|
ความคิดเห็นที่ 52 |
นมแม่หลัง 6 เดือน
ยังให้นมลูกอยู่อีกเหรอค่ะ เป็นคำถามที่หลายๆ คนอาจเจอบ่อยพร้อมสีหน้าประหลาดใจจากผู้ถาม
เราโดนถามไม่เยอะเพราะคนรอบข้างส่วนใหญ่ค่อนข้างเข้าใจและเห็นคุณค่าของนมแม่ โดยเฉพาะหมอเด็กที่เราหาเป็นหมอที่ให้ความสำคัญกับนมแม่มาก แต่ก็มีบางคนที่ถามและพูดอะไรให้ต้องได้สะอึกกันบ้างแต่ก็พยายามไม่ใสใจ เราเองไม่รู้เรื่องสารอาหารเท่าไหร่หรอกว่ายังมีไหม ดียังไง
แต่ที่เป็นสาระสำคัญกับเราก็คือถ้าเรายังให้นมต่อไปเรื่อยๆ มันเป็นอาหารทางใจที่วิเศษที่สุด ช่วงที่ให้อาหารทางใจกับลูกก็เป็นช่วงที่ลูกนอนในตัก นอนข้างๆ เอามือมาจับ ลูบไล้ เล่นกับเรา ไม่มีอะไรจะวิเศษและมีความสุขเท่านี้อีกแล้วค่ะ
เรื่องสารอาหารเท่าที่พอทราบมันก็คงลดลงและไม่พอกับความต้องการของร่างกายลูกแต่ไม่ได้หมายความว่ามันหมดคุณค่าแล้ว ก็ยังเหมาะที่จะให้ควบคู่กับอาหารได้ เคยอ่านและเก็บข้อมูลที่คุณ arnjojo เคยมา post ไว้ในหัวข้อกระทู้ นมแม่หลัง 1 ขวบแล้วไม่มีประโยชน์จริงหรือ ความอึดอัดที่อยากจะระบาย (ต้องขออภัยจริงๆ ตอนนั้น copy มาแต่ text ไม่ได้ save link ไว้น่ะค่ะ)
สารอาหารในนมแม่
จากงาน วิจัยต่างๆ พบว่าหลังจากหนึ่งปีไปแล้ว (12-23 เดือน) ในน้ำนมแม่ปริมาณ 15 ออนซ์ ให้สารอาหารกับทารกในสัดส่วนดังนี้
29% ของ พลังงาน ที่ทารกต้องการต่อวัน 43% ของ โปรตีน ที่ทารกต้องการต่อวัน 36% ของ แคลเซียม ที่ทารกต้องการต่อวัน 75% ของ vitamin A ที่ทารกต้องการต่อวัน 76% ของ โฟเลต ที่ทารกต้องการต่อวัน 94% ของ vitamin B12 ที่ทารกต้องการต่อวัน 60% ของ vitamin C ที่ทารกต้องการต่อวัน
ตารางสารอาหารในนมแม่เปรียบเทียบตามระยะเวลา ที่มา http://tropej.oxfordjournals.org/cgi/pdf_extract/25/4/107
เรื่องของภูมิคุ้มกันบ้าง
- ในนมแม่ปริมาณ 1 ช้อนชา มีเซลส์ที่ฆ่าเชื้อโรคถึง 3,000,000 เซลส์ ดังนั้นแม้ลูกจะได้กินนมแม่แค่วันละ 1 ช้อนชา ก็ยังมีคุณค่าอยู่ดี
- เด็กที่หย่านมแม่ก่อนสองปี มีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยเพิ่มขึ้น
- เด็กที่ยังกินนมแม่อยู่ในวัย 16-30 เดือน มีการเจ็บป่วยน้อยกว่า และระยะเวลาที่เจ็บป่วยนั้นน้อยกว่าเด็กที่ไม่ได้กินนมแม่
- มีภูมิคุ้มกันจำนวนมหาศาลในนมแม่ ตลอดระยะเวลาที่แม่ยังให้นมอยู่ ภูมิคุ้มกันบางชนิดในนมแม่ กลับเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำในปีที่สอง หรือในช่วงของการหย่านม
- องค์การอนามัยโลกกล่าวว่า "อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่เพิ่มขึ้น สามารถช่วยป้องกันการเสียชีวิตของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบได้ถึง 10% การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง และบางครั้งก็ได้รับการยอมรับน้อยเกินไปในแง่ของการรักษาและป้องกันการเจ็บป่วยของเด็ก"
http://www.breastfeedingthai.com/webmotherรำพัน/นมแม่หลังหกเดือน.html
มีบทความน่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนมแม่ที่เขียนโดยคุณหมอสุธีราด้วยค่ะ
ในร่างกายคนนั้น พบว่าต้องรอจนอายุ 6-7 ปี ระบบหลายอย่างของร่างกายจึงจะพัฒนาได้เต็มที่ จึงเป็นเหตุผลว่าเด็กควรได้รับนมแม่ไปจนถึงช่วงเวลาดังกล่าว
1) เด็กจะมีระดับภูมิต้านทาน ซึ่งช่วยในการป้องกันโรคติดเชื้ออยู่ในระดับใกล้เคียงผู้ใหญ่เมื่อเด็กอายุ 6 ปี ส่วนระดับภูมิต้านทานในเด็กอายุก่อน 6 ปี พบว่ายังมีระดับต่ำอยู่ จึงทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย ต้องอาศัยสารสำคัญที่หลั่งจากเม็ดเลือดขาวที่มีอยู่ในนมแม่เป็นตัวช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิต้านทาน ทำให้เด็กที่กินนมแม่มีร่างกายที่แข็งแรงไม่เจ็บป่วยบ่อยเมื่อเจอกับเชื้อโรค
2) จากการศึกษาพบว่าน้ำหนักสมองของเด็กจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนอายุ 6-7 ปีและการสร้างปลอกหุ้มเส้นใยประสาทจะสำเร็จสมบูรณ์ที่อายุ 7 ปี (ไม่ใช่แค่เพียงอายุ 2 ปีแรก) หากในช่วงเวลานี้สมองได้รับสารสำคัญคือ กรดไขมันไม่อิ่มตัว PUFA (ที่รู้จักกันดีคือ DHA และ ARA) จะทำให้เด็กมีสมองและจอประสาทตาที่ดีที่สุด ซึ่งสารดังกล่าวพบได้ในนมแม่ไม่ใช่นมวัว (ส่วนที่มีการเติม DHA, ARA ในนมผงนั้น ยังไม่ได้รับการยืนยันว่ามีประโยชน์จริง) ดังนั้นเด็กจึงควรกินนมแม่เพื่อให้ได้รับสารเหล่านี้เต็มที่
3) นักจิตวิทยาด้านพัฒนาการเด็กพบว่า กระบวนการทางความคิดของเด็กจะเปลี่ยนแปลงอย่างมากจากเด็กเล็กที่มีความคิดที่ไม่ซับซ้อนเป็นลักษณะที่มีคุณภาพมากขึ้นแบบเด็กโตเมื่ออายุ 7 ปี หากเด็กยังคงได้กินนมแม่ในช่วงเวลานี้ จะช่วยสร้างความสัมพันธ์แน่นแฟ้นระหว่างแม่ลูกและเป็นพื้นฐานความรักความอบอุ่นที่สำคัญของครอบครัว จากการวิจัยพบว่าผู้ที่ทราบว่าตัวเองได้กินนมแม่ ไม่ว่าจะเป็นจากคำบอกเล่าของแม่หรือจากความทรงจำของเด็กเอง จะมีความรู้สึกที่ดีกับแม่และรู้สึกขอบคุณแม่
4) การปรากฏของฟันแท้ซี่แรก เป็นสัญญานที่บอกว่า พร้อมแล้วสำหรับการพึ่งพาตัวเอง การหาอาหารเองในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด อันที่จริงคนสมัยก่อนเรียกชื่อฟันชุดแรกว่าฟันน้ำนม ก็เป็นการบอกเป็นนัยแล้วว่า ควรกินนมแม่จนกว่าฟันแท้จะมานั่นเอง
จากเหตุผลดังกล่าวทั้ง 4 ประการ ทำให้สรุปได้ว่า ช่วงเวลา 6-7 ปีแรกของคน เป็นช่วงที่เด็กควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแม่ รวมถึงการได้รับนมแม่ เพื่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่เหมาะสม
เขียนโดย พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ
:)
จากคุณ |
:
จ้าว..จอม
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ส.ค. 53 10:47:56
|
|
|
|
|