Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กระทู้เตือนใจ RIP น้องออมสิน เหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิด จากการสำลักน้ำเพียงครั้งเดียว  

cryเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ที่เกิดกับเพื่อนของเพื่อนเราอีกที
เพื่อนเราโทรมาเล่า แล้วก็เอาไปเขียนลงไดของเค้า
เราเลยขอคัดลอกมาลงให้อ่านบางส่วนที่นี่อีกทีนึง
เพื่อนเป็นอุทาหรณ์ให้คุณพ่อคุณแม่ทุกๆ ท่านค่ะ

ต่อไปนี้เป็นข้อความที่เราคัดลอกมาค่ะwhiterose

คือเราได้มีโอกาสรู้จัก รุ่นพี่ที่ทำงานของพี่xxx
พี่คนนี้เป้นคนนิสัยดีแต่เป็นคนรักการทำงาน มาก และด้วยการทำงานที่ต้องบินไปมา
ไม่แน่นอนทำให้ไม่ค่อยมีเวลาให้ครอบ ครัวมากนัก
ปีนี้ลุกชายคนเดียวของพี่เค้า คือน้องออม เพิ่งจะสอบเข้าโรงเรียนชื่อดังที่หลายๆคนอยาก
เข้าในแถบ ชลบุรีได้ เลยขอพ่อว่า เออ...ขอไป ตปทได้ไหม
แต่เวลาของคุณพ่อก็ไม่มีเลยเชียว ตารางเต็มไปหมดเลยขอผลัดไปปีหน้าแล้วกันนะ

น้องออมก็เลยต้องอยู่บ้าน ช่วงปิดเทอม พร้อมกับญาติๆเมื่อต้นเดือนเมย.ญาติๆของน้องออม
อยากไป เที่ยว ทะเลกรุงเทพเลยตกลงใจมาเที่ยวที่ละเลกรุงเทพ
และเป้นจุดเริ่มต้น ของเหตุการณ์นี้


whiteroseวันนั้น น้องออมเล่นน้ำกับญาติๆอย่างมีความสุข
ในสวนน้ำขนาดใหญ่ที่พูดกันตรงๆว่า ไม่มีการรักษาความสะอาดเลย
คนมาตำส้มตำมาปิ้งย่างมา สารพัดจะมาน่ะ
ด้วย ความที่เป้นดช.ร่างกายแข็งแรงร่าเริงก็เล่นโดยไม่คิดอะไร
และค่อนข้างโลด โผนจนน้องเกิดการสำลักน้ำ แต่ก็เป้นเหตุการณ์ปรกติ
ที่เด็กเล่นน้ำจะ สำลักน้ำ ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีจนกระทั่งคืนนั้น


น้องออมมีอาการตัวร้อน และปวดหัว จนเช้าได้มีการทานยาลดไข้ตามปรกติและเช้ดตัว
คุณแม่ได้พาน้อง ออมไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาลภูมิพล
เพราะคิดว่าเป้นไข้ทั่วๆไป ครั้งแรกที่ไปคุณหมอตรวจไม่พบอาการอะไรจึง
ให้ยาตามปรกติแล้วกลับมาบ้าน น้องออมกลับมาบ้าน
และทานข้าวทานยาและนอนหลับไปตอน 1ทุ่ม
ก่อนนอน น้องออมบอกกับคุณแม่ว่า เดี๋ยวหายแล้วกลับบ้านเรานะแม่
(น้องออมมาเที่ยว และพักที่บ้านญาติแถวดอนเมือง)
ใครจะรู้ว่านั่นคือ คำพูดสุดท้ายก่อน ที่น้องออมจะหลับไปอย่างไม่มีวันกลับ


เช้าวันนั้นคุณแม่น้องออม มาปลุกตามปรกติแต่ลูกชายที่รักกลับนอนนิ่งไม่ยอมตื่น
ไม่แม้แต่ขยับ เปลือกตาอะไรเลยจึงได้นำสงโรงพยาบาลภูมิพลอีกครั้ง
และครั้งนี้พบว่าน้อง ออมมป่วยเป้นไข้สมองอักเสบ
หัวใจของคนเป้นแม่เจ็บปวด หัวมึนหมุนไปหมด
ญาติ ก็ทำอะไรไม่ถุกจึงได้โทรติดต่อคุณพ่อน้องออมซึ่งก็ติดภารกิจกว่าจะบินกลับก็ อีก 2วัน
ได้แต่ร้องไห้ร้องไห้และร้องไห้
และส่งข่าวคราวถึงรุ่นน้อง พองเพื่อนทุกๆคน ซึ่ง 1ในนั้นคือพี่xxxและตัวเราด้วย

ทุกคนรุดไปเยี่ยมน้องออม ภาพที่เห้น คือเด็กชายที่เคยวิ่งเล่นร่าเริงสมวัยกลับนอนนิ่ง
หน้าอกขยับ ขึ้นลงช้าๆ ตัวซีดขาว รอบตามีรอบดำคล้ำ
ปากแห้งแตก และมีผ้าพันไว้รอบหัว เพราะน้องออมมีอาการของสมองบวมเนื่งจาก
เชื้อร้ายตัวนี้มันเข้าไปทำลาย มันเข้าไปไวมาก และกินสมองน้องไปเรื่อยๆ
สมอง น้องจะบวมๆต้องผ่าเปิดกระโหลกเพื่อให้สมองด้ขยายตัว
แล้วใจของแม่ที่ไหน จะทานทนได้
ที่ต้องเห้นลุกที่เรารักเลี้ยงดูมา ไม่เคยให้เจ็บปวดต้องมา
โดน หมอเอามีดผ่าลงไปนหัวน้อยๆที่เคยหนุนตักนอน หนูจะทนได้สักเท่าไร ลูกจะเจ็บมากไหม
ซ้ำร้าย ที่โรงพยาบาล ยังบอกว่าเครื่องวัดความดันสมอง
ที่ คอยจับเวลาดุในแต่ละชั่วโมง แต่ละวินาที ว่าสมองน้องออม เกิดอะไรขึ้น
ซึ่ง ก็คือการจับดุนาทีชีวิตนาทีต่อนาทีนั่นเอง ของโรงพยาบาลนั้นมีแค่เครื่องเดียว


เครื่องเดียววววว....และ ถ้ามีคนป่วยเข้ามา
ก็ต้องถอดไอ้เครื่องนี้เพื่อไปเสียบคนอื่นแล้วลุกแม่ ล่ะ...จะเป้นยังงัย
เราทุกคนได้โทรติดต่อญาติๆ ที่ทำงานด้านโรงพยาบาลจนเราพบว่า (..อันนี้จำเลยนะคะ)
ว่าเครื่องมือที่ ว่าเนี่ย มีที่โรงพยาบาลเด็ก เท่านั้น
โรงพยาบาลเอกชนยังต้องมาเช่าจาก โรงพยาบาลเด็กไปเลย ตอนนี้
การรักษาเด็กที่โรงพยาบาลเด็กทันสมัยและดี ที่สุด (ในเคสหนัก)
มากกว่าโรงพยาบาลเอกชนทุกโรงเลยก้ว่าได้



แต่ไม่สามารถพาน้องย้ายไป ได้เนื่องจากน้องได้ทำการผ่าสมองที่นี่แล้ว
โอกาสเสี่ยงที่จะเสียชีวิต มันมากเกินไป และได้ความรู้ใหม่จากคุณหมอด้วยว่า
เด็กคนไข้ที่เป้นไข้ สมองอักเสบนี่มากทีเดียวที่โรงพยาบาลเด็ก และมาจาก
ที่สวนน้ำแห่งนี้ ไม่น้อยกว่า 10ราย และเคสคล้ายกันคือ
ไปเล่นน้ำที่นี่แล้วเกิดติดเชื้อมา จากการสำลักน้ำ
จริงๆการติดเชื้อนี้เกิดได้หลายสาเหตุ แต่จากการสำลักน้ำนี่มากที่สุด
แต่ก้นะเด็กกับน้ำนี่ขาดกันไม่ได้ คุณหมอบอกว่าถ้าเลือกได้ให้เลือกสระน้ำเกลือ
เพราะจะมีความสะอาดกว่า ถึงจะไม่100%ก็เถอะ หากสระธรรมดา
ยิ่งสระตามโรงแรมที่พักใหญ่ๆ ยิ่งมีโอกาสเสี่ยงสูง
(พูดถึงสระใหญ่ ในสมองxxxxพุ้งปรี๊ดถึงโรงแรมดังไฮโซเลยนะเนี่ยแอบคิดแบบชั่วๆ
ให้ลูกคน รวยๆดังๆโดนมั่งจะได้ตื่นตัวกันสักที เพราะจะเอาอะไรมาประกันว่าลุกคนมีเงินมันจะไม่มีเชื้อโรคหึ ดูเป็นความคิดที่เลวเลยล่ะหึหึบอกแล้วหฤไม่ได้ดีไปทุกอย่างหรอก)



ต่อให้มีเครื่องบำบัดแต่ มันก็น้ำเก่านั่นเอง
มันไม่ได้ฆ่าเชื้อโรคยิ่งที่ไหนกลิ่นคลอรีนเข้มๆ นี่ทำใจไว้ได้เลย
พยายามอย่าให้เด็กสำลักน้ำ
เป้นสำคัญ วัคซีนที่เราทุกคนไปฮีดๆกันน่ะ กันได้แค่ 50%เท่านั้น

และที่สำคัญที่สุดคือ เชื้อนี่มีในทุกที่ทุกแห่งและทุกเวลา
ไม่สามารถบอกได้ว่าจะเกิดตอนไหน จริงๆ ปะเหมาะเคราะห์ร้าย
เกิดมาจ๊ะตอนลูกเราไม่เต็มร้อย ก็เป้นแบบน้องออม


คุณแม่จึงต้อง ให้น้องออมอยู่ที่โรงพยาบาลภูมิพลต่อไป
ต้องนั่งมองลูกชายตัวน้อยที่ หลับไหล
ผ่านกระจกต้องคอยหวังว่าจะไม่มีใครมาแบ่งเครื่องนี้จากน้องออม ไปใช้
และภาวนาว่าลูกชายจะตื่น และกลับบ้าน พร้อมกับแม่คนนี้ นาทีต่อนาทีที่เฝ้าภาวนา
จากนั้นคุณพ่อของน้องออมกลับมา
คุณพ่อน้อง ออมเป้นผู้ชายร่างใหญ่ที่ปล่อยโอร้องไห้แบบไม่อายใคร
ในนาทีที่รู้ว่า ไม่มีอะไรสามารถช่วยลูกชายได้นอกจาก ปาฏิหาร์ย
ถ้าปลดเครื่องช่วยหายใจ นั่นคือ ดวงใจดวงน้อยของพ่อก็จะจากไปไม่มีวันกลับ
งานการทีท่มเททำไปไม่ มีประโยชน์อะไรในตอนนี้



ทุกคนยื้อน้องออมสุดชีวิต ในทุกวีถีทางที่จะทำได้

ถ้า ตายแทนได้พี่ทำไปแล้ว


คำพูดจากปากคุณพ่อคุณ แม่น้องออม

และ

สุดท้ายน้องก็จากไปเวลา ตีสองT^T


รวดเร็วมากเชื้อร้ายนี้ ใช้เวลาเพียง 5วัน
คร่าชีวิตเด็กน้อยอายุ10ปี ก่อนที่สมหายใจสุดท้ายจะหลุดลอยไปจากร่างอันเป้นสุดที่รัก
คุณแม่น้องออม ร้องไห้ราวกับจะขาดใจ
ร้องจนเป้นลมฟื้นขึ้นมาก็ร้องใหม่ ร้องจนแทบขาดใจ
ส่วนคุณพ่อ ไม่มีน้ำตาเพราะมันตกในไปหมดแล้ว
มันไหลตก อยู่ในใจอย่างเจ็บปวด สวมกอดร่างน้อยๆที่เคยวิ่งเล่นที่เคยพูดคุย
ที่ เป็นแก้วตาดวงใจ และจูบเบาๆที่หน้าผากและบอกกับน้องออมว่า
แม่+พ่อรัก หนูนะลุก.. และนั่งดูหัวใจค่อยๆลด ค่อยๆลด ไปทีละกราฟ
สิ่งที่ใจหายที่ สุดคือไม่มีแม้แต่บอกลาสักคำเดียว
ไม่มีใครคิดว่าการหลับตอน 1ทุ่มตอนนั้นจะเป้นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นน้องออมหายใจ
ไม่มีลางบอกเหตุ ไม่มีอะไรเลย ....


RIP น้องออมสิน


เราได้ไปร่วมงานศพของน้อง ที่สัตหีบเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา
บรรยากาศเศร้าสลดไปหมด เราไม่สามารถไปรดน้ำน้องได้
กลัวจะร้องไห้ แล้วจะยิ่งทำให้บรรยากาศแย่ไปกันใหญ่
ได้ยินแต่เสียงร้องไห้ของคุณแม่ น้องออมยิ่งนาทีที่เอาใส่โลงนะ

เสียงเหมือนจะขาด ใจ.............. เราได้มีโอกาสเข้าไปคุยกับพี่เค้าก่อนกลับหลังสวดเสร็จ
พี่ เค้าทำเอาเราน้ำตาแตกจนได้ กับการที่พี่เค้า
เดินไปเคาะที่โลงน้องออม แล้วบอกว่า

หนูได้กลับบ้านแล้ว. ลูกจ๋า กลับบ้านเราเถอะนะลูก ... ...

RIP น้องออมสิน


หลับให้สบายนะหลานน้า....

และทุกคน.....เสียใจ จนถึงทุกวันนี้

whiterose

เราไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับสวนน้ำแห่งนี้ แต่เราไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดกับใคร
รบกวนคุณพ่อคุณแม่ทุกๆ ท่าน ช่วยกันบอกๆ ต่อกันเยอะๆ นะคะ

ข้อแก้ไขข้อมูลส่วนตัว และไดส่วนตัวออกก่อนนะคะ
เกรงว่าจะไปกระทบกระเทือนหลายฝ่ายค่ะ
ต้องขออภัยด้วยค่ะ

แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 53 02:33:32

แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 53 02:31:13

 
 

จากคุณ : VOCALIST
เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 53 01:08:08




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com