ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อเด็กเริ่มก้าวเดินได้ นั่นคือสัญญาณบอกให้เริ่มฝึกสมองได้แล้ว จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 20:46:55

ความคิดเห็นที่ 2 เล่าต่ออีกสิคะ อยากดูอีก จากคุณ : Ice Late' เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 21:13:23

ความคิดเห็นที่ 3 รอค่ะ จากคุณ : premy-girl เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 21:31:26

ความคิดเห็นที่ 4 คงมีหลายคนที่สงสัยว่าทำไมต้องฝึกสมองตั้งแต่อายุน้อย ๆ นั่นเป็นเพราะว่าช่วงตั้งแต่ทารกจนถึง 3 ขวบ สมองจะเพิ่มจำนวนของ synapse ขึ้นอย่างรวดเร็ว (วิชาการอย่างแรง ใครอยากทราบรายละเอียดเกี่ยวกับ synapse หาอ่านได้จากกูเกิ้ลนะคะ เครียด) --------- การกระตุ้นสมองส่วนหน้าให้พัฒนาเมื่อเด็กเริ่มเดินได้--------- -- พาไปเดินเล่น-- ก่อนจะออกไปเดินเล่น ให้บอกกับเด็กล่วงหน้าก่อน เช่น"ไปสวนสาธารณะกันไหมคะ", "ไปเดินเล่นกันนะ" ขณะที่พูดให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกับเด็ก ใช้น้ำเสียงที่เป็นการกระตุ้นความสนใจ ให้เด็กรู้สึกว่าเป็นการทำกิจกรรมร่วมกัน ไม่ใช่เป็นการบังคับ รอสังเกตุดูก่อนว่าเด็กรู้สึกยังไง ถ้ายังไม่อยากไปก็รอก่อน หรือไม่ก็หาวิธีดึงดูดความสนใจ เช่น ขากลับเราแวะซื้อของกันนะ หาวิธีโน้มน้าว บางคนแรก ๆ ไม่อยากไป แต่พอออกไปแล้วเกิดสนุกขึ้นมาก็มี ขอแค่ให้เด็กรู้สึกสนุกตอนที่ออกไปเดินเล่นคือดีที่สุด การบอกเด็กล่วงหน้า เป็นการกระตุ้นสมองให้ทำงาน เพราะเมื่อเด็กรู้ว่าต้องออกไปข้างนอก ก็จะมองหารองเท้า เราก็เตรียมรองเท้าวางไว้ ตอนที่ใส่ให้ก็สอนเด็กไปด้วยว่า ข้างซ้าย ข้างขวา เป็นการเตรียมพร้อมให้เด็กรู้จักใส่รองเท้าได้เองในวันข้างหน้าได้ด้วย **เดินเล่น** แค่เด็กได้ยินคำนี้ปุ๊บ เขาก็จะจินตนาการทันทีว่าต้องใส่รองเท้า ต้องออกไปเดินข้างนอก เป็นการกระตุ้นให้สมองสั่งการเคลื่อนไหวอย่างอัตโนมัติ จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 21:34:27

ความคิดเห็นที่ 5 รอชมค่ะ ติดตามมาตั้งแต่ตอนที่แล้วค่ะ ชอบมากๆ จากคุณ : -jj- เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 21:37:47

ความคิดเห็นที่ 6 ปูเสื่อรอค่ะ หนังสือน่ารักมากเลยค่ะ.... ขอบคุณ จขกท. สำหรับข้อมูลดีๆ นะคะ จากคุณ : chocolate_box เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 21:49:49

ความคิดเห็นที่ 7 wait wait wait kha จากคุณ : TangMo-AKaNe เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 21:53:43

ความคิดเห็นที่ 8 รอข้อมูลค่า จากคุณ : ดอกหญ้าในป่าคอนกรีต เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 21:53:56

ความคิดเห็นที่ 9 -- ให้เด็กเดินไปถึงจุดหมายปลายทางด้วยตัวเอง-- สอนให้เด็กรู้จักภูมิใจเมื่อตัวเองทำสำเร็จตามเป้าหมาย ก่อนอื่นต้องกำหนดก่อนว่าจะเดินไปถึงไหน สมมุติว่า ต้องไปซื้อไข่ที่ร้านขายของในหมู่บ้านอยู่แล้ว ก็ถือโอกาสนี้พาลูกออกไปเดินเล่นด้วยเลย แต่ถ้าไม่มีธุระที่ไหน ก็อาจจะเป็นสนามเด็กเล่น หรือจุดที่เด็ก ๆ มารวมอยู่กันเยอะ ๆ เมื่อกำหนดเป้าหมายที่จะไปได้แล้ว ก็ให้เด็กเดินไปเองจนถึงเป้าหมาย ข้อที่ต้องระวังคือ 1 เดินจับมือเด็ก 2 คอยประคองให้เด็กเดินอย่างปลอดภัย 3 ผู้ใหญ่ต้องเดินอยู่ด้านนอกฝั่งถนน 4 ให้เด็กเดินหันไปข้างหน้า (อย่าให้เดินโย้ ไปเย้มา) 5 ปรับความเร็วในการเดินให้เข้ากับเด็ก (พ่อง่ะเดินไวประจำเลย) 6 ระหว่างเดินคอยระวังความปลอดภัยรอบ ๆ ด้วย (ประมาณว่ามองลูกเดินจนเพลิน แม่เดินเหยียบหมาน้อยซะ) 7 ให้เสื้อผ้าที่เคลื่อนไหวได้สะดวก ในกรณีที่เด็กยังเดินได้ไม่คล่อง ก็ไม่ต้องฝืนให้เดินไปจนถึงเป้าหมาย เดินไหวแค่ไหน ถ้าเด็กเดินไม่ไหวแล้ว แม่ก็อุ้มต่อไป เมื่อเดินมาถึงที่หมายแล้วให้ชมเด็ก ที่เด็กมีความพยายามในการเดินจนถึง "เก่งจังเลยค่ะ เดินมาจนถึงเลย" แต่ถ้าไม่รู้ว่าเด็กจะเดินได้ไกลขนาดไหน ก็เอารถเข็นเด็กไปด้วยก็ได้ พอเหนื่อยก็ค่อยนั่งรถเข็น แต่ถ้าเอารถเข็นไป แม่จะจับมือลูกไม่ได้ เขาจะใช้เชือกผูกข้อมือเด็ก กับแม่ไว้แทนการเดินจูงมือ จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 21:54:16

ความคิดเห็นที่ 10 รอ ๆ ๆ  ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ จากคุณ : ukako เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 21:58:06

ความคิดเห็นที่ 11 การอ่านสัญญาณจราจร ให้จำกฎที่เกี่ยวกับความปลอดภัย ที่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเดินกันเยอะ ถนนเล็ก ๆ ที่มีแยกยังมีสัญญาณจราจรเลยค่ะ เด็กประถม เดินไปรร.กันเอง นั่งรถไฟกันเอง เขาเลยสอนเรื่องนี้กันตั้งแต่เล็ก ๆ การสอนให้เด็กรู้จักความหมายของไฟจราจรทั้ง 3 สี เกี่ยวข้องกับการสั่งการของสมอง ไฟแดง คือ หยุด ไฟเขียว คือ ข้ามได้ เด็กจะก้าวเท้าไหนก่อน จะเดินต่อ หรือจะหยุด สมองส่วนหน้าจะเป็นตัวตัดสินใจ จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 22:03:58

ความคิดเห็นที่ 12 ว้าวววววววววววววววววววว    ชอบใจเป็นที่สุด ขอบคุณ จขกท มากๆนะคะ ที่เอาความรู้มาแบ่งปัน เทกี๊ฟให้เต็มหน้าตักเลยค่ะ จากคุณ : crispyroll เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 22:12:37

ความคิดเห็นที่ 13 การจำแผนที่ เป็นการให้เด็กรู้จักสังเกตุบริเวณรอบ ๆ ระหว่างที่เดินไป ก็ชวนเด็กคุยไปด้วย "เอ๊ะ นั่นอะไรน๊า" "เสียงนกร้องเพราะจัง" "ว๊าว ห๊อม หอม บ้านน้องปอ ทำอะไรกินนะ หอมเน๊อะ" (ประมาณนั้น) เป็นการทำให้เด็กสังเกตุสิ่งรอบ ๆ ตัว การที่แม่ชวนลูกคุย ลูกดู สิ่งต่าง ๆ เท่ากับว่าเด็กได้ใช้ ตา หู จมูก ประสาทสัมผัสต่าง ๆ ในการสังเกตุ สมองก็จะทำงานเต็มที่ และยังได้เรียนรู้สภาพแวดล้อมในระหว่างที่เดินด้วย เวลาเดินก็พูดให้เด็กจำจุดสำคัญ ๆ เช่น "เดี๋ยวถ้าเราเลี้ยวขวานะก็จะเจอบ้านน้องเอ" "หน้าบ้านน้องเอมีดอกไม้สีม่วง" ใช้นิ้วชี้บอกให้ชัดเจนด้วย หาจุดสำคัญ หรือคำที่อธิบายแล้วเด็กเข้าใจได้ง่าย พอกลับมาบ้านแล้ว มีเวลาก็เอากระดาษออกมาวาดแผนที่ ที่ไปเดินเล่นกันมา แล้วก็ชวนลูกคุยไปด้วย เป็นการกระตุ้นให้เด็กนึกตาม การกระตุ้นให้เด็กนึกออกมา นั่นคือการยืนยันความจำ จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 22:21:19

ความคิดเห็นที่ 14 การนับเลข สอนให้นับ 1, 2 ระหว่างเดินเล่น มีอะไร ๆ ให้นับเยอะแยะไปหมด แต่ให้เด็กเริ่มจำแค่ 1 กับ 2 ก่อน จับนับรถ นับนก อะไรก็ได้ แต่ให้ฝึกนับออกเสียงดังพร้อมกันก่อน หรือจะนับก้าวที่เดินก็ได้ หนึ่ง...สอง...หนึ่ง...สอง พอได้สักระยะหนึ่ง เมื่อเด็กเริ่มนับเองได้แล้ว ครั้งต่อไปที่จะไปเดินเล่น กำหนดจุดหมายที่จะไป แล้วให้นับถอยหลัง เดินไปนับไป  สาม..สอง..หนึ่ง สาม...สอง...หนึ่ง พอถึงจุดหมายคือ "ศูนย์" นั่นคือหยุดไม่ก้าวต่อ ทำซ้ำ ๆ แบบนี้ เป็นการสอนให้เด็กรู้จักความหมายของคำว่า "ศูนย์" การสอนให้เด็กนับ โดยเพิ่มทีล่ะหนึ่ง  เด็กจะเข้าใจจำนวนด้วยตัวเองโดยอัตโนมัติ การค้นคว้าวิจัยจากลิงชิมแปนซี พบว่าการสอนให้ลิงนับ โดยเพิ่มทีล่ะ 1 ลิงจะจำได้ง่ายกว่า และเมื่อเข้าใจความแตกต่างระหว่าง 1 กับ 2 แล้ว ก็ค่อยเพิ่มไปอีก 1 เป็น 3 4 5 และเมื่อหยุดคือ 0 จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 22:35:01

ความคิดเห็นที่ 15 -- จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 22:36:04

ความคิดเห็นที่ 16 เดินตรง เดินไกล ให้สมองส่วนหน้าทำงานอย่างจริงจัง เมื่อเด็กเริ่มเดินได้ใหม่ ๆ จะยังเดินได้ไม่ค่อยสมดุลเท่าไหร่  ระยะก้าวก็ไม่ค่อยคงที่ เพื่อฝึกให้เด็กเดินนอกบ้านได้ ก็จำเป็นต้องฝึกเดินกันก่อน สมองส่วนหน้าจะทำหน้าที่ในการตัดสินทิศทางในการเดิน, ระยะทาง และระยะก้าว ถ้าสมองไม่คิดอะไร ก็จะไม่สามารถเดินได้ตรง (นึกถึงคนที่ใจลอย เดินไม่ค่อยตรง) วิธีฝึกเดิน ให้แม่เดินให้ดูเป็นตัวอย่างก่อน จากนั้นก็เดินด้วยกัน พอถึงปลายเส้นก็หันหลังกลับ แล้วเดินใหม่อีกรอบ ช่วงที่เดินให้แม่สังเกตุว่า เด็กมองตรงไปข้างหน้าตอนเดินรึเปล่า ลักษณะการเดิน ส้นเท้าลงถึงพื้นก่อน แล้วปลายเท้ายกตวัด รึเปล่า (อธิบายยากเน๊อะ) พอเด็กเริ่มชินแล้วก็ลองให้เดินยกมือ โบกมือทั้ง 2 ข้าง หรือจะฝึกให้เด็กเดินด้านข้าง หรือเดินตามหลังแม่เพิ่มอีกด้วยก็ได้ จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 22:48:42

ความคิดเห็นที่ 17   วู้วว...ดีมากๆเลยค่ะ แอบดีใจที่เราบังเอิญสอนเหมือนหลายข้อ อิอิ รอฟังอีกๆๆๆๆนะจ้ะ ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆค่ะ^^ จากคุณ : applezen เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 22:54:15

ความคิดเห็นที่ 18 ฝึกในบ้านก็ได้ หาเทปมาติดเป็นเส้นตรงยาว แล้วให้ลูกหัดเดินบนเส้น เด็กจะคิดว่าเป็นการเล่นเกมส์อย่างหนึ่ง แม่ก็สังเกตุว่าลูกเดินถูกรึเปล่า เมื่อเด็กเดินได้ตรงแล้ว ก็พยายามให้เด็กเดินได้ไกลขึ้น เพื่อกระตุ้นให้สมองส่วนหน้า ทำงาน เช่น เตรียมเก้าอี้ไว้ที่จุดที่จะเดินไปถึง พอเดินถึงจุดที่กำหนดแล้วให้นั่งลง หรือเอาผลไม้วางไว้ ให้เด็กเดินไปหยิบเอาผลไม้กลับมา   ถ้าสามารถเดินได้ไกล และเดินได้ถึงจุดหมาย ก็หมายความว่าเด็กจะสามารถมีสมาธิ ในการเรียน หรือการเล่นได้ดี จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 22:57:16

ความคิดเห็นที่ 19 เดินเป็นวงกลม การเตรียมพร้อมสำหรับการเดินด้วยตัวเองคนเดียว ถ้าพาไปเดินเล่นตามสวน เจอกระถางดอกไม้ กลม ๆ ใหญ่ ๆ ก็หัดให้เด็กเดินวนรอบ ตอนแรกให้เดินด้วยกันก่อน เดินเป็นวงกลม กว้าง ๆ กำหนดจุดเริ่มต้น หรือเดินวนรอบ เครื่องเล่น เดินวนจนกลับมาอยู่จุดที่เริ่มต้นตอนแรก เป็นการสอนให้เด็กรู้ว่าวนกลับมาอยู่ที่เดิม เมื่อเด็กเริ่มเข้าใจการเดินเป็นวงกลมแล้ว ก็ค่อยขีดวงกลมที่พื้น แล้วฝึกให้เด็กเดินบนเส้นวงกลมคนเดียว ประสาทกับร่างกายจะทำงานร่วมกัน เล่นไปจนกว่าเด็กจะเดินเป็นวงกลมได้สวย แรก ๆ ก็วงกลมใหญ่ ๆ ก่อน แล้วค่อยลดขนาดลงเรื่อย ๆ  ให้เดินวนตามเข็มนาฬิกาบ้าง ทวนเข็มนาฬิกาบ้าง สลับกันไป จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 23:12:01

ความคิดเห็นที่ 20 พรุ่งนี้มาต่อนะคะ จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 23:14:19

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ จากคุณ : Shiaki เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 23:20:32

ความคิดเห็นที่ 22 รอฟังอยู่คะ ชอบจังเลย ขอเซฟไว้เลยนะคะ จะเอาเก็บไว้สอนน้องแทนใจ จากคุณ : realgirl เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 23:49:12

ความคิดเห็นที่ 23 มารออ่าน ชอบมากเรื่องแบบนี้ ไว้พรุ่งนี้ อ่ะ ไม่ได้สิพรุ่งนี้หิมะตก ไว้อาทิตย์หน้าจะพาน้องไปเดินเล่นแล้วทำตามค่ะ เล่มนี้ยังไม่ได้ซื้อเลย ไว้จะไปสอยด่วน มีแต่เล่มของสามีคุณยายค่ะ จากคุณ : แม่น้องไหมและมะลิ (zuling68) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 23:49:15

ความคิดเห็นที่ 24 รออ่านเก็บข้อมูล ไว้สอนลูกค่ะ ขอบคุณมากนะค่ะ จากคุณ : noon_r27 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 23:55:17

ความคิดเห็นที่ 25 ดีจังเลยค่ะ โอ ของเราต้องพาออกไปเดินเล่นเช้าเย็นเลย แต่คนที่อยากออกที่สุดคือลูกค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ ชวนประจำเลย เวลาเดินเราก็ชี้ชวนดู มะละกอบนต้นมั่ง นับลูกมะละกอกัน ดูผีเสื้อมั่ง นับผีเสื้อ ดูใบไม้ ดอกไม้ สีอะไร เก็บดอกไม้ที่หล่นมาให้ดม ว่าหอมไหม     เวลาออก เราก็จะบอกว่า ไปที่สวนเนิน ข้างหลังกันไหมลูก แล้วเราก็เดินนำหน้า เรียกเขาตามมาค่ะ เขาก็ตามมามั่ง ออกนอกเส้นทางมั่ง แรกๆไม่ยอมใส่รองเท้า เดี๋ยวนี้ดีขึ้น เราบอก จะออกนอกบ้าน ต้องใส่รองเท้า เดี๋ยวนี้รู้หน้าที่ จะมายืนเกาะไหล่เราแล้วยกเท้าขึ้นทีละข้าง ให้ใส่รองเท้าค่ะ รออ่านต่อค่ะ ชอบๆมากๆๆๆๆเลยค่ะ จากคุณ : land_girl เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 00:21:36

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : maldive เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 00:30:25

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ที่เอามาแบ่งปัน รออ่านต่อนะคะ จากคุณ : How is beautiful life เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 04:40:50

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ค่ะ .. จากคุณ : yuki-onna เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 05:30:01

ความคิดเห็นที่ 29   ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ ขอบคุณที่แปลมาให้อ่านนะคะ จากคุณ : สร้อยทองคล้องรักเรา เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 07:00:43

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณที่นำมาฝากค่ะ  เป็นประโยชน์มากเลยค่ะ ติดตามมาตลอด  ไม่ผิดหวังเลยค่ะ จากคุณ : รักเฌอ..ประเทศไทย เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 07:09:36

ความคิดเห็นที่ 31 สวัสดีตอนเช้าค่ะ ขอบคุณทุก ๆ คนเลยนะคะที่เข้ามาอ่าน และเป็นกำลังใจให้ ช่วงเช้าวันนี้อาจโพสต์ต่อไม่ได้เยอะ เพราะวันนี้ลูกชายมีเข้าคอรส์เด็กเล็กค่ะ ดึก ๆ จะมาลงให้ครบอีกทีค่ะ ----------------------------------------------- --เดินขึ้นบันได-- บางคนอาจจะไม่รู้ตัวว่า ตอนที่เดินขึ้นลงบันได บางคนใช้แค่ปลายเท้าในการเดิน เด็กที่เพิ่มเริ่มเดินได้ใหม่ ๆ จะยังไม่สามารถเดินด้วยปลายเท้า และยังอันตรายอีกด้วย ถ้าต้องเดินขึ้นบันไดในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน ก็ให้อุ้มเด็กแทนจะดีกว่า หากเจอบันไดที่มีความชันน้อย พื้นที่ของบันไดกว้าง ก็หัดให้เด็กเดินได้ เรามาฝึกให้เด็กรู้ว่าการเดินขึ้นบันไดก็ไม่ต่างกับการเดินบนพื้นราบปกติ ด้วยการเดินขึ้นบันไดแบบซิกแซก แต่ยังไม่ต้องพยายามสอนให้เด็กเล็กวัยเริ่มเดินใหม่ ๆ ขึ้นบันไดเองเป็น แค่สอนให้เด็กเดินอย่างถูกหลักการเดินก่อน จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 08:29:51

ความคิดเห็นที่ 32 --ชิงช้า กับกระดานลื่น-- เป็นเครื่องเล่นที่ช่วยฝึกกระตุ้นการทรงตัว ชิงช้า และกระดานลื่น เป็นเครื่องเล่นที่เหมาะในการฝึกกระตุ้นการทรงตัว วัยเริ่มเดินได้ใหม่ ๆ นี้่ให้เล่นได้เต็มที่เลย การทรงตัวนั้นจะเกี่ยวข้องกับประสาทหูชั้นใน (หาอ่านเรื่องการทำงานของหูชั้นในจาก google เอานะคะ) ที่ทำหน้าที่ส่งสัญญาณไปยังสมองทั้งส่วน หน้า , หลัง , ซ้าย, ขวา ให้ร่างกายเคลื่อนไหว ถ้าเราฝึกกระตุ้นการทรงตัวให้ดี ก็จะทำให้เด็กเดินได้ถูกหลักการเดิน ไม่ล้มง่าย เด็กเล็ก ๆ ให้นั่งบนตักแม่อีกที แกว่งชิงช้าในระดับความเร็วที่เด็กไม่กลัว พอชินกับการนั่งชิงช้าแล้ว ค่อยเล่นกระดานลื่น การเล่นกระดานลื่นช่วงแรก ๆ ก็นั่งบนตักแม่แล้วลื่นลงมาพร้อมกันก่อนก็ได้ หรือถ้าเป็นกระดานลื่นของเด็ก ๆ ถ้ายังไม่ชิน ตอนลื่นแม่จำมือลูกได้ คอยช่วยดันหลังให้ลื่นลงมาช้า ๆ ก็ได้ จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 08:40:04

ความคิดเห็นที่ 33 ขณะที่สมองกำลังทำงาน ส่วนที่ควบคุมการทรงตัวที่อยู่ในหูชั้นใน ก็จะได้รับการกระตุ้นด้วย ถ้าส่วนที่ควบคุมการทรงตัวไม่ได้รับการฝึกกระตุ้น ตอนที่สมองทำงานก็จะยืนได้ไม่ตรง มองอะไรก็ไม่ถูก การฝึกกระตุ้นการทรงตัวในวัย 1 ขวบ เหมาะสมที่สุด จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 08:43:56

ความคิดเห็นที่ 34 --ด้านภาษา-- มีอะไรบ้านน๊า? กระตุ้นประสาทสัมผัสและเพิ่มความสามารถทางด้านภาษาด้วยการชวนคุย เมื่อพาเด็กไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ เห็นอะไรก็หยิบมาชวนเด็กคุยได้ สอนให้เด็กรู้ว่าสิ่งต่าง ๆ เรียกว่าอะไร เช่นดอกไม้ นก สัตว์นานาชนิด โดยเน้นที่ว่า สอนให้เรียกชื่อที่ถูกต้อง เวลาสอนก็ใช้นิ้วชี้ที่สิ่ง ๆ นั้น แล้ว บอกชื่อเรียกที่ถูก ถ้าเป็นพวกดอกไม้ ต้นไม้ ก็เดินพาเด็กเข้าไปดูใกล้ ๆ เลย "นี่ดอกทิวลิปค่ะ มีหลายสีเห็นไหม สีแดง สีเหลือง" เป็นต้น นอกจากสอนชื่อเรียกแล้ว ก็อาจจะสอนเรื่องสี กลิ่น, ลองให้สัมผัสดูด้วยก็ดี ถึงแม้ว่าเด็กจะยังพูดออกเสียงตามด้วยไม่ชัดนักก็ไม่เป็นไร แต่ข้อมูลเหล่านั้นได้เข้าไปอยู่ในความจำของเด็กเรียบร้อยแล้ว จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 08:50:28

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณนะคะที่แปลมาให้อ่าน ลูกขวบกว่าพอดีเลย ชอบนะค่ะ แต่ลูกเราชอบเดินออกนอกเส้นทาง ไปคุ้ยดิน หยิบก้อนหิน เด็ดใบไม้ คอนโทรลยากจริงๆ ถ้าเค้าอยากไปไหน พอจับมือเราได้ก็เดินนำเลยค่ะ จากคุณ : เปรมิกา (เปรมิกา) เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 08:52:38

ความคิดเห็นที่ 36 "นั่น โฮ่ง โฮ่ง นี่" ถ้าเราพูดกับลูกว่าสุนัขคือ "โฮ่ง โฮ่ง" ต่อมาเด็กก็ต้องมานั่งจำใหม่อีกว่าความจริงแล้ว "โฮ่ง โฮ่ง" นั้นชื่อจริงว่า "สุนัข" แม่ก็ต้องมาสอนใหม่กันอีก ให้สอนชื่อเรียกที่ถูกต้องไปเลย เช่น "นั่นสุนัขค่ะ สุนัขเห่า โฮ่ง โฮ่ง" เด็กผู้หญิง และเด็กผู้ชาย จะมีความสนใจที่แตกต่าง เด็กผู้ชายส่วนใหญ่ จะชอบพวกรถ , ตึก สิ่งก่อสร้าง ส่วนเด็กผู้หญิง ก็จะชอบพวกต้นไม้ สัตว์ สิงมีชีวิต, ธรรมชาติ เวลาที่ออกไปเดินเล่นให้สังเกตุว่าเด็กมีความสนใจในเรื่องไหน บางทีเราเห็นว่าเด็กชอบรถ ก็สอนแต่พวกยานพาหนะ ทำให้เด็กมีความสนใจ ในด้านเดียว เราก็ปรับหาวิธีให้เด็กสนใจในด้านอื่น ๆ ด้วย อย่าให้สนใจเฉพาะด้าน จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 08:57:26

ความคิดเห็นที่ 37 มีประโยชน์มากๆเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ กิ๊ฟหมดให้ แทนแล้วกันนะ ^-^ จากคุณ : *~หมูบินตัวกลม~* เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 09:40:57

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันค่ะ จากคุณ : ป๊าม้าออนเซน เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 09:50:04

ความคิดเห็นที่ 39 ยังไม่ได้อ่านค่ะ มาแจกกิ๊ฟก่อนเลย น่าจะมีคนแปลเป็นภาษาไทยแล้ววางขายที่แผงหนังสือเนอะ มีประโยชน์ดี จากคุณ : มะเมียม เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 10:10:33

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณมากสำหรับข้อมูลดีๆนะค่ะ จากคุณ : Lalalan ka เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 10:16:38

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์แปลมาให้อ่าน จากคุณ : เมฆลอยลมล้อ เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 10:19:01

ความคิดเห็นที่ 42 สุดยอดดดดด... ขอบคุณมากๆ ค่ะ จากคุณ : แม่น้องฟลุ๊ค เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 10:26:20

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณค่ะ เป็นประโยชน์มาก ๆ เลย จากคุณ : ทำอะไรก็ไม่อร่อย เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 11:14:02

ความคิดเห็นที่ 44 จบหรือยังอ่ะครับ  ตามอ่านอยู่..... จากคุณ : กิฟฟิน เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 11:22:24

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบคุณมากค่ะ มีประโยชน์มากเลย ลูกชายครบขวบพอดีเลยค่ะ จากคุณ : bodiamond1 เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 11:30:49

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณมากๆค่า ที่สละเวลาแปลมาให้อ่านกัน ดีมากๆเลยค่า เด่วไปสอยมามั่งดีกว่า ช่วงนี้่ขอมาแอบอ่านที่นี่ไปก่อนนะคะ จากคุณ : Aoyoyoo_mame เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 12:32:51

ความคิดเห็นที่ 47 ลูกเพิ่ง 5 เดือน แต่ขอเก็บข้อมูลไว้ก่อนนะคะ ขอบคุณมากๆ สำหรับความรู้ดีๆ ค่ะ จากคุณ : kraft เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 12:41:06

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณนะคะ รออ่านต่อค่ะ จากคุณ : ขนมปังน้ำแดง เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 13:21:13

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุณมากเลยค่ะ สำหรับสาระดีๆ ที่นำมาแบ่งปัน จากคุณ : nongnice เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 13:57:16

ความคิดเห็นที่ 50 ชอบมากเลยค่ะ ถ้าไม่รังเกียจขออนุญาตแอดเก็บไว้นะคะ เอาไว้สอนลูกค่ะ จากคุณ : แม่น้องปีย่า (NooPeeYa) เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 16:22:16

ความคิดเห็นที่ 51 เข้ามาขอบคุณด้วยคนค่ะ อยากให้กิ๊ฟ แต่กิ๊ฟหมดแย้ว..... จากคุณ : อืมม..มิราเคิล เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 16:43:32

ความคิดเห็นที่ 52 แว๊บมาได้แล้วค่ะ ลูกชายไปอาบน้ำ ---------------------------------------------- --เมื่อเด็กเริ่มเดินได้คล่องแล้ว-- เดินได้ถูกหลักการเดิน ไม่เป๋ไปเป๋มา คุณแม่เป็นเห็นว่าลูกเดินได้ตรงแล้วก็ให้เพิ่มระดับการฝึกขึ้นมาอีก ด้วยการฝึกให้เด็กยืนด้วยปลายเท้า, กระโดดลงมาด้วยเท้าทั้ง 2 ข้าง เพื่อให้เด็กสามารถเดินบนพื้นถนน หลาย ๆ รูปแบบได้ (พื้นราบ ทางชัน เนิน ฯลฯ) เริ่มจากให้คุณแม่จับมือลูกทั้ง 2 ข้าวเอาไว้ แล้วสอนให้ลูกยืนด้วยปลายนิ้วเท้า ต้องให้นิ้วหัวแม่โป้งกับ กระดูกปุ่มใหญ่ ๆ ที่อยู่ถัดด้านล่าง ถัดจากนิ้วโป้ง (ไม่รู้เรียกว่าอะไรค่ะ แต่สังเกตุได้เท้าผู้ใหญ่ตรงนั้นมันจะด้าน ๆ เพราะเดินเยอะ) ยึดติดกับพื้น หารูปภาพที่เด็กชอบ ติดไว้ที่ฝาผนัง สูงขนาดพอให้เด็กยืนเขย่ง แล้วเอื้อมมือถึง จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 17:55:54

ความคิดเห็นที่ 53 หัดกระโดดจากขั้นบันไดต่ำ ๆ กระโดดลงมาให้เท้าทั้ง 2 ข้างลงพร้อมกัน แรก ๆ ให้คุณแม่จับมือลูกไว้ แล้วส่งเสียงนับ ส่งสัญญาณพร้อมแล้วค่อยกระโดด ปีนขึ้นบันได หัดปีนขึ้นบันได จะต้องให้ใช้ขา ทั้ง 2 และมือทั้ง 2 ข้างในการปีนขึ้น ตอนปีนขึ้นก็ใช้มือนำขึ้นไปก่อน ส่วนตอนลงบันได ใช้เท้าเดินนำลง (ขืนใช้มือนำก่อน หน้าก็ทิ่มสิเน๊อะ) จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 18:01:12

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณค่ะ ดีจังเลย จากคุณ : สี่ล้อซ่า เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 18:12:02

ความคิดเห็นที่ 55 การใช้มือและนิ้วมือ เล่นกระดาษ เพื่อสร้างพื้นฐานการคิดอย่างมีระเบียบแบบแผน ลองเอากระดาษหนังสือพิมพ์สัก 1 แผ่นให้เด็กเล่น (ถ้ากังวลเรื่องหมึกของกระดาษหนังสือพิมพ์ หากระดาษอะไรก็ได้นะคะ) ให้เด็กได้จับกระดาษ ได้ดู ให้รู้ว่ามันคืออะไร พอเด็กเล่นกระดาษคนเดียวได้สักพัก เราก็ฉีกกระดาษให้เด็กดู มือข้างหนึ่งจับกระดาษไว้เฉย ๆ แต่ถ้ามืออีกข้างหนึ่งไม่เคลื่อนไหว ไม่ฉีก กระดาษก็จะไม่ขาด กระดาษบางชนิด ฉีกด้านตรงง่ายกว่า ด้านขวาง ฉีกแบบไหนฉีกง่าย ฉีกให้เด็กดูไปเรื่อย ๆ ลองให้เด็กเลียนแบบทำตาม แรก ๆ เด็กอาจจะใช้มือข้างหนึ่งกำกระดาษเอาไว้ มืออีกด้านก็กำแล้ว พยายามดึงให้ขาด แต่ถ้าลองหัดฉีกเล่นไปเรื่อย ๆ เด็กจะสามารถฉีก กระดาษได้ด้วยการใช้แค่นิ้วโป้ง กับนิ้วชี้ และสามารถรู้จักใช้แรงจากปลายนิ้ว จากนั้นก็ฉีกกระดาษเป็นเส้นเล็ก ยาว แล้วเอากระดาษแต่ล่ะเส้นมาต่อกัน ต่อด้วยเทปใส กาว หรือลวดเย็บกระดาษก็ได้ ทำเป็นเชือก หรือ ม้วนเป็นนาฬิกา กำไลข้อมือ การเล่นแบบนี้จะช่วยพัฒนาในเรื่องของความคิด จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 18:16:56

ความคิดเห็นที่ 56 ถ้ากระดาษบางชนิดฉีกยาก ให้ฉีกตรงช่วงปลายกระดาษ ฉีกเป็นแนวเตรียมไว้ก็ได้ ถ้าเล่นเอากระดาษที่ฉีกไว้มาต่อกันทำเป็นเชือกเส้นยาว ๆ  ก็ให้จับกระดาษ ปั่นให้เป็นเกลียว ใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้ง ทำให้เด็กดูก่อน แล้วลองให้เด็กทำตาม เป็นวิธีการฝึกการใช้ปลายนิ้วที่ดีมากทีเดียว จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 18:21:48

ความคิดเห็นที่ 57 โหวตด่วนเลย... ขอบคุณที่เสียเวลาแปลแล้วเอามาให้อ่านค่ะ ขออนุญาตเซนฟเก็บเลยนะค่ะ จากคุณ : ตาใสแบ๊ว เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 19:09:22

ความคิดเห็นที่ 58 น่ารักจังเลย ทั้งหนังสือและเจ้าของกระทู้ค่ะ รออ่านต่อนะคะ และขอขอบคุณสำหรับความรู้ดีดีค่ะ จากคุณ : ป้าจิ๊ป เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 21:41:03

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบคุณมากๆค่ะ  รออ่านต่ออยู่นะคะ จากคุณ : กระต่ายน้อยน่ารักจัง~* เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 21:57:08

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณมากๆคุณแม่มีน้ำใจ น่ารักที่สุดเลยค่ะ จากคุณ : Semi Sweet เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 22:32:20

ความคิดเห็นที่ 61 ยังไม่จบใช่ไหมคะ... รออ่านต่อค่ะ ขอบคุณนะคะ จากคุณ : ขิมทอง เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 01:30:50

ความคิดเห็นที่ 62 ยังไม่จบจ้า เมื่อวานง่วงเผลอหลับไปเลย วันนี้จะเอาให้จบเลยค่ะ ------------------------------------------------------ ทำลูกบอลกระดาษ ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ , กระดาษทิชชู่ มาทำเป็นลูกบอลกระดาษ ให้คุณแม่เตรียมกระดาษหนังสือพิมพ์มา 1 แผ่น , ใช้มือทั้ง 2 ข้างขยำ หนังสือพิมพ์ให้เป็นลูกกลม ๆ ทำให้ลูกดู แล้วให้ลูกลองทำตาม ใช้น้ำพรมให้พอเปียก ๆ ก็ได้ จะได้กลมแน่นยิ่งขึ้น แล้วก็เอากระดาษแผ่นต่อไป มาหุ้มแล้วก็ปั้นให้กลม ๆ ทำซ้ำไปเรื่อย ๆ จนได้ลูกบอลขนาดพอดีกับมือเด็ก วิธีเล่นก็ กลิ้งลูกบอลกรดาษกลิ้งไป กลิ้งมา ส่ง-รับ ระหว่างแม่กับลูกก็ได้ วัตถุประสงค์ไม่ใช่แค่ทำลูกบอลกระดาษขึ้นมาเฉย ๆ แต่เป็นการสอนให้เด็ก ว่าการทำลูกบอลกระดาษเพื่อเอามาเล่นนั้น คือ สิ่งของที่ใช้งานได้ สามารถเอามาทำเป็นอุปกรณ์ ของเล่น เครื่องมืออื่น ๆ ได้ด้วย จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 07:28:00

ความคิดเห็นที่ 63 ขณะที่ทำลูกบอลกระดาษ เด็กจะได้ใช้มือ และนิ้วมือในการทำ เป้นการพัฒนาสมองอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะตอนที่ต้องขยำปั้นให้เป็นก้อนแน่น ๆ เด็กจะได้หัดใช้ำกำลังแรงของมือในการกดให้ลูกบอลแน่นด้วย ส่วนการเล่นลูกบอลกระดาษกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น ก็เป็นการบริหารสมองส่วนหน้า เพราะเด็กจะคิดไปด้วยขณะที่เล่นว่า ลูกบอลจะกลิ้งไปทางไหน ถ้าจะต้องกลิ้งไปให้ถึงจุดที่แม่อยู่ ต้องใช้แรงในการโยนขนาดไหน ใช้เท้าเตะลูกบอลกระดาษเล่น ก็เป้นการฝึกการเดินไปในตัวด้วย แต่ก็ต้องระวังลื่นล้มด้วยนะคะ จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 07:32:47

ความคิดเห็นที่ 64 ขอบคุณมากๆสำหรับการเอื้อเฟื้อข้อมูลดีๆค่ะ จากคุณ : addy-moo เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 08:14:49

ความคิดเห็นที่ 65 วาดรูปเล่น เป็นการปูพื้นการเริ่มต้นเรียนหนังสือ เริ่มต้นจาการสอนให้จับดินสอสีให้ถูกวิธี คุณแม่อาจจะคิดว่าเป็นเรื่องยาก ให้คุณแม่ใช้ความพยายามและความรัก สอนวิธีการจับที่ถูกต้องให้เด็กจำก่อน ให้คุณแม่นังถัดจากด้านหลังของลูกแล้วใช้นิ้ว 3 นิ้วจับดินสอสีให้ลูกดู แล้วให้ลูกทำตาม แต่ถ้าพยายามแล้วลูกก็ยังไม่สามารถใช้นิ้ว 3 นิ้ว จับดินสอสีเองได้ ก็จับให้ลูกใช้นิ้ว 3 นิ้วจับดินสอสีไว้ แล้วคุณแม่ก็จับ ประคองเบา ๆ บนนิ้วลูกอีกทีหนึ่ง เมื่อลูกเริ่มจับดินสอสีได้อย่างถูกวิธีแล้ว ก็มาเริ่มเขียนกัน เริ่มแรกหัดให้ขีดเส้นขวางในแนวนอน, เส้นตั้งในแนวดิ่ง พยายามหัดให้ลูกขีดเป็นเส้นตรง อย่างโค้ง แต่ก็คงจะยากจะถ้าจะให้เด็ก ขีดเส้นตรงด้วยน้ำหนักมือที่คงที่ คุณแม่อาจจะหาเทคนิคในการทำให้ลูกรู้สึกสนุกในการขีดเส้นตรงด้วยการ พูดเสียงรถไฟ ฉัก .. ฉัก.. ฉึก.. ฉัก ปู๊น..ปู๊น  รถไฟวิ่งเป็นทางตรง แล้วมือ ก็ขีดเป็นเส้นตรงไปด้วยก็ได้ พอเด็กเริ่มขีดเส้นตรงได้แล้ว ก็ค่อยหัดให้เขียน สี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม วงกลม ต่อได จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 08:35:26

ความคิดเห็นที่ 66 การเล่นแม่ลูก สอนให้รู้จักการใช้ชีวิตประจำวันด้วยการแลกเปลี่ยนบทสนทนา การเล่นแม่ลูกเป็นการเล่นที่สามารถสื่อให้เด็กได้เรียนรู้ถึงกฎในการใช้ชีวิตประจำวันได้ด้วย เช่น เด็กสมมุติว่าตัวเองทำกับข้าว พอทำเสร็จก็ใส่จานแล้วก็ยื่นให้คณแม่ ตอนที่ยื่นจานให้คุณแม่ เด็กก็จะต้องพูดว่า "นี่ค่ะ" ก่อนกินก็จะพูดว่า "กินแล้วนะคะ"  เป็นการเล่นที่ต้องใช้บทสนทนาในระหว่างการเล่น เด็กจะได้เรียนรู้ทั้งบทสนทนา และการใส่ใจความรู้สึกของผู้ที่ล่นด้วย อีกทั้งยังได้เรียนรู้มารยาทไปในตัวอีก ---- วิธีการเล่น ก็ให้หาอุปกรณ์การเล่นที่ใกล้เคียงความเป็นจริง เช่นจานชามพลาสติก ก็ให้ใช้ขนาดใกล้เคียงของจริง ซื้อเป็นจานพลาสติกถูก ๆ ก็ได้ ส่วนพวกขนมที่จะเอามาเล่น ใช้อะไรแทนก็ได้ เด็กอาจจะจินตนาการเองว่า ลูกบอลกลม ๆ เป็นส้ม เป็นต้น ถ้าเด็กโตหน่อย เริ่มทานอาหารได้หลายประเภทแล้ว จะลองทำแซนด์วิช กันจริง ๆ เลยก็ได้ ให้เด็กได้ทำเอง และกินในสิงที่ตัวเองได้ทำ เด็กก็จะรู้จักพัฒนา รู้จักคิดว่าจะทำยังไง ให้แซนด์วิชทีตัวเองทำอร่อย น่ากินยิ่งขึ้น จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 08:48:18

ความคิดเห็นที่ 67 ใช้ดินน้ำมันมาปั้น เป็นรูปของกินต่าง ๆ เล่นก็ได้ เวลาปั้นก็ปั้นให้เท่ากับขนาดจริงเลย บทสนทนาระหว่างแม่กับลูกเป็นสิ่งสำคัญ เวลาเล่นก็ให้เริ่มบทสนทนาด้วยการทักทาย "สวัสดีค่ะ" "วันนี้มีขนมอะไรบ้างคะ" ดูว่าลูกจะโต้ตอบว่าอย่างไร เวลาที่แกล้งกินขนมที่ลูกทำให้ ก็อย่าลืมพูดบอกความรู้สึกด้วย "อร่อยจังเลย" ขณะที่เล่นก็สามารถสอนวิธีการจับจานชาม การใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ด้วย จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 08:53:56

ความคิดเห็นที่ 68 การเล่นตัวต่อไม้ เป็นการเล่นที่ดึกเอาความคิด จินตนาการออกมา เริ่มแรกให้ใช้รูปทรงเดียวกันต่อกันก่อน พอเด็กเริ่มต่อขึ้นสูงได้แล้ว ก็ค่อยให้ลองเอารูปทรงอื่น ๆ เช่นสามเหลี่ยมต่อที่ด้านบนดู เด็กจะค่อย ๆ จินตการออกเองว่า ต่อแล้วออกมามีลักษณะคล้ายกับอะไร จะต่อสลับสีก็ได้ สีแดง สีน้ำเงิน เรียงสลับกันบ้าง เด็กจะได้เรียนรู้การรวมสิ่งของที่มีรูปทรงเดียวกัน เรียนรู้เรื่องสีต่าง ๆ ด้วย จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 09:00:16

ความคิดเห็นที่ 69 นอกจากจะเรียงต่อซ้อนกันให้สูงขึ้นแล้ว ยังสามารถเล่นในแนวราบกับพื้นได้ด้วย ในขณะที่เด็กวางเรียงตัวต่อ เป็นรูปต่าง ๆ ก็ลองเอ่ยปากถามเด็กด้วยว่า "นี่อะไรคะ" เป็นต้น ตัวต่อไม้สามารถเล่นได้ทั้งแบบต่อเรียงซ้อนกัน และเรียงในแนวระนาบกับพื้น จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 09:03:54

ความคิดเห็นที่ 70 วันนี้มาตามเซฟต่อ ขอบคุณมากๆๆเลยนะค่ะ จากคุณ : Lalalan ka เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 09:49:39

ความคิดเห็นที่ 71 ปูเสื่อนั่งรอ ...ค่ะ จากคุณ : แม่น้องฟลุ๊ค เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 13:11:49

ความคิดเห็นที่ 72 เล่นกระดาษสี ใช้กระดาษสีต่าง ๆ มาเป็นอุปกรณ์ในการทำเครื่องเล่น เริ่มจากเครื่องบินกระดาษ คุณแม่พับเครื่องบินกระดาษ แล้วร่อนเล่นให้ลูกดู เครืองบินกระดาษ เป็นของเล่นที่มีรูปทรงที่มีมิติ เมื่อพับแล้วร่อนให้เด็กดูบ่อย ๆ เด็กจะมีความรู้สึกอยากจะพับเครื่องบินกระดาษเองขึ้นมาบ้าง ถ้าเด็กอยากลองพับดู คุณแม่ก็จับลูกนั่งลง แล้วก็ให้ลูกดูวิธีการพับ สอนไป ช่วยกันพับไป ถ้าเด็กโตแล้วก็สบายหน่อย พอเด็กรู้จักพับเองได้ ต่อไปเขาก็จะเริ่มคิดแล้วว่า จะทำอย่างไรให้เครื่องบินกระดาษร่อนได้ไกล หรือจะแข่งกันร่อนกับคุณแม่ก็ได้ว่าของใครร่อนได้ไกลกว่ากัน ซึ่งจะเริ่มทำให้เด็กเริ่มคิดวิธีเล่นต่าง ๆ ขึ้นมาเองด้วย *************** ไม่ต้องสนใจว่าเด็กจะพับได้ดีหรือไม่ เพียงแค่เวลาสอนให้หาวิธีดึงความสนใจ ขณะที่พับเด็กจะได้ใช้นิ้วหัวแม่มือ และนิ้วชี้ ยิ่งตอนพับก็จะได้หัดใช้แรงกด กระดาษให้เรียบด้วย  สีของกระดาษที่ใช้ เริ่มจาก สีหลัก 3 สี แดง, น้ำเงิน ,  เหลือง จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 15:19:36

ความคิดเห็นที่ 73 การเล่นเครื่องดนตรี ใช้เครื่องดนตรีที่มีอยู่ในบ้าน มาเล่นดนตรีกัน หาอะไรที่ง่าย ๆ จะเป็นอะไรก็ได้ ตีแล้วมีเสียง หรือจะเป็นเปียโนเด็ก, เครื่องเป่า แต่ถ้าในบ้านไม่มีเครื่องดนตรีอะไร ก็หาอะไรก็ได้มาแทน กระบอกกระดาษ หรือจะตีโต๊ะแทนกลองก็ไม่ว่ากัน ให้เด็กทำให้อุปกรณ์ที่เล่นเกิดเสียง (ตี , เคาะ , ดีด, เป่า) ให้เด็กตีในจังหวะที่สม่ำเสมอ แล้วก็ค่อย ๆ ขยับร่างกาย และออกเสียงตาม เมื่อเด็กได้ตีจังหวะ และขยับร่างกายตามจังหวะที่ตัวเองคิด สื่อถึงความคิดสร้างสรรค์ที่ดีมาก ให้เด็กย่ำเท้าตามจังหวะ หรือออกเสียงตามจังหวะได้แล้ว ลองให้เด็กทำ 2 อย่างพร้อมกัน เช่น เดินไปด้วย ตีกลองไปด้วย ร้องไปด้วย เดินไปด้วย เป็นการกระตุ้นสมองหลายส่วนทีเดียว จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 15:33:25

ความคิดเห็นที่ 74 กระตุ้นความจำชั่วคราว (Working Memory)ให้แม่นขึ้น เล่นเกมทายบัตรภาพ เริ่มเล่นจากจำนวนน้อย ๆ ก่อน เชื่อเถอะค่ะ เด็กวัยนี้จำได้แม่นทีเดียว สมมุติว่าเล่น 4 ใบ มีภาพกล้วย 2 ใบ กับรถ 2 ใบ ให้เด็กดูสักพัก แล้วคว่ำลง แล้วถามเด็กว่า กล้วยอยู่ไหน รถอยู่ไหน เป็นการเพิ่มความสามารถในการจำเฉพาะหน้า (working memory) พอ 4 ใบคล่องแล้ว ก็ค่อย ๆ เพิ่มจำนวนภาพขึ้นอีกได้ ภาพที่ใช้ยิ่งเป็นภาพใหญ่ จะยิ่งดึงดูดความสนใจเด็กได้ดีทีเดียว จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 15:39:18

ความคิดเห็นที่ 75 ชอบมากค่ะ ขอบคุณที่เสียสละเวลาเอามาแบ่งปัน จากคุณ : touch me เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 17:00:37

ความคิดเห็นที่ 76 เล่นซ่อนหา กระตุ้นฝึกความสามารถในการเดา และความจำชั่วคราว (working memory) ตอนที่ยังเล็ก ๆ เราจะเล่นจ๊ะเอ๋ การเล่นจ๊ะเอ๋นั้น ถึงแม่จะเอามือปิดหน้าไว้ แต่ยังไงแม่ก็ยังอยู่ ๆ ดี (working memory) รอว่าเมื่อไหร่ แม่จะเอามือออกแล้วโผล่เอาหน้าตาตลก  ๆ ออกมา (คาดคะเน) ตอนนั้นเล่นแค่นี้ก็เป็นการกระตุ้นได้ถึง 2 เรื่องแล้ว การเล่นซ่อนหา ถึงแม่จะไปแอบ มองไม่เห็นตัว แต่เด็กก็ยังจำอยู่ว่าแม่อยู่ใกล้ ๆ ตัวเองนี่แหละ ต้องหาให้เจอ การเล่นซ่อนหาเป็นเกมส์ทีฉลาดเกมส์หนึ่ง เริ่มเล่นใหม่ ๆ ให้คุณแม่ซ่อนในที่ ๆ ลูกหาเจอได้ง่าย ๆ ก่อน เป็นการดึงดูด ให้เด็กรู้สึกสนุก และสนใจที่จะเล่นซ่อนหา เมื่อเด็กรู้จักการเล่นซ่อนหาเป็นแล้ว เท่ากับว่าเด็กสามารถที่จะจดจำเรื่องราวต่าง ๆ และสามารถคิด วางแผน เป็น จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 17:36:54

ความคิดเห็นที่ 77   ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ที่แบ่งปันข้อมูลดีให้ จากคุณ : viviansung (viviansung) เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 20:56:14

ความคิดเห็นที่ 78 เล่นจ้องหน้า เพิ่มความสามารถในการสื่อสาร จะทำให้เด็กสามารถอ่านความรู้สึกของฝ่ายตรงข้ามเป็น การจะสอนให้เด็กรู้จักการแสดงออกทางสีหน้า ก็สามารถสอนได้ผ่านเกมส์จ้องหน้าได้ ให้คุณแม่หันหน้าเข้าหาลูก มองหน้ากัน ร้องเพลงประกอบ (บ้านเราไม่มีเพลงนี้เน๊อะ) *** ni ra me ko shi ma shou เรามาเล่นจ้องหน้ากันเถอะ wa ra u to ma ge yo ใครหัวเราะแพ้นะ ap pu pu  อัป ปุ ปุ พอเพลงจบ ก็ให้คุณแม่ทำหน้าตาตลก ๆ ทำให้เด็กหัวเราะได้ เด็กจะมองดูหน้าคุณแม่ เป็นการเรียนรู้เรื่องการทำให้ฝ่ายตรงข้ามประหลาดใจ และสอนให้รู้กฎว่า ห้ามหัวเราะ เด็กก็จะจำว่าต้องกลั้นไว้ไม่หัวเราะ บางครั้งสามารถใช้เกมส์นี้เล่นตอนที่เด็กงอแง เพื่อเบี่ยงเบนให้เด็ก หัวเราะได้ จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 21:06:58

ความคิดเห็นที่ 79 ตัวอย่างการเล่นเกมส์จ้องหน้าแบบญี่ปุ่นค่ะ จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 21:07:59

ความคิดเห็นที่ 80 เล่นเปรียบเทียบสิ่งของ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับปริมาณของสิ่งของ ให้ลูกได้เห็นความแตกต่างของขนาดใหญ่ เล็ก ของสิ่งของที่อยู่รอบ ๆ ตัว อาจจะเป็นผลไม้ ผัก รถของเล่นที่ลูกเล่นอยู่เป็นประจำ หรือตุ๊กตาก็ได้ แล้วลองเอ่ยถามว่า "อันไหนใหญ่กว่ากัน" แต่ก่อนอื่นต้องให้เด็กเข้าใจความหมายของคำว่า ใหญ่-เล็ก, สั้น-ยาว หนัก-เบา ก่อน เพื่อสอนให้เด็กรู้จัก และเข้าใจความความหมายของศัพท์นั้น ๆ หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่ายาก เด็กจำไม่ได้หรอก แต่ถ้าสอนดี ๆเด็กจะเข้าใจ และจำได้ ***********ยืนยันจาก จขกท ว่าจำได้จริงค่ะ*********** ลูกชายตอนนี้ 2 ขวบ 1 เดือน สามารถแยกได้ค่ะว่า อันไหนใหญ่-เล็ก สั้น-ยาว , หนัก-เบา ได้ ตอนแรก ๆ ไม่ได้คิดว่าเขาจะจำได้ แต่เล่นด้วยกันทุกวัน บางทีก็เอามือลูกมาเทียบมือแม่ แล้วก็พูดว่า มือแม่ใหญ่กว่าอีก, กินขนม กัน 2 คน ปกติจะแบ่งให้ลูกน้อยกว่า (อิอิ) ก็จะพูดว่าของแม่เยอะกว่า หรือถ้าลูกได้เยอะกว่า ก็จะพูดกลับกัน ให้ช่วยถือของ แล้วลองให้เขายกดูว่า อันไหนถือง่ายเบากว่า อันไหนหนัก ทำเป็นประจำทุกวันไปเรื่อย ๆ แล้วก็ลองมาถามคำถามว่า อันไหนใหญ่กว่า เขาก็ตอบได้เองค่ะ  ลองดูนะคะ จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 21:43:50

ความคิดเห็นที่ 81 อ่านหนังสือให้ฟัง กระตุ้นเรื่องภาษา และเพิ่มความสามารถในการจดจำ การพูดไม่ใช่เปนเรื่องที่จะสามารถที่จะเป็นเองได้โดยธรรมชาติ ถึงแม้ว่าเด็กจะยังไม่สามารพูดสนทนาได้ แค่คุณแม่ส่งเสียงพูด หรือ สอนชื่อเรียกของสิ่งของที่อยู่รอบ ๆ ตัว ก็เป้นการกระตุนสมองในส่วนของภาษาได้ การพัฒนาของกล้ามเนื้อปาก จะเป็นไปพร้อม ๆ กับการพัฒนาทางด้านคำศัพท์ ดังนั้นในช่วงวัยนี้ให้อ่านหนังสือภาพให้เด็กฟังเยอะ ๆ หรือเด็กที่อายุเลย 1 ขวบครึ่งแล้ว สามารถพูดได้บ้างแล้ว ให้ลองเอาหนังสือภาพ ที่เคยอ่านให้ฟัง หรือเคยให้ดู แล้วลองตั้งคำถามที่เกี่ยวกับเนื้อเรื่งของหนังสือดู เช่น  "เจ้าตัวนี้กำลังทำอะไรน๊า" การที่เราให้เด็กได้ในรายละเอียดของหนังสือ เป็นการกระตุนสมองในส่วนของภาษา และยังเป็นการเพิ่มความสามารถในการจำด้วย หนังสือสำหรับเด็กเล็ก ควรที่จะเป็นหนังสือที่อธิบายด้วยภาพ มีตัวหนังสือน้อย ๆ ก่อน อ่านให้ฟัง หรือให้ดูบ่อย ๆ เด็กจะจำได้เอง ที่สำคัญคือ อย่าเพิ่งสอนให้เด็กจำตัวหนังสือ  เริ่มแรกให้เด็กดูรูปภาพ เด็กที่ยังพูดสนทนาไม่ได้ ก็ให้คุณแม่อธิบายลักษณะของภาพนั้น ๆ ว่าคืออะไร กำลังทำอะไร ประติดประต่อเรื่องราวเองก็ได้ แต่ถ้าเด็กเริ่มสนทนาได้บ้างแล้ว ก็ลองให้เด็กลองอธิบาย ภาพนั้น ๆ บ้างเองก็ได้ **อย่าลืมว่าต้องให้เด็กได้ดูหนังสือหลาย  ๆ ประเภท อย่าให้เด็กมีความสนใจ เพียงแค่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่นเด็กผู้ชายดูแต่หนังสือรถ เรือ วัยนี้ต้องให้ได้ เรียนรู้หลาย ๆ ด้านนะคะ** จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 21:59:23

ความคิดเห็นที่ 82 สุดท้ายแล้วค่ะ เป็นเรื่องของการสอนให้รู้จักกฎระเบียบพื้นฐาน สิ่งที่ต้องสอนคือ 1 การกล่าวคำทักทาย เพื่อเตรียมพร้อมกับการเข้าสังคม การกล่าวคำทักทาย ณ สถานการณ์ต่าง  เด็กจะเรียนรู้ได้จากผู้ใหญ่ค่ะ "สวัสดี" "ขอบคุณ" "ขอโทษ" คำพวกนี้ให้พูดกันเองในบ้านบ่อย  ๆ ให้เด็กได้ยิน พูดกับเด็กเองก็ได้ ขณะที่พูดต้องประสานสายตากับเด็กด้วย จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 22:07:35

ความคิดเห็นที่ 83 2.เก็บของให้เป็นระเบียบ เป็นการเสริมเรื่องความจำและระเบียบไปพร้อมกันในทีเดียว การที่จะเอาของเล่นที่หยิบออกมาเล่นกลับเอาไปเก็บที่เดิมนั้น ก็ต้องจำให้ได้ก่อนว่าเดิมทีหยิบมาจากตรงไหน เป็นการกระตุ้น working memory (ความจำชั่วคราว) การที่จะเด็กรู้จักการเก็บของให้เป็นระเบียบคือ เราต้องกำหนดจุด,สถานที่ สำหรับวางของเล่นให้แน่นอน และบอกให้เด็กรับรู้ว่า ของเล่นใส่กล่องนะ หนังสือวางที่ชั้นไม้ สอนให้เด็กรู้ว่า "หยิบเอามาเล่น เล่นเสร็จ เอากลับที่เดิม" ถ้าเด็กจำไม่ได้ว่าต้องเอาไปเก็บไว้ที่ไหน ก็ให้พูดเป็นแนวทางให้ก็ได้ "หนังสือต้องเอาไปเก็บที่ไหนน๊า?" กระตุ้นให้เด็กลองนึก เมื่อเด็กสามารถเก็บของได้ถูกที่แล้ว ก็อย่าลืมชมด้วยนะคะ *********** ที่บ้านไม่มีใครเคยเก็บของเล่นให้โดยที่ลูกชายไม่เก็บด้วยค่ะ อันนี้นโยบายพ่อเขาตั้งแต่ลูกยังเล็ก ๆ เลย เด็ก ๆ เขาไม่รู้จักคำว่ารก เกะกะ แล้วก็คิดไม่เป็นว่าถ้าไม่เก็บให้เป็นที่ จะเอามาเล่นอีกทีจะหาไม่เจอ อารมณ์นั้นนึกอยากเล่นอะไร แกก็คุ้ยกระจาย กองเต็มพื้นแทบไม่มีที่เดิน ก็ไม่สน เดินเหยียบของเล่น เจ็บก็ไม่ร้อง แต่ตอนเก็บ ต้องเก็บเองนะคะ รื้อได้ต้องเก็บได้ เก็บค่ะ บางครั้งง่วงก็เก็บไป น้ำตาพรากไป บางทีก็ไปชวนปู่่มาช่วยเก็บ หลัง ๆ มีกฎค่ะ ถ้าจะเล่นของใหม่ ต้องเอาของเก่าไปเก็บก่อน เพราะเจ้าตัวแสบที่บ้าน เธอเล่นหม้อ กะทะ ตะหลิว ของจริงค่ะ ให้ขนออกมาเล่นทั้งหมดไม่ไหว จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 22:20:53

ความคิดเห็นที่ 84 เรื่องของเล่น บางครั้งเด็กชอบเล่นของจริงค่ะ อันไหนเล่นไม่ได้ให้บอกเขาตรง ๆ ว่าเล่นไม่ได้ แล้วให้หาของอื่นให้แทน ทำแบบนี้บ่อย ๆ หลัง ๆ พอเขาจะมาหยิบอะไรออกไปเล่น เขาจะทำท่าเหมือนถามว่าอันนี้โอเคมั๊ย ถ้าเราส่ายหัวเขาจะวางลง แล้วก็หยิบอันใหม่ หรือไม่เราก็หาของอื่นให้แทน ลดปัญหาเรื่องอันตรายและ ลูกรื้อของเต็มบ้านได้ค่ะ ----------------- ขอบคุณสำหรับกิฟต์ และทุกคนที่เข้ามาติดตามอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ บางครั้งอาจจะพิมพ์วกไปวนมาบ้าง เพราะแปลไปโพสต์ไป เลยไม่ได้ขัดเกลาประโยคให้สวยงาม ไว้ว่าง ๆ จะหามาให้อ่านอีกนะคะ ขอบคุณค่ะ ปิดท้ายด้วยรูปคุณยาย Kayoko และสามีคุณยายที่เป็นคนเขียนหนังสือเล่มนี้ค่ะ จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 22:48:49

ความคิดเห็นที่ 85 ขอบคุณมากๆๆๆ อีกครั้งนะคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ตาใสแบ๊ว เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:10:33

ความคิดเห็นที่ 86   ขอบคุณมากๆ ค่ะ คุณ จขกท เป็นแบบอย่างที่ดีมากเลยค่ะได้ใช้ความรู้ในเรื่องภาษาญี่ปุ่นแล้วเอามาแปล ให้ทุกๆคนได้อ่าน นับถือจริงๆ เลยค่ะ ยังคิดเลยว่า นี่ถ้าแม่ๆ ที่อยู่ ตปท แต่ละท่านได้เอาหนังสือ หรือเทคนิคดีๆ มาแบ่งปันแบบนี้ โห ไม่อยากคิดว่า จะเป็นประโยชน์ขนาดไหนค่ะ ยังไงขอบคุณอีกทีนะคะ เป็นประโยชน์มากๆ เลย ค่า จากคุณ : 789 เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 01:43:56 A:72.235.177.130 X: TicketID:160112

ความคิดเห็นที่ 87 ขอบคุณหลายเด้อ จากคุณ : Anonym เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 08:46:15

ความคิดเห็นที่ 88 ขอบคุณมากค่ะ save ไว้เลยค่ะ จากคุณ : noon_r27 เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 09:59:05

ความคิดเห็นที่ 89   ลูกคลอดเดือนมิถุนายนนี้ เข้ามาเก็บสะสมความรู้ดีๆ ด้วยคน ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : Baby_monster (baby_Monster) เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 10:00:58

ความคิดเห็นที่ 90 ขอบคุณมากๆๆๆค่ะ เซฟปริ้นเรียบร้อยแล้วค่า.. จากคุณ : ความสวยสั่นไหวที่ 7.8 ริกเตอร์ เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 10:23:03

ความคิดเห็นที่ 91 ขอบคุณม๊ากๆๆๆๆๆเลยค่า^^ จากคุณ : teaa เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 11:01:03

ความคิดเห็นที่ 92 ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ จากคุณ : ขนมปังน้ำแดง เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 13:01:16

ความคิดเห็นที่ 93 ตามมาอ่านจนจบ ขอปรบมือให้คุณfutomomoดังๆๆๆอีกครั้งคะ แอบๆมองๆอยู่หายทีแล้ว เกรงว่าอ่านได้มั่งไม่ได้มั่งจะไม่รู้เรื่องเอา เข้ามาอ่านจนจบแล้ว คงไม่ต้องไปซื้อหามาอ่านเองแล้ว (เพราะภาษาญี่ปุ่นไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่) อ่านเองแล้วยังอุตส่าห์แปลมาฝากเพื่อนๆคุณแม่ๆในห้องนี้อีก สุดยอดน้ำใจงามคะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ จากคุณ : Aoyoyoo_mame เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 13:02:26

ความคิดเห็นที่ 94 ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ จากคุณ : sutteeruk เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 13:40:12

ความคิดเห็นที่ 95   ขอบคุณจากใจจริงค่ะ จากคุณ : HADID CHANTORN (HADID CHANTORN) เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 14:37:00

ความคิดเห็นที่ 96 เซฟเก็บไว้เเล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ^^ ประโยชน์มากมายสำหรับเเม่ๆเลย จากคุณ : bad weather เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 14:51:29

ความคิดเห็นที่ 97 ขอบคุณนะคะ จขกท.น่ารักมาก ๆ เราตามอ่านมาตลอดตั้งแต่ตอนคุณยายแล้วค่ะ ขอบคุณมาก ๆ จากคุณ : peopleparadise เขียนเมื่อ : 19 ก.พ. 53 12:53:01

ความคิดเห็นที่ 98 arigatou gozaimasu! จากคุณ : Freedom and Justice เขียนเมื่อ : 19 ก.พ. 53 13:44:24

ความคิดเห็นที่ 100 ขอบคุณมากๆ สำหรับข้อมูล และการเสียสละเวลามานั่งแปล นั่งโพสต์ ลูกเรากำลังเตาะแตะพอดีเลยค่ะ จะได้เริ่มฝึก จากคุณ : ของของเรา เขียนเมื่อ : 19 ก.พ. 53 15:57:25

ความคิดเห็นที่ 101 ขอบคุณมากค่ะ อีกเดือนสองเดือน ตั้งใจลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกเองค่ะ จะยึดไว้เป็นตำรานะคะ จากคุณ : เจ้าแต้ม เขียนเมื่อ : 19 ก.พ. 53 22:17:44

ความคิดเห็นที่ 102 ขอบคุณ มาก ๆที่สละเวลามาให้ความรู้ที่ดีมาก  เลยค่ะ   อ่านทั้งหมดแล้ว ก็ดีใจที่มาถูกทาง  เหมือนเป็นการได้เช็คว่าเราสอนลูกถูกทางหรือเปล่าเลยค่ะ จากคุณ : calendura เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 53 07:40:33

ความคิดเห็นที่ 103 เข้ามาอีกครั้งเพื่อขอบคุณจริงๆค่ะ จากคุณ : -jj- เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 53 23:30:00