ความคิดเห็นที่ 1 2.  บอกให้ลูกรู้ว่าเงินได้มาอย่างไร และจ่ายไปอย่างไร เราต้องสอนให้ลูกรุ้ว่าเงินมีจำนวนจำกัดแต่ความต้องการของคนเรานั้นไม่มีสิ้นสุด และเงินไม่ได้มีไว้สำหรับซื้อขนม หรือของเล่นเท่านั้นแต่เราต้องใช้เงินเพื่อซื้อของที่จำเป็นมากมายในบ้าน คุณควรสอนให้เด็กๆเห็นความแตกต่างระหว่างความจำเป็นและความต้องการ เช่นเวลาไปซื้อของให้อธิบายให้ลูกฟังว่าเพราะอะไรถึงซื้อให้เหตุผลกับลูกๆ วิธีนี้จะช่วยให้เด็กๆรู้ว่าเงิน ควรถูกใช้เพื่อสิ่งที่จำเป็น และต่อไปเขาจะเกิดความมั่นใจและเป็นอิสระในการตัดสินใจซื้อมากขึ้นไม่ตกอยู่ในกระแสแฟชั่นจนเกินพอดี จากคุณ : femininity เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 18:23:21

ความคิดเห็นที่ 2 3.  ปล่อยให้เขามีประสบการณ์ตรง  การให้เงินจำนวนน้อยๆช่วยให้พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับวันที่เงินมีมากขึ้นเรื่อยๆ และเงินค่าขนมจะช่วยให้เกิดการสร้างประสบการณ์ตรงให้กับลูก อย่าตามควบคุมการใช้เงินของลูกมากเกินไป เพราะทุกคนไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ต้องการเงินเพื่อซื้อความสนุกทั้งนั้น เพราะฉะนั้นลูกคุณก็ไม่ควรต้องขออนุญาิตคุณทุกครี้งเพื่อใช้เงินซื้อของเล็กๆน้อยๆที่เขาอยากได้ ควรปล่อยให้ปล่อยให้เขาจ่ายอย่างพอใจแต่ต้องย้ำกับเขาว่าเมื่อเงินหมดก็คือหมดจริงๆ และทำให้เขารู้ว่าเขาจะต้องตกอยุ่ในสถานการณ์อย่างไรถ้าใช้เงินไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องมากเกินไป และนี่คือการกระตุ้นให้เขาสามารถควบคุมตนเองได้โดยไม่ให้คุณควบคุม จากคุณ : femininity เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 18:36:51

ความคิดเห็นที่ 3 ต่อมาจะว่าด้วยเรื่องของเงินค่าขนม เงินค่าขนมเป็นเครื่องมือชั้นดีในการสอนทักษะการเงินแก่เด็กๆ คุณสามารถเริ่มให้เงินค่าขนมแก่ลูกได้ตั้งแต่อายุ 5-6 ขวบด้วยเงินทีละเล็กทีละน้อย อาจจะเป็น 10 บาท และเพิ่มขึ้นทุกปีในสัดส่วนที่เท่าๆกัน คุณควรกำหนดวันจ่ายเงินค่าขนมแต่ละสัปดาห์ที่แน่นอนและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องว่าพวกเขาต้องใช้จ่ายเพื่ออะไรบ้าง และในโอกาสใดเขาจะได้รับเงินก้อนพิเศษหรือเงินล่วงหน้า การให้เงินค่าขนมเป็นรายสัปดาห์หรือรายเดือนจะช่วยให้เด็กรู้จักค่าของเงินและผลของการเก็บเงิน ส่วนอัตราที่เหมาะสมในการให้ค่าขนมนั้นไม่มีกฏตายตัว เดี๋ยวมานะค่ะ ไปทานข้าวต่อ ยังมีอีกเยอะค่ะ จากคุณ : femininity เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 18:45:53

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นด้วยอย่างมากเลยค่ะ จากคุณ : เกิดจากดินใช่ดาวลูกสาวชาวนา เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 07:52:17

ความคิดเห็นที่ 5 เห็นด้วยคะ ขอแจกกิ๊ฟ และโหวตให้คะ จากคุณ : น้องแอ๊ะ เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 09:58:29

ความคิดเห็นที่ 6 เอามาฝากจากหนังสือ "ทำอย่างไร โตขึ้นหนูจะรวย" สำนักพิมพ์ Think Good โดย แม่ขวัญข้าว 21 วันมหัศจรรย์ เปลี่ยนลูกเป็นคนใหม่ คนเรามักมีพฤติกรรมความเคยชิน หรือการกระทำซ้ำ ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ ติดตัวกันแทบทั้งนั้น ผู้ใหญ่บางคนไม่ชอบออกกำลังกาย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าการออกกำลังกายเป็นเรื่องดี นิสัยทางการเงินก็เช่นเดียวกัน เด็ก ๆ หลายคนอาจจะติดนิสัยชอบใช้เงินจนหมดระหว่างรอคุณพ่อคุณแม่ไปรับที่โรงเรียน และเมื่อมีใครไปถามว่า ทำไมต้องซื้อจนไม่เหลือเงินสักบาทก่อนกลับบ้าน หิวขนมหรือว่าอยากกินของอร่อย เด็กบางคนก็ตอบตรงไปตรงมาให้พวกผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ สะดุ้งในใจได้เสมอว่า "ไม่หิว แต่ซื้อเพราะเงินมันเหลือ เมื่อคุณพ่อคุณแม่เริ่มเปิดโลกการเงินให้ลูกหลาย ๆ เรื่อง เป็นสิ่งใหม่ที่พวกเขายังไม่เคยทำมาก่อน แน่นอนว่าอาจจะฟังดูยุ่งยากสำหรับเด็กที่จะต้องคิดก่อนจ่าย จดทุกครั้งที่ใช้เงิน ต้องวางแผนเก็บเงิน ต้องคำนวณเงินที่จะใช้สิ้นปี เด็กๆอาจจะยอมทำได้เพียงไม่กี่วัน แล้วก็กลับไปสู่วงจรเดิม เข้าตำรา "มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท ไปตลาดฟาดเรียบอย่าให้เหลือ" เหมือนเช่นที่เคยเป็นมา นักจิตวิทยาได้คิดค้นทฤษฎีชื่อว่า "ทฤษฎี 21 วัน" โดยทำการทดลองให้กลุ่มตัวยอย่างได้รับการกำหนดให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมติดต่อกันเป็นเวลา 21 วัน เช่น ต้องหันไปกินผักผลไม้เป็นส่วนหนึ่งของอาหารมื้อเที่ยง ดื่มน้ำสะอาด 1 ขวด หลังอาหารเที่ยง วิ่งออกกำลังกาย 15 นาที ก่อนอาหารเย็น เป็นต้น กลุ่มตัวอย่างนี้ ถูกคัดเลือกมาจากคนที่ไม่เคยทำพฤติกรรมดังกล่าวเลย ซึ่งระหว่างที่ทำการทดลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมติดต่อกันเป็นเวลา 21 วัน กลุ่มตัวอย่างต้องตอบคำถามเกี่ยวงกับความรู้สึกที่แสดงถึงความยาก-ง่าย ชอบ-ไม่ชอบ เบื่อ-ไม่เบื่อ รู้สึกแย่-ไม่รู้สึกแย่ โดยวัดผลจากคำตอบกันทุกวัน ผู้คิดทฤษฎีนี้ เปิดเผยภายหลังจากการทดลองรูปแบบเดียวกันนี้ซ้ำ ๆ หลายกรณีเช่น พฤติกรรมด้านสุขภาพ พฤติกรรมเรื่องการดูทีวี พฤติกรรมการเคารพกฎจราจร การไม่แซงคิว ผลจากการทดลองทั้งหมดสรุปได้ว่า เมื่อคนเรามีการปรับเปลี่ยน นิสัยติดต่อกันอย่างน้อย 21 วันขึ้นไป ก็มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนนิสัยให้เป็นไป ตามแบบที่ได้ทำมาติดต่อกันถึง 21 วัน ด้วยเช่นกัน สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่สู้รบปรบมือฝึกเจ้าตัวน้อยในบ้านให้มีอุปนิสัยทางการเงิน ที่ดีมาช้านาน แต่ยังไม่สำเร็จสักที อย่าเพิ่งอ่อนใจยอมท้อถอยไปเสียก่อน ลองนำทฤษฎีนี้ไปปรับใช้ดู เพราะระยะเวลาเพียงแค่ 21 วัน ถือว่าไม่นานนัก เริ่มต้นด้วยการจดอุปสรรคของคุณลูกเป็นข้อ ๆ แบบเป็นกลางจนครบ ไล่เรียงจากที่ซีเรียสมากไปหาซีเรียสน้อย แล้วหาวิธีลดนิสัยดังกล่าวลง เช่น ชอบซื้อของแพง ชอบซื้อของเกินความจำเป็น ชอบซื้อขนมถุงโตเพียงเพราะ อยากได้ของเล่นที่แถมมา ฯลฯ ลองหาทางตกลงกับพวกเขาให้งดเรื่องดังกล่าว ลงแค่ 3 สัปดาห์ หรือ 21 วัน ถ้าทำได้ตามกำหนด ก็อาจจะมีรางวัลล่อใจเล็กๆ น้อย ๆ ให้ สิ่งสำคัญที่จะฝากทิ้งท้ายถึงคุณพ่อคุณแม่ก็คือ อย่าลืมว่าทุก ๆ เรื่องที่ลูกทำ ควรมีที่มาจากแรงขับภายในของเขาเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด บางคนเรียก แรงขับจากภายในนี้ว่า "วิธีคิด" เพราะถ้าพ่อแม่สามารถทำให้ลูกเปลี่ยนวิธีคิด เกี่ยวกับเรื่องพฤติกรรมของตัวเขาจะตามมา โดยที่พ่อแม่แทบไม่ต้องออกแรงให้ เหนื่อยเลยด้วยซ้ำไป เพราะถ้าลูก ๆ ได้รับแต่แรงเสริมจากภายนอก แต่ตัวเขาไม่เคยเห็นคุณค่าของสิ่งที่ทำ ไม่เคยเห็นดีเห็นงามด้วยจากใจอย่างแท้จริง เขาก็จะทำได้ไม่นานและเกิดความอึดอัดขึ้น ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อทั้งพ่อแม่และตัว ลูกเอง จากคุณ : nokkycrazy เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 15:32:58