ความคิดเห็นที่ 1 ตอนผมเด็กๆ ผม ชักจนอายุ5ขวบแนะ  กว่าจะหาย จากคุณ : SynBi เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 15:34:05

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณมากคะ ฟังแล้วน่ากัวจังเลยนะคะ จากคุณ : แม่มือใหม่ (T7484) เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 15:42:23

ความคิดเห็นที่ 3   ขอให้น้องหายไว ๆ นะคะ เป็นโรคที่น่ากลัวอย่างนึงเลยนะเนี่ย จากคุณ : PicKhing เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 16:10:39

ความคิดเห็นที่ 4 ลูกเราก็เคยชักเหมือนกันค่ะเมื่อประมาณเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา 1ขวบ4เดือน ขอบอกว่าเวลาเห็นลูกชักมันเป็นอะไรที่ บอกไม่ถูก น่ากลัวม๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อาการที่ลูกเราเป็นเค้ากำลังนอนหลับอยู่ในห้องเป็นแอร์ให้นอนตอนสายๆ ตัวก็ไม่ร้อนอยู่ๆก็กระตุก1ครั้งเบาๆ ทั้งที่หลับๆ และตาก็เหลือกขึ้นมาในทันที ดีที่เราอยู่ด้วยปกติลูกหลับเราจะลงมาข้างล่าง ดีนะที่เรายังไม่ได้ลงมา ถ้าลงมาแล้วไม่รู้ว่าเหตุการณ์จะเป็นยังไงเลย ตอนแรกเราไม่รู้ว่าลูกชักนึกว่าอะไรติดคอลูกหรือเปล่าแบบว่า หายใจไม่ออก ตาเหลือก มือเกร็ง ตัวนิ่มไปหมดเลยค่ะ เราก็ใส่ชุดนอนอยู่ ก็อุ้มลูกวิ่งมาทั้งยั่งงั้นเลย วิ่งแล้วลงมาเรียก เพื่อนบ้านหน้าบ้าน บอกว่าป้าๆๆๆๆน้องมินนี่เป็นไรก็ไม่รู้ พอป้าบอกว่าชัก ๆ  ป้าก็วิ่งเอาพาดบ่า รถก็ไม่มีพ่อเค้าไปทำงาน พอดีเพื่อนบ้านอีกคนเค้าขับรถกลับมาพอดีเค้าไปส่ง ร.พซึ่งห่างจากบ้าน ประมาณ 8 กม. ขณะที่อุ้มลูกอยู่ในรถเราก็คอยเขย่าเค้าให้รู้สึกตัวเพราะ (เราพยามตั้งสติเผื่อที่จะช่วยลูกก่อน) เค้าตัวนิ่มไปหมดเลย แขนขานิ่มไปหมด ตาคอยจะปิด เราเอามือเราใส่ไว้ในปากเค้าเพื่อนที่ขับรถไปให้บอกให้เอาผ้าเราบอกไม่ต้องเอามือนี่แหละ เพราะเราคิดว่าจะได้รู้อาการเค้าว่าเค้ากัดแรง หรือเบา ขนาดไหน ขณะที่อุ้มแบบนอนกึ่งตั้งเราก็เอามื่ออีกข้างนึง กดที่หัวใจเค้าด้วยเป็นพักๆ คิดเอาเองว่าไม่รู้ว่าลูกหายใจออกไหมพร้อมๆกับกำมือข้างเดียวกดไปที่ท้องใต้ลิ้นปี่เผื่อว่ามีอะไรติดคอจะได้ออกมา (ช่วยลูกเบื้องต้นไปก่อน) (กลัวแบบว่าหายใจเข้าก็ไม่ได้หายใจออกก็ไม่ได้) ปากก็เรียก มินนี่ ๆๆลืมตาลูก เค้าก็คอยแต่ละหลับตา พอเราแบบปั๊มหัวใจ และ สลับกับกดใต้ลิ้นปี่ไปด้วยสัก 2 วินาทีได้เค้า ก็มีน้ำลายไหลออกมาเหมือนกับว่าเค้าหายใจออกสะดวกยิ่งขึ้น เราก็ใจชื้นขึ้นมานิดนึง .. พอถึง ร.พ.ปุ๊ปผู้ช่วยพยาบาลเค้าก็รีบเอาผ้าเย็นมาเช็ดตัวให้เช็ดแค่ แป็บเดียวน้องก็ตัวแดง ร้องออกมาหายเลยค่ะ พยาบาลบอกเหมือน จขกท.ค่ะว่าถ้าน้องชักให้รีบเอาผ้าชุบน้ำเย็น เช็ดแรงๆเบื้องต้นแล้วรีบพามาโรงพยาบาล ขอบอกว่าตั้งแต่นั้นกลัวลูกชักสุดๆๆๆๆๆ ไม่คิดว่าจะเกิดกับลูกเรา และถ้าลูกไม่สบายตั้งแต่ไข้ต่ำๆเราจะออกไปอยู่บ้านแม่ทันทีเพราะใกล้รพ.บาลมากกว่า บ้านเราต้องเข้ามาลึกหมู่บ้านเงียบๆกลางวันเพื่อนบ้านไม่ค่อยมีใครอยู่ออกไปทำงานกันหมด กลัวมากค่ะกลัวว่าถ้าเกิดขึ้นมาอีกคงไม่โชคดีที่มีรถเพื่อนบ้านไปส่งให้ ปล.เราเคยติดเอาไว้ตอนกลับมาเอาของไปร.พ.ว่าลูกชักแล้วจะกลับมาเล่า ให้แม่ในชานเรือนฟังแต่เรายังไม่ได้เล่าเพราะว่าเรารู้สึกกลัวเมื่อเล่าแล้วก็จะเห็นภาพที่ลูกเป็นขณะนั้นค่ะ ไม่อยากนึกถึงค่ะ ..ขอโทษแม่ชานเรือนด้วยนะคะที่ไม่ได้มาเล่าหลังจากน้องกลับจาก ร.พ.ค่ะ ก็เพราะสาเหตุนี้แหละค่ะ อ้อก่อนถึง รพ.เพื่อนบ้านบอกส่งคลินิกก่อนเพราะผ่านพอดีเราก็ออดีๆ พอจอดรถเราก็รีบอุ้มลูกเข้าไป ผช.ออกมาบอกว่าให้ไปร.พ.เลย ที่คลินิคไม่รับ เราบอกเบื้องต้นก่อนไม่ได้เหรอ ผช.บอกไม่ได้ค่ะ ไปร.พเลยค่ะ เฮ้อ! คิดแล้วเศร้ามาก ขอให้น้องหายเร็วๆนะคะและอย่าได้กลับมาเป็นอีกค่ะนึงถึงแล้วมันเครียดค่ะ **ขอบคุณที่อ่านจนบค่ะ ไม่เคยตอบอะไรยาวขนาดนี้เลยนะเนี่ย** จากคุณ : พี่มิคกี้กะน้องมินนี่ (mixkey) เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 16:20:21

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณมากค่ะ ตอนนี้ลูกเรากำลังเป็นไข้อยู่เลยค่ะ จากคุณ : มามิ๊กะปุ๊กลุก เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 16:51:02

ความคิดเห็นที่ 6   ดีนะตอนลูกเป็นส่าไข้ ไข้ไม่สูงมาก แต่เราก็ใช้ปรอทวัดทุกระยะเลย จริงอย่างที่จขกท บอกว่าอย่าเชื่อมือตัวเองให้ใช้ปรอทวัด เพราะบางทีเราว่าตัวลูกไม่ร้อนแล้ว แต่จริงๆเค้ามีไข้อยู่ค่ะ หมอเคยบอกการเป็นไข้คือหัวลูกจะร้อน มือเท้าจะเย็น ให้ระวัง อย่าปล่อยทิ้งไว้ ให้ยาและเช็ดตัวแรงๆตามคำแนะนำจขกท จะดีมากๆ ตอนลูกเราเป็นเค้าไข้ไม่สูงมาก แต่งอแงสุดๆ ตอนนี้หายไข้ผื่นออกเรียบร้อย และก็มามีเรือ่งทานนมทานข้าวน้อยอีก ปวดหัวจริงๆ จากคุณ : Tonor&Krawfang เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 17:05:01

ความคิดเห็นที่ 7 นอกจากการเช็ดตัวให้ถูกวิธี และวัดไข้สม่ำเสมอแล้ว การกินยาลดไข้ก็เป็นตัวช่วยที่ดีค่ะ เด็กที่มีประวัติชัก หรือยังไม่เคยชัก คุณแม่ควรจะปรึกษาคุณหมอเรื่องยาไปด้วยนะคะ เผื่อว่าน้องมีไข้สูงจะได้ทันการค่ะ 1.ยาลดไข้ พาราฯ 2.ยาลดไข้สูง ตัวเองมีประสบการณ์ลูกชักจากไข้สูงเหมือนกันค่ะ ขนาดว่าชักครั้งแรกที่บ้าน พอแอดมิทนอน รพ. ยังชักต่ออีกภายในวันนั้น ตอนนี้ 6 ขวบกว่า รอดพ้นภาวะเสี่ยงชักจากไข้แล้ว แต่ก็ยังไม่วางใจค่ะ หลังจากลูกชัก ก็ทำงานหนักขึ้นค่ะ ในการหาข้อมูลเกี่ยวกับการชักจากไข้ และการลดไข้ด้วยการเช็ดตัว การให้ยา (โดยได้รับคำแนะนำจากคุณหมอของลูก) เวลาเช็ดตัวให้ลุกไม่ต้องห่วงว่ากลัวลูกร้องนะคะ ร้องไห้ ดีกว่าชักค่ะ จากคุณ : สรณธรรม เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 17:16:03

ความคิดเห็นที่ 8 ไข้ทุกอย่างไม่เฉพาะแต่ส่าไข้ค่ะ เด็กที่เคยชักแล้วมีโอกาสชักได้มากกว่าเด็กปกติ ยาลดไข้ไม่สามารถทำลายเชื้อได้ค่ะ ไม่ใช่ยาปฏิชีวนะ ถึงจะให้กินยา ก็ต้องเช็ดตัวด้วยค่ะออกแรงเช็ดหน่อยย้อนขนให้รูขนเปิดกว้างขึ้น ถ้าอากาศไม่หนาวหรือเย็น เราจับลูกอาบน้ำเลยค่ะ ลงเร็วดีกว่า อาบน้ำที่อุณหภูมิปกติ อย่าให้ร้อน การเช็ดตัว เช็ดครั้งหนึ่งประมาณ 2-3 นาทีก็ได้ ทำเร็วๆ เห็นว่า 15-20นาทีนานจังเลย ถ้าอากาศหนาวแล้วแย่เลย หลังเช็ดแล้วประมาณ 30นาที ก็วัดปรอทดู แค่มือเราบางคนมาตรฐานไม่เหมือนกัน วัดปรอทแล้วยังไม่ลด หรือลดน้อยก็เช็ดอีกได้บ่อยๆค่ะ ดีกว่าแก้ผ้าลูกเช็ดนานๆ ถ้ายาพาราเซตามอลไข้ไม่ลดเลย จะเปลี่ยนยาลดไข้  ต้องแน่ใจก่อนว่าลูกคุณไม่ได้เป็นไข้เลือดออก จากคุณ : Phu-nera เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 18:13:57

ความคิดเห็นที่ 9 ขอให้น้องหายเร็วๆนะคะ จากคุณ : แม่น้องอินดี้ (mother-platinum) เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 18:53:13

ความคิดเห็นที่ 10 อย่าปล่อยให้ใข้ขึ้นสูงค่ะ   ลูกเราเคยเป็นไข้สูง  เราเห็นว่ากินยาแล้วไข้ลงแล้วตัวไม่ร้อนเท่าไร   ก็เลยไม่ให้กินยาซ้ำ  (ชะล่าใจค่ะ  คิดว่ากินยามากไม่ดี)   ตกดึกเราก็หลับลืม  ตื่นมาอีกทีได้ยินเสียงหายใจแรง  แทบช็อคค่ะลูกตาเหลือก  เกร็งตัว  ไข้สูงมาก ยังดีที่ไม่ถึงกับชัก  เรารีบเรียกแฟน  พาลูกไปโรงพยาบาล  เราเช็ดตัวให้ลูกตอนอยู่ในรถ  ปากก็เรียกชื่อลูกให้เค้ารู้สึกตัว หลังจากนั้นถ้าลูกเราเป็นไข้ต้องคอยระวังอย่าให้ไข้สูง  ไม่งั้นจะเป็นเหมือนเดิมอีกค่ะ จากคุณ : สาวผมสั้น เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 19:59:56

ความคิดเห็นที่ 11 สวัสดีค่ะ เป็นสมาชิกใหม่นะคะ ขอฝากตัวด้วยค่ะ ติดตามห้องนี้มาร่วม 3ปีแล้วค่ะ เป็นแฟนคลับน้องมี่จังด้วยค่ะ และห้องนี้ถือเป็นคลาสเรียนของเราเลยค่ะ เราเป็นพยาบาล ที่พยายามทุกวิธีแล้วยังไม่มีลูก เลยออกมาทำเนอสเซอรี่ซะเลย เผื่อลูกอิจฉาจะมาเกิด อิอิ.. จากประสบการณ์ที่เจอเด็กป่วยบ่อยๆ เรื่องไข้เนี่ยธรรมดามากๆสำหรับเราเลย วิธีลดไข้ที่เราใช้แล้วได้ผลดีเลยคือ.. ให้น้องนั่งแช่น้ำเลยค่ะ ให้เค้าเล่นน้ำในกาละมังแล้วเราคอยวักน้ำลูบหน้า คอ ควรให้น้ำท่วมถึงรักแร้นะคะ ก็จะเกิดการถ่ายเทอุณหภูมิจากร่างกายไปยังน้ำ แช่ประมาณ 10-15 นาที หรือจับดูตัวเย็นลงแล้ว ก็ขึ้นมาเช็ดตัว ไม่ต้องทาแป้ง ปล่อยให้ระบายอากาศทางผิวหนังล่ะค่ะ แล้วค่อยให้ทานยาลดไข้ และดื่มน้ำมากๆ (เช็ดตัวแล้วค่อยทานยานะคะ ไข้ลดเร็ว เด็กสบายตัวเลยค่ะ) ไม่ร้องด้วยค่ะ เพราะเช็ดตัวต้องเช็ดแรง เค้าเจ็บ และรู้สึกโดนบังคับ ยิ่งร้องตะเบ็ง ไข้ก็ยิ่งไม่ลง ไปกันใหญ่เลย -- กรณีน้องชัก ห้ามแช่น้ำนะคะ เช็ดตัวตามที่แม่ๆข้างบนแนะนำเท่านั้นค่ะ ที่สำคัญ ห้ามเอาอะไรไปใส่ปากเด็กนะคะ เพราะเค้าอาจกัดจนขาดแล้วหลุดเข้าหลอดลมได้ หรือเกิดแผลที่ช่องปากได้ เพราะขณะชักกล้ามเนื้อทุกส่วนจะหดเกร็ง รวมทั้งลิ้นด้วย จึงไม่เคยมีคนไข้ที่ชักแล้วกัดลิ้นตัวเองค่ะ -- กรณีไข้สูงลอย คือ ไข้สูงตลอดกินยาแล้วบางครั้งไข้ยังไม่ลงมาถึงปกติคือยังตัวอุ่นๆอยู่ มีไม่กี่โรคค่ะ จะนึกถึง ไข้เลือดออก หัด ส่าไข้ ในเด็กต่ำกว่า 2 ขวบ ที่ยังไม่เคยออกส่า ก็มักจะเป็นส่าไข้นี่ล่ะค่ะ หมอบางคนที่ตรวจแล้วมั่นใจว่าไม่ใช่ไข้เลือดออกแน่นอน ก็อาจให้ยาลดไข้สูงมาทานด้วย ก็ดูแลง่าย ไข้ลดลงดี แต่ต้องระวังยาอาจระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารค่ะ ก็มาแชร์ประสบการณ์เผือ่จะเป็นประโยชน์นะคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ราตรีประดับดาว (ราตรีประดับดาว) เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 20:10:51

ความคิดเห็นที่ 12   อาการที่เล่าเป็นเหมือนลูกเราเลยคะ ตอนลูกสาว 1.4 ขวบก็เป็บแบบนี้ต้องแอดมิดเข้า รพ ทันที อยู่ 4 คืน 5 วัน พอหลังจากนั้น ลูกตัวร้อนนิดหน่อยไม่ได้ระต่ายตื่นตูม รีบเช็ดตัวให้เย็นทันที (อ้อ ที่ รพ จะให้ยากันชักไว้ด้วยคะ เผื่อลูกไข้ขึ้นสูง ถ้าเกินสัก 38 องศา ก็บดยาผสมกับน้ำแดงให้ลูกกินทันที ประมาณสัก 3มิล) มันจะทำให้ลูก คลายกล้ามเนื้อ แล้วก็ง่วงนอนคะ จากคุณ : piano-nok เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 20:23:51

ความคิดเห็นที่ 13 ช่วงหน้าฝนนี่เด็กจะเป็นส่าไข้ักันมากค่ะ ลูกสาว 8 เดือนก็เพิ่งจะหายจากส่าไข้ค่ะ โหวตให้นะคะ เผื่อคุณแม่ที่น้องยังไม่เป็นส่าไข้ หรือกำลังเป็นอยู่จะได้เตรียมตัวดูแลลูกกันถูกค่ะรวมทั้งเด็กๆที่มีไข้ตัวร้อนลสูงจะได้ปฐมพยาบาลถูกต้องค่ะ จากคุณ : i_tom เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 21:57:25

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณนะคะทุกๆ คนที่ช่วยกันแชร์ประสบการณ์เพื่อให้สมาชิกชาวชานเรือนได้รู้ อ้อ เราลืมบอกไปค่ะ ตอนนี้น้องอิงค์ อายุ 1 ปี 5 เดือนค่ะ เผื่อว่าบางคนอยากทราบข้อมูล จริงๆ น้องค่อนข้างแข็งแรงนะคะ แต่คิดว่าที่เป็นอาจจะเพราะเริ่มไปเนิสแล้วค่ะ ตอนนี้ก็เลยต้องคิดใหม่ กำลังหาพี่เลี้ยงให้กลับมาเลี้ยงที่บ้านเหมือนเดิมค่ะ น้องอาจจะยังเล็กไปจริงๆ สำหรับการไปเจอสภาพแวดล้อมข้างนอก อยากแชร์อีกอย่างนึงค่ะ คือความเชื่อเดิมๆ ที่เราเคยได้ยินกันมาว่าให้หาอะไรใส่ปากเพื่อไม่ให้เขากัดลิ้นนั้นจริงๆ ก็ไม่ถูกค่ะ เพราะตอนครั้งแรกเราทำอะไรไม่ถูก ก็เอานิ้วตัวเองให้เขากัดค่ะ ปรากฎว่าเป็นแผนอยู่จนถึงตอนนี้เลยค่ะ เนื้อตายไปเลย ตอนนั้นเจ็บมากแต่ก็ทนค่ะ เพราะคิดว่าลูกจะได้ไม่กัดลิ้น แต่จริงๆ หมอว่า เขาจะไม่กัดค่ะ ยิ่งเอาอะไรไปใส่ปากจะยิ่งอันตราย เราแค่ทำให้ไม่ให้เศษอาหารหรืออะไรก็ตามลงคอไปเท่านั้นเอง อยากบอกแม่ๆ ว่า ถ้าเจอกับตัวเอง สิ่งแรกที่ต้องทำคือ.........ตั้งสติให้มั่นค่ะ อย่าตกใจจนลนลาน....พูดง่าย แต่ทำอาจจะยากสักนิดค่ะ ตั้งสติให้ดี แล้วเตรียมตัวปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ลูกก่อนที่จะไปเจอหมอค่ะ เพราะเวลาที่เดินทางอาจจะช้าไป และตั้งสติเพื่อที่จะได้สังเกตเรื่องอื่นๆ ของลูกด้วยค่ะ ว่าเขามีอาการอะไรบ้าง เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือ หรือบอกหมอได้ถูกค่ะ หวังว่ากรทู้คงมีประโยชน์สำหรับแม่ๆ พ่อๆ บ้างนะคะ จากคุณ : GMT เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 23:02:33

ความคิดเห็นที่ 15 ใช่คะ ชักจากไข้สูง เป็นอะไรที่ทรมานมากๆ สำหรับคนเป็นแม่อย่างเราๆ หมั่นเช็ดตัว เช็คอุณหภูมิ ทานยาลดไข้ เฝ้าสังเกตตลอดเวลา ก็สามารถช่วยลูกน้อยปลอดภัยจากการชัก (บอกตัวเองทุกครั้งที่ลูกมีไข้) จากคุณ : Ben10ryu เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 23:13:13

ความคิดเห็นที่ 16 ขอเก็บทู้เข้าคลังนะคะ เวลาลูกเกิดจะได้ระวังไว้   เข้าใจอารมณ์แม่ๆค่ะ เราก็เคยชักตอนเด็กค่ะ  แม่เรานี่หลอนมากกกก จนขนาดเราเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เวลาเราไม่สบาย เป็นไข้ แม่จะมาหาให้ได้  กลัวลูกชัก จากคุณ : มาม่าน้ำข้น เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 23:35:51

ความคิดเห็นที่ 17 ลูกชายเราก็เพิ่งหายจากไข้  แต่ยังไม่เคยชัก ขอบคุณที่นำประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังค่ะ จากคุณ : ไวน์องุ่น เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 08:46:30

ความคิดเห็นที่ 18 ขออนุญาตเข้ามาเพิ่มเติมอีกนิดค่ะ เมื่อลูกมีไข้ ก็ต้องลดไข้ให้ลูก ด้วยวิธีการให้ยา + เช็ดตัว ตามที่หลายท่านแนะนำมา จากนั้นก็ควรพาลูกไปพบคุณหมอด้วยนะคะ เพื่อตรวจดูว่าลูกเป็นไข้เพราะอะไร อย่าพยายามรักษาเองนะคะ โดยเฉพาะคุณแม่มือใหม่ เพราะการที่เด้กเป็นไข้ แสดงว่าร่างกายผิดปกติค่ะ เช่นอาจมีการติดเชื้อ ฯลฯ ซึ่งคุณหมอจะได้รักษาต่อไปค่ะ จากคุณ : สรณธรรม เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 13:30:35

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณมากค่ะ  น่ากลัวจัง จากคุณ : นินูจัง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 15:19:39

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณจ้า ของเรา 6 เดือน อืม ๆ จากคุณ : แม่น้องบูม เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 15:26:17

ความคิดเห็นที่ 21 ลูกเราก็เลยชักค่ะ ตอน เกือบ 2 เดือน น่ากลัวมากๆค่ะ ขอบคุณนะคะที่เอา ปกส.มาแบ่งปัน จากคุณ : พิพรรษพร เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 16:03:00

ความคิดเห็นที่ 22 ขอให้น้องหายเร็วๆนะคะ เห็นกำลังใจให้คุณแม่ด้วยค่ะ จากคุณ : mantana_11 เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 16:15:43

ความคิดเห็นที่ 23 ขอให้น้องหายดีเร็วนะคะ เราคนหนึ่งแหละที่ขยันวัดปรอทลูก แบบวัดทุกวันอ่ะ พ่อมันยังหาว่าเราเกินไปเลย แต่แค่วัดปรอทไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน เราก็ทำต่อน่ะแหละ ช่างพ่อมัน กั๊กๆ ^^ ดีซะอีกเราว่ามันสบายใจตัวเองด้วยแหละ จากคุณ : หนมจีนเส้นหนึบ เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 19:21:57

ความคิดเห็นที่ 24 ขอโทษคะ โพสผิดกระทู้ แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 53 22:49:08 จากคุณ : สุภาษิต เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 22:06:02

ความคิดเห็นที่ 25 ลูกเราเคยชักตอนอายุขวบกว่าเกือบสองขวบ ชักแบบไม่มีไข้ ลูกชักหลังจากออกร.พ.ได้1คืน เรายังสงสัยอยู่ถึงทุกวันนี้ ลูกแอดมิทด้วยอาการอาเจียน อาหารเป็นพิษ นอนร.พ.2คืน ให้นำ้เกลือ อาการดีขึ้นแต่ยังทานไม่ค่อยได้ คืนที่กลับมานอนบ้าน ก็ทานยาปกติ ไข้ไม่มี วันรุ่งขึ้นพาไปเดินเล่นหน้าบ้านด้วยรถจักรยานแบบมีก้านจับ ซักพักลูกเราฟุบลงไป ตัวเกร็งมือเกร็ง เรารีบเอานิ้วใส่ไปในปากลูก(เป็นวิธีที่ผิดนะคะ)ลูกกัด ตอนหลังนิ้วเราอักเสบเป็นแผลเป็นจนทุกวันนี้ โชคดีที่พ่อเค้าลงมาข้างล่างด้วย รีบเอารถออกเปิดไฟสูงกดแตรตลอดทาง ไปร.พ.ที่ใกล้ที่สุด ถึงฉุกเฉินเค้าก็ให้เราออกไปรอข้างนอก ร้องไห้แทบตายเป็นห่วงลูกมากๆ ไม่นานเจ้าหน้าที่ก็ออกมา บอกว่าลูกเราปลอดภัย วัดไข้ก็ไม่มี แล้วเค้าก็เจาะเข็มให้นำ้เกลือแล้วด้วย เราเลยไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด นอนอยู่ร.พ.ไม่นานเราก็เลยขอย้ายไป สมิติเวช ศรีนครินทร์ ร.พ.แรกที่ลูกเราแอทมิด. เพรามีประวัติอยู่ ไปถึงร.พ.ไม่นาน ระหว่างรอเข้าห้องพัก ลูกเราชักอีกครั้ง แต่โชคดีตรงนั้นพยาบาลมีหลายท่านและชักอยู่หน้าห้องปฐมพยาบาลพอดี และมีเครื่องมือพร้อม เราปล่อยโฮ ออกมาเลย สงสารลูกมาก ลืมบอกว่าตอนชักครั้งแรกลูกเรามีอึออกมาด้วย เราเลยนำอึจากร.พ.แรกมาให้ร.พ.นี้ตรวจ ตรวจไม่พบเชื้อ แต่หมอก็ให้ยากันชักทางสายนำ้เกลือ แล้วก็ส่งตรวจคลื่นสมอง อ่านผลแล้วก็ปกติ ระหว่างที่ลูกเราอยู่ร.พ. ก็สะลึมสะลือ(เขียนยังไงเนี่ย)เพราะฤทธิ์ยา นอนร.พ.ต่ออีก4คืนได้มั้ง กะเงาให้หายชัวร์ๆ แล้วค่อยกลับบ้าน พอก็ให้ยากันชักมาเผื่อฉุกเฉินไว้ฉีดทางก้น โชคดีหลังจากนั้นไม่ชักอีกก็เลยไม่ต้องทานยากันชักไปตลอดน่ะ ทุกวันนี้ก็ยังคาใจว่าชักเพราะสาเหตุอะไร แต่เรากะสามีสันนิษฐานว่าเกิดจากขาดนำ้และอาหาร เพราะตอนออกจากร.พ.ครั้งแรกยังทานอะไรไม่ได้เลย ไม่รู้เกี่ยวกันมั้ย ใครมีประสบการณ์ช่วยบอกด้วยนะคะ ป.ล.ขอโทษนะคะเล่ายาวไปหน่อย อาจงงงงเพราะผ่านมาหลายปีแล้วค่ะ ป.ล. ออกจากร.พ.ปุํบสามีรีบทำประกันให้ลูกปั๊บเลยค่ะ เพราะโดนไปเกือบแสน ก่อนหน้านี้บอกให้ทำไม่ยอมทำ แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 53 22:42:30 จากคุณ : Nampunch เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 22:40:18

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณนะคะ จากคุณ : Red Corona เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 22:58:45

ความคิดเห็นที่ 27 โห ขอบคุณมากมายค่ะ ได้เป็นกระทู้แนะนำกับเขาบ้าง ขอให้กระทู้เป็นวิทยาทานให้กับแม่ๆ พ่อๆ และสามาชิกทุกท่านนะคะ อย่าได้เจอะเจอสภาพที่เหมือนเราเจอเลยค่ะ สภาพคนเป็นแม่มันทรมานจิตใจจริงๆ ค่ะ เราหลับตายังเห็นภาพอยู่เลยค่ะ ทำให้จิตตก และวิตกจริตไปเลยค่ะ ตอนนี้จะตื่นมาตอนไหนกี่โมงกี่ยาม เวลาใดก็ตามที่เจอลูกจะต้องเอามือจับหัวดูก่อนเลยว่าร้อนไหม หลังจากนั้นจะหยิบปรอทมาเสียบจั๊กแร้ ให้แน่ใจอีกครั้ง น้องอิงค์ตอนชักครั้งแรกฉี่แตกด้วยค่ะ แต่เราไม่ทราบหรอกแต่น้องที่เขานั่งรถไปด้วยเขาบอกตอนหมอถามค่ะ ฉะนั้นที่เราบอกไปว่าให้สังเกตให้ดีค่ะ สติต้องอยู่กับตัวค่ะ จะได้บอกอาการกับหมอได้ถูกค่ะ เวลาลูกมีไข้อีกอย่างที่ต้องทำนะคะ คือให้ลูกทานน้ำเยอะๆ นะคะ เพราะน้ำจะไปลดอุณหภูมิร่างกาย และช่วยระบายของเสียออกมาทางฉี่ได้ค่ะ อย่าลืมเช็ดตัว และให้ยาตามเวลาด้วยค่ะ อ้อ แล้วก็อีกอย่างอย่าไปไหนเลยค่ะ อยู่กับลูกจนแน่ใจว่าไข้ลดแล้วค่ะ เราพลาดทั้ง 2 ครั้ง ตรงที่ออกไปข้างนอกทั้ง 2 ครั้งเลยค่ะ (ครั้งแรกไปหลายชั่วโมงเลยประมาทจริงๆ ค่ะ ครั้งหลังนี่ไปซื้อข้าวแป๊ปเดียว ยังพลาดได้) ใครมีประสบการณ์ต่างๆ ช่วยกันแชร์เพิ่มเติมนะคะ เพื่อประโยชน์ของสังคมชานเรือนของเราค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : GMT เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 23:01:06

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณค่ะ เป็นวิทยาทานจริงๆ ตัวเราเองตอนเ็ล็กๆก็ชักจนพ่อแม่เราก็แทบแย่ พอมีลูก หมอก็เตือนว่าเป็นกรรมพันธุ์เหมือนกัน เราจะกังวลมากเวลาลูกไข้ขึ้น เช็ดตัวกันั้งคืนไม่ต้องนอนก็ทำมาแล้วค่ะ ยังดีที่ลูกทั้งสองไม่เคยชัก แต่ก็ไม่เคยวางใจ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ จากคุณ : bodiamond1 เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 23:43:39

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณคะ่สำหรับคำแนะนำ แล้วตอนนี้น้องหายดีหรือยังค่ะ ขอให้น้องหายไวๆๆ นะคะ จากคุณ : แม่น้องคะนิ้ง (peepooshow) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 23:58:42

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณมากค่ะ เช็ดตัวผิดวิธีมาตลอดเลยค่ะ ลูกก็เพิ่งหายจากไข้เหมือนกันแต่พอดีไข้ไม่ค่อยสูงมาก แต่ยังไงตัวเองก็ต้องแก้ไขวิธีเช็ดตัวให้ลูกใหม่ค่ะ ยังไงก็ขอให้น้องหายไว ๆ ค่ะ จากคุณ : suttirak2 เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:23:03

ความคิดเห็นที่ 31 เด็กที่เคยมีประวัติชักแล้ว มักจะชักได้อีกจนถึง 6 ขวบ คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยระวัง เราเองและน้องสาวก็ชักตอนเด็ก ๆ เวลาลูกตัวร้อนทีไร กลัวทุกที ต้องเช็ดตัวให้ทั้งคืน ขอให้น้องหายไว ๆ นะคะ จากคุณ : คนสวยเมืองนนท์ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 08:08:20

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณที่มาเล่า ขอให้น้องหายไวๆ เราเข้าใจหัวอกแม่เวลาลูกป่วย ทำอะไรแทบไม่ถูกจริงๆ เราอยู่จีน พูดจีนแทบไม่ได้ ไปไหนต้องรอคนขับรถ ลูกไข้ขึ้นทีเราเครียดมาก เพราะโรงพยาบาลอินเตอร์ อยู่ที่เซี้ยงไฮ้ ขับรถไปเกือบ 3 ชั่วโมง ลูกเราตอน 1 ขวบเคยไข้ขึ้นสูงมาก สามีบอกตำราฝรั่งให้เอาผ้าชุบน้ำเย็นจัด โปะพันขาทั้ง2 ข้างไว้ เรากลัวลูกจะช็อคมากๆเลย ไข้ลงนะ  แต่เราไม่กล้าทำอีก จากคุณ : Valily เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 08:44:07

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณมากครับ ลูกกำลังมีไข้พอดี แต่แค่ 37-38 (วัดจากใต้รักแร้) ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว จากคุณ : อะโอะคุง (tonu_boy) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 13:05:27

ความคิดเห็นที่ 34 ดิชั้นเคยชักสมัยเป็นเด็กอ่อนค่ะ อายุราวๆ 2-3 เดือน เป็นไข้เลือดออกค่ะ แล้วชักชักหลายหนด้วย หมอกลัวว่าจะส่งผลต่อสมอง แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้เป็นอะไรนะคะ สบายดีแข็งแรง อ้วนพลี และเรียนเก่ง (ชมตัวเอง ) แต่การที่ชักแล้ว จะมีโอกาสชักอีกค่ะ ต้องคอยระวังไว้นะคะ แต่คนที่ชักก็ไม่ได้จะมีผลต่อสมองทุกคนค่ะ จากคุณ : tungift เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 13:49:13

ความคิดเห็นที่ 35 ตอบคำถามทุกๆ คนค่ะ ตอนนี้ น้องอิงค์ สบายดีแล้วค่ะ แต่ก็ยกเลิกการไปเนิสไปเลยค่ะ เพราะเขาอาจจะเล็กไปจริงๆ ภูมิต้านทานอาจจะยังน้อยอยู่ ตอนนี้ก็เลยต้องไปหนักที่คุณยาย และเราเองที่ต้องแว๊ปไปดูลูกตอนพักกลางวัน (ที่ทำงานไม่ไกล) ใช่ค่ะ ถ้าเด็กชักแล้ว มักจะมีประวัติชักอีกได้ จนถึงประมาณ 5-6 ขวบ หมอก็ให้ระวังตลอดค่ะเวลามีไข้ และถ้าพ่อแม่มีประวัติการชัก ส่วนใหญ่ลูกก็จะมีโอกาสชักได้ค่ะ สื่งที่เรากังวลมากคือเรื่องที่จะมีผลต่อสมองไหม แม้ว่าหมอจะยืนยันว่าไม่มี แต่เราก็ยังกลัวค่ะ เพราะลูกชักถึง 2 ครั้ง และในเวลาที่ห่างกันไม่นาน ตอนนี้ก็แอบเซ็งตัวเองเล็กน้อยค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : GMT เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 16:08:41

ความคิดเห็นที่ 36 ตอบคำถามทุกๆ คนค่ะ ตอนนี้ น้องอิงค์ สบายดีแล้วค่ะ แต่ก็ยกเลิกการไปเนิสไปเลยค่ะ เพราะเขาอาจจะเล็กไปจริงๆ ภูมิต้านทานอาจจะยังน้อยอยู่ ตอนนี้ก็เลยต้องไปหนักที่คุณยาย และเราเองที่ต้องแว๊ปไปดูลูกตอนพักกลางวัน (ที่ทำงานไม่ไกล) ใช่ค่ะ ถ้าเด็กชักแล้ว มักจะมีประวัติชักอีกได้ จนถึงประมาณ 5-6 ขวบ หมอก็ให้ระวังตลอดค่ะเวลามีไข้ และถ้าพ่อแม่มีประวัติการชัก ส่วนใหญ่ลูกก็จะมีโอกาสชักได้ค่ะ สื่งที่เรากังวลมากคือเรื่องที่จะมีผลต่อสมองไหม แม้ว่าหมอจะยืนยันว่าไม่มี แต่เราก็ยังกลัวค่ะ เพราะลูกชักถึง 2 ครั้ง และในเวลาที่ห่างกันไม่นาน ตอนนี้ก็แอบเซ็งตัวเองเล็กน้อยค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : GMT เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 16:09:28

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณค่ะที่เอาประสบการณ์มาบอก กลัวเหมือนกัน เพราะลูกเป็นไข้ทีสูงเหมือนกัน และไม่ยอมให้เช็คตัวด้วย จากคุณ : korbua เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 18:44:47

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆค่ะ จากคุณ : คุณนายสายลม เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 22:11:00

ความคิดเห็นที่ 39   แล้วสอบถามนอกเรื่องหน่อยค่ะ ว่าไอ้เจ้าปรอทวัดไข้ที่ใช้ๆกันอยู่เนี้ย ใช้แบบไหน ราคาเท่าไรคะ เผื่อได้ซื้อไว้ติดบ้านบ้างค่ะ มีภาพด้วยยิ่งดีค่ะ บางคนแนะนำแล้วเห็นราคาแล้วตกใจไม่กล้าซื้อกลัวจะไม่ดีจริง เลยอยากขอคำแนะนำค่ะ จากคุณ : แม่น้องโมจิ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 22:15:34 A:114.128.70.187 X: TicketID:273993

ความคิดเห็นที่ 40 ตอนที่ไทโยเป็นเมือต้นเดือน ดีที่มีคนช่วยดูแล  แล้วก็น้องเป็นไม่มาก แต่ถ้าน้องเป็นตอนที่ต้องดูแลคนเดียวก็คงจะลำบากเหมือนกัน ขอให้น้องแข็งแรงๆๆๆๆๆนะค่ะ จากคุณ : taiyokun เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 07:16:57

ความคิดเห็นที่ 41 ตอบค่ะ มีรูปปรอท หรือ เทอร์โมมิเตอร์มาให้ดู 2 แบบค่ะ แบบดิจิตอล มันจะเป็นตัวเลขอ่านง่ายค่ะ แต่ราคาจะสูง ประมาณ 2 ร้อยกว่าๆ ค่ะ (ของเราอันนี้เอากลับมาจากเมืองนอกค่ะ) จากคุณ : GMT เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 10:34:40

ความคิดเห็นที่ 42 แบบที่สองแบบตัวเลขธรรมดา อันนี้ถูกมากๆ ค่ะ แค่ 45 บาทเอง ร้านขายขามีแทบทุกร้านค่ะ แนะนำให้ซื้อเก็บไว้ค่ะ มีประโยชน์มากมายจริงๆ ค่ะ ใช้ได้ทุกคน เพียงแค่ เอาแอลกอฮอเช็ดหลังใช้งานสักนิดก่อนเก็บค่ะ ปล. มันมีปลอกด้วยนะคะ พอดีรูปไม่ชัดค่ะ เลยเอารูปแบบไม่มีปลอกมาให้ดูค่ะ แบบปรอทแบบนี้อาจจะอันตรายนิดนึงตรงที่ต้องระวังถ้าตกแตก สารปรอทจะปนเปื้อนตามพื้นได้ (พวกนี้เป็นโลหะหนักที่อันตรายค่ะ) แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 53 10:37:14 จากคุณ : GMT เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 10:35:43

ความคิดเห็นที่ 43 แถมรูปสาวน้อย....น้องอิงค์........ ค่ะ ตอนนี้สบายดีแล้วค่ะ แต่ยังหาพี่เลี้ยงไม่ได้เลย คุณยายกับแม่ต้องรับภาระหนักค่ะ เพราะกำลังซน ปีนป่าย ทุกอย่างที่ขวางหน้าค่ะ จากคุณ : GMT เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 10:38:43

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณค่ะที่มาแชร์ปสก.ให้ทราบได้ความรู้เยอะเลยค่ะ จากคุณ : กอล์ฟกะเทวดาน้อยนะคะ (HACKER HUNTING in The City) เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 15:22:36

ความคิดเห็นที่ 45 มาเพิ่มเติมนิดค่ะ ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวน้องควรเป็นน้ำอุ่น หรือน้ำอุณหภูมิห้องนะคะ เราเข้าใจผิดมาตลอดว่าควรเป็นผ้าชุบน้ำเย็นค่ะ T.T จนลูกเป็นไข้และพาไปหาหมอ พยาบาลบอกว่าคุณแม่ต้องใช้ผ้าชุบน้ำอุ่น เพราะถ้าน้ำเย็นก้อจะทำให้ลูกชักได้เหมือนกันค่ะ จากคุณ : แม่เจ้าหยวน เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 16:30:53

ความคิดเห็นที่ 46 เรื่อง ชัก พ่อแม่เราเป็นห่วงมากเลย สมัยเด็กเห็นเล่าว่า จะพยายามดูแลไม่ให้ชักเลยซักครั้ง เพราะกลัวจะกระทบกระเทือน พอไม่สบายก็ต้องรีบพาไปหาหมอ มีปรอทวัดไข้ติดบ้านไว้ เทอมนี้เราเรียนเรื่องสุขภาพเด็ก เห็นอาจารย์แนะนำเหมือนข้างบนค่ะ ควรเช็ดด้วยน้ำอุณหภูมิห้อง และเช็ดแบบย้อนรูขุมขน คือ แทนที่จะเช็คลงให้เช็คขึ้นแทน จากคุณ : ขี้เหงา...เอาแต่ใจ เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 17:52:08

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณนะคะที่มาแชร์ให้กันฟัง   เรื่องเช็ดตัวเด็ก    เวลาเช็ดตัวคุณแม่ทั้งหลายไม่ต้องกลัวลูกเจ็บนะคะ  เช็ดแรงนิดนึงนะคะ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้รูขุมขนเปิดคะ ร่างกายจะได้ระบายความร้อนออกมาคะ    แล้วก็ควรใช้น้ำ ณ อุณหภูมิห้องคะ    ขอบคุณคะ แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 53 21:36:14 จากคุณ : MOMOKO OKUSAMA เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 21:34:51

ความคิดเห็นที่ 48 มาเล่าประสบการณ์ลูกสาวบ้างค่ะ เห็นแม่ๆมาแชร์กันเผือ่เป็นประโยชน์บ้าง ลูกสาวเรา ชักแบบไม่มีไข้ค่ะ เราพาไปฉีดวัคซีนตอน 1 ขวบ น้องชักบนรถtaxi ระหว่างทางไปรพ. เราตกใจมากๆ คุณตาอุ้มอยู่ดีๆ หันหน้าไปลูกตัวเขียว เกร็ง กัดฟัน ตาเหลือก เราก้อเอาลูกมาอุ้มแล้วก็เรียกชื่อลูก เหมือนปลุกเค้า สัก 2 นาทีลูกก็ตื่น หน้าตามีสีแดงขึ้น พอไปถึงรพ.ก็วัดไข้เพื่อฉีดวัคซีน ก็ไม่มีไข้อ่ะ แต่น้องงอแงตลอด ปกติไม่เคยงอแง พอไปตรวจกับคุณหมอ ก็บอกว่าน้องชักมาในรถ หมอบอกคงไม่เป็นไร แต่ไม่ฉีดยาล่ะกัน เอายาลดน้ำมูกไปหยอด เพราะน้องร้องไห้เยอะ น้ามูกออกมาก เราก็เอายาไปให้พยาบาลสอนวิธีการหยอด ปรากฎน้องชักอีก เราวิ่งไปอุ้มลูก เพราะคุณตาอุ้มอยู่ วิ่งไปห้องฉีดยา วันนั้นคนเยอะมาก คนหันมามองว่าเราเป็นอะไร สงสารลูกมาก หมอที่ตรวจเลยเดินมาดู เราอยากจะย้อนหมอจริง ไหนบอกว่าไม่เป็นอะไรไงค่ะ ยังเคืองถึงทุกวันนี้ และน้องเลยต้อง admit และชักอีกหลายครั้ง ครั้งละไม่นาน ตรวจทุกอย่าง แต่ก็ไม่ทราบสาเหตุว่าชักเพราะอะไร อยู่ ICU เด็กด้วย เราเข้าห้องนี้ ร้องไห้มากมาย สงสารลูกตัวเอง และสงสารเด็กข้างๆเตียงด้วย หัวอกพ่อแม่เนอะ พอนอน ICU น้องก้อไม่ชักแล้ว หมอก็ยังสงสัยว่าน้องหยุดชักเอง หรือเพราะยา ตอนนี้เลยต้องกินยากันชักอยู่ ต้องกิน 2 ปีค่ะ ถ้าไม่ชักอีกเลย ก็ค่อยหยุด ยังไงก็ขอให้คุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน ระวังเด็กทั้งที่มีไข้และไม่มีไข้ เพราะของเราชักแบบไม่มีไข้ งงจนถึงทุกวันนี้ จากคุณ : Mamee..earN เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 53 09:04:18

ความคิดเห็นที่ 49 ขอให้น้องแข็งแรงนะคะ   ตัวร้อนครั้งต่อๆไป ต้องระวังน้องชักด้วยนะคะ คุณหมอเราบอกว่า ถ้าเด็กเคยชักแล้วต้องระวังต่อไปตลอด จน 6 ขวบค่ะ ยิ่งช่วง 6 เดือนแรกยิ่งต้องระวังการชักซ้ำค่ะ เรื่องโรคส่าไข้ คุณหมอเราบอกว่า สามารถเป็นซ้ำได้อีกค่ะ เพราะมันมีเชื้อไวรัสหลายตัวที่ทำให้เกิดส่าไข้ น้องอาจจะเคยเป็นตัวหนึ่งแล้ว แล้วไปได้เชื้อไวรัสอีกตัวมาก็ทำให้เป็นส่าไข้ได้ค่ะ เช็ดตัวแบบย้อนรูขุมขน คือย้อนขึ้นเช็ดเข้าหาหัวใจใช้ผ้าเล็กหลายๆผืน ผ้าชุ่มๆ น้ำอุณหภูมิห้อง โป๊ะตามข้อพับ รักแร้ หน้าผาก แล้วเช็ดแขน ขา ตัว แรงๆ นิดนึง ไม่มีเด็กคนไหนไม่ร้องค่ะ แต่เพื่อให้ไข้ลดต้องทำ ส่าไข้ติดกันได้นะคะ ถ้ามีลูกเล็กสองคน เพราะมันเกิดจากไวรัส ติดกันได้เหมือนหวัดค่ะ ผู้ใหญ่จะมีภูมิคุ้มกันแล้ว ลูกเราเป็นส่าไข้ เพิ่งหายเองค่ะ เมื่อต้นเดือนมิย.นี้เองโชคดีที่ไม่ชัก เพราะไข้สูงมากเหมือนกัน คนน้องอายุ 5 เดือนเป็นก่อน ไข้39.3 แหนะ พอหายผื่นยังจากไม่หมดดี คนพี่อายุ 1ขวบ11เดือน ก็เป็นตามไข้ขึ้นถึง 40  ขนาดพยายามกันไว้ไม่ให้เข้าใกล้กันแล้ว ก็ติดกันจนได้ ตอนนี้หายดีแล้ว ผื่นจากไม่เห็นรอยแล้วทั้งคู่ค่ะ จากคุณ : พันฟ้า เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 53 09:22:36

ความคิดเห็นที่ 50   ขอบคุณมากที่มา share เรื่องราวที่มีประโยชน์ค่ะ อ่านแล้ว น่ากลัวจังค่ะ ขอให้น้องสุขภาพร่างกายแข็งแรงนะคะ จากคุณ : อ้อม (Aom Alisara) เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 53 11:08:13

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณมากๆ นะคะ ที่ช่วยกันมาแชร์ประสบการณ์ต่างๆ กัน คุณ Mamee..earN  คห 48 คะ อ่านแล้วน่ากลัวนะคะชักแบบนี้เพราะเราไม่รู้ว่าเขาจะชักตอนไหน เอ่อ แล้วอยากทราบว่ามีปัญหาอื่นๆ ตามมาไหมคะ เช่นเรื่องการเรียนรู้ของน้อง หรือว่า การเจ็บป่วยอื่นๆ เพราะกังวลมากค่ะ กลัวน้องจะมีปัญหาไร ขอบคุณค่ะ จากคุณ : GMT เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 53 16:10:40

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : bad weather เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 53 20:10:48

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ .. ถ้าเกิดกับเราคงทำอะไรไม่ถูกแน่ๆเลยค่ะ .. ขออนุญาตเอาไปแปะที่บล๊อคด้วยนะคะ .. เอาไว้เตือนใจค่ะ จากคุณ : คุณพ่อมือ1 เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 53 23:08:56

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณมากๆ ค่ะที่เข้ามาแชร์ประสบการณ์ที่ไม่อยากให้เกิด เด็กเล็กกับเรื่องตัวร้อนเนี่ยเป็นของคู่กันจริงๆ เราเองลูกก็ไม่สบายอยู่ค่ะ มีอาการตัวร้อนเหมือนกัน เราก็เช็ดตัว และให้กินยาลดไข้ทุกๆ 4 ชม. เค้าจะร้องก็ต้องอดทนเน๊อะ เพื่อจะได้หายเร็วๆ จากคุณ : กิ่งทองใบหยก เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 14:27:51

ความคิดเห็นที่ 55 ขอบคุณมากค่ะที่นำมาเล่าให้ฟัง ได้รับทราบประสบการณ์ด้วย จากคุณ : Sharpman เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 14:47:09

ความคิดเห็นที่ 56 น้องสปาย 11 เดือน กำลังเป็นส่าไข้ค่ะ ตอนนี้ไข้ลดแล้ว เหลือแต่ผื่น ขอบคุณข้อมูล ตอนลูกเป็นไข้ งอแงมากค่ะ แต่โชคดีที่ไม่ชัก ตอนไปโรงพยาบาล ไข้สูง 39.5 ถูกคุณพยาบาล จับแก้ผ้าเช็ดตัวเลยค่ะ แล้วก้หยอดยาแก้ไข้ให้ สักพัก ไข้ก็ลง คุณหมอจึงให้กลับบ้าน แต่พอถึงบ้าน ก็ไข้สูงอีก พยายามหยอดยาทุกๆ 6 ชม. .........โชคดีมากที่น้องสปายไม่ชัก.. จากคุณ : paealpha เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 17:24:33

ความคิดเห็นที่ 57   เป็นอีกคนที่ลูกเป็นส่าไข้มาแล้ว 2 ครั้ง แต่โชคดีที่ไม่ชักค่ะ ครั้งแรกตอน 6 เดือน ไข้สูงมาก แต่ไม่ซึม ไข้ลดเล่นได้ปกติ มีไข้ 3-4 วัน แล้วจึงออกผื่น ครั้งที่ 2 ตอน 2 ขวบ 11 เดือน (กพ.53) ไข้สูงมาก แต่ไข้ลดเล่น ได้ปกติ ไม่งอแง มีไข้ 5 วัน แล้วจึงออกผื่น ครั้งที่ 2 ไม่ได้คิดถึงส่าไข้เลย เพราะเข้าใจว่าเป็นได้ครั้งเดียว (เฝ้าระวังไข้เลือดออก, อีสุกอีใส) วันที่ 4 พาไปหาหมอ หมอขอตรวจไข้หวัด 2009 (1-3 วันแรกอยู่ ชะอำ เลี้ยงลูกด้วยพารา) เมื่อผลออกมาว่าไม่ใช่ หมอเลยบอกว่า น่าจะเป็นส่าไข้ (ไม่ค่อยจะเชื่อหมอ เพราะคิดว่าลูกเคยเป็นแล้ว) พอวันที่ 5 ออกผื่น จึงถึงบางอ้อ ส่าไข้..สิ่งที่ต่างกับโรคอื่นคือ หมอใช้คำว่าไข้สวย คือ เด็กจะไม่ซึม ไม่งอแง เมื่อออกผื่น ไข้ก็จะหาย.... อาจเป็นเกล็ดเล็กๆ น้อยๆ ให้คุณพ่อ คุณแม่ คอยสังเกตอาการลูกรักได้นะค่ะ จากคุณ : แม่มีนา (mena's_mom) เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 22:05:18