PANTIP.COM : N8786493 เมื่อรักต่างศาสนา..ทางออกที่มองไม่เห็น []

ความคิดเห็นที่ 10

เราเป็นคริสเตียนนะคะ เข้าใจความรู้สึกค่ะ เพราะถ้าเป็นไปได้ การมีคู่ชีวิตที่นับถือเหมือนกันมันก็ดี วันนี้ขออนุญาตให้ความเห็นในฐานะคนที่เชื่อในพระเจ้าสูงสุดองค์เดียวกันนะคะ เราสองคนนับถือคนละศาสนาเพียงเพราะเชื่อในรายละเอียดปลีกย่อยต่างกันเท่านั้นเอง

เราเองพาน้องแมทไปรบศีลเป็นคริสเตียนตั้งแต่ 5 เดือน ใครๆก็คงอยากให้ลูกเชื่อในทางเดียวกับเราใช่ไหมคะ

แต่ไม่ทราบว่าทางคุณมีสอนเหมือนทางเราไหมว่า "การหว่านเป็นเรื่องของมนุษย์แต่การทำให้โตเป็นเรื่องของพระเจ้า"

เปรียบเทียบว่าการเผยแพร่ความเชื่อที่เราเองคิดว่าดีของเรานี่เหมือนการหว่านเมล็ดพืชออกไป ถ้าเราเชื่อว่าความเชื่อเราดีจริง เราย่อมปรารถนาดีอยากให้คนทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เรารักได้สิ่งดีๆเหมือนเราถูกไหมคะ แต่การที่เมล็ดพืชแห่งความเชื่อนั้นจะโตไม่โตมันไม่ชึ้นกับตัวเรานี่คะ เค้าจะไปหาพระเจ้า (หรือพระอัลเลาะห์ของคุณ) ไหมมันเรื่องของเค้ากับพระเจ้า คุณไปบังคับไม่ได้

สวรรค์น่ะชวนกันไปได้ค่ะ แต่ลากกันไปไม่ได้ บังคับใครไปก็ไม่ได้ อย่างมากคือทั้งคู่เต็มใจแล้วจูงมือกันเข้าไปเอง

เราเคยอยากบังคับคนที่เรารักให้เป็นคริสเตียน แต่คิดอีกทีคือ

1. ไม่ใช่เรื่องของเรา พระเจ้ายังไม่บังคับให้ใครมานับถือพระองค์เลย แล้วเราไม่ใช่พระเจ้า เรามีสิทธิอะไรจะทำ

2. ถ้าคุณบังคับใครให้มาเป็นมุสลิมทั้งๆที่เค้าไม่อยากเป็น ต่อให้ยอมเออออตามคุณ แกล้งเรียนภาษาอาหรับตามคุณ หัดอ่านคัมภีร์จนสอบเทียบความรู้ได้เท่ามุสลิมคนนึง เค้าทำได้นะคะถ้าเค้ารักคุณ แต่รักคุณคือรักคุณนะคะ เค้าอาจไม่ได้รักอัลเลาะห์ของคุณ นั่นอาจจะเป็นการโกหกตบตาก็ได้เพียงเผื่อให้ได้อยู่กับคุณ แล้วอะไรเกิดขึ้น.. เท่ากับว่าอัลเลาะห์ที่คุณนับถือโดนใครคนนึง "โกหก" เค้าอาจจะทำเป็นสวดอะไรๆสรรเสริญพระองค์ แต่ในใจไม่ได้คิดอย่างนั้น นั่นคือโกหกใช่ไหมคะ (ปากไม่ตรงกับใจ)

แล้วการที่อัลเลาะห์โดนโกหกแบบนี้เพราะอะไร.. ก็เพราะคุณไปบังคับคนของคุณให้มาเป็นมุสลิม เค้าอุตส่าห์ยอมนะ (ถ้าเค้ายอม) นี่ว่าเค้าไม่ได้เลย เค้าทำดีมากๆเลย แต่คุณน่ะสิคะ คุณคือคนที่ไปลากเอาคนที่ไม่สมควร (หมายถึงจิตใจไม่ได้ศรัทธาจริง) มาบังคับให้แสดงทีท่าว่าศรัทธา

ถ้าเค้าลับหลังคุณ เค้าอาจจะกินหมู อาจจะใส่กางเกงขาสั้น อาจจะให้หมาเลียเมือแล้วไม่ล้าง ฯลฯ ทำอะไรๆที่คนนอกมองมาแล้วบอกว่า เนี่ยเหรอมุสลิม ไหนว่าห้ามทำไง... แฟนคุณเค้าก็ไม่คิดว่าตัวเค้าผิด เพราะถ้าในมุมมองของเค้าที่ไม่ใช่มุสลิมแท้ นั่นไม่ผิดเอาเลย ใจเค้าสบายๆ คุณไม่รุ้ไม่เห็นคุณก็ไม่คิดอะไร แต่ถ้าคนต่างความเชื่อแต่รู้ข้อห้ามของมุสลิมมาเห็นเข้า แล้ววิจารณ์ทำนองว่า "มุสลิมก็ไม่เห็นจะอะไรเทาไรเลย ทำเป็นเคร่งแต่ปาก อีตาคนนั้นสิ" ถามว่าใครเสียคะ ก็ศาสนาของคุณเสียโดยรวม ไม่ใช่แค่แฟนคุณ แล้วนี่ก็เหมือนการไม่ให้เกียรติอังเลาะห์ของคุณเลย

ทั้งหมดนี้มาจากใคร... ก็มาจากการที่คนคนนึงถูกบังคับเข้ามา ใครบังคับ... คนที่บอกว่ารักอัลเลาะห์ อ้าว!!!!

เราเองเลยเลิกแล้วที่จะบังคับคนที่เรารักมาเป็นคริสเตียน เราทำแค่ทำตัวดีๆให้เค้าดู ให้เค้ารู้สึกดีต่อการเป็นคริสเตียนและต่อพระเจ้า พูดเรื่องแก่นของศาสนาของเราให้เค้าฟังบ้าง โดยเฉพาะส่วนที่คนนอกอาจจะไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิด ถ้าเค้าฟังๆไปแล้วเห็นดีเห็นงาม วันนึงเค้าก็ตามคุณมาเอง

ส่วนลูก... ขอเล่าเรื่องทางเราบ้าง ทางคุณไม่ทราบว่ามีเหมือนกันไหม พ่อแม่ถ้าพาลูกอายุน้อยๆมารับศีลเป็นคริสเตียนจะเป็นได้แค่สมาชิกสำรองของโบสถ์ค่ะ ยังไม่ได้เป็นสมาชิกเต็มตัวเพราะถือว่าเค้าไม่ได้ยืนยันความเชื่อนั้นเอง จริงๆเค้าอาจจะไม่เอาพระเจ้าเลยก็ได้จริงไหมคะ แต่เพื่อให้เค้ามีโอกาสโตในทางที่เราเชื่อว่าดี เราเลยเอาเค้ามารับศีลก่อน แล้วพอโตสัก 3 ขวบก็เริ่มเรียนอะไรๆทางศาสนา

แต่พอโตสัก 14 ขวบ เค้าต้องคิดเองค่ะ เค้ารักพระเจ้าไหม จริงไม่จริงยังไง ถ้าเค้ายืนยันความเชื่อเดิม ก็มาทำพิธี confirmation ต่อหน้าคนทั้งโบสถ์แล้วกลายเป็นสมาชิกเต็มตัว เราก็หวังว่าน้องแมทของเราจะเป็นอย่างนี้ แต่ถ้าเค้าไม่เอา เค้าเลือกจะออกไป เราก็ทำอะไรไม่ได้ เรายังคิดว่าเราต้องปล่อยเค้าไปดีกว่าบังคับกายเค้าให้มาเดินทำท่าทีโกหกพระเจ้าไปมาอยู่ในโบสถ์

ถ้าเค้าจะกลับมาอีก ค่อยว่ากัน เรายังมีหวังเสมอ แต่เราไม่บังคับแน่ๆค่ะ

ในเมื่อพ่อแม่คุณไม่รุ้ว่าคุณมีลูก ตอนนี้ลูกคุณก็เหมือนว่ามีแต่ญาติฝ่ายพ่อ มีคุณคนเดียวเป๊นมุสลิม ขอถามตรงๆว่าจริงๆแล้วที่คุณทำอย่างนี้ก็ผิดใช่ไหมคะ ทางคุณนี่เป็นไปไม่ได้ถ้าจะเอาตามขนบประเพณีที่จะมามีลูกโดยที่พ่อแม่ไม่รับรู้สังคมมุสลิมไม่รับรู้ นี่ก็คงเป็นการ"ลักลอบ" ใช่ไหมคะ (ไม่ได้ตำหนินะ นี่ถามกันตรงๆ)

ถ้าใช่ คุณต้องยอมรับอย่างนึงแล้วค่ะว่าคุณทำผิด คุณอาจจะไม่ใช่พุทธไม่เชื่อแบบพุทธ แต่อย่างน้อย "ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว" นี่ค่อนข้างจะเป็นตรรกะที่สากล คุณต้องยอมรับแล้วมั๊งว่าที่ลูกคุณเหมือนถูกตัดขาดจากสังคมมุสลิมนี่เพราะคุณไม่ได้มีเค้าในระบอบที่มุสลิมควรจะกระทำ

ถ้าคุณเองยังไม่รู้เลยว่าจะบอกพ่อแม่ยังไง จะกลับเข้าสังคมมุสลิมได้อย่างปรกติสุขไหม ลุกจะได้รับการยอมรับอย่างไรจาฝ่ายคุณ ตอนนี้ปล่อยเค้าอยู่ในที่ที่เค้าอยู่ได้ก่อนไหมคะ คืออยู่แบบพุทธไปนั่นแหละ คุณจะมาหวังให้อะไรๆมันราบรื่นแบบลูกของมุสลิมอื่นๆไม่ได้หรอกค่ะ เพราะคุณเองก็เป็นคนฝ่าฝืนขนบของมุสลิมออกมาเอง ผลลัพธ์ตรงนี้เลยมาตกแก่ลูกด้วย

เรื่องกินหมุนี่เข้าใจค่ะ ว่าคงรังเกียจ อาจจะขอร้องดีๆฝ่ายนั้นได้ไหมคะ ว่าคนมันไม่เคยกินน่ะนะ ย่อมไม่ชอบกลิ่น ย่อมขยะแขยงเป็นธรรมดา (คริสเตียนไม่ห้ามกินกิ้งกือแต่ถ้าใครจะให้น้องแมทกินกิ้งกือเราก็คงวีนใส่ เลย)

ถ้าคุณจัดการชีวิตฝ่ายคุณยังไม่ได้ เข้าหน้าพ่อแม่ยังไม่ได้ ปล่อยลุกไปเป้นพุทธเลยค่ะ แต่ให้เป็นพุทธที่ดี เป็นคนดี เป็นพุทธที่รุ้เรื่องอิสลามอย่างดี อย่างตรงๆถึงแก่น ไม่ใช่รู้ผิวๆมาตั้งข้อรังเกียจ เรื่องหมูนี่ขอเป็นกรณีพิเศษไป ว่าไม่ให้กินได้ไหม คนเราที่ไม่กินอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งก็มีนี่คะ ถ้าจะเลี้ยงให้ลูกคุณไม่กินหมูก็ไม่เห็นจะแปลก

แล้วคุณไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย บอกพ่อบอกแม่ ปูทางให้ดี เอาให้ชัวร์ว่ามีที่ที่ดีกว่าให้ลูกและคุณกลับไป ถ้ากลับไปแบบโดนรังเกียจจะไปทำไมคะ จริงไหม

จากนั้นคุณเอาลุกคุณกลับมาเป็นมุสลิมด้วยวิธีไม่บังคับ เพราะคุณลากเค้ามา "เสแสร้ง" เป้นมุสลิมได้แน่ๆเพราะคุณเป็นแม่ คุณมีอำนาจเหนือเค้า แต่คุณคงไม่ต้องการอย่างนั้น คุณคงต้องการลูกที่เป็นมุสลิมจากข้างใน และเป็นคนที่ศรัทธาในอัลเลาะห์ด้วยใจจริง

คุณต้องเป็นมุลสิมที่ดีให้เค้าเห็น เราไม่เชื่อว่าศาสนาของคุณเห็นแก่ตัว ไม่เชื่อจริงๆค่ะ เพียงแต่ยืดหยุ่นน้อยไปหน่อยในบางมุม (ขอวิจารณ์ตรงๆ) คุณต้องแก้ตรงนั้น ทำภาพใหม่ให้ดีในสายตาเค้า และคุณต้องศึกษาศาสนาพุทธให้เข้าใจถึงแก่นเช่นกัน เพราะถ้าคุณอยากให้ลูกหรือให้คนอื่นเปิดใจกับศาสนาคุณ คุณก็ต้องทำอย่างเดียวกัน ไม่ได้บอกให้คุณเปลี่ยนศาสนา แต่ให้คุณศึกษาเพิ่มเกี่ยวกับศาสนาอื่น ไม่งั้นคุณลบภาพความเห็นแก่ตัวไม่ได้แน่ๆค่ะ และคงไม่มีใครยอมจะเข้าศาสนาที่เห็นแก่ตัว ถ้าเค้าเดิมอยู่ในศาสนาที่เห็นแก่ตัวน้อยกว่า

แต่ขอติงว่าถ้าศาสนามีความ "เห็นแก่ตัว" นั่นไม่ใช่ศาสนาแล้วค่ะ หรือไม่ก็เป็นการบิดเบือนตีความผิดของศาสนิกชน เพราะศาสนาเป็นสิ่งสูงส่ง เป้นเรื่องของทางไปสวรรค์ จะมาเจือด้วยความไม่ดีแม้แต่น้อยไม่ได้ ความเห็นแก่ตัวเป็นความไม่ดีอย่างหนึ่ง เราไม่เชื่อว่าสิ่งนี้จะอยู่ในแก่นแท้ของศาสนาอิสลามหรือศาสนาใดๆในโลก

คุณเองลองศึกษาศาสนาอิสลามของคุณให้มากขึ้นด้วยก็ดีนะคะ เอาแบบในมุมของศาสนนศาสตร์น่ะค่ะ ไม่ใช่ในมุมของนักปฏิบัติศาสนา คุณจะทราบเลยว่าศาสนาของคุณไม่เห็นแก่ตัว เราเองเปลี่ยนมาเป็นคริสต์ ไม่ได้เป็นมาดัง้เดิม ตอนเปลี่ยนเราอ่านมาหมดทั้งพุทธคริสต์อิสลาม แล้วเลือกที่เราศรัทธาที่สุด เราอ่านศาสนาของคุณมาในระดับหนึ่ง ยืนยันด้วยสายตาเราเลยว่า "ไม่ได้เห็นแก่ตัว" แต่มุสลิมบางคตีความศาสนาตัวเองตรงเกินไปจนนึกเอาเองว่าศาสนาตัวเอง "เห็นแก่ตัว"

มีอะไรหลังไมค์ได้ค่ะ ขอบอกว่าเห็นใจมาก แต่ทำใจสบายๆและเป็นกลางก่อนนะคะ
แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 53 10:59:16
แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 53 10:58:24
แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 53 10:29:08

จากคุณ : big black eyes

เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 53 10:23:35