|
ความคิดเห็นที่ 10 |
สนใจจะสอนลูกให้พูดได้สองภาษาเหมือนกันค่ะ ไทย กับ อังกฤษ ขออนุญาตนำข้อมูลมาแลกเปลี่ยนนะคะ ได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ The Bilingual Edge: Why, When, and How to Teach Your Child a Second Language by Kendall King and Alison Mackey เค้าคุยเรื่อง ไขปัญหาความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกให้ได้สองภาษาไว้น่าสนใจ
มีสิบข้อ แปลสรุป ๆ ได้ดังนี้ค่ะ
ความเชื่อข้อที่ 1 "พ่อแม่ที่พูดได้สองภาษาเท่านั้นจะเลี้ยงและสอนลูกสองภาษา" ไม่จริงค่ะพ่อแม่คู่ใหน ๆ ก็เลี้ยงลูกให้พูดสองภาษาได้ แม้กระทั่งพ่อแม่ที่ชำนาญภาษาใดภาษาเดียว หรือไม่รู้ภาษาที่สองก็ตาม
ความ เชื่อข้อที่ 2 " ต้องเริ่มสอนสองภาษาตั้งแต่ลูกเริ่มพูด ไม่งั้นสายเกินไป" ไม่จริงอีกจ้า ก็จริงอยู่ที่ว่าการเรียนภาษาที่สองควรเริ่มตั้งแตหัดพูดหรือก่อนเป็นวัย รุ่นเพื่อเด็กจะได้เรียนภาษาและพูดภาษาที่สองได้อย่างชัดเจน เรียนตอนลูกค่อนข้างโตและสอนรู้เรื่องแล้วก็ยังทัน เด็กที่โตหรือผู้ใหญ่สามารถเรียนรู้ได้เร็วกว่าและมีสามารถเรียนไวยกรณ์ที่ ซับซ้อนได้ดีกว่าเด็กเล็ก ๆ แต่ก็อาจมีข้อด้อยเรื่องสำเนียง
ความ เชื่อข้อที่ 3 "ต้องเป็นเจ้าของภาษา หรือครูเท่านั้นที่จะสอนภาษาที่สองกับลูก" พ่อแม่ส่วนใหญ่มักกังวลว่าต้องเป็นตัวอย่างหรือสอนภาษาให้ถูกต้อง ความเป็นจริงเด็กจะเรียนรู้ภาษาเฉพาะที่ถูกปรับให้เข้ากับพัฒนาการของเค้า เองแม้ว่าประโยคที่ได้ฟังนั้นจะถูกต้องหรือเป็นประโยคที่สมบูรณ์หรือไม่ก็ ตาม สิ่งสำคัญที่ทำให้ลูกเรียนรู้ได้ดีที่สุดคือสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้และการส อน เช่นสอนลูกเรื่องอาหารบนโต๊ะกินข้าว การเค้าสอนอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนั้นการให้ลูกได้มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าของภาษาบ้างเป็นครั้งคราวก็เป็น อีกทางเลือกหนึ่งที่ดี แต่ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าของภาษาสอนเองก็ได้ (บางบ้านก็ไม่ใช่ลูกครึ่งเน๊อะ)
ความเชื่อข้อที่ 4 "เด็ก ๆ ในครอบครัวเดียวกันจะมีทักษะการพูดภาษาเท่า ๆ กัน" พี่น้องส่วนใหญ่จะคล้ายกัน แต่ทักษะและความสามารถในการพูดภาษาที่สองไม่จำเป็นต้องเท่ากัน การวิจัยพบว่าลูกคนแรกมักจะพูดภาษาที่สองได้ดีกว่าน้อง
ความเชื่อ ข้อที่ 5 "พ่อแม่ควรแก้คำผิด แก้ไวยกรณ์ ของลูกทันทีที่ได้ยิน ไม่งั้นลูกจะพูดผิด ๆ จนติดเป็นนิสัย" ไม่ควรทำอย่างยิ่งค่ะในความเป็นจริงเพราะจะทำให้ลูกขาดความมั่นใจ หรือกระทั้งไม่อยากพูดภาษาที่สองนั้นไปเลย ให้เน้นว่าส่ิงที่ลูกพูดนั้นสื่อสารเข้าใจได้เป็นลำดับแรก การแก้คำผิดหรือไวยกรณ์ต้องค่อยทำและรอเวลา โอกาสที่เหมาะสม ความมั่นใจความสนุกในการพูดเป็นหัวใจที่ทำให้เด็กพูดและเรียนภาษาที่สองได้ ดี อย่าทำลายมันนะคะ
ความ เชื่อข้อที่ 6 " การให้ลูกหัดเรียนสองภาษาแต่เด็กทำให้เด็กพูดช้า" ข้อนี้ได้ยินมาเยอะค่ะและเกือบเชื่อเองด้วย ผู้เขียนหนังสือค้นคว้างานวิจัยและพบว่า -ไม่มี- ผลงานวิจัยใดยืนยันว่าการที่เด็กได้ยินสองภาษา สาม หรือสี่ จะทำให้พูดได้ช้า เด็กแต่ละคนมีพัฒนาการต่างกัน พูดได้เร็วช้าต่างกันเป็นธรรมชาติเหมือนเดินได้เร็วช้าต่างกัน
ความ เชื่อข้อที่ 7 "การพูดผสมสองสามภาษาทำให้เด็กสับสน พ่อควรพูดภาษาหนึ่ง ส่วนแม่ควรพูดอีกภาษา แบ่งหน้าที่ชัดเจน" ไม่จำเป็นค่ะ ให้พ่อแม่สนใจคุณภาพและความถี่ในการพูดแต่ละภาษาดีกว่า ไม่ต้องแบ่งกันตลอดว่าพ่อพูดภาษาอังกฤษ แม่พูดภาษาไทย (แต่ถ้าเป็นลูกครึ่งก็คงแบ่งหน้าที่พูดภาษาของพ่อของแม่กันไปเองโดย อัตโนมัติ) เด็ก ๆ มีความสามารถในการแยกแยะรูปแบบของภาษา และการพูดปนกันสองภาษาเป็นเรื่องธรรมดาในตอนเริ่มต้นค่ะ
ความเชื่อ ข้อที่ 8 "โทรทัศน์ DVDs ของเล่น เป็นเครื่องมือการสอนที่ดี" จั่วมาอย่างนี้คงเดาได้นะคะว่าคนเขียนหนังสือจะบอกว่าไม่ใช่ สื่อการสอนพวกนี้ไม่สามารถทดแทน "คน" และ ปฎิสัมพันธ์จริง แทนที่จะเป็นการดูดีวีดี ให้พ่อแม่อ่านหนังสือที่มีสองภาษาให้ลูกฟังแทน เล่นเกมด้วยกันเป็นภาษาอังกฤษ สื่อการสอนควรใช้เป็นเพื่อเสริมการเรียนรู้โดยเฉพาะกับเด็กโต เด็กเล็ก ๆ เรียนได้ดีกว่ากับพ่อแม่
ความเชื่อข้อที่ 9 "การเรียนการสอนสองภาษาเหมาะสำหรับเด็กไทย หรือเด็กที่ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแรกเท่านั้น" อันนี้ไม่ค่อยตอบปัญหาพวกเรา เพราะคนไทยเราก็อยากส่งลูกเรียนโรงเรียนสองภาษาอยู่แล้ว ผู้เขียนเค้าแค่อยากบอกว่า ถ้าอยากให้ลูกได้ภาษาอื่นที่หลากหลายก็ส่งลูกเรียนร่วมกับเด็กต่างชาติก็ได้ (ในอเมริกา) ลูกฝรั่งก็จะได้เรียนภาษาที่สองโดยธรรมชาติจากเพื่อน
ความ เชื่อข้อที่ 10 "เด็กเล็ก ๆ ควรเรียนสองภาษาเท่านั้น" มากกว่าสองก็ได้ค่ะ (ถ้าสามารถสอนได้) เด็ก ๆ ในสิงคโปร์ สวิสเซอร์แลนด์ พูดมากกว่าสองภาษา ปัญหาอยู่ที่พ่อแม่มากกว่าค่ะว่าจะสามารถจัดการ สร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมให้ลูกได้มีโอกาสสื่อสารอย่างมีความหมายโดย ใช้หลายภาษาหรือไม่
จบแล้วจ้า แต่ละข้อยังถูกเอาไปแตกเป็นบท ๆ อ่านต่อแล้วเข้าใจมากขึ้นค่ะ ถ้าพุงไม่แตกไปซะก่อนอาทิตย์หน้าจะกลับมาเล่าต่อที่บล๊อกอีกค่ะ
จากคุณ |
:
แม่นิด (Pink Studio)
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ก.ค. 53 23:44:37
|
|
|
|
|