ความคิดเห็นที่ 1 ขอเกาะขอบจอรอคำตอบด้วยคนค่ะ จะพาหนูมะลิกลับไปหาคุณตา-คุณยายช่วงซัมเมอร์ จากคุณ : anothersiamese เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 01:04:24

ความคิดเห็นที่ 2 baby sling or stroller baby diaper cream sock, pajamas teething bite จากคุณ : whiterussine เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 01:40:51

ความคิดเห็นที่ 3 เกาะ..ด้วยคน เพราะจะเยือนไทยอีกสี่เดือนหน้านี้ค่ะ กลับครั้งที่แล้ว ลูกคนเดียวค่ะ แต่ครั้งที่กลับสอง ขาไป มีสามีไปด้วย แต่ขากลับนี่สิคะ ต้องหิ้วสองคนเลย จากคุณ : เจ้าแม่แฟชั่น เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 02:05:29

ความคิดเห็นที่ 4   เกาะด้วยอีกคน   เพราะจะกลับไทยแลนด์แดนสยาม อีก 4เดือนข้างหน้าเช่นกัน บินไปพร้อมลูก ขากลับมาพร้อมสามีเสียวๆเหมือนกัน กลัวลูกร้องกับเรื่องปรับตัวของลูกนี่แหละ จากคุณ : แม่น้องชมพู่ (แม่น้องชมพู่) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 02:48:18

ความคิดเห็นที่ 5 แหม...มีแต่ชาวเกาะ ฮืมส์ คอยดูคนต่อไป จะเกาะอีกหรือเปล่า จากคุณ : เจ้าแม่แฟชั่น เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 02:50:47

ความคิดเห็นที่ 6   บินเดี่ยวกับลูกเหมือนกันค่ะ อีกสองอาิทิตย์จะถึงนี้ แถมต้องต่อเครื่องอีกต่างหาก .. แต่ก่อนมีแต่สามีเดินทางด้วยแต่ครั้งนี้ต้องฉายเดียว ทั้งขาไปขากลับ คิดหนักจริงๆ กลัวที่สุดกลัวงอแง .. จากคุณ : เปปโป เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 02:52:16

ความคิดเห็นที่ 7 ซ้ำจ้า แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 53 03:01:40 จากคุณ : เจ้าแม่แฟชั่น เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 03:00:51

ความคิดเห็นที่ 8 เข้ามาอีกรอบค่ะ อันนี้เคยอ่านเจอ (อ่านเจอมาจากเว๊ปผู้จัดการออนไลน์ เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ) การโดยสารเครื่องบินร่วมกับเด็ก ๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นการเตรียมตัวล่วงหน้า จะช่วยลดความเครียดให้แก่ผู้ปกครองได้ ระยะเวลาอันยาวนานในการเดินทางมักทำให้เด็ก ๆ อึดอัด และความกดอากาศในขณะนำเครื่องบินขึ้นและลงมักจะทำให้เด็ก ๆ เจ็บหู แต่ในทางตรงกันข้ามการโดยสารเครื่องบินมักจะเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นและท้าทายสำหรับเด็ก ๆ เช่นกัน ส่วนการเดินทางกับเด็ก ๆ ที่เล็กมาก คือ แรกเกิด- 3 เดือน ควรขอคำแนะนำจากแพทย์ก่อนขึ้นเครื่องถึงวิธีป้องกัน และการหลีกเลี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่าง ๆ ข้อแนะนำสำหรับการเดินทาง การวางแผนล่วงหน้าจะช่วยทำให้การเดินทางราบรื่นและสนุกสนานทั้งคุณพ่อ คุณแม่และเด็ก ๆ โดยจะต้อง • พาเด็ก ๆ ไปตรวจสุขภาพก่อนการเดินทาง • พาเด็ก ๆ ไปทำหนังสือเดินทาง เพราะเด็กที่เดินทางทุกคนก็เหมือนกับผู้ใหญ่นั่นแหละ คือต้องมีหนังสือเดินทางในกรณีเดินทางออกนอกประเทศ • ขอคำแนะนำกับเจ้าหน้าที่สายการบินในการดูแล และช่วยเหลือเด็ก ๆ ในระหว่างเดินทาง • ในกรณีที่เด็กเดินทางคนเดียว อาจขอให้มีพนักงานบนเครื่องบินช่วยเหลือดูแลในด้านความปลอดภัย • แจ้งความจำนงเรื่องของอาหารสำหรับเด็กก่อนการเดินทาง • ราคาตั๋วเครื่องบินของเด็กในช่วงแรกเกิดถึง 2 ขวบ จะเท่ากับ 10% ของราคาเต็ม ส่วนเด็กที่มากกว่า 2 ขวบ ต้องจ่ายเท่าผู้ใหญ่ • ราคา 10% ที่เราจ่ายนั้น หมายถึงที่นั่งที่ ลูกจะต้องนั่งบนตักเราหรือบน Box, Cot ที่สายการบินเตรียมไว้ให้ ส่วนเด็กที่อายุ 2 ปีขึ้นไปต้องมีที่นั่งของตัวเองสำหรับการเดินทางออกนอกประเทศ และเด็ก 3 ปีขึ้นไป ต้องมีที่นั่งของตัวเองสำหรับการเดินทางในประเทศ • ขอที่นั่งสำหรับเด็กใกล้ประตูทางออก เพื่อจะมีที่ช่องว่างให้เด็กนั่งเล่นได้บ้าง • แจ้งขอ Cot หรือ Box ตอน Check in หรือตอนจองตั๋วเครื่องบิน ในบางสายการบิน หากเป็นการเดินทางช่วงสั้น ๆ อาจไม่มีบริการให้ • เบาะนั่งสำหรับเด็กในรถ สามารถนำขึ้นเครื่องได้ แต่ผู้ปกครองอาจจะต้องจองที่นั่งสำหรับเด็กไว้ก่อน • เตรียมเขียนชื่อลูก ชื่อผู้ปกครอง ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ทั้งที่บ้านและจุดหมายปลายทางติดไว้ที่ตัวเด็ก เช่น ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ หรือห้อยคอในกรณีพลัดหลง • อย่าใส่เครื่องประดับที่มีค่าให้ลูก เช่น สร้อยคอ หรือสร้อยข้อมือ • หากเดินทางเป็นระยะทางไกล ควรจองตั๋วที่เดินทางกลางคืน เพื่อเด็ก ๆ จะได้นอนหลับบนเครื่องได้ กระเป๋าถือสำหรับขึ้นเครื่องบิน การจัดกระเป๋าถือขึ้นเครื่องบิน ควรมีสิ่งของ สัมภาระที่จำเป็นดังนี้ • เสื้อผ้าเปลี่ยน ผ้าปูรอง ผ้าอ้อม ผ้าเช็ดทำความสะอาด กระดาษทิชชู ครีมทากันผื่น ขวดนม นม ของว่างที่เด็ก ๆ ชอบ ที่ใส่ขยะ น้ำต้ม ยาที่ใช้ประจำวัน ยาแก้ไข้ที่เหมาะสำหรับเด็ก เกมส์ และของเล่น ข้อแนะนำสำหรับเด็ก ๆ เมื่ออยู่ที่สนามบิน • ให้เด็กแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีสดใส เพื่อการมองเห็นง่ายท่ามกลางฝูงชน • ไปถึงสนามบินก่อนเวลา เพื่อเด็ก ๆ จะได้มีเวลาผ่อนคลายก่อนขึ้นเครื่อง • เปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกก่อนขึ้นเครื่องบิน เนื่องจากห้องน้ำบนเครื่องค่อนข้างคับแคบ คำแนะนำเมื่ออยู่บนเครื่องบิน • แต่งตัวเด็ก ๆ ด้วยเสื้อผ้าบาง ๆ สัก 2-3 ชั้น เมื่อเวลาอากาศร้อนหรือเย็นเกินไปจะได้ถอดหรือสวมได้สะดวก ผ้าห่มก็เป็นสิ่งที่จำเป็นด้วยเหมือนกัน • อย่าเกรงใจที่จะขอความช่วยเหลือจากพนักงานบนเครื่องบิน เช่น อุ่นนมให้ลูก • อย่าพยายามเปลี่ยนผ้าอ้อมบนตัก ห้องน้ำบนเครื่องมีที่เปลี่ยนที่สามารถติดได้จากฝาพนัง • ให้ลูกดื่มน้ำเยอะๆเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ • นำของเล่นที่ไม่กินเนื้อที่มาก เช่นหนังสือ สมุดภาพระบายสี ดินสอสี หรือคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก พร้อม DVD ที่ลูกชอบ ขึ้นเครื่องติดตัวไปด้วย • ให้ลูกเล่นของเล่นทีละชิ้น เมื่อเบื่อค่อยหยิบของเล่นชิ้นใหม่ขึ้นมา • เด็กเล็ก ๆ ชอบของเล่นชิ้นโปรดที่รู้สึกปลอดภัยบนเครื่องบิน • ในกรณีที่มีลูกเล็ก ๆ หลายคนเตรียมของเล่นที่เพียงพอแก่ลูกแต่ละคน เพื่อป้องกันการแย่งกัน • เด็กโตอาจชอบการสำรวจบนเครื่อง ขอพนักงานให้ช่วยพาเด็ก ๆ เที่ยวชมบนเครื่อง อาการปวดหูจากความกดอากาศ ความกดอากาศอาจมีผลทำให้ลูกปวดหู ในระหว่างขึ้น ลง หรือในขณะทำการบิน การกลืนน้ำลายช่วยลดความกดดันได้ หากทำในช่วงเวลาที่เหมาะสมสามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บหู • ให้อาหารแก่ทารกในระหว่างการขึ้น หรือลงของเครื่องบิน • ให้เด็กๆดื่มน้ำหรือทานอาหาร • ถ้าเด็กๆไม่ต้องการดื่มน้ำและทานอาหาร ให้อมยิ้มหรือขนมขบเคึ้ยวแก่เด็กแทน (ในกรณีเด็กโตพอ) • ยาหยอดหู สามารถใช้ได้ตามคำแนะนำของแพทย์ แค่นี้คุณพ่อ คุณแม่รวมทั้งลูกน้อยก็จะมีความสุข กับการเดินทางที่แสนตื่นเต้นและน่าประทับใจบนเครื่องบิน หากลูกจะโยเยบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็คงไม่เป็นไร (ที่มา www.manager.co.th/Family) จากคุณ : whiterussine เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 03:20:44

ความคิดเห็นที่ 9 เรากลับเมืองไทยเมื่อปี 08 ตอนนั้น ลูกชาย 18 เดือนค่ะ เวลากินเค้าจะเปลี่ยน ลูกเราตอนนั้นไม่ค่อยทานอาหาร  ตื่มแต่นม (เราแพคนมผสมไปด้วยค่ะ  แล้วอึหลายครั้งเหมือนกัน ผ้าอ้อมเตรียมไปเยอะเลยค่ะ เกินดีกว่าขาด ทุกวันนี้เวลาเดินทางทั้งในหรือ ตปท เราไม่ค่อยกังวลเรื่องขาดโปรตีนมากเท่าไหร่ เพราะมันแค่แป้บๆน่ะ เราให้ลูกกินทุกอย่างที่หาได้ในตอนนั้น อย่างพวกคุ้กกี้ ขนมขบเคี้ยวต่างๆ ขอให้เค้าอิ่มท้อง แต่ลูกเราโตแล้วด้วย ตอนนั้นเราไม่ได้ซื้อตั๋วให้ลูกค่ะ แต่ขาไปมีที่นั่งว่างตั้งแต่จากเมกา ถึง กทม เลยมีที่ให้เค้านั่งเอง แต่เค้าไม่ค่อยนั่งค่ะ จะปีน จะเดินตลอด งอแงมากถึงมากที่สุด แล้วก็จะมานั่งตักเราหรือสามีซะมากกว่า ลูกชายเราค่อนข้างไฮเปอร์ ไม่ค่อยอยู่นิ่งๆ เค้านอนบนเครื่องแค่ไม่กี่ ชม เองน่ะ ส่วนใหญ่จะงอแงมาก แล้วเราก็เลยไม่ได้นอนไปด้วย ทริปนั้นทำให้ขยาดเดินทางไกลกับเด็กเล็กไปเลยค่ะ ถ้ามี คาร์ซีทไปด้วย อาจจะช่วยให้เค้านั่งอยู่กับที่ได้ดีกว่านะ เรื่องเวลาปรับตัว ลูกเราใช้เวลาเป็นอาทิตย์เลยค่ะ จำได้ว่าเค้าตื่นตี สอง แล้วไม่ยอมนอนต่อ จะเล่นตลอด ส่วนบ่ายๆ เค้าจะง่วงนอนมาก ค่ะ ลูกจขกท 9 เดือน อาจจะยังไม่ซนมากเท่าลูกเรานะคะ ^_^ จากคุณ : kiriya เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 03:29:12

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาตอบนะคะ คุณ whiterussine ถ้าใส่ sock  แล้วก็ต้องเตรียมเผื่อไปอีกหรือคะ ลืมนึกไปเลยคิดแต่ว่าเมืองไทยร้อน ถ้าไปถึงก็แทบถอดเกลี้ยง แถมรูป Alice ให้ดูด้วย เรื่้องเอกสารหรือสุขภาพ เราจัดการหมดแล้วค่ะ เหลือแต่ระหว่างบินน่ะค่ะ เราไม่แน่ใจว่าเตรียมขาดอะไรไปอีก จากคุณ : joejeetha เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 04:26:06

ความคิดเห็นที่ 11 เอาใหม่รูปไม่ขึ้น แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 53 04:30:34 จากคุณ : joejeetha เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 04:30:13

ความคิดเห็นที่ 12 อีกที จากคุณ : joejeetha เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 05:03:09

ความคิดเห็นที่ 13 1. เราพาลูกกลับตอน 6 เดือนค่ะ ตอนนั้นเค้ากิน solid 2 มื้อแล้ว แต่เป็นพวก ผัก ผลไม้ ตอนนี้เค้า 9 เดือนเท่า Alice เลย ตอนนั้นเราให้ลูกกินตามเวลาเดิมเค้าค่ะ เพราะถ้าให้กินพร้อมเราตอนที่เค้าเสริฟอาหารแล้ว จะไม่มีที่พอ อึดอัดมากเกิน 2. แค่ 23 ชม. คงไม่เป็นไรมั๊งคะ ถ้าไม่ได้กินไข่ แต่ถ้าเป็นกังวลก็ลองเอาอาหารขวดที่มีเนื้อไป ถ้ากลัวลูกไม่กิน ให้ลองซ้อมๆ ก่อน เราฝึกให้ลูกกินทั้งอาหารขวด อาหารทำเอง เค้าจะได้ไม่มีปัญหาเวลาไปข้างนอก ลองให้กินยี่ห้อ Heinz แบบ Organic ที่เป็น Step 3 ดู ลูกเราชอบ chicken pasta casserole แล้วขวดมันใหญ่ไม่ต้องเอาไปหลายขวดแค่ 2 ขวดก็พอ เดาว่าคุณ Jojeetha อยู่แถบ North America  แล้วก็เดินทางกับ JAL ใช่มั๊ยค่ะ ทาง JAL เค้าจะมีอาหารขวดให้ด้วย จะให้ Flight ละ 2 ขวด เป็นพวกผักหรือ  ผลไม้ สำหรับ beginner 1 ขวด แล้วก็ พวกเนื้อๆ 1 ขวด 3. ดีแล้วค่ะ ที่เอา carseat ไปด้วย ตอนนั้นลูกเรายังเล็กอยู่ เค้านอนใน bassinet ได้ เราเลยไม่ต้องเอาไป แต่พอถึงเมืองไทย เราก็ต้องซื้อ carseat ให้ลูกใหม่ เพราะต้องเดินทางกันตลอด ถ้าจะให้ลูกนั่งตักเราตลอด เราว่าน่าสงสารทั้งเราทั้งลูกนะคะ เพราะ flight มันนานมากกกกกกกก 4. ถ้าคุณ Jojeetha เดินทางพร้อมสามี มีคนช่วยแบกสัมภาระที่คิดว่าจำเป็นก็ขนไปก็ได้ค่ะ แต่ตอนนั้นเราเดินทางคนเดียวพร้อมลูก ขากลับถึงจะกลับพร้อมสามี เราขนแต่ของที่เราคิดว่าจำเป็นสุด  เราเอา diaper bag ขึ้นไป ในนั้นก็มี diaper นิดหน่อย (บนเครื่องมีให้ flight ละ 4 ผืน), wipes, diaper rash cream แล้วก็ ผ้าอ้อมไป 5 ผืนเผื่อลูกทำเลอะเทอะ,  ของเล่นลูก, pacifier, ขนม, fruit net (ใส่ผลไม้ตอนเค้าเสริฟ ลูกจะได้มีอะไรทำตอนเรากิน), baby tylenol, นำ้ดื่มของลูกใส่ sippy cup,  เสื้อผ้าลูกเอาไว้เปลี่ยน, เสื้อแม่เผื่อลูกแหวะใส่ และที่สำคัญ baby carrier เผื่ิอเค้า fussy ให้เราอุ้ม สำหรับ baby cereal เอาแบบที่เติมน้ำ ไปซิคะ จะได้ไม่ต้องแบก formula ไป 5. ดีค่ะ 6. แค่ 1 -2 วัน แต่ตอนกลับมาถึงบ้านที่แคนาดา กว่าจะเป็นเหมือนเดิมตั้งเกือบอาทิตย์นึงละค่ะ ตอนนั้นเราบินผ่านญี่ปุ่นเหมือนกันก็ไม่มีปัญหาอะไรใช้เวลา transit แค่ 2 ชม เราเอาลูกไปเช็ดตัวในห้อง nursery room ของสนามบิน เออใช่ จะบอกว่าบนเครื่องร้อนมากมาก ลูกเราเป็น heat rash เลย เพราะฉะนั้น ใส่เสื้อผ้าให้ลูกเป็น layer นะคะ ถ้าร้อนจะได้ถอดง่ายๆ ของเราใส่ชุดนอนให้ลูกแล้วก็มี jacket กับ ถุงเท้าไปเผื่อค่ะ หวังว่าคงจะช่วยได้นะคะ จากคุณ : realitybites เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 08:14:48

ความคิดเห็นที่ 14 มาเก็บความรู้ เดือนพค.ว่าจะพาลูกบินไปเยี่มทวดที่เยอรมัน ตอนนั้นลูก 10 เดือน กลัวอยู่เหมือนกัน จากคุณ : Mucki_girl เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 12:48:34

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณมากค่ะคุณ realitybites   เดี๋ยวไปเอา fruitnet  มาเตรียมมั่งดีกว่า ที่เราไม่อยากเอา  carseat ไปก้ไม่อยากแบกเรื่องนึง แล้วที่เมืองไทยเราขอยืมของพี่ชายเราไว้แล้วค่ะ ลูกเค้าโตเกินพอดี จากคุณ : joejeetha เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 14:15:52