PANTIP.COM : N9426181 @@สอบถามเรื่องรถเข็น คาร์ซีท และขวดนมค่ะ@@ []

ความคิดเห็นที่ 6

รถเข็น

ขึ้นกับว่า คุณอาศัยอยู่ที่ไหน มีรถเองหรือว่าใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ถ้ามีรถเอง รถคันใหญ่หรือเปล่า ท้ายรถตรงเก็บของใหญ่ไหม คุณตัวสูงหรือตัวเล็ก ไปไหนคนเดียวกับลูกหรือมีคนอื่นไปด้วยตลอดเวลา

ถ้าอยู่ในเมือง มีรถเองแต่รถคันเล็กๆ พวก รถเข็น full size อย่างยี่ห้อ graco แบบที่มาเป็น travel system พวกรุ่น quattro tour ตัดไปเลยค่ะ รถเข็นคันใหญ่และหนัก ใส่รถเข็นลงไปก็เต็มท้ายรถแล้วใส่อะไรอย่างอื่นแทบไม่ได้อีก และเวลายกขึ้นลงจะหนักมากหากว่าเป็นรถเก๋ง เพราะว่าคุณต้องยกให้พ้นขอบที่สูงขึ้นไปอีกก่อนจะวางลงในช่องท้ายรถ ข้อดีคือ ตัวกระเช้าคาร์ซีทที่มาด้วยกัน สามารถยกออกจากฐานในรถ มาวางบนรถเข็นแล้วเข็นได้เลย ไม่ต้องนั่งแกะลูกออกจากกระเช้าคาร์ซีทมาใส่รถเข็นอีกทีนึง แต่ว่าเมืองไทยมันร้อนค่ะ แกะออกมาให้เขานั่งสบายๆในรถเข็นดีกว่า ฉะนั้นถึงว่า ไม่จำเป็น เพราะว่าพอลูกประมาณ 1 ขวบหรือ 20-35 lbs แล้วแต่พิกัดน้ำหนักของคาร์ซีทนะคะ คุณก็ต้องเปลี่ยนเป็นคาร์ซีทรุ่นใหญ่ขึ้น

รถเข็น เข็นลื่น บังคับสะดวกไหม เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา มีที่เบรคที่ล้อไหม ทดลองเข็นเดินแล้วคุณเดินเตะล้อ ต้องเดินก้มหลังเพราะว่ารถเข็นเตี้ยไปหรือเปล่า

มีที่บังแดดที่โยกไปมาได้หรือเปล่า ใหญ่พอกันแดดลูกไหม เวลาเข็นๆไป มีช่องมองลูกจากด้านบนหรือเปล่า

ผ้ารถเข็น ถ้ามีเบาะ สามารถถอดซักได้หรือเปล่า คิดสภาพเวลาลูกแหวะ กินนมหก กินอาหารหกเลอะเทอะ หรือว่าผ้าอ้อมเต็ม แฉะ แล้วซึมออกมานะคะ บางคนถึงได้มีผ้ารองอีกชั้นค่ะ

ถ้าอยู่ในเมือง แค่ส่วนมากพาลูกเดินห้าง ลูกอายุเท่าไหร่คะ ถ้าจะใช้ตั้งแต่แรกเกิด แนะนำพวกรถเข็นที่สามารถปรับนอนราบได้ เพราะใช้เป็นที่เปลี่ยนผ้าอ้อมได้ หรือว่าถ้าลูกเล็กกว่าห้าเดือน หลังเขายังไม่แข็ง ต้องหารถเข็นที่ปรับเอียงองศาได้เยอะหน่อย (พวกก้านร่มจิ๋วที่ปรับระดับพนักพิงไม่สามารถใช้กับเด็กแรกเกิดได้) วิธีปรับระดับพนักพิง ก็ต้องปรับง่ายๆค่ะ บางยี่ห้อเป็นแบบเหมือนสายรัดเป้ สายรัดกระเป๋า บางยี่ห้อก็เป็นแบบเชือกดึงๆแล้วก็มีตัวล็อค ทั้งสองแบบไม่ค่อยสะดวกค่ะ แบบที่มีที่ดึงปรับล็อคได้หลายเสต็ปจะดีกว่า เพราะว่าใช้มือเดียวปรับได้เลย

มีที่รองรับขายื่นออกมาไหม leg extender เวลาลูกโตขึ้น เวลาหลับในรถเข็นจะได้นอนได้ยาวๆ ไม่ต้องงอขา บางยี่ห้อ ส่วนนี้สามารถพับขึ้น ปรับเบาะนอนราบ ก็จะกลายเป็นกล่องสี่เหลี่ยม ให้ลูกนั่งเล่นในนั้นไม่ต้องกลัวหลุดร่วงออกจากรถเข็นได้ค่ะ หรือกลายเป็นที่นอนให้ลูกได้เลย

ตะกร้าใส่ของใต้รถเข็น จะว่าจำเป็นก็จำเป็น แต่ว่าไม่ได้ซีเรียส เพราะว่าสามารถเอากระเป๋าห้อยที่รถเข็นได้อีกค่ะ แค่ระวังว่าเวลายกลูกออก ไม่มีน้ำหนักถ่วงด้านหน้า รถเข็นจะล้มหรือเปล่า บางยี่ห้อเขาทำบาลานซ์ดี ไม่มีล้มค่ะ สมมติลูกนอนแบบนอนราบอยู่ จะหยิบของใต้รถเข็นได้ไหม

ลูกชอบทานขนมในรถเข็นไหม ถ้าชอบ มีพวกถาดด้านหน้าให้เขาวางของเล่น ใส่ขนมกินเล่น วางแก้วน้ำอะไรอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน แต่ว่าพวกรถเข็นก้านร่มส่วนมากจะไม่มีตรงนี้ค่ะ ซึ่งก็ไม่ซีเรียสอีก เพราะว่าสามารถหาพวกถ้วยขนมมีหู spill proof มีฝาปิดแบบเอามือล้วงหยิบขนมกินได้แล้วพอชักมือออกขนมก็ไม่หกน่ะ แล้วก็หาเชือกสั้นๆผูกติดกับเสารถเข็นไว้ เพราะว่าลูกจะชอบจับเหวี่ยงค่ะ ที่วางแก้วน้ำก็มีขายต่างหาก

รถเข็นมีสายรัดแบบ 5 จุดหรือเปล่า เพราะว่าพอโตระดับนึง คุณลูกผู้น่ารักจะพยายามลุกออกจากรถเข็นเองค่ะ ถ้ารัด 3 จุด ลุกขึ้นง่ายมาก ทำตัวเอียงๆสามารถตกออกจากรถเข็นได้อีกต่างหาก ถ้าหาก 5 จุดก็จะดีหน่อยค่ะ อย่างน้อยก็รัดไหล่ไว้ด้วย

รถเข็นมีระบบกันสะเทือนไหม บางรุ่น เข็นที ลูกหัวสั่นหัวคลอน บางรุ่นมีสปริงเยอะหน่อย เข็นนุ่มเชียว ล้อขนาดไหน เป็นยางหรือพลาสติก ถ้าไม่ใช่พวกรถเข็นสำหรับ jogging ก็ส่วนมากเป็นแบบคล้ายๆพลาสติกค่ะ

น้ำหนักรถเข็น จะสำคัญที่สุด พยายามหาน้ำหนักเบา เพราะว่าคุณจะเป็นคนที่ต้องยกรถเข็นขึ้นลงจากรถด้วยตัวคุณเอง สมมติไปกับลูกแค่สองคน ไปเจอบันได เหงื่อตกแน่ๆค่ะถ้าหากรถเข็นหนัก ถ้ามีแบบพับแล้วมีสายสะพายรถเข็นขึ้นไหล่คุณแม่ได้ ยิ่งดีค่ะ เวลาซื้อทดลองพับดูด้วย ว่าพับง่ายหรือเปล่า

สุดท้ายที่นึกออก ก็งบประมาณค่ะ รถเข็นดีๆ คันเป็นหมื่นน่ะ แต่แบบย่อมเยาคุณภาพดีๆก็มีเหมือนกัน อย่างของเรา ซื้อคอมบิที่อเมริกา ประมาณ 5000 บาท ใช้สี่ปี ใช้เกือบทุกวัน ขายเป็นมือสองทิ้งไป 700 บาท ก็เท่ากับ 4300 บาท สี่ปีก็ 1460 วัน เท่ากับตกวันละเกือบๆ 3 บาทค่าใช้รถเข็น คุ้มแสนคุ้ม ตอนไปเมืองไทย สมัยโน้นที่เปลี่ยนผ้าอ้อมตามห้างไม่มีเลย ก็ได้ใช้รถเข็นนี่แหละค่ะ เข็นเข้าห้องน้ำ ไปตรงมุมในสุด หันหลังรถเข็นให้กับคนอื่น แล้วก็นั่งเปลี่ยนตรงนั้นเลย

ขณะที่บางคนซื้อรถเข็นมา ไม่ได้ใช้เลย ใช้แต่เป้อุ้มลูก ฉะนั้นดูด้วยจ้า ว่าที่ๆไปบ่อยๆน่ะ เข็นสะดวกหรือเปล่า

อ่านแล้วเหนื่อยมั้ย บางคนหาว่าเราเรื่องมากค่ะเวลาหาซื้อรถเข็น แต่ว่าถ้าได้รถเข็นที่พอใจ มันจะคุ้มค่ามากๆค่ะ ดูราคากับออพชั่นแล้วก็ลองคิดดูจ้าว่ารุ่นไหนพอใจเราที่สุด

จากคุณ : Pina Colada

เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 53 11:14:39

ความคิดเห็นที่ 7

คาร์ซีท

อันนี้ยิ่งสำคัญที่สุด ต้องลงทุนหน่อยค่ะ ให้ลูกใช้ตั้งแต่วันออกจากโรงพยาบาลเลย ขึ้นรถเมื่อไหร่ ต้องใช้คาร์ซีทตลอด ไม่มีการยกเว้น ถ้ารถวิ่งห้ามแกะลูกออกจากคาร์ซีทเด็ดขาด ไม่งั้นถ้าหากคุณแม่ไม่สม่ำเสมอ เขาจะดิ้นงอแง จะยิ่งมีปัญหาในการใช้คาร์ซีทภายหลัง

อันดับแรก พยายามอย่าซื้อมือสอง เพราะว่าไม่รู้ว่าคาร์ซีทเก่าแค่ไหน ปกติจะมีอายุ 6 ปีนับจากวันผลิตค่ะ ถ้าเก่า ไม่รู้ว่าคุณภาพพลาสติกคาร์ซีทเป็นยังไง ร้าวภายในหรือพลาสติกแข็งจากความร้อน คาร์ซีทเคยผ่านอุบัติเหตุมาแล้วหรือเปล่า การกระแทกแรงๆอาจจะมีผลทำให้โครงสร้างผิดไป ฯลฯ แต่ถ้ารู้ที่มาที่ไปของคาร์ซีทมือสองนั้นๆก็โอเคค่ะ

คาร์ซีท สำหรับเด็กแรกเกิดจะต้องมีองศาการวาง จากการที่น้องยังอ่อนมาก ต้องเอียงๆ 45 องศาประมาณนั้น ถ้ามีตัวบอกองศา (angle indicator) จะยิ่งดี ฉะนั้นถ้าหากเป็นรุ่นที่บอกว่าใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด เช่นน้ำหนัก 5 -40, 5-55, หรือ 5 - 65 lbs ก็จะคุ้มค่ะ ดูเวลาติดตั้งดีๆละกัน ถ้าใช้ได้นานๆ พวกนี้เบาะจะใหญ่ แต่น้องแรกเกิดจะตัวจิ๋วเดียว ฉะนั้นจะต้องมี infant insert ค่ะ ดูด้วยว่ามีไหม คือจะเป็นเบาะเสริมให้ตัวน้องพอดีกับเบาะใหญ่ รองรับศีรษะไม่ให้เอียงคอพับได้

ดูรุ่นที่สามารถใช้แบบ rear-facing ให้ได้นานๆ เพราะว่ายิ่งเด็กนั่งแบบหันหลังแบบนี้จะยิ่งปลอดภัยกว่าแบบหันหน้าค่ะ นึกสภาพเวลาเรานั่งปกติแล้วรถชนนะคะ ตัวเราจะพุ่งไปด้านหน้า แต่ด้านหน้าเราไม่มีอะไรรองรับนอกจากสายรัดนิรภัยที่จะดึงเราติดเบาะเท่านั้น "คอ" เราจะเจ็บได้ง่ายมากค่ะ แต่ถ้าเรานั่งแบบหันหลัง มีเบาะของคาร์ซีทรองรับอยู่ จะดีกว่ากัน

เรื่องการปรับเอียงเบาะพนักพิง ไม่ค่อยมีความสำคัญค่ะ เด็กๆเขาไม่ค่อยสนใจว่าจะนั่งตรงนั่งเอียง ถ้าเขาจะหลับในรถ ก็หลับได้ทุกท่าล่ะค่ะ ยิ่งถ้าปรับเบาะหันหน้าปกติแล้ว นั่งตรงๆธรรมดาดีที่สุด

ควรจะดูเรื่อง การดูดซับแรงกระแทก มาตรฐานความปลอดภัยค่ะ มีวัสดุรับแรงกระแทก EPS foam อะไรครบถ้วนหรือเปล่า มีระบบการป้องกันด้านข้าง ตรงศีรษะดีไหม ในกรณีชนด้านข้าง ระดับเบาะมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำไหม ในกรณีชน ถ้าจุดศูนย์ถ่วงยิ่งต่ำ เด็กจะติดอยู่กับเบาะดีขึ้น ไม่พุ่งหลุดไปกระแทกเบาะหน้าค่ะ วัสดุที่ใช้ทำคาร์ซีทดีไหม บางทีไม่ดี เวลากระแทกแรงๆ เบาะจะบิดโค้งทำให้ตัวเด็กมีโอกาสห่างจากคาร์ซีทไปกระแทกอย่างอื่นสูงกว่า มีสายรัด 5 จุดไหม (ถ้าสามจุด น้องเขาจะเอามือลอดออกมาได้ง่ายมาก) เวลาเด็กโตขึ้น วิธีปรับสายรัดให้สูงตามสะดวกหรือเปล่า สายรัดพันบิดเบี้ยวง่ายไหม

ผ้ารองเบาะถอดซักง่ายไหม นั่งแล้วร้อนมากหรือเปล่า

เบาะติดตั้งยากหรือเปล่า ติดตั้งแล้วมั่นคงดีไหม เบาะเลื่อนไปเลื่อนมาเยอะหรือเปล่า วิธีติดตั้งที่ดีคือเมื่อติดตั้งในรถแล้ว เบาะจะขยับซ้ายขวาไม่ควรเกิน 1-2 นิ้วค่ะ

ลองไปอ่านดูก็ได้นะคะ อันนี้มาตรฐานอเมริกา http://www.car-safety.org/basics.html แต่ได้ยินมาว่าของทางยุโรปโดยเฉพาะทางสแกนดิเนเวียจะมาตรฐานสูงกว่านี้อีกค่ะ

ของเราที่ใช้อยู่นะคะ จะใช้ของ graco แบบกระเช้า infant carseat ตั้งแต่แรกเกิดจนอายุเกือบๆ 1 ขวบค่ะ เพราะว่าซื้อมาพร้อมกับรถเข็นที่เป็น travel system เวลาหน้าหนาวสะดวกค่ะ ดึงกระเช้าลูกออกจากรถแปะลงรถเข็น รีบเข็นฝ่าความหนาวเข้าตัวตึกได้เลย

พอน้ำหนักเกิน 20 lbs ก็เปลี่ยนมาใช้ convertible car seat ของ britax รุ่น boulevard เพราะว่ามี side impact protection, 5-point harness สามารถปรับระดับสายรัดได้ง่าย ไม่ต้องนั่งร้อยใหม่ แค่หมุนๆปุ่มบิดเท่านั้นเอง ติดตั้งง่ายและแน่นหนามากด้วยระบบ LATCH ที่สำคัญคือ สมัยนั้น เป็นรุ่นที่สามารถรองรับน้ำหนักได้จนถึง 65 lbs ตอนนี้ลูกจวนจะหกขวบแล้ว น้ำหนักยังแค่ 45 lbs เองค่ะ ยังสามารถใช้ได้จนครบอายุคาร์ซีท 6 ปี หรือลูกน้ำหนัก 65 lbs เลยค่ะ (ถ้าเขาสูงไม่เกินมาตรฐานคาร์ซีทนะ) คุ้มแสนคุ้มอีกแล้ว ลงทุนครั้งเดียวแต่สบายใจตลอด 6 ปีค่ะ ลองคำนวณดูแล้ว เท่ากับค่าใช้คาร์ซีทวันละไม่ถึง 5 บาทค่ะ

แล้วพอเขาโตเกินคาร์ซีทอันนี้ ก็ซื้อแบบ booster ที่ราคาไม่แพงได้เลยจ้า แค่ยกระดับตัวเขาให้สูงพอใช้สายเข็มขัดนิรภัยของรถได้โดยที่ไม่มาบาดคอเขาก็โอเคแล้ว

จากคุณ : Pina Colada

เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 53 11:58:27