Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
โรคข้อสะโพกหลุดแต่กำเนิน ของยัยแห้งชุณฬี่  

เมื่อวานนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่สำคัญมากๆ สำหรับชีวิตคนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างมุกและป๊า เพราะวันนี้เป็นวันที่จะต้องพาชุณฬี่ไปพบลุงหมอพรชัยที่รามา เร็วจริงๆ เลย นี่ก็ครบอีกหนึ่งปีแล้วที่ต้องกลับไปเอ็กซเรย์สะโพกและรอฟังผลว่ามันมีพัฒนาการของกระดูกสะโพกและเบ้าสะโพกมากขึ้นหรือไม่

ตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่หัวใจมุกเต้นไม่ค่อยจะถูกจังหวะเท่าไหร่ คงเป็นเพราะความตื่นเต้นที่มันจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่วันแบบนี้มาถึงอีกครั้ง อาการลุ้นระทึกเป็นอะไรที่ไม่ชอบเอาซะจริงๆ เลยค่ะ



วิธีนึงที่มุกค้นพบว่า จะทำให้จิตใจตัวเองสงบลงไปได้บ้าง ก็คือการถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ของลูกผ่านตัวหนังสือ แล้วอ่านมันซ้ำๆ ว่า เหตุที่เกิดๆ จากอะไร โรคนี้คืออะไร การรักษาที่ผ่านมาเพียงพอหรือไม่ อย่างน้อยๆ มันก็คอยเตือนใจให้มุกรู้ว่า ได้ทำทุกอย่างๆ เต็มที่แล้วหรือยัง

ย้อนกลับไปห้าปีกว่าๆ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2548 เป็นวันที่มุกต้องพาลูกกลับไปเพื่อตรวจเรื่องตัวเหลือง และไปทำ hearing test อีกครั้ง เนื่องจากมันยังไม่ผ่านในครั้งแรก แต่สิ่งที่มุกและป๊าไม่ได้เตรียมใจมาก่อนก็คือ การได้รับข่าวของลูกเรื่องสะโพกที่มันดูจะผิดปกติ จริงๆ ชุณฬี่จัดอยู่ในกลุ่มเด็กเสี่ยงตั้งแต่แรกเกิดอยู่แล้ว เพราะเข้าข่ายว่าจะเป็นโรคนี้ได้ คือ เป็นลูกสาวคนโต และ คลอดท่าก้น เพียงแต่เปอร์เซ็นที่จะมาตกที่ลูกหรือถูกหวยนั้น จริงๆ แล้ว มันต่ำมากเลยค่ะ เรียกว่า สองหรือสามคนในหนึ่งพันคน (ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงด้วยนะ) แต่คงเป็นเพราะมันเป็นอะไรที่ถูกกำหนดมาแล้วตั้งแต่ต้น ว่าจะต้องเป็นยัยเด็กผู้หญิงคนนี้ ก็คือต้องเป็นคนนี้

วันรุ่งขึ้นมุกพาลูกไปรามาและก็ได้รู้ว่า ไอ้ที่คุณหมอด้านศัลยกรรมกระดูกของโรงพยาบาลที่ลูกคลอดสงสัยว่า ข้อสะโพกด้านซ้ายมันดูหลวมๆ ผิดปกติ เพราะเวลาจับจะมีเสยงกึกๆ และสัมผัสได้ด้วยมือเปล่าๆ ว่ามันเหมือนข้อต่อหลุด ซึ่งคุณหมอท่านมองในแง่ดีมากไปเยอะเลยค่ะ เพราะพอลุงหมอพรชัยที่รามามองฟิลม์เอ็กซเรย์แค่แป๊บเดียว ก็บอกได้ทันทีว่า ยัยชุณฬี่ข้อสะโพกหลุดทั้งสองข้าง แล้วก็หลุดเยอะซะด้วยสิ

ความโชคดีอย่างนึงที่มุกและที่บ้านไม่มีวันจะลืมเลยก็คือ ความช่างสังเกตุของคุณหมอวิมลที่เวชธานีซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มุกคลอดยัยแห้ง เพราะทันทีที่คุณหมอสงสัย คุณหมอไม่ได้ปลอบใจแม่หรือพ่อว่าไม่เป็นไรหรอก แต่บอกตรงๆ ไปเลยว่ามันมีปัญหานะ แล้วต้องส่งต่อให้หมอด้านกระดูกวินิจฉัยต่อทันที และก็โชคดีจริงๆ ที่เมืองไทยมีหมอเก่งๆ ด้านนี้อยู่เยอะ ถึงแม้ว่าในช่วงแรกๆ มุกจะยังรับไม่ค่อยได้กับการบอกเรื่องปัญหาแบบขวานผ่าซากของลุงหมอพรชัย แต่ท้ายที่สุด มันกลับเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการเริ่มต้นการรักษา นั่นคือ การบอกความจริง ให้คนเป็นพ่อและแม่ ยอมรับให้ได้ ว่า ลูกคุณมีปัญหาอยู่นะ มันดีกว่าการปลอบใจ มันดีกว่าคำพูดเชิงบวกว่า ลูกคุณจะไม่เป็นไร แล้วทำให้เราชะล่าใจ หลงคิดเข้าข้างตัวเองว่าคงไม่เป็นไรซะอีกค่ะ

ผ่านไปอีกหลายวันของการทำใจ มุกเริ่มกลับมาศึกษาเกี่ยวกับโรคนี้อย่างจริงจัง ทั้งมุกและป๊า เปิดคอมตลอดเวลา หาข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับโรคนี้ อ่านชีวประวัติของคนไข้หลายๆ รายที่เคยเป็น และเติบโตมาอย่างปกติสุข จนสุดท้าย เราต่างก็ทำใจได้ว่า โรคนี้มันจิ๊บๆ น่า ไม่ได้อันตรายร้ายแรงถึงขึ้นชีวิต และเราก็ยังโชคดีที่เจอมันตั้งแต่ต้น

 
 

จากคุณ : ตื่นมาตาแป๋วๆ
เขียนเมื่อ : 23 มี.ค. 53 09:49:30




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com