ความคิดเห็นที่ 1 พัฒนาการ + การเรียนรู้อย่างพอดี 1-2 ขวบ หลังจากที่คลานต้วมเตี้ยมมานาน เมื่อเข้าสู่วัยนี้ ลูกก็มีพัฒนาการทางด้านร่างกายเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เดินได้ วิ่งได้ การใช้มือก็คล่องแคล่วมากขึ้นและทำได้หลายลักษณะ ส่วนพัฒนาการทางด้านภาษาก็สามารถพูดได้เป็นคำ ๆ หรือพูดประโยคสั้น ๆ ได้ เข้าใจคำพูดและเหตุผลง่าย ๆ ของคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งลูกวัย 1-2 ขวบ จะจดจำคำพูด ลักษณะท่าท ง และเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ใหญ่ได้อย่างน่ารักน่าชัง วัยนี้เร่มมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้างมากขึ้น โดยเฉพาะกับคุณพ่อคุณแม่และคนใกล้ตัว แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหนูก็ยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นอิสระ มีอิทธิพลต่อสิ่งแวดล้อม ควบคุมและทำอะไรบางอย่างด้วยตัวเองได้ค่ะ จากคุณ : mezza's mom เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 11:18:41

ความคิดเห็นที่ 2 2-3 ขวบ นอกจากเดินและวิ่งได้คล่องแคล่วแล้ว ยังสามารถปีนป่าย ไต่ ไถล ได้สบาย มือไม้ก็สามารถฉุดกระชาก ลาก หมุน ได้ถนัด แถมยังชอบขีด ๆ เขียนๆ เป็นจิตรกรน้อย ส่วนพัฒนาการทางด้านภาษา ลูกวัยนี้จะเล่าเรื่องได้บ้างแล้วค่ะ มีการแสดงสีหน้า อารมณ์ขณะพูดได้ดีขึ้น สำหรับพัฒนาการด้านสังคม ก็สามารถอยู่รวมกลุ่มกับเพื่อนวันเดียวกันได้ แต่การเล่นร่วมกันยังไม่ชัดเจน จะเป็นลักษณะสังเกตการณ์หรือดุเชิงเพื่อน ลูกวัยนี้ยังยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง มีความเป็นตัวของตัวเองสูง และรู้สึกเป็นอิสระมากขึ้น พัฒนาการของลูกน้อยช่วงวัยนี้ จึงเป็นวัยเรียนรุ้โลกกว้าง เป็นนักสำรวจ พร้อมกันนั้นก็เริ่มเป็นหนูน้อยนักทำลายด้วย เพราะอยากรู้อยากเห็นไปทุกอย่าง จึงชอบแสวงหาสิ่งแปลกใหม่ ลองผิดลองถูก ทำแล้วทำซ้ำ เพื่อสนองตอบความพอใจและความอยากรู้ของตัวเองค่ะ จากคุณ : mezza's mom เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 11:22:57

ความคิดเห็นที่ 3   เข้าใจลูกมากขึ้นค่ะ แต่ไม่ไหว เหนื่อยตามเช็ด ตามล้าง จากคุณ : แม่ขี้บ่น (แม่จี๋กะเจเจ) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 11:33:23

ความคิดเห็นที่ 4 นอกจากต้องทำความเข้าใจกับธรรมชาติของลูกวัยนี้แล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรต้องส่งเสริมการเรียนรุ้ของลูกให้พอดี ไม่ปล่อยให้ลูกเรียนรู้โดยลำพัง และไม่ปิดกั้นจนเกินไป การเรียนรู้อย่างพอดี จะดีต่อตัวลูก ซึ่งก็คือ เรียนรู้ได้ทุกอย่างที่ไม่เป็นอันตราย ไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย ไม่ทำให้เสียทักษะด้านอื่น ๆ เช่น เสียวินัย ไม่รู้เวลา เป็นต้น ปล่อยลูกเล่นเพื่อเรียนรุ้ อย่างที่บอกตอนต้นว่า การเรียนรุ้ของลูกเกิดขึ้นโดยผ่านการเล่น สิ่งที่อยู่ตรงหน้าช่างเย้ายวนให้ลองเล่นดูซักครั้ง บางอย่างที่ไม่ใช่ของเล่นก็ปล่อยให้ลุกเล่นบ้าง แล้วค่อยอธิบายให้เขาเข้าใจ เช่น 1. ลุกเล่นแชมพู ก็บอกเขาไปว่ามันคืออะไร เอาไว้ทำอะไร ถ้าเขาอยากรู้อยากลอง ให้ลองเทมาดูได้ ให้เขาแตะดุ ดมกลิ่นได้ แต่ต้องบอกด้วยว่ากินไม่ได้  ไม่ใช่ของกิน 2. ลูกชอบขีด ๆ เขียน ๆ จนเลอะเทอะไปทั่ว ก็ควรกำหนดขอบเขตให้เขียนได้ในกระดาษ ส่วนโต๊ะ เก้าอี้ หรือผนัง ไม่ใช่ที่สำหรับขีดเขียน ต้องบอกเหตุผลสั้น ๆ ให้เขาเข้าใจ 3. เมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกเข้าใกล้ปลั๊กไฟ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือคอมพ์ ที่นอกจากไม่ใช่ของเล่นแล้ว ยังอันตรายอีกด้วย ต้องปรามไม่ให้ลูกเล่นทันที ถ้าไม่ฟังก็อาจตีที่มือเขาเบา ๆ ซัก 2-3 ที พร้อมกับบอกเหตุผลว่าทำไมถึงเล่นไม่ได้ คุณพ่อคุณแม่ควรปล่อยให้ลูกได้เล่นอย่างอิสระอย่างสนุกสนานและมีความสุข แต่ต้องอยู่ในสายตาด้วยค่ะ จากคุณ : mezza's mom เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 11:34:01

ความคิดเห็นที่ 5 ชีวิตประจำวันก็เรียนรู้ได้ คุณพ่อคุณแม่ควรส่งเสริมการเรียนรุ้ของลูกด้วยกิจกรรมในชิวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น การกิน อาบน้ำ แปรงฟัน ขับถ่าย การแต่งตัว ฯลฯ ควรปล่อยให้เขาได้ทำกิจกรรมเหล่านั้นด้วยตัวเอง รวมทั้งหมั่นพูดคุยกับลูก ไม่ขี้เกียจตอบคำถาม ไม่เห็นว่าสิ่งที่ลูกทำเป็นเรื่องไร้สาระ นอกจากนั้น ควรหาโอกาสพาลูกออกไปเรียนรู้โลกกว้างนอกบ้านบ้าง ไม่ว่าจะเป็นสวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์ หรือแม้กระทั่งพาลูกไปซื้อของ เพื่อให้เขาได้เรียนรุ้จากสถานการณ์จริงในชีวิตประจำวัน คุณพ่อคุณแม่ที่คิดว่าทีวีและวีซีดีต่าง ๆ เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับลูกวัยนี้ แล้วปล่อยให้ลูกนั่งจดจ่อหน้าจอวันละหลาย ๆ ชั่วโมงนั้น ถือเป็นความเข้าใจผิดอย่างมหันต์ค่ะ เพราะการเรียนรู้จากทีวีและวีซีดีไมได้เกิดจากสถานการณ์จริง ซึ่งจะทำให้ลูกสูญเสียการเรียนรู้ด้านอื่น ๆ โดยเฉพาะด้านภาษาและสังคมไปค่ะ จากคุณ : mezza's mom เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 11:37:31

ความคิดเห็นที่ 6 หมั่นสังเกตและไม่ยัดเยียด ขณะที่ทำกิจกรรม คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยสังเกตที่ตัวลูกด้วยนะคะ ว่าเขากำลังสนุกและมีความสุขและยินดีที่จะเรียนรู้หรือไม่ ถ้าลูกยังอยากที่จะเรียนรู้ต่อก็ปล่อยให้เขาเล่นไป ถ้าเมื่อไหร่ที่ลูกส่ายหน้า ไม่เอาแล้ว ก็ไม่ต้องไปยัดเยียดให้ลูกเล่นโดยฝืนใจ เพราะจะทำให้ลูกไม่อยากเรียนรู้และเกิดความเครียดได้ค่ะ แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 53 11:43:24 จากคุณ : mezza's mom เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 11:37:42

ความคิดเห็นที่ 7 ปล่อยเกินไป + ปิดกั้นเกินไป = ไม่พอดี การที่คุณพ่อคุณแม่ปล่อยให้ลูกเรียนรู้ด้วยตัวเองมากเกินไปโดยไม่ควบคุม และไม่คอยอยู่ใกล้ๆ เพืออธิบายให้ลูกเกิดความเข้าใจและเรียนรู้อย่างถูกต้อง จะก่อให้เกิดความเสียหายได้ค่ะ เพราะลูกอาจเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ อย่างผิด ๆ นอกจากนี้ ยังอาจก่อให้เกิดอันตรายกับตัวเอง เช่น เอานิ้วแหย่รูปลั๊กไฟจนโดนไฟดูด เป็นต้น รวมทั้งก่อให้เกิดความเสียหายกับข้าวของ ทำให้ลูกไม่รู้เวลาจนเสียวินัยได้ ในทางตรงกันข้าม ถ้าคุณพ่อคุณแม่กลัวจะเกิดอันตราย กลัวเชื้อโรค กลัวลูกสกปรก จนไม่ยอมให้ลูกเล่นหรือทำอะไรเลย ห้ามแตะนั่นต้องนี่ แถมบอกไม่ฟังยังตีลูกบ่อย ๆ นั่นเป็นการปิดกั้นการเรียนรู้ของลูกมากเกินไป ทำให้ลูกมีพัฒนาการช้า กลายเป็นเด็กที่ขาดความมั่นใจ ไม่มีความพร้อมที่จะออกสู่โลกภายนอกได้ค่ะ จากคุณ : mezza's mom เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 11:52:09

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่ปล่อยเกินไป ไม่ปิดกั้นเกินไป รวมทั้งส่งเสริมอย่างพอดี แค่นี้ลูกจอมซนก็เกิดการเรียนรู้ พร้อมก้าวสู่โลกกว้างอย่างมั่นใจแล้วค่ะ จากคุณ : mezza's mom เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 11:53:09

ความคิดเห็นที่ 9 แต่ถ้าเล่น จนไม่ยอมหลับ ยอมนอน ก็ไม่ไหวนะจ๊ะ เหนื่อย !!! จากคุณ : wapiko เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 11:55:46

ความคิดเห็นที่ 10 ดีจังน้องดาว ขอบคุณนะ จากคุณ : ป๊าม้าออนเซน เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 11:56:22

ความคิดเห็นที่ 11 ว้าววววว....คุณแม่น้องเมษวันนี้มีสาระอัดแน่นจริง ๆ ...ขอบคุณที่นำมาแชร์จ้า จากคุณ : Zen no Okasan เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 12:19:14

ความคิดเห็นที่ 12 ข้อมูลปึ้ก น้องเมษโชคดีจังมีแม่ที่ใส่ใจน้า จากคุณ : pluswipa เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 12:24:03

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ แต่ยากจริงๆค่ะ ที่จะทำให้พอดี เพราะคำว่าพอดีนี่แหล่ะค่ะ มันก่ำกึ่งมากๆ บางเรื่องปล่อยไป เอ๊ะ ฉันตามใจลูกหรือป่าวนี่ บางเรื่องห้ามลูก เอ๊ะ ฉันตึงเกินไปหรือป่าว มันเหนื่อยตรงนี้แหล่ะค่ะ แต่ก็พยายามทำอยู่ค่ะ คงไม่ได้เต็มร้อย แต่ก็เอาให้มากที่สุดเนอะ ^^ จากคุณ : คุณแม่น้องปอ (So Confuse) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 13:31:08

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : มัดช๋า เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 16:10:21

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ จากคุณ : tong&ice เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 13:38:43