน เข้าใจกัน มองปัญหาร่วมกัน แก้ปัญหาร่วมกัน ใช้ชีวิตร่วมกัน มีสุขร่วมกัน มีทุกข์ด้วยกัน จนด้วยกัน ส่วนคุณสมบัติ การหาเงิน การทำงาน การทำความสะอาดบ้าน การดูแลลูก ใครจะทำมากกว่า หรือน้อยกว่า ไม่สำคัญครับ เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับตามความเป็นจริง ตามความสามารถของแต่ละคน มากน้อยต่างกันไปครับ ผมไม่เคยมองปัญหาของภรรยา เป็นปัญหาของเค้าคนเดียว ภรรยาผมก่อนหน้านี้ก็มีปัญหาที่ทำงานบ่อยครับ ผมจะช่วยคิด เสนอแนะ ส่วนการตัดสินใจผมจะให้เค้าเป็นคนตัดสินใจเอง ถ้าเวลาเหนื่อย อีกฝ่ายต้องช่วย ถ้าเวลาล้มอีกฝ่ายต้องประคอง (ก่อนโดนโกง ผมก็ให้เงินภรรยาใช้ทุกเดือนครับ และรายได้ปกติของผมก็มากกว่าภรรยาด้วย ผมไม่ได้แคร์เรื่องว่าใครหาเงินได้มากกว่ากัน เพราะมันก็เป็นเงินที่เราหาให้ลูกๆของเราครับ) คำว่าครอบครัว คือการครอบคนสองคนให้อยู่ด้วยกันตลอดไปครับ ถ้าอีกฝ่ายล้ม แล้วอีกคนไม่คิดประคอง แล้วการครอบคนสองคนนี้ไว้จะมีประโยชน์อะไรครับ ในความคิดผม ภรรยา = สามี   และ   สามี  = ภรรยาครับ  รู้สึกเหมือนกัน อยากได้เหมือนกัน ต้องการเหมือนกัน เพราะทุกคนยังเป็น มนุษย์ธรรดาๆ ครับ ขอบคุณทุกความเห็น และน้อมรับทุกความเห็นครับ จากคุณ : Dr_cooking เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 21:06:44

ความคิดเห็นที่ 24 ออกตัวก่อนนะ ผมก็เห็นอกเห็นใจเจ้าของกระทู้นะ แต่ผมไม่เข้าข้าง ผมวิเคราะห์ตามที่อ่าน แล้วก็ขอแสดงความคิดเห็นตามสไตล์ผม ถ้าโกรธก็ขออภัยด้วย .................................. "ผมแต่งงานมา 6-7 ปี แล้วครับ เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ ไม่ติดการพนัน ไม่เคยยุ่งกับหญิงอื่นๆ( ภรรยาผมเป็นคนแรก และก็จะเป็นคนสุดท้ายครับ )" --->> ดีแล้วครับและอยากให้รักษาความดีเหล่านี้ไว้ครับ และผมว่า ภรรยาคุณก็เป็นคนดีเช่นกัน เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ ไม่ติดการพนัน ไม่เคยยุ่งกับชายอื่นๆ( คุณเป็นคนแรก และก็จะเป็นคนสุดท้ายครับ ) โอเค ประเด็นนี้ คนทำดี เจอ คนทำดี ก็ดีแล้วนี่ครับ โอเคนะ อย่าน้อยใจเรื่องการทำความดี รักษาสิ่งดีๆไว้ครับ ................... "ภรรยาทำงานบริษัทเงินเดือนสูง เกือบ 100K แต่ตอนนี้ธุรกิจของผมมันก็เริ่มแย่ จนต้องให้ภรรยานำเงินมาช่วยเดือนๆ ก็ หลายหมื่นบาท (เนื่องจากค่าใช้จ่ายในบ้าน + ที่โรงงาน ก่อนหน้านี้ผมรับผิดชอบดูแลเอง) " --->> เอ่อ ประเด็นนี้ อยากให้แยกแยะ เรื่องค่าใช้จ่ายในบ้าน กับที่โรงงานออกจากกันครับ อย่าคิดมากเรื่องภาระค่าใช้จ่ายในบ้านว่าเราต้องออกคนเดียวครับ ถ้าเรามีเราก็ออก แต่ถ้าเราไม่มี ภรรยาออกค่าใช้จ่ายในบ้าน ก็น่าจะโอเคอยู่นะครับ เพราะจะว่าไป หลายปีก่อน คุณออกคนเดียวทั้งหมดตรงส่่วนนี้            ที่ให้แยกตรงเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านกับที่โรงงานออกจากกันเพราะ คุณจะได้รู้ว่า จริงๆแล้ว ในส่วนของโรงงาน เป็นอย่างไร ขาดทุนเท่าไร ไหวไหม ควรทำอย่างไรต่อ อะไรประมาณนี้  ตัดค่าใช้จ่ายส่วนไหนออกได้บ้าง หรือควรจะมีการทำตลาดอย่างไร ฯลฯ ...................... "แต่เรื่องงานผมจะจริงจังมาก ถ้าไม่โดนโกง ก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอกครับ และก็คงไม่มีปัญหาแบบนี้" ---->> ตอนนี้สิ่งที่ควรทำคือ ต้องยอมรับว่าโดนไปแล้ว ต้องมาคิดว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ผมก็เพิ่งโดนโกงไป 3 หมื่น(ไม่น้อยสำหรับคนเงินเดือน 2 หมื่นกว่าบาทอย่างผม) เลิกคิดได้แล้ว ว่าทำไมเขาโกง หรือ จะเอาคืนอย่างไร  ผมก็ยอมรับความจริง แล้วลองตัดประเด็นได้คืนออก แล้วลองนั่งพิจารณาปัญหาที่หลงเหลืออยู่ว่ามีอะไร  ต้องยอมรับว่าเราล้มแล้ว คราวก่อนตอนผมมีหนี้บัตรเครดิต ผมก็จัดการไม่ออก จนกระทั่ง ผมยอมรับความจริงว่าผมมีหนี้สินแล้ว และผมจะเคลียร์อย่างไร ผมมีหนี้บัตรเครดิตเป็นแสน  พอหลังจากตื่นจากภาพลวงตาแล้ว ผมก็นั่งคิดว่าวันๆนึงผมใช้อะไรบ้าง ลดอะไรได้บ้าง แล้วจ่ายคืนได้เท่าไร ผมขายรถยนต์ไปคัน มอเตอร์ไซค์ไปคัน มาโปะ และหากู้เงินที่ดอกเบี้ยถูกกว่ามาโปะหนี้บัตรเครดิต ตอนนั้นเงินเดือน ประมาณ 15000 บาท ผมก็ผ่อนจ่ายจนหมดใน 3 ปี ซึ่งถ้าผมยังยอมรับความจริงไม่ได้ ก็คงเคลียร์ไม่ออก      ส่วนของคุณก็ต้องพิจารณาแล้วว่าธุรกิจของคุณมีปัญหา ต้องลดคนงานลงหรือไม่ ต้องขายเครื่องมือหรืออุปกรณ์ออกไปไหม หรือหยุดกิจการไปเลยแล้วค่อยเริ่มทำอย่างอื่นแทน ผมไม่รู้ว่าปัญหาของคุณหนักหนาขนาดไหน แต่ยังไง สุดท้ายแล้วต้องยอมรับความจริงให้ได้ว่า ภาวะปัจจุบันคุณเป็นอย่างไร แล้วจะแก้อย่างไร บางทีต้องยอมเสียแขนขา เพื่อรักษาอวัยวะ ................. "แต่ที่ผมแคร์คือ ถ้าผมขอมีอะไรด้วย จะไม่ได้ แต่ถ้าภรรยาผมอยากได้ ก็ต้องได้ (ผมก็เต็มใจ แต่นานๆทีมากกกกกกกกกก)" "ผมแค่อยากจะบอกคุณแม่ทุกคนว่า สามีของคุณไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์เซ็กซ์ ที่อยากจะใ้ช้ ก็ใช้ อยากไม่ใช้ ก็อยู่เฉยๆ ไป จะใช้เมื่อไร จะเรียกเอง "ผมไม่ใช่ อุปกรณ์ในการทำความสุขครับ  มีหัวใจ และเป็น คน " " --->>> บางวันคุณพร้อม เขาไม่พร้อมหรือเปล่า แฟนคุณก็ไม่ใช่ อุปกรณ์ในการทำความสุขเหมือนกันนะ พอวันไหนแฟนคุรพร้อมเขาก็ชวนคุณมีความสุขร่วมกันนี่นา เอาน่าอย่าคิดมาก ถ้าแฟนคุณมีอารมณ์ แล้วให้คุณเป็นที่ระบายอารมณ์ ก็ดีแล้วนี่ครับ ถ้าให้เขาหาคนอื่นมาช่วยระบายเลย แต่วิธีสะกิดภรรยาขอมีอะไรด้วยเนี่ย ผมว่าลูกคนที่สองของคุณยังเล็ก น่าจะงอแงบ่อย อาจทำให้ภรรยาคุณไม่ค่อยมีอารมณ์อยากเท่าไร + เหนื่อยจากการทำงานด้วย ............... ประเด็น  ขอความคิดเห็น แล้วไม่ได้ กับประเด็นที่อยากให้มาเจอหน้าแต่ออกมาไม่ได้ เรื่องผ่านมาแล้ว ก็อย่าไปคิดถึงมันอีกครับ ต้องนึกแต่สิ่งที่ดีๆของอีกฝ่ายครับ อย่าน้อยใจเลย เรื่องมันผ่านๆไปแล้ว ความดีข้ออื่นๆของแฟนคุณก็มีอยู่เยอะครับ ....................... ตอนนี้ปัญหาอีกเรื่องที่ควรแก้ไขคือ ทำไมถึงไม่ Sweet กันเหมือนเก่า เรื่องพวกนี้ก็ต้องมีทั้งผู้ให้และผู้รับ ก็ลองซื้อดอกไม้ให้แฟนคุณบ้าง ส่ง sms ไปแซวให้อารมณ์ดีบ้าง คือทำในสิ่งที่ตอนคุณจีบเขาน่ะ ลองทำดูครับ เขากลับมาจากการทำงานก็ถามว่าเหนื่อยไหม นวดไหล่ให้บ้าง นวดขาบ้าง แกล้งจักกะจี๋บ้างก็ได้ครับ ต้อนรับกลับบ้านด้วยรอยยิ้ม แยกแยะเวลาการทำงานกับเวลาของครอบครัวนะครับ คุณอาจมีปัญหาการทำงาน แต่พอภรรยากลับมาแล้วก็อย่าไปตอบรับด้วย สีหน้าบูดบึ้งเนื่องจากปัญหาการทำงานของคุณ ให้ถามไถ่ว่าเหนื่อยไหม หิวหรือยัง กินน้ำไหม  ยังไงเขาก็ไม่เป็นผู้รับอยู่ฝ่ายเดียวหรอกครับ   ต้องมีสะท้อนกลับมาให้คุณชื่นใจน่ะครับ ถ้ารอรับทั้ง 2 ฝ่ายก็จะไม่มีอะไรดีขึ้น แต่ถ้าคุณให้ในสิ่งที่ไม่ได้ให้มานานแล้ว สักพักเขาก็จะกลับมาให้ในสิ่งที่เขาไม่ได้ให้คุณมานานแล้วเช่นกัน ถ้าจะให้ตื่นเต้น ก็ลองคิดว่าคุณกำลังจีบสาวคนนี้อยู่สิครับ ผมว่าน่าจะทำให้ชีวิตคู่ของคุณกลับมาคึกคักเหมือนเดิมได้ครับ จากคุณ : Kokuril เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 21:26:56

ความคิดเห็นที่ 25 อ่านยังไม่หมดทุกความคิดเห็นเลยค่ะ แต่อยากถามเจ้าของกระทู้ "คุณกำลังคุยอยู่กับใครที่ถูกใจหรือป่าวคะ" ขอโทษที่ถามแบบนี้ เพราะเท่าที่อ่านแล้วคุณเหมือนคุณสามีมาก ๆ แต่คุณสามีจะเห็นข้อเสียของเราตอนที่กำลังคุยกับคนอื่นที่ถูกใจ โอ้โห....ตอนนั้นข้อเสียเราเพียบเลยค่ะ แล้วเท่าที่เคยฟัง เคยคุยกับผู้ชายคนอื่นมาบ้าง ก็จะเป็นแบบนี้ซะส่วนใหญ่ บางครั้งการที่เราได้คุยกับใครใหม่ ๆ แล้วคนนั้นมาเติมเต็มในส่วนที่เรารู้สึกว่ามันขาด มันจะยิ่งทำให้เรามองเห็นข้อเสียของภรรยาค่ะ ตอนนี้เหมือนว่าคุณกำลังสับสน กำลังน้อยใจภรรยา เหมือนว่าภรรยากลายเป็นช้างเท้าหน้า (รึป่าวคะ) อย่าคิดมากเลยค่ะ เพราะตัวฉันเองก็ทำงานคนเดียว ให้คุณสามีดูแลลูกอยู่บ้านค่ะ แต่เราก็คุยกันก่อนค่ะ ว่าต้องการอะไรยังไง ซึ่งเค้าก็รับได้ ตกลงที่จะดูแลลูกอยู่ที่บ้าน ซึ่งพอทำแบบนี้ก็ดีค่ะ ไม่มีทะเลาะกัน ไม่มีที่จะบอกว่า "ไม่มีเวลา" เพราะถ้าเค้าทำงาน เค้าก็คงไม่มีเวลาให้เราค่ะ พอดีฉันทำงานต่างจังหวัดค่ะ จะกลับบ้านก็วันศุกร์ อยู่ได้แค่เสาร์ อาทิตย์ก็ต้องนั่งรถมาทำงาน ไม่มีเวลาที่จะมานั่งทะเลาะกันเหมือนแต่ก่อน ใครจะมองยังไงเราก็ไม่สนค่ะ บางครั้งการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง มันก็คงทำให้ครอบครัวมีสีสัน แต่ฉันก็บอกไม่ได้ว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงยังไงแค่อยากเล่าให้ฟังว่า คุณสามีก็เคยเป็นแบบคุณค่ะ ^o^ จากคุณ : suttirak2 เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 21:42:26

ความคิดเห็นที่ 26 พูดง่ายๆ นะคะ ..คุณเป็นคนดี แต่ตอนนี้พยายามทำตัวเป็น "คนขี้แพ้" (Loser) ค่ะ ซึ่งผู้หญิงที่เก่งๆ จะรำคาญ ดิฉันเป็นผู้หญิงคนนึงที่รำคาญผู้ชายมานั่งคร่ำครวญ ฟูมฟาย โดยไม่หาทางออก โอเค..ถ้าแรกๆ จะเข้าใจ แต่ไม่ใช่ทุกวันทุกคืน วันนี้เดินออกมาใส่รองเท้าของภรรยาคุณบ้าง แล้วคุณจะเห็นภาพผู้หญิงคนนึงที่ต้องทำงาน ล้มไม่ได้ เพื่อเอาเงินมาเลี้ยงครอบครัว ต้องทำหน้าที่แม่ของลูก (เหนื่อยนะคะ) แต่จะมีผู้ชายคนนึงที่คอยตะแง้วๆ คุณไม่เข้าใจผม คุณไม่ให้เกียรติผม คุณไม่เห็นค่าผม คุณไม่เอาใจผม คุรไม่สงสารผม คุณไม่ช่วยผม..คุณไม่ๆๆๆ คุณมีความรู้สึกยังไงบ้างคะกับภาพนั้น..ดิฉันว่าคุณคงแทบจะตะโกนออกไปว่า "โว้ย" เลยทีเดียวใช่ไม๊คะ ตอนที่สามีดิฉันตกงาน สามีดิฉันก็มีสภาพแบบคุณค่ะ แล้วดิฉันก็ทำหน้าที่แบบภรรยาคุณทุกประการ ที่สำคัญ ดิฉันต้องเป็นคนหางานและสมัครงานแทนสามีด้วย เพราะเค้ายังติดอยู่กับความรู้สึกกลัว ผิดหวัง ไม่กล้าสู้ความจริง พอดิฉันเริ่มโวยวายขอให้เค้าแบ่งเบาภาระไปบ้าง เรื่องบ้านเรื่องลูก เค้ากลับมองว่าเป็นเพราะเค้าตกงาน ดิฉันบอกเลยว่า "เงินไม่ใช่ประเด็น แต่อย่ามาทำตัวเป็นไอ้ขี้แพ้ ดิฉันทนไม่ได้ ถ้าอยากจมกับปัญหาตัวเองก็จมไป คนเรา คุณค่ามีอีกหลายอย่าง ผัวเมียกัน บางทีก็สลับบทกันเล่นได้ ถ้าคุณยังงี่เง่าไม่มองอะไรนอกจากตัวเอง ดิฉันคงไม่ทน" ขอโทษนะคะ..ลืมตอบคำถามคุณไป..สามีดิฉันก็ดีเหมือนมนุษย์ปุถุชนธรรมดาค่ะ แต่เราก็อยู่กันได้ เพราะดิฉันไม่ใช่นางฟ้านางสวรรค์มาจากไหน ขอแค่เพียงเมื่อล้ม..เราต้องพยายามลุก ครอบครัว..มันคือ ภาระและหน้าที่ที่เราต้องรับผิดชอบร่วมกัน ดังนั้น..ถ้าแค่หกล้มก็ท้อแล้ว ไม่กล้าเดิน แล้วต่อไปทางที่เหลืออยู่อีกไกลจะทำยังไง เป็นกำลังใจให้คุณหาทางออกได้นะคะ ..จำไว้ ล้มเอง..ต้องลุกเองค่ะ จากคุณ : JNOY เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 21:52:09

ความคิดเห็นที่ 27   ตอนนี้ผมไม่มีใครครับ และไม่คิดมีด้วยครับ  และก็พยายามลุกด้วยตัวเองอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่ขาดคือ กำลังใจ  เข้าใจครับ ว่าล้มเองได้ ก็ต้องลุกเองได้ แต่ถ้ามีใครมาช่วยประคองมันก็คงชื่นใจ นะครับ  และก็เข้าใจครับ ว่า เป็นสามี อ่อนแอไม่ได้ ครับ เพราะแฟนผมก็บอกอย่างนั้นเหมือนกัน ทุกอย่างต้องใช้เวลาครับ โรงงานไม่สามารถแก้ปัญหาได้ภายใน 1 วัน  1 เดือน หรือ 1 ปี ครับ อย่างน้อยๆก็ต้องมี 2 ปี ขึ้นไป ผมก็ต้องการแค่กำลังใจ การใส่ใจ ซึ่งเข้าใจครับ ว่าทั้งภรรยาผม และแม่ๆในห้องนี้ มองมันเป็นเรื่องน่าเบื่อ แต่ยังไงผมก็จะทนในความรู้สึกต่อไปครับ  ทนความกดดันทั้งหลาย จากด้านการเงิน ด้านครอบครัว และก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย ส่วนเรื่องทำดีกับภรรยา ก็พยายามทำนะครับ แต่มันก็ไม่เหมือนเดิมนะครับ ลองคิดดูสิครับ ถ้าคุณโดนตบ(โดยตัวเอง หรือ สามีคุณ ) วันละครั้ง ทุกวัน เป็นเวลา หลายๆเดือน แล้วคุณจะบอกกับตัวเองได้ไหมครับว่า ฉันไม่เจ็บ ฉันเข้มแข็ง หน้าคุณจะเป็นอย่างไร คุณจะรู้สึกอย่างไร ส่วนของผม ตอนนี้ไม่เจ็บครับ มันชาครับ และผมก็ไม่รู้จะไปเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังได้ ปรึกษาใครได้ ก็เลยขอรบกวนที่ห้องนี้ครับ ได้เขียน ได้ระบายความรู้สึก ก็รู้สึกดีมากแล้วครับ และยิ่งมีเืพื่อนมาให้ความเห็น ก็รู้สึกดีครับ ไม่ว่าจะเห็นใจ หรือ ไม่ชอบ  อย่างน้อยก็ยังมีคนเห็นใจ และให้กำลังใจครับ ทุกความเห็น ผมขอบคุณมากครับ จากคุณ : Dr_cooking เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 22:58:27

ความคิดเห็นที่ 28 ออกความเห็นเรื่อง sex เรื่องเดียวนะค่ะ อ่านสวนลุมบ่อยก็แบบนี้ล่ะ สำหรับผู้หญิงบางทีนะ ชอบคิดว่า sex ไม่ใช่ปลากระป๋องที่สะกิด(เปิด) แล้วกินได้เลย ลองดูถ้าวันไหนคุณอยาก ลองสร้างอารมณ์แบบชวน เต้นรำในบ้านล่ะ ทำดินเนอร์หรู ๆ ให้ภรรยากิน หรือไม่ก็เริ่มด้วยคำถามว่า ทำงานมาเหนี่อยมั้ย นวดให้ แล้วก็อาจจะจบด้วย sex ค่ะ สร้างบรรยากาศก่อนลงมือค่ะ ส่วนเรื่องกำลังใจ คุณยังให้ตัวเองไม่ได้ ใครจะให้ตัวคุณได้ค่ะ ตอนนี้ดิฉันเลี้ยงลูกอยู่บ้าน บางทีประสาทกิน สามีพูดดี ๆ มันยังไม่เข้าหูเลย บางทีแฟนคุณอาจจะให้กำลังใจคุณแล้ว แต่ในแบบของเขา จากคุณ : มนชิจัง เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 23:36:25

ความคิดเห็นที่ 29 อืม แสดงว่าจากการวิเคราะห์ของคุณเอง คาดว่า ประมาณ 2 ปี ปัญหาเรื่องการเงินก็จะดีขึ้น ผมว่าถ้าคุณมองโลกในแง่ดี อะไรๆก็น่าจะดีขึ้นนะครับ เท่าทีี่อ่านมา ผมไม่เห็นว่าคุณโดนภรรยาตบทุกวันตรงไหน เพราะไม่เห็น ภรรยาคุณบ่นเรื่องการเิงิน บางเรื่องที่อ่านมาก็ดูน่าน้อยใจอยู่หรอก เป็นผมก็น้อยใจ เพราะบางทีถ้าเราเปรียบเทียบว่า ทีเขาต้องการให้เราไปหา เราก็ไปหา แต่พอตอนเราต้องการคนปลอบบ้าง กลับเฉย  ครับ ตอนนั้นอาจน้อยใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็ลืมๆมันไปบ้างเถอะครับ จำเฉพาะสิ่งดีๆของภรรยาคุณจะดีกว่า    ซึ่งในทางกลับกัน ภรรยาคุณก็จำในสิ่งดีๆของคุณ ช่วงที่โรงงานคุณไม่มีปัญหา คุณจัดการค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้านคนเดียว และให้ภรรยาใช้ทุกเดือนด้วย ถ้าภรรยาคุณไม่จำสิ่งดีๆของคุณ มองเฉพาะปัญหาด้านการเงิน ณ ปัจจุบันอย่างเดียวของคุณ ป่านนี้คงขอเลิกกับคุณไปแล้วละครับ ผมว่าภรรยาคุณก็รับรู้ปัญหาที่เกิดขึ้น และเข้าใจคุณ แล้วตอนนี้เนี่ย คุณลองคิดว่าภรรยาคุณรู้สึกอย่างไรบ้างครับ ผมเปรียบเทียบกันนะ คุณทำงาน ภรรยาคุณก็ทำงาน คุณมีปัญหาด้านการทำงาน ภรรยาคุณก็มีปัญหาด้านการทำงาน คุณคาดหวังให้ภรรยาเข้าใจคุณ ภรรยาคุณก็คาดหวังให้คุณเข้าใจเขา คุณต้องการกำลังใจ  ภรรยาคุณก็ต้องการกำลังใจ คุณอยากให้ภรรยาคุณยิ้มให้คุณ ภรรยาคุณก็ต้องการให้คุณยิ้มให้เขา คุณรักภรรยาคุณ ภรรยาคุณก็รักคุณไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เวลาคุณคุยกัน ลองคุยกันดูว่า จะทำยังไงให้ชีวิตคู่ของคุณดีขึ้น ห้ามกล่าวโทษกัน หรือคุยเรื่องอดีตที่แย่ๆ ให้มองอนาคตอย่างเดียว คุณต้องการกำลังใจ และการใส่ใจ   ตอนนี้ภรรยาคุณก็ต้องการกำลังใจและการใส่ใจเช่นกันครับ ยังไงก็เอาใจช่วยครับ ผมว่าภรรยาก็รักคุณนะ อย่าคิดมาก ตอนนี้คุณเอาปัญหาด้านการงานมากระทบครอบครัวน่ะครับ ถึงเวลาทำงานก็ทำ เลิกงานแล้ว โยนทิ้งปัญหาไว้ที่ทำงานครับ พรุ่งนี้ทำงานต่อค่อยแบกใหม่ เวลาของครอบครัวก็คือของครอบครัว จากคุณ : Kokuril เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 00:23:47

ความคิดเห็นที่ 30   ผู้หญิงก็ยังเป็นผู้หญิงค่ะ ยังต้องการคนรักที่ปกป้องดูแลเราได้ คุณต้องไม่แสดงความอ่อนแอให้เห็น อันนี้สำคัญ นะ (สำหรับเราคนนึงล่ะ) เพราะไม่งั้นเค้าจะเห็นคุณเป็นภาระทันที และคุณก็ต้องดูแลตัวเองด้วย ให้มันเหมือนสมัยแรกๆ ที่ภรรยาคุณบอกว่ารักคุณเพราะอะไร และสุดท้าย ก็เป็นที่ตัวภรรยาคุณถ้าเค้ายังมีความรักให้คุณเป็นล้นพ้น และเค้าได้เงินเดือนเหยียบแสนเนี่ย เราว่าเค้าเต็มใจจะช่วยคุณแน่ นอกซะจาก ระหว่างคุณทั้งคู่จะเหลือแค่ความเอือมระอา จากคุณ : remakamkaw เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 01:41:48

ความคิดเห็นที่ 31 สามีในมุมมองของมยก พูดง่ายๆคือ ต้องรู้จักเอาใจใส่เราและลูก เป็นเพื่อนเราได้ในยามที่เรามีทุกข์  มีความเป็นผู้นำได้และก็ต้องเป็นผู้ตามได้ในบางเรื่อง คุยได้ทุกเรื่อง ไม่ใช่ผู้ชายเพ้อเจ้อปัญญาอ่อนน่ารำคาญไม่มีความเป็นผู้นำเลย ดูแล้วด้อยทางสติปัญญา แบบนี้ไม่สามารถที่จะอยู่ด้วยได้ค่ะ จากคุณ : แม่อยู่ไกล (แม่อยู่ไกล) เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 05:05:03

ความคิดเห็นที่ 33 คุณ Kokuril คะ คุณเป็นคนที่เข้าใจชีวิต และให้คำแนะนำที่น่าคิดค่ะโดยเฉพาะการเทียบความต้องการของคนสองคน อ่านแล้วชอบมากค่ะ ในฐานะภรรยาที่กำลังเจอปัญหาใกล้เคียงกัน แต่สามีของดิฉันเค้าเล่นการพนัน สูบบุหรี่ และมีหญิงอื่น คุณจขกท คะเชื่อเถอะค่ะ ภรรยาคุณน่ะ รักคุณมาก ไม่งั้นเค้าทิ้งคุณแล้วค่ะ ลองนั่งทบทวนสิ่งที่คุณ Kokuril เขียนให้ดีๆ นะคะ อย่าเพิ่งเขียนอะไรทั้งสิ้น นั่งทบทวนให้ดีๆ ก่อน พรุ่งนี้ค่อยเข้ามาดูใหม่ คุณอาจจะเปลี่ยนความคิดไปอีกเยอะค่ะ คุณรู้มั้ยคะ วันนี้ช่วงก่อนเที่ยง ดิฉันอ่านเรื่องของคุณ แวบแรกคือเข้าใจสามีตัวเองมากขึ้น แต่พออ่านความเห็นต่างๆ แล้ว ก้อยิ่งทำให้เรารู้สึกว่ามีตัวแทนที่สามารถมาถ่ายทอดความรู้สึกของตัวเองออกมาโดยที่ตัวดิฉันเอง ไม่สามารถระบายออกมาได้เลย อีกครั้งนะคะ ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่ทำให้เราไม่โกรธสามีตัวเองในช่วงเที่ยง เพราะเค้ากำลังเครียดกับงานแล้วมาลงที่เราแทน ขอบคุณทุกความเห็นที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่สามีเราเคยว่า แต่กลับเป็นมุมมองที่ทำให้เรารู้ว่าเราจะปรับตัวเองยังไง และจะสื่อแบบไหนให้สามีตัวเองเข้าใจความรู้สึกของเรา จากคุณ : NaMaldives (NaMaldives) เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 15:33:33

ความคิดเห็นที่ 34 คุณเอง ก็นับว่าเป็นคนรักครอบครัว นะ ภรรยา ก็นับว่า มีความสามารถสูงทีเดียว พร้อมจะเป็นเพื่อนคู่คิดได้ทีเดียว เพราะคุณยังอยากให้เธอออกความเห็น   ลองนึกว่า ถ้าภรรยาคุณไม่มีความรู้เลย เรื่องธุรกิจ คุณคงไม่หวังพึงเค้า คุณประสพปัญหามรสุมธุรกิจ แน่ละ ช่วงเหตุการณ์ขณะนี้ หลายๆธุรกิจ ก็ประสพผลสะเทือน ทั้งที่ ไม่ได้ทำผิดอะไรเลย เพราะความต้องการตลาดลดลง อ่านดู คุณยึดติดกับกรอบที่ต้อง ทำสิ่งที่ทำอยู่ให้ดีขึ้นๆไปอีก ทั้งที่เห็นปัญหากำแพงตรงหน้า ทางแก้ นอกจากพังกำแพง การเดินอ้อม หรือ คิดนอกกรอบ หรือ เลือกเดินทางทางน้ำแทน ทำธุรกิจอื่นย่อม ต้องมองรอบด้าน ภรรยาคุณ มีความคิด และให้คำแนะนำ หากให้คำว่าไม่ หรือ เดินอ้อม ชะลอธุรกิจนี้ คุณจะฟังหรือไม่ หรือคุณต้องการให้ช่วยกันทุบกำแพง จึงจะถือว่ารักกันจริง ตรงนี้ ผมไม่รู้ว่าคุณคุยกันอย่างไร จุดแข็งหนึ่งของครอบครัวนี้ คือ ขณะที่คุณล้ม ลุกคลุกคลาน ไม่ว่าเธอจะไม่ฉุดคุณ หรือให้คำแนะนำไม่ได้ ผู้ชายล้ม เลยอยากให้ ผู้หญิงแบก คงไม่ได้ เธอแค่ประคองเดินไปด้วยกัน นี่ก็นับว่า สวยมากแล้ว... ลองนึกดูอีกหลายๆครอบครัวที่ผมเคยเห็นเมื่อสามี ล้ม แล้ว เมียถีบหัวส่ง โกยทรัพย์สินและลูกจากไป ... ตรงนี้ คนล้มรีบข้ามมมม คุณคิดว่า เค้าไม่สาหัส เจ็บปวดกว่าคุณหรือ   เค้าประคองให้ โอกาสตลอดไป ตรงนี้ เธอรอคุณเสมอ เธอไม่ใช่เทวดา เธออาจไม่ใช่ นักธุรกิจ แต่ เธอ ยังพยาบาลประคองคุณอยู่ ตั้งสติ แล้ว ค่อยๆเยียวยาตัวเอง ตอนนี้ เจ็บป่วย มรสุม หยุดลาพักป่วย หรือ อะไรบ้างก็ได้ เสียเงินเสียทอง ไปบ้าง ตอนนี้ ดีกว่า ดันทุรังไปทำงาน แล้ว เจ็บมากขึ้น การถอย ก่อน รบใหม่ ก็เป็นกลยุทธ ที่ ดีกว่า ความมุมานะ แบบหัวชนฝา นะ.... ขอมองจากคนที่ไม่ รู้ข้อมูลนัก และ เห็นไหม คุณยังดีพอ ต่อครอบครัว จนคนในนี้ ยังพยายาม เดือน ดุ ด่า ว่า แนะ .... ถ้าคุณเป็น คนที่ไม่รักครอบครับ แถวๆ นี่ อาจเงียบบบ หรือ ด่าสาดเสียเทเสีย โดยไม่เรื่มด้วยกำลังใจ และ คำเสนอแนะหรอก ตอนนี้ คุณ เสียขบวน เสีย self จนชักไม่แน่ใจว่า ตัวเองดีพอหรือไม่ ทั้งที่ เธอข้างตัวคุณ ยังไม่ได้ มองเลย ตีโพยตีพาย offside ไปหน่อยหรือเปล่า .... จากคุณ : The Polar Bear เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 23:49:01

ความคิดเห็นที่ 35   เข้าใจครับ ว่าสิ่งที่ผมต้องการ ณ ตอนนี้อาจจะมากเกินไป และสิ่งที่ภรรยาผมให้ ณ ตอนนี้ เธออาจจะทำได้ดีที่สุดแค่นี้ บางอย่างผมอาจคิิดไปเอง  บางอย่างผมอาจมองข้ามไป  แต่ความรู้สึกของผม ณ ตอนนี้ มันเป็นความรู้สึกจริงครับ ว่าเหงา อยู่คนเดียว (เวลาเครียด และไม่ได้อยู่กับลูกๆ) ผมเคยมองข้ามความรู้สึกตัวเองครับ ว่าเป็นผู้ชายต้องเข้มแข็ง แต่ก็ทนกับความรู้สึกของเราเองไม่ได้ครับ จนตอนหลังๆ ห้ามไม่คิดก็ไม่ได้ครับ ส่วนเรื่องการช่วยเหลือทางการเงินของภรรยาผม ผมคิดว่ามันเป็น การแก้ปัญหาของบริษัทเล็กๆ ที่ไม่มีต้นทุนครับ (ดอกเบี้ย )  แต่มันกลายเป็นว่า เค้าคิดดอกเบี้ยทางอารมณ์ ความรู้สึกที่ของกันและกัน เกินร้อยละ 50  ผมรู้ครับว่าการให้ภรรยามาแบกรับภาระต่างๆมันไม่ดี แต่มันเป็นการตัดสินใจร่วมกันว่าจะแก้ปัญหากันอย่างนี้ ครับ ในส่วนตัวผม  "ให้เงินคือ ช่วยธุรกิจ "   .............."ให้กำลังใจ คือ ช่วยผมครับ" ถ้าเลือกได้และรู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ ผมอยากได้กำลังใจครับ ไม่อยากไ้ด้เงิน เดี่ยวนี้คุยกัน นับคำได้ครับ  ถ้าคุยกันมาก ก็จะมีการกระทบกระแทกกันทางคำพูด (ทั้งคู่นะครับ เพราะอารมณ์เหมือนจะดีด้วยกันทั้งคู่ แต่จริงๆก็ไม่ดีเท่าไร) คุณ Kokuril ครับ สิ่งที่คุณพูด ถูกต้องทุกอย่างครับ ผมอาจจะสนใจความต้องการ ความรู้สึกของตัวเองมากไป ณ ตอนนี้ โดยมองข้ามความรู้สึกของเธอ และมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีมากขึ้นครับ แต่ สิ่งที่รู้ เข้าใจ บางที มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ง่าย ที่จะ ปฎิบัติได้นะครับ ผมอาจจะคิดเข้าข้างตัวเองว่า ผมรักเธอมาก ช่วยคิด ช่วยแก้ปัญหางาน เวลาเธออ่อนไหว รู้สึกไม่ดี  ขาดความมั่นใจ เหนื่อยจากการเลี้ยงลูก ผมก็จะคอยช่้วย ทั้้งทางแรงกาย แรงใจ อย่างมากที่สุด  ถ้าเธอ ขอ 1 ผมให้ 100 ถ้าเธอขอ 50 ผมก็ให้ 100  ถ้าเธอแย่จริงๆ ขอ 100 ผมก็ให้ได้ 110 ผมจะไม่ได้สนใจความรู้สึกตัวเอง ณ ตอนที่ช่วยภรรยาผมเลยว่า เราจะเป็นอย่างไร ตอนนี้เราต้องช่วยเธอให้รู้สึกดี ให้ได้ เราต้องช่วยหาทางออกให้เธอให้ได้ และก็ สำเร็จทุกครั้งครับ   ตอนนี้ผมรู้สึกว่า เธอเหมือนธนาคารครับ สิ่งที่ผมเคยให้เธอ ผมอยากได้กลับคืนบาง ผมอยากเบิกความรู้สึกเหล่านั้น กลับมาให้ผมบ้าง อยากให้เธอทำให้ผมรู้สึกดีได้บ้าง แต่กลับกลายเป็นว่า เมื่อผมแย่ ผมกลับแย่มากขึ้นๆ และเธอก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้ผมรู้สึกเช่นนั้น พูดเรื่อง อดีตซักหน่อยนะครับ  เมื่อก่อนเธอเป็นคน ไม่มีความมั่นใจครับ ต้องยึดผมเป็นหลัก แต่ผมก็สอนเธอว่า คนเราก็ต้องยืนไ้ด้ด้วยตัวเอง ถ้าไม่มีผมคุณ ก็ต้องยืนได้อย่่างมั่นคง ผมจะเป็น หมีพูร์ ที่เดินอยู่ข้างหลัง piglet ถ้าหันมาเมื่อไร คุณจะเห็นหมีพูร์คนนี้เสมอ  และมันก็ทำให้เธอเข้มแข็งขึ้น โดยกำลังใจของผมที่ให้เท่าที่เธออยากได้ จนเธอรู้สึกมั่นใจขึ้น และเก่งขึ้น และน่าที่การงานก็ดีขึ้นครับ แต่ถ้าการที่คนมั่นใจขึ้น เก่งขึ้น มันทำให้ใจคนกระด้างขึ้น ผมอยากได้ภรรยาคนเดิมดีกว่าครับ คนที่ไม่ค่อยมั่นใจ และพยายามเข้าใจเรา ส่วนเรื่องงานและความรับผิดชอบของภรรยาผม และคิดว่าเป็น standard ของบริษัททั่วไป 1  งานใช้แรง ใช้เวลา มากกว่าใช้ความคิด  เงินเดือนน้อย 2. งานใช้ความคิด ไม่ใช้แรง ไม่ใช้เวลา     เงนเดือนสูง ยิ่งเงินเดือนคุณสูงขึ้นแค่ไหน เวลาคุณก็จะเหลือมากขึ้นครับ เอาไว้ใช้ตรวจสอบ ประเมิน การทำงาน ของลูกน้องครับ (ใช้สมอง ใช้คน ครับ ไม่ต้องใช้แรง ) และตอนที่ผมขอให้เธอมาพบที่ร้าน กาแฟ ใกล้ๆที่ทำงานเธอ เธอมาได้ครับ ไม่ได้ติดประชุม มีมีงานสำคัญ ถ้ามีประชุม ผมก็ไม่น้อยใจ ซะขนาดนี้หรอกครับ เพราะผมถามเธอว่า ตอนนี้ทำอะไรอยู่ คำตอบที่ได้ คือ เล่นเนต ครับ  (เป็นเรื่องจริงของพนักงาน office ที่เจ้านายทุกคนรู้ แต่ห้ามไม่ได้ ) ออกมาพบผมหน่อย ผมแย่จริงๆ คำตอบที่ได้คือ ดูก่อนว่าจะออกไปได้ไหม  ซึ่งในตำแหน่งเธอ ออกมาได้เลยอย่างแน่นอน 100 % ครับ (เมื่อไม่นานมานี้เธอถึงค่อยบอกว่า คิดว่าผมเข้มแข็งกว่านี้ซะอีก มันทำให้แย่ มายิ่งกว่าอีกครับ ) ผมไม่ได้ต้องการบอกว่า เธอเป็นอย่างไร ผมต้องการบอกว่า ณ ตอนนั้น ผมรู้สึกแย่ และแย่มากๆ เท่านั้นครับ และก็แค่อยากให้มีใครเข้าใจความรู้สึกผมก็พอครับ และตอนนี้คิดถึงทีไรก็แย่จริงๆครับ ถ้าเปรียบเทียบ  มันเหมือนเค้าใจร้าย พอที่จะให้ผมจมน้ำตายต่อหน้าทั้งๆที่ผมร้องตะโกนให้เค้าช่วย แ่ค่เอื้่อมมือเค้าก็ช่วยผมได้แล้ว แต่กลับกลายเป็นว่า คุณต้องช่วยตัวเองให้ได้สิ คุณเก่งกว่านี้ (นี้ไม่ใช่สิ่งที่ผมสอนเธอ) และสุดท้ายผมก็จมน้ำแห่งอารมณ์ตัวเองตายครับ บางเรื่อง อาจจะดูมากไป บางอย่างอาจจะดูน้อยไป ดูได้ด้วยสายตา และปรับเข้าหากัน แต่ความรู้สึกของคน มันจะมากไป หรือน้อยไป มันต้องใช้ ความใส่ใจ และหัวใจ เป็นตัววัดครับ และก็ปรับเข้าหากัน  ผมไม่ค่อยชอบ ความรู้สึกที่บอกว่า "ได้แบบนี้ก็มากพอแล้ว"  คุณลองให้แบบ 100 % หรือให้โดยไม่คิดถึงตัวเองดูสิครับ มันจะเหนื่อย เหนื่อยมากๆๆๆๆๆๆ  แต่สุดท้าย คนที่คุณรัก จะมีความสุขแ่น่ๆ 100% และตัวคุณเองก็จะมีความสุข 120% แน่นอนครับ เพียงแต่ต้องทุ่มแรงใจให้เต็มที่เท่านั้นเองครับ คนให้และคนรับ ก็จะมีความสุขแน่นอนครับ ขอบคุณในทุกความเห็น และยอบรับในความรู้สึกของผมครับ จากคุณ : Dr_cooking เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 04:50:14

ความคิดเห็นที่ 36 ถ้าเธอทำร้ายคุณซะขนาดนี้..เลิกเหอะ..บอกตรงๆ ว่า คนอย่างคุณ อยู่ด้วยลำบาก ทั้งๆ ที่เพื่อนๆ คนอื่นพยายามแนะให้คุณมองอีกมุม คุณก็ยังพยายามยืนยันจะอยู่ที่มุมของตัวเอง ทั้งๆ ที่เหตการณ์ต่างๆ ที่คุณพูดมันผ่านไปแล้ว..คุณก็ยังพยายามขุด พยายามคุ้ย วันนี้..ถ้ากล้าจริงอย่างปากพูด กลับไปบอกเธอซะว่าต่อไปนี้ไม่ต้องเอาเงินมาช่วยคุณ แล้วทำให้ได้ .. จากคุณ : JNOY เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 53 15:23:13

ความคิดเห็นที่ 37   ขอบคุณ คุณ JNOY มากครับ  อย่าโกรธผมเลยครับ เพราะผมไม่ใช่สามีคุณมาเขียน สิ่งที่ผมเขียน ผมแค่ต้องการระบายความรู้สึกเท่านั้น เพราะมันอยู่ในใจผม และผมไม่รู้จะปรึกษาใคร จริงครับ สิ่งที่ผมรู้สึก มันเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้วทั้งนั้น แต่ผมคิดว่า ที่ตรงนี้ มีคนรับฟังความรู้สึกผม ผมถึงเขียนครับ จะถูกหรือผิด มันก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน ผมยอมรับครับ เพราะเป็นเรื่องนานาจิตตัง ถ้าผมทำให้ คุณ JNOY อารมณ์เสีย ก็ต้องขออภัยด้วยครับ ผมแค่ต้องการบอกว่าผู้ชายแย่ๆ อย่างผมรู้สึกและคิดอย่างไรเท่านั้นครับ อาจจะดูว่าผมว่ากล่าว ภรรยาผม แต่สิ่งที่ผมต้องการสื่อ คือ ถ้าใครเคยทำกับ สามีแบบนี้ ในบางเรื่อง หรือ สามีที่เคยทำกับภรรยาแบบนี้ คุณรู้ไหมว่า ฝ่ายที่ถูกกระทำ เค้าจะรู้สึกอย่างไร ถ้าคิดได้ว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไร เวลาจะทำอะไรกับคนที่เรารัก ในแคร์เค้ามากขึ้น  ใจเย็นให้มากขึ้น และเข้าใจให้มากขึ้นครับ แล้วเปลี่้ยนการทำร้ายโดยไม่รู้ตัว หรือ รู้ตัวแต่ก็จะทำ ให้เป็นการให้ และเข้าใจแทนครับ ผมต้องการถ่ายทอดอารมณ์ และความรู้สึกของผม ด้วยเหตุผล  2 อย่าง คือ 1. ผมรู้สึกแย่ และต้องการระบายความรู้สึกเหล่านั้น โดยคิดว่าที่แห่งนี้ เปิดโอกาสให้ผมได้พูดได้ 2.ผมต้องการให้ คนที่เคยเป็นอย่างผม หรือคนเคยทำคล้ายๆในบ้างเรื่องของภรรยาผม ได้เข้าใจว่า อีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไร และจะปรับ หรือเข้าใจกันได้ดีมากขึ้นครับ ขอบคุณ คุณ JNOY อีกครับ ที่ทำให้ผมรู้สึกว่า ภรรยาผมดีกว่าที่ผมคิดครับ เมื่อได้ฟังความคิดเห็น ทั้งทางด้าน บวก และ ลบ  ทำให้ผมเข้าใจว่า ถ้าภรรยาผมไม่ใช่เธอ แต่เป็นคนอื่น ผมอาจจะต้องทุกข์มากกว่านี้แน่นอนครับ ขอบคุณทุกความคิดเห็น ที่แนะนำให้ คิด และ ทำ เืพื่อให้ ชีวิตคู่ของผมดีขึ้นครับ  เพราะผมคิดว่า สังคมแห่งนี้ เป็นสังคม ที่สร้างขึ้นมาเพื่อ ให้ชีวิตครอบครัวที่มีปัญหา เข้ามารับฟังแนวคิด มุมมอง และทำไปแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ด้วย สติ และไม่มีเจตนา ยุยงให้ครอบครัวต้อง แตกแยกกันครับ และหากมีประโยคใด ที่ตีความด้วยมุมมองใด แล้วรู้สึกว่าเป็นการว่ากล่าวเพศแม่ ก็ต้องขออภัยด้วยครับ (ผมรักแม่มาก พอๆกับภรรยาครับ ) แต่ ตัวละคร ที่เป็นผม หรือ ภรรยา มันอาจจะสลับตัวละคร กันได้ ในแต่ละเรื่องราวครับ ผู้ชายหรือผู้หญิง อาจเป็นคนกระทำก็ได้ครับ ไม่ได้มีเจตนาในการกล่าวหาเพศใดๆครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : Dr_cooking เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 53 20:10:31

ความคิดเห็นที่ 38 ตอนนี้เท่าที่อ่านมาหลายวัน เหมือนวนในอ่าง คุณต้องเปลี่ยนทัศนคติของคุณเอง ซึ่งใครๆ ก็ทำแทนคุณไม่ได้ถ้าคุณไม่คิดเปลี่ยนเอง ถ้าคุณต้องการระบาย คุณได้ระบายแล้วครับ เพราะหลายๆคนก็อ่านแล้ว คุณได้บอกในสิ่งที่ตัวเองคิดแล้ว ผมรู้ว่าสิ่งที่คุณต้องการคือ คุณต้องการให้คนอื่นๆเห็นด้วยกับสิ่งที่คุณคิด และเห็นใจ  อาจมีคนเห็นด้วยกับสิ่งทีคุณคิด และเห็นใจ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนที่อ่านจะเห็นด้วยกับคุณ ผมขอถามคำถามนึง   "ถ้าทุกคนเห็นด้วยกับความคิดเห็นในเรื่องนี้ของคุณ แล้วคุณจะดำเนินชีวิตอย่างไรต่อไป คุณมีแนวทางการแก้ปัญหาเิพิ่มมากขึ้นจากมุมมองที่คุณมีอยู่หรือไม่" ผมอาจเป็นคนนอกที่มองเข้ามา ผมอาจมองโลกในแง่ดีกว่าคุณตอนนี้ แต่ผมเชื่อว่าถ้าคุณเปลี่ยนมุมมองมาเป็นมองโลกในแง่ดีขึ้น คุณจะมีความสุขมากขึ้น ลองเปลี่ยนแว่นที่สวมอยู่ออก แว่นสีม่วง สีเขียว  อาจทำให้คุณมองอะไรเป็นสีม่วง สีเขียวไปหมด ลองเปลี่ยนเป็นแว่นสีชมภูบ้าง โลกจะได้สดใสขึ้น สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคุณ ไม่ว่าจะเป็นสีอะไร จริงๆแล้วก็เหมือนกัน แต่สิ่งที่คุณคิดจะทำให้คุณดำเนินชีวิตต่างกันทัศนคติที่ดี จะทำให้คุณมีความสุขมากขึ้น ในสถานการณ์เดียวกัน คนอื่นๆที่มองเข้ามา ส่วนใหญ่มองว่าสถานการณ์ของคุณไม่เลวร้ายอย่างที่คุณคิด ผมมองว่า ดีแล้วที่คุณเป็นคนดีต่อครอบครัว  ภรรยาคุณรักคุณดี มีลูก 2 คน คุณมีหนี้สินบ้าง แต่ก็จะแก้ปัญหาได้ใน 2 ปี  ตอนนี้บรรยากาศในบ้านก็มี ง้องแง้งกันบ้าง คราวนี้ควรทำอย่างไรดีละ คุณอยากให้ชีวิตคุณเป็นอย่างไรล่ะครับ Choice 1 คุณจมอยู่กับความทุกข์ มองแต่อดีต เฝ้าแต่น้อยใจว่า ทำไมตอนนั้นเขาไม่ทำยังงั้น  ทีเรายังทำยังงี้เลย  นั่งหน้าเศร้า เล่าความหลัง บอกเพื่อนฝูงที่ผ่านไปมา บ่นแต่เรื่องเดิมซ้ำๆ  แรกๆ เืพื่อนฝูงก็ ลูบหลังลูบไหล่ เห็นใจ  นานวันไป คุณก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม ไม่ทำอะไรสักอย่าง บ่นเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ คุณคิดว่าเพื่อนฝูงคุณจะทำยังไงล่ะ   Choice 2 สิ่งที่ผ่านมาก็ปล่อยวางซะบ้าง จำเฉพาะสิ่งที่ดีๆที่เคยมีให้กัน ลองดูว่าจะแก้ปัญหาที่มีอย่างไร เพื่อนฝูงเจอหน้าถามไถ่ว่าทำอะไรอยู่ พอเราบอกว่า เรากำลังจะแก้ปัญหาที่มี เพื่อนฝูงก็จะให้กำลังใจ ใกล้เลิกงานแล้วตอบแค่นี้ก่อน ลองเลือกดูก็แล้วกันนะครับว่าจะเลือกอันไหน ถ้าคุณอยากได้กำลังใจ ลองคิดว่า คุณจะทำอย่างไรให้ภรรยาคุณดีใจบ้าง หรือจะทำยังไงให้ความสัมพันธ์ของคุณกลับมาดีเหมือนเดิม แล้วลองเล่าให้คุณผู้หญิงทั้งหลายฟัง ผมว่าคุณจะได้รับ กำลังใจดีๆกลับไปเยอะแน่นอนครับ จากคุณ : Kokuril เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 15:50:39

ความคิดเห็นที่ 39 ขอโทษนะคะ  ดิฉันไม่ได้อารมณ์เสีย แต่ดิฉันรู้สึกสังเวชคนที่ชอบปากเก่งในสิ่งที่ทำไม่ได้ คุณมัวจะพร่ำว่าภรรยาทำกับคุณแบบนั้นแบบนี้ ย้ำไปย้ำมา ..แล้วก็พูดว่าถ้าให้เงินมาช่วยคุณ แล้วปฏิบัติกับคุณแบบนี้ คุณเลือกไม่ต้องให้เงิน แต่เลือกกำลังใจ เอ่อ..คุณคะ..ดิฉันไม่ได้ตั้งใจจะดูถูก แต่ขอพูดตรงๆ ถ้ารู้สึกว่าเงินที่ภรรยาทำงานมาช่วยมันเป็นภาระ คุณก็แค่ปฏิเสธไม่ขอรับก็ได้นี่ บอกเธอว่าคุณสามารถหาได้จากทางใดบ้าง..ดิฉันว่าถ้าคุณคิดและทำแบบนี้ได้ ปัญหาของคุณจะไม่เกิด ..ไม่ใช่เพราะภรรยาคุณไม่ต้องให้เงินคุณเลยไม่ทำร้ายจิตใจคุณ แต่การที่คุณทำแบบนั้น ทำให้คุณดูมีความเป็นผู้นำ กล้าชนปัญหา รู้จักรับมือกับปัญหา มีภาวะผู้นำ และทุกสิ่งอย่างนี้..ก็นำไปสู่ความภาคภูมิใจในตัวคุณนั่นเอง ดิฉันขอประมาทคุณไว้แบบนี้แหละ ถ้ามันจะกระตุ้นให้คุณกล้าลุกขึ้นมาทำอะไรให้ดีขึ้น วันไหนทำได้แล้วอย่าลืมกลับมาบอกนะคะ..ดิฉันจะรอวันที่จะได้แสดงความยินดีกับภรรยาคุณ ที่ได้ผู้นำครอบครัวกลับคืนมา ปล. สามีดิฉันเรียนรู้ว่าการล้ม สามารถลุกได้ ขอแค่เราไม่กลัวเจ็บ ถ้าคุณเป็นสามีดิฉัน สงสัยผูกคอตายไปแล้ว อิอิ เพราะดิฉันโหดกว่าภรรยาคุณหลายเท่านัก นับว่าโชคดีที่ดิฉันได้สามีที่ compatible จากคุณ : JNOY เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 23:13:45

ความคิดเห็นที่ 40   คุณ JNOY ครับ กรุณาใช้คำพูดสุภาพด้วยครับ และไม่ต้องสังเวชผมหรอกครับ สังเวชตัวเองบ้างครับ และคุณทำให้ผมรู้สึกมากๆๆๆๆๆครับว่า ภรรยาผมดีที่สุดเลยครับ ถ้ารู้สึกไม่ดีกับกระทู้นี้ ไม่ตอบก็ได้นะครับ และขอบคุณทุกความเห็น ครับ ตอนนี้ผมนำหลายๆความคิดเอามาปรับใช้กับความคิดผม รู้สึกดีขึ้นครับ และเราก็เข้าใจกันมากขึ้นครับ บางครั้งผมอาจหลงเข้าไปวนอยู่ในอ่าง และพอมีสติพอก็หนีออกมาได้ครับ หลายๆคนอาจรำคาญผมครับ เข้าใจครับ ผมยังรำคาญตัวเองเลยครับ ขอบคุณ ทุกๆ ความเห็นและแนวทางที่ดีครับ ส่วนความเห็น ที่จะทำให้บ้านแตก หรือจิตตกมากขึ้น ให้คนแนะนำเอาไปใช้เองครับ จากคุณ : Dr_cooking เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 10:48:24

ความคิดเห็นที่ 41 ดีใจด้วยครับที่คุณรู้สึกดีขึ้น และเข้าใจกันมากขึ้น ถูกต้องแล้วครับที่คุณรู้สึกว่าภรรยาคุณดีที่สุดสำหรับคุณ  รักเธอให้มากๆนะครับ ดูแลเธอดีๆด้วย วันที่คุณผ่านพ้นวิกฤติไปได้ อย่าลืมเธอนะครับ : ) ปล. วันไหนเครียดๆ ก็เล่นกับลูกนะครับ ผมเล่นกับลูกทีไรก็ลืมเรื่องเครียดๆหมดทุกที ยิ้มให้ลูกก่อนนะครับ แล้วลูกจะยิ้มให้คุณ จากคุณ : Kokuril เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 18:25:46