Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Trick เล็ก ๆ ที่คุณยายใช้เลี้ยง ด.ญ.สิริวดี......  

บอกกล่าวเล่าขาน  ไว้ให้ฟังค่ะ trick เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณยายใช้สอนวดี  เผื่อคุณแม่ท่านไหน อยากเอาแบบไหนไป apply ใช้บ้างก็เชิญนะคะ  

         คุณแม่   ลูกน้อยไม่หม่ำข้าว case ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นกับวดี

      วดีเป็นเด็กที่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องไม่ทานข้าวค่ะ  ตรงกันข้ามเป็นเด็กที่ อ้ำหาย อ้ำหาย เหมือนมี่จังเลย   แล้วหม่ำเยอะซะด้วย......เพราะอะไรทราบไหมคะ  

    เพราะวดีเป็นเด็กที่ใช้กำลังเต็มแรงที่เขามี  วัน ๆ กิจกรรมเยอะ  เมื่อร่างกายได้ใช้พลังเยอะ ก็ย่อมต้องการอาหารเยอะเหมือนกัน  และทำให้วดี นอนหลับได้สนิท และเต็มตื่นด้วยค่ะ  

    และ trick ของคุณยายคือ  คุณยายจะรอให้วดีหิวเท่านั้นจึงป้อนข้าว  ตั้งแต่เด็ก ๆ ที่เริ่มทานอาหาร  คุณยายจะสังเกตุดูว่าหลังตื่นนอน 1 ชม. วดีจะเริ่มหิวข้าว  ดังนั้น concept คุณยายคือ  "จะป้อนข้าวเมื่อหิวเท่านั้น"  เพราะถ้าไม่หิว แล้วป้อนข้าวเพื่อให้ตรงกำหนดตารางเวลา ว่ามื้อเที่ยง มื้อเย็น ต้องเท่านั้นเท่านี้โมง   ผลก็คือ  เมื่อเด็กยังไม่หิว  เวลาป้อนข้าวเข้าไป เด็กจะอมข้าว   เมื่อได้เริ่มอมข้าว  ครั้งต่อไปก็จะอมอีก  เพราะข้าวยิ่งอมยิ่งหวาน  เขาจะติดใจ  ดังนั้นเมื่อยายป้อนข้าววดี  แล้วเกิดว่าตอนนั้นยังไม่หิวจริง ๆ วดีอมข้าว  หากเกิดกรณีที่วดียังไม่หิว(หลังตื่นนอนเฉลี่ย 1 ชม.เหมือนกัน แต่เผอิญวันนั้นมื้อนั้นยังไม่หิว)  คุณยายจะหยุดป้อน  ไม่ให้กิน  ....  แล้วพาทำกิจกรรมอื่นก่อน  สักพักค่อยป้อนข้าวใหม่  

การป้อนข้าวลูกในขณะที่ลูกหิว  จะทำให้ลูกกินข้าวได้เยอะ  ใช้เวลาไม่นานในการป้อน และไม่เป็นเด็กอมข้าว หรือกินทิ้งกินขว้าง กินเล่นกินหัว  ซึ่งวดีไม่เคยเป็น  วดีใช้เวลาหม่ำข้าวไม่ถึง 10 นาที  ทานข้าวเสร็จ ก็ไปทำกิจกรรมอื่น ต่อไป



            คุณแม่  เรื่องลื่นล้มในขณะที่พื้นเปียก  (มีค่ะที่คุณพ่อคุณแม่บางคนที่อยากฝึกลูกฉี่แต่กลัวลูกลื่นล้ม)
           
             วดีชอบถือแก้วน้ำเขาเอง  และมักทำน้ำหกในบ้าน  เมื่อน้ำหกใส่พื้นหินอ่อน  พื้นก็จะลื่น  ดังนั้นเวลาวดีเขาทำน้ำหกลงพื้น เขาจะยืนงง  แล้วคุณยายจะบอกว่า "ลื่น ลื่น"  เพื่อไม่ให้วดีขยับตัวไปไหน   ส่วนคุณยายก็เดินไปหยิบผ้ามาเช็ดพื้น  แต่วดีไม่เข้าใจคำว่า ลื่น คืออะไร  ขณะเดียวกันนั้น  วดีเขาก็เหยียบพื้นที่มีน้ำไหลนองอยู่  ย่ำไปย่ำมา เดินวนไปวนมา คุณยายก็บอกอีกว่า "ลื่น ลื่น"  เพื่อให้วดีจำคำว่า ลื่น ว่าคืออะไร  วดี ไม่เข้าใจ  คุณยายไม่ดึงตัววดีออกมานะคะ  แต่ปล่อยให้ลื่นจริง  และวดีก็ลื่นจริง ๆก้นกระแทกพื้น  ไม่ได้หงายหลังหัวฟาดนะคะ   เท่านั้นแหล่ะ วดีจำได้ว่า ลื่น คืออะไร  

       พอครั้งหลังจำได้ว่าลื่นมีลักษณะยังไง  ทีนี้เวลาที่พื้นที่อื่นเปียก   อันเนื่องมาจากกิจกรรมวดี  เช่น วดีชอบรดน้ำต้นไม้ และจะรดน้ำต้นไม้ทุกวัน  ที่หน้าห้องรับแขก  มีชานยื่นออกไป ปูด้วยกระเบื้องธรรมดา  เมื่อเปียกน้ำ จะลื่นมาก ๆ คุณยายจะห้ามไม่ให้วดีเดินขึ้นถ้าไม่ได้ใส่รองเท้า  .....วันนั้น วดีเดินขึ้นไปที่พื้นกระเบื้องหน้าห้องรับแขก  สังเกตุเห็นได้เลยว่า เขามีอาการ "ย่อง"  เขาจะเดินเหมือนย่องเบา เพราะพื้นมันลื่น ตลกมาก ๆ พอคุณยายเห็นเขาเดินขึ้นไปได้ 2 - 3 ก้าว คุณยายก็บอกใหรู้อีกว่า ลื่น ลื่น  วดีเขาเดินกลับหลัง ทำอะไรรู้ไหมคะ  กลับไปตู้รองเท้าเปิดตู้หยิบรองเท้าเขา ให้คุณยายใส่ให้ เพราะรองเท้าจะกันลื่นได้.....เห็นไหมคะ  คิดเองเป็นถ้ามีประสบการณ์  ดังนั้นในการฝึกให้ลูกฉี่ แล้วถ้าหากลูกจะฉี่ราดลงมาที่ขา ไหลนองไปที่พื้น  ถ้าเขารู้จักคำว่าลื่น เขาจะระวังตัวเองได้ค่ะ  ลองเอาไปสอนกับชีวิตประจำวันดูนะคะ  


        และทุกครั้งที่คุณยายอาบน้ำให้วดีเสร็จ  คุณยายจูงวดีออกมาหน้าห้องน้ำ  จะเช็ดเท้าให้วดีเห็นเสมอ  เมื่อวดีเห็นเพียงครั้งเดียว เขาทำตามทันที  คุณยายสอนให้รู้จักการเช็ดให้เท้าแห้ง เพื่อไม่ให้เท้าลื่น  ทุกวันนี้เมื่อเข้าห้องน้ำเสร็จ ไม่ว่าจะเข้าห้องน้ำด้วยสาเหตุใด  วดีจะต้องยืนเช็ดเท้าเล็ก ๆ ของเขาที่ผ้าเสมอ  .....


         คุณแม่   หนูน้อยวดีกับการใส่รองเท้า
   
       
         เมื่อวดีเริ่มใส่รองเท้าครั้งแรก  ตอน 1 ขวบ ..... คุณยายจะพาวดีไปเที่ยวนอกบ้าน  คุณยายจะสอนให้วดีใส่รองเท้า  โดยบอกให้ไปหยิบรองเท้าและชี้ไปที่รองเท้า  โดยให้วดีเดินไปหยิบมาเอง  วดีเขาก็ไปหยิบเอง  แต่หยิบมาเพียงข้างเดียว....คุณยายก็บอกให้ไปหยิบมาอีกข้าง  วดีไม่เข้าใจ  แม้ว่าคุณยายจะชี้ให้ไปหยิบมา แต่วดี งง  และไม่ได้ไปหยิบมาอีก  คุณยายจึงใช้วิธี  ใส่ให้ข้างเดียว  เท่าที่วดีเขาหยิบมา  แล้วพาเดินออกนอกบ้าน   เมื่อใส่ให้ข้างเดียว และพาเดิน  วดีเขารู้ว่า พื้นไม่เสมอกัน  เขาเดินไม่สบาย  เขาจึงวิ่งไปหยิบรองเท้าอีกข้างหนึ่งมาให้ยาย.....หลังจากนั้น เวลาจะไปไหน วดีจะหยิบรองเท้า 2 ข้างพร้อมกันเสมอ......เพราะรู้แล้วว่าถ้าใส่ข้างเดียวจะเป็นยังไง



         คุณแม่  หนูน้อยวดีนักค้นถังขยะ

      วดีชอบค้นถังผงหรือถังขยะเล็ก ๆ ทุกใบในบ้าน ซึ่งที่บ้านจะมีประจำทุก ๆ ห้องของบ้าน  จนคุณยายต้องยกถังผงขึ้นเพื่อไม่ให้วดีจับได้ถึง  .....  คุณยายก็เลยคิดวิธีสอนให้วดีรู้จักถังผงและไม่เล่นกับถังผงโดยจะใช้คำว่า "สกปรก"  แต่วดีไม่เข้าใจหรอกค่ะ คุณยายจึงใช้วิธี   ...... เมื่อวดีเปลี่ยนแพมเพิส  คุณยายจะแบ แพมเพิสให้วดีดู พร้อมกับบอกว่า เหม็น ๆ แล้วค่อย ๆ เดิน หรือเดินช้า ๆ ให้วดีมองตามคุณยายที่กำลังเดินไปที่ถังผง  และหย่อนแพมเพิสลงไปให้วดีเห็น  เพียงแค่ 2 ครั้งที่วดีเห็น  เขาทำตามเองเลย  ทุกวันนี้ถ้าเช้ามาเปลี่ยนแพมเพิส วดีจะมีหน้าที่เดินเอาแพมเพิสที่ถอดออกมา ไปทิ้งที่ถังขยะประจำห้องนั้น ๆ เสมอ.....  ในขณะเดียวกัน  วดีเลิกค้นถังผงหรือถังขยะทุกถังในบ้าน เพราะเขารู้ว่า มันคือถังที่ใส่ของไม่ใช้แล้ว......



            คุณแม่  หนูน้อยวดีนักไต่บันได

            น่ากลัวใช่ไหมคะ   ถ้าเห็นว่าเสี่ยงและไม่เห็นด้วยไม่ต้องทำค่ะ  ก็เพราะเสี่ยงจริง ๆ ใจไม่ถึงอย่าทำนะคะ อันตราย  แต่ของคุณยาย  คุณยายฝึกให้วดีขึ้นบันไดตั้งแต่ขวบค่ะ  เพราะ ทุกอย่างมีทีเผลอ  คุณยายตามดู 24 ชม.ไม่ไหว  เพราะฉะนั้น concept คุณยายคือ เลี้ยงให้เอาตัวรอดได้ ดังนั้นจึงสอนให้ค่อย ๆ ขึ้นบันได  สอนให้ลงบันได  (แต่โดยปกติไม่ให้ทำนะคะ ถ้าไม่มีคนดู)  วดีขึ้น ลง บันได ได้ค่ะ...... และแล้วก็มีทีเผลอจริง ๆ ตอนที่คุณยายทำกับข้าว  และตอนนั้นยังไม่ได้ทำประตูบันได  แต่ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี  เพราะวดีเคยถูกฝึกมาบ้าง  เขาเอาตัวรอดผ่านมาได้  


      พลุพลุพลุ   ขอเพิ่มเติมอีก 1 เรื่องนะคะ  ถ้าท่านใดอ่านไปตั้งแต่บ่ายแล้ว รบกวนอ่านย่อหน้านี้เพิ่มนะคะ.....ลืมไปค่ะ


      คุณแม่      หนูน้อยวดี  จอมอยากรู้อยากเห็น  อยากชิมทุกอย่าง

      คุณยายจะให้วดีชิมถ้ากะ แล้วพอจะชิมได้  เพื่อไม่ให้วดี ร้องงอแง อยากกินโน่นกินนี่ตามผู้ใหญ่อย่างพร่ำเพรื่อ  ...... คุณยายชงน้ำขิงฮอตต้ากิน  วดีเขาเห็น ร้องและจะหม่ำให้ได้  ไม่ยอมท่าเดียว จะหม่ำ ลงมือจะแย่งเลย คุณยายบอกว่า เผ็ด เผ็ด  ก็ไม่ยอม  จะหม่ำให้ได้  คุณยายใช้วธี ปล่อยให้ชิมจริง ๆ เป่าให้หายร้อน แล้วให้วดีหม่ำน้ำขิงเข้าไป   พร้อม ๆ กับคุณยายใช้คำว่า "เผ็ด  เผ็ด"  เพื่อให้วดีจำศัพท์ว่าเผ็ดคืออาการยังไง   ตลกมาก ๆ เลยค่ะ  วดีทำหน้าเหย๋เก ทันที  พร้อมกับอ้าปากแล้วพ่นลมออกมา คือคงเผ็ดร้อน  นั่นแหล่ะ ยายบอกซ้ำอีกว่า "เผ็ด เผ็ด"   หลังจากนั้น  ยื่นให้ชิมอีกครั้ง  วดีชิมนะ  ครั้งที่ 2 ยังต่ออีก  ก็มีลักษณะแบบเดิม และคุณยายก็ย้ำคำเดิม เพื่อให้เขารู้จัก และจำทั้งคำ ทั้งอาการของคำว่า "เผ็ด"   หลังจากนั้น  ถ้าคุณยายทานอะไร แล้วเห็นว่าเด็กทานไม่ได้  จะใช้คำศัพท์บอกวดีว่า เผ็ด  แล้วเขาจะไม่งอแงขอหม่ำค่ะ.....

        อีกนิดค่ะ  นอกจากเผ็ดแล้วมีคำว่า ขมด้วย  เพราะบังเอิญคุณยายต้มน้ำสมุนไพรดอกปีป(ดอกปีบรักษาโรคภูมิแพ้หายขาดเลยนะคะ รู้ไหม)   ให้น้าตะวันทาน(คือน้องชายคุณรุ่ง)  วดีเห็นน้ำสีน้ำตาล ๆ ที่น้ากิน  อาการเดิมค่ะ ร้องจะกินให้ได้  คุณยาย สอนเพิ่มเลยคำว่า "ขม ขม"   แบบเดียวกันค่ะ ให้กินซ้ำ และ "ขม ขม"  
       
         ตอนนี้วดีจะไม่ร้องขออาหารที่มี รสชาด "เผ็ด"  กับ "ขม" ค่ะ  เพราะเข้าใจแล้วว่าคืออะไร



ก็ดูนะคะ  อันไหนไม่เห็นด้วย ผ่านเลยค่ะ.....เพราะบางอย่างมีความเสี่ยงค่ะ อันตรายอยู่เหมือนกัน   เพราะบางทีก็ต้องประสานกันระหว่างคนเลี้ยงกับคนถูกเลี้ยงด้วย  ไม่ใช่จะใช้ได้กับทั้งหมด

เหมือนเดิมนะคะ บรรทัดไหนใช้ได้หยิบไปค่ะ  ใช้ไม่ได้ ไม่เห็นด้วย วางไว้ค่ะ....

แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 53 16:15:19

จากคุณ : Jo_Smart
เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 13:22:50




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com